ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=36829
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  somamomiji1234 [ 18 ก.พ. 2011, 07:58 ]
หัวข้อกระทู้:  ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋

ตอนนี้ผมกำลังปฏิบัติแนวสติปฐาน 4 อยู่อะ แล้วเกิดอุปสรรคและข้อสงสัยในการปฎิบัติขึ้นอะขอเชิญผู้รู้มาช่วยตอบทีนะครับ
1.ตอนเดินจงกรมแล้วจิตไปคิดเรื่องอื่น เราต้องหยุดเดินเพื่อกำหนดจิตและดูจิตจนว่าสิ่งที่คิดว่าจะหายไปแล้วค่อยเดินต่อหรือป่าวครับ
2.พอนั่งสมาธิไปนานๆแล้วมันรู้สึก ปวดขา ปวดหลังมากๆ ทำให้รู้สึกอยากลืมตามากๆ เพื่อที่จะได้หนีมันพ้นให้ เพราะว่ามันทุกเหลือเกิน (แล้วผมก็ลืมตา)
3.ดูจิตตอนนั่งสมาธิใช่แบบนี้หรือปล่าว ตัวอย่าง ผมนั่งสมาธิอยู่แล้วจิตก็คิดเรื่อง อยากไปเที่ยวสวนสนุก คงจะสนุก+ตื่นเต้นดี
ผมก็พูดกับตัวเองในใจด้วยว่า อยากไปเที่ยวสวนสนุก คงจะสนุก+ตื่นเต้นดี



ขอขอบพระคูณผู้ที่มาให้คำตอบแก่ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่อย่างผมทุกคนๆนะครับบบบ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 ก.พ. 2011, 09:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋

จขกท. จะรีบไปไหนครับ ถึงได้เร่งด่วนขนาดนั้น :b12: :b16:

http://fws.cc/whatisnippana/index.php

เจ้าของ:  koi [ 18 ก.พ. 2011, 09:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋

somamomiji1234 เขียน:
ตอนนี้ผมกำลังปฏิบัติแนวสติปฐาน 4 อยู่อะ แล้วเกิดอุปสรรคและข้อสงสัยในการปฎิบัติขึ้นอะขอเชิญผู้รู้มาช่วยตอบทีนะครับ
1.ตอนเดินจงกรมแล้วจิตไปคิดเรื่องอื่น เราต้องหยุดเดินเพื่อกำหนดจิตและดูจิตจนว่าสิ่งที่คิดว่าจะหายไปแล้วค่อยเดินต่อหรือป่าวครับ

ไม่จำเป็นต้องหยุดเดินค่ะ ต้องหยุดคิด หรือพยายามเพ่งจิตไปเรื่องที่คิด แล้วมันก็จะหายไปค่ะ มันคือมารที่ทำให้คุณไปไม่ถึงไหน ไม่ต้องไปสนใจมันค่ะ พยายามเพ่งจิตไปที่มัน แล้วก็จะหายไปเองค่ะ

2.พอนั่งสมาธิไปนานๆแล้วมันรู้สึก ปวดขา ปวดหลังมากๆ ทำให้รู้สึกอยากลืมตามากๆ เพื่อที่จะได้หนีมันพ้นให้ เพราะว่ามันทุกเหลือเกิน (แล้วผมก็ลืมตา)

พยายามเพ่งจิตไปที่มันเหมือนกันกับข้อ 1 ค่ะ หรือนึกว่าปวดหนอ เจ็บหนอ ไปเรื่อยๆ แล้วก็จะดีขึ้นเองค่ะดิฉันลองมาหมดแล้ว ได้ผลค่ะ

3.ดูจิตตอนนั่งสมาธิใช่แบบนี้หรือปล่าว ตัวอย่าง ผมนั่งสมาธิอยู่แล้วจิตก็คิดเรื่อง อยากไปเที่ยวสวนสนุก คงจะสนุก+ตื่นเต้นดี
ผมก็พูดกับตัวเองในใจด้วยว่า อยากไปเที่ยวสวนสนุก คงจะสนุก+ตื่นเต้นดี

เช่นเดียวกันกับข้อ 1-2 ค่ะ ไม่ต้องไปสนใจมัน มันเป็นมารอุปสรรค อุปทาน ทำให้คุณลุ่มหลง ต้องพยายามนะค่ะ สักวันจะผ่านไปได้เอง พอผ่านขั้นนี้ไปคุณก็อย่าไปยึดติดขั้นต่อไป จงพยายามอย่าสนใจมันอีก เพ่งจิตไปเรื่อยๆค่ะ ยังไงก็อนุโมทนาด้วยนะค่ะ สู้ๆค่ะ อุปสรรคคือสิ่งที่เราต้องฝ่าฟันค่ะ เป็นกำลังใจให้คนที่ปฏิบัติค่ะ


ขอขอบพระคูณผู้ที่มาให้คำตอบแก่ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่อย่างผมทุกคนๆนะครับบบบ

เจ้าของ:  จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ [ 18 ก.พ. 2011, 20:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋

somamomiji1234 เขียน:
ตอนนี้ผมกำลังปฏิบัติแนวสติปฐาน 4 อยู่อะ แล้วเกิดอุปสรรคและข้อสงสัยในการปฎิบัติขึ้นอะขอเชิญผู้รู้มาช่วยตอบทีนะครับ
1.ตอนเดินจงกรมแล้วจิตไปคิดเรื่องอื่น เราต้องหยุดเดินเพื่อกำหนดจิตและดูจิตจนว่าสิ่งที่คิดว่าจะหายไปแล้วค่อยเดินต่อหรือป่าวครับ
2.พอนั่งสมาธิไปนานๆแล้วมันรู้สึก ปวดขา ปวดหลังมากๆ ทำให้รู้สึกอยากลืมตามากๆ เพื่อที่จะได้หนีมันพ้นให้ เพราะว่ามันทุกเหลือเกิน (แล้วผมก็ลืมตา)
3.ดูจิตตอนนั่งสมาธิใช่แบบนี้หรือปล่าว ตัวอย่าง ผมนั่งสมาธิอยู่แล้วจิตก็คิดเรื่อง อยากไปเที่ยวสวนสนุก คงจะสนุก+ตื่นเต้นดี
ผมก็พูดกับตัวเองในใจด้วยว่า อยากไปเที่ยวสวนสนุก คงจะสนุก+ตื่นเต้นดี



ขอขอบพระคูณผู้ที่มาให้คำตอบแก่ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่อย่างผมทุกคนๆนะครับบบบ


๑.ไม่ต้องหยุดเดินขอรับ เพราะคุณกำลังเดินจงกรม ก็เดินไป ควบคุมจิตใจ ไม่ให้ฟุ้งซ่าน ถ้ามันฟุ้งซ่าน ก็ต้องดึงกลับ ควบคุมไว้ให้ได้ขอรับ
๒.ก่อนจะนั่งสมาธิ ก็ต้องจัดที่นั่ง,ท่านั่งให้เหมาะสม ,พอดี,สบายๆ อย่าให้มันปวด มันเมื่อย ถ้ามันเกิดปวดเกิดเมื่อย ก็ขยับ หรือออกจากการนั่งสมาธิ ไปเดินจงกรม คลายเส้น คลายกล้ามเนื้อ, ถ้าเป็นตอนกลางคืน ก็นอนก็ได้ หลับไปเลยก้ได้ ไม่ใข่เรื่องที่จะต้องผูกติดกับมันขอรับ
๓. นั่งสมาธิ ไม่ใช่การดูจิต แต่เป็นการฝึกจิตมิให้คิด ควบคุมสมองจิตใจไม่ให้คิดเพ้อเจ้อ คือไม่ให้คิดอะไรเลย ถ้าเกิดคิด นั่นคือ วิตก วิจาร ก็ต้องควบคุมไว้ไม่ให้ วิตก,วิจาร ถ้าคิดแบบคุณ คือเกิด วิตก วิจาร แล้วเกิดสุข เกิดสนุก ก็เข้าตำรา คือ คิดก่อนเพราะควบคุมไม่ได้ พอคิดจบ ก็เกิด ปีติ สุข และ เกิด อุเบกขา และเกิด เอกัคคัตตา ชั่วขณะเมื่อหยุดคิด ตามมา
จะเรียกรวมว่า "ฌาน ๔" ก็ย่อมถูกต้องขอรับ

เจ้าของ:  somamomiji1234 [ 19 ก.พ. 2011, 14:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋

ขอบคุณครับบสำหรับความคิดเห็นที่ดีและมีค่าของทุกๆท่าน

เจ้าของ:  อนัตตาธรรม [ 03 เม.ย. 2011, 22:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋

[quote="somamomiji1234"]ตอนนี้ผมกำลังปฏิบัติแนวสติปฐาน 4 อยู่อะ แล้วเกิดอุปสรรคและข้อสงสัยในการปฎิบัติขึ้นอะขอเชิญผู้รู้มาช่วยตอบทีนะครับ
1.ตอนเดินจงกรมแล้วจิตไปคิดเรื่องอื่น เราต้องหยุดเดินเพื่อกำหนดจิตและดูจิตจนว่าสิ่งที่คิดว่าจะหายไปแล้วค่อยเดินต่อหรือป่าวครับ
2.พอนั่งสมาธิไปนานๆแล้วมันรู้สึก ปวดขา ปวดหลังมากๆ ทำให้รู้สึกอยากลืมตามากๆ เพื่อที่จะได้หนีมันพ้นให้ เพราะว่ามันทุกเหลือเกิน (แล้วผมก็ลืมตา)
3.ดูจิตตอนนั่งสมาธิใช่แบบนี้หรือปล่าว ตัวอย่าง ผมนั่งสมาธิอยู่แล้วจิตก็คิดเรื่อง อยากไปเที่ยวสวนสนุก คงจะสนุก+ตื่นเต้นดี
ผมก็พูดกับตัวเองในใจด้วยว่า อยากไปเที่ยวสวนสนุก คงจะสนุก+ตื่นเต้นดี

1.ถ้าเดินจงกรมเพื่อฝึกสติ สมาธิ คุณต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งแล้วกลับมาสนใจความรู้สึกที่เท้าสัมผัสพื้น พ้นพื้น ให้สติทันปัจจุบันของความรู้สึกที่เท้าสัมผัสพื้น หรือพ้นพื้น หรือทั้ง 2
ถ้าเดินจงกรมเพื่อเจริญวิปัสสนาภาวนา คุณก็หยุดเดิน ยืนให้มั่น สังเกต พิจารณาความคิดนั้น และลูกหลานของความคิดนั้น จนกว่ามันจะดับไป

2.นั่งแล้วเจอเจ็บปวด นั่นแหละของดีวิเศษสำหรับนักวิปัสสนาภาวนา เพราะ เจ็บ ปวด คือทุกข์สัจจะ อริยสัจข้อที่ 1
ทุกข์ พึงกำหนดรู้
คุณจงกำหนดรู้ทุกข์นั้นไป (สัมมาทิฐิ) แล้วให้มีปัญญา สังเกต พิจารณาทุกข์(สัมมาสังกัปปะ) นั้นด้วย ไม่ช้าคุณจะเห็น สมุทัย คือเหตุทุกข์

ถ้าคุณสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ขา กับหลัง ไม่ได้เดือดร้อนเพราะความปวด ผู้ที่เดือดร้อนคือใคร หรืออะไร สืบค้นเข้าไปให้ถึงที่สุดด้วยคำถามง่ายๆที่เป็นบัญญัติก่อน แล้วค่อยใช้สติและตาปัญญาสังเกตดูจนเห็นเหตุทุกข์นั้นโดยปรมัตถ์ คือของจริง ผู้รับความทุกข์เจ็บปวดนั้นจริงๆ ใครปวด อาจตอบว่า ใจปวด ถามต่อว่าใจของใครกำลังปวด แล้วคุณก็จะเจอสมุทัยตัวแท้จริง

สมุทัย เหตุทุกข์ ควรละ แล้วนิโรธจะเกิดขึ้นมาเอง ถ้าคุณเอาชนะสมุทัยได้

กระบวนการที่สติ ปัญญา อันมี สมาธิ วิริยะ ตบะ ขันติ หนุนอยู่ ให้เฝ้าดู เฝ้าสังเกต พิจารณาสภาวะทุกข์อันเกิดที่กาย (รูป) แล้วไปกระทบรู้ที่จิต (นาม) จนเห็นสมุทัยชัด จนเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของสมุทัย ชัด แล้วเกิดความเบื่อหน่าย คลายจาง ละวาง สมุทัยนั้นเสียได้ กระบวนการนี้เรียกว่า "วิปัสสนาภาวนา" หรือ "การเจริญมรรค 8" ครับ
3.การดูจิต หรือดูนามธรรม ก็เฝ้าดู เฝ้ารู้เฝ้าสังเกต พิจารณาที่ความรู้สึก นึกคิดทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับจิต จิตคิด ก็ให้รู้ว่าจิตกำลังทำหน้าที่คิด คิดเรื่องอะไรไม่ต้องไปสนใจมัน ให้รู้ว่าจิตกำลังทำหน้าที่คิด ก็พอ จะคิดไปกี่เรื่องก็เรื่องของจิต เรามีหน้าที่เพียงแต่รู้และคอยสังกตไว้ให้ดี ไม่ช้าความคิดนั้นก็จะดับลงด้วยอำนาจแห่งกฏของ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

เฝ้าดู เฝ้าสังเกต จนปัจจุบันอารมณ์ทั้งหลายเขาดับไปต่อหน้าต่อตา นั่นคือกระบวนการลบอุปาทานให้หมดไปจากจิตใจ

พึงลงมือปฏิบัติจริงเสียแต่เดี๋ยวนี้ แล้วท่านจะได้หมดสงสัย ใจเป็นสุข


ไฟล์แนป:
GEDC1772_resize.JPG
GEDC1772_resize.JPG [ 69.79 KiB | เปิดดู 5085 ครั้ง ]

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 04 เม.ย. 2011, 12:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋

อ้างคำพูด:
ตอนนี้ผมกำลังปฏิบัติแนวสติปฐาน 4

ทำไมไปติวตาม โรงเรียนสอนกรรมฐาน ฉบับภาวนาสติปัฏฐานละครับ...
จะได้ไม่ต้องนั่งคิดเอง เออเอง จะถูกก้ไม่ใช่ จะผิดก็ไม่รู้ ทำถูกทำผิดเลยไม่ได้
อะไรติดตัวไปเลย ถ้าได้ก้ได้แบบกระพร่องกระแพร่ง ไม่เต็มหน่วยกิต :b41:


:b40: สุภาษิตโบราณว่าไว้ "อยากเรียนรู้ถามหญิงคันหูก อยากทำถูกถามเด็กเลี้ยงควาย" :b40:

เจ้าของ:  toichi [ 19 มี.ค. 2012, 21:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญหาการปฏิบัติ ด่วนจี๋

:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/