ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เรื่องฌาณ4 http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=34452 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สัณห์ [ 12 ก.ย. 2010, 15:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | เรื่องฌาณ4 |
ฌาณสี่ คือ อะไร ช่วยแจงไห้เข้าใจด้วย แล้วอาการของฌาณ 4 อาการเปนอย่างไร |
เจ้าของ: | ไร้นาม [ 13 ก.ย. 2010, 22:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรื่องฌาณ4 |
สัณห์ เขียน: ฌาณสี่ คือ อะไร ช่วยแจงไห้เข้าใจด้วย แล้วอาการของฌาณ 4 อาการเปนอย่างไร ![]() เอกัคตานี่แปลว่ามีอารมณ์เป็นอันเดียวมีอารมณ์เป็นหนึ่งครับ เมื่อมันตัดสุขออกไปได้ไม่สัมผัสการกระทบกระทั่งจิตไม่รับการสัมผัส เสียงจะมาจากภายนอกดังเท่าไร หูจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก และการสัมผัสจากลมแรงเหลือบยุงจะเข้ามาเกาะตัวก็ดี ไม่มีความรู้สึกแต่ว่าอาการทางจิตไม่ใช่หลับมีความรู้สึก มีสติสัมปชัญญะทรงตัวเป็นคนมีสติสัมปชัญญะดีมาก มีความสว่างไสวในจิต ไม่ใช่นั่งหลับ จิตจะทรงตัวสมาธิดี สติสัมปชัญญะสมบูรณ์นี้เป็นการฝึกอารมณ์จิตของเราให้มีการทรงตัว เพื่อเตรียมรับสภานการณ์ที่จะ เจริญวิปัสสนาญาณครับ จิตของฌาน 4 มีเอกัคตากับอุเบกขาเป็นปกติ จิตดวงนี้ ต้องให้มันทรงอยู่ตลอดเวลาถ้ามันทรงตัวอยู่ตลอดเวลาแล้วเรื่องของทิพจักขุญาณมันทำได้ง่ายถ้าทำใจสบาย จิตเข้าถึงฌาน 4 หรือฌาน 1ฌาน 2 ฌาน 3 ก็ตาม เวลาที่จิตสงัด ปัญญามันจะเกิดเอง มันจะบอกชัด มันจะมีความเบื่อหน่ายในร่างกายขึ้นมาเอง มีความรู้สึกว่าร่างกายนี่มันไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีการทรงตัว เพราะอะไร เพราะเมื่อมีเกิด แล้วก็มีความป่วย ความตาย ในขณะที่ทรงกายอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ เราจะบริหารร่างกายสักเพียงใดก็ตามที ร่างกายก็เต็มไปด้วยความทรุดโทรมอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย ในขันธ์ 5 คือร่างกายเสีย นี่ตัวปัญญามันจะเห็น ปัญญามันจะสอนต่อไปว่า ถ้าหากว่าเราไม่ ต้องการเกิดต่อไปแล้ว ก็ตัดรากเหง้าของกิเลสทั้ง 3 อย่างทิ้งเสียให้หมด คือตัด อำนาจของความโลภด้วยการให้ทาน ตัดรากเหง้าของความโกรธ ด้วยการเจริญเมตตาบารมี และตัดรากเหง้าของความหลงด้วยการพิจารณาหาความจริงของร่างกายคือขันธ์5 ปัญญามันจะเห็นชัดว่า ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ 4 ไม่มีการทรงตัว มีการเปลี่ยนแปลง ภายในเต็มไปด้วยความสกปรก นี่มันจะบอกชัด ปัญญามันดีกว่านี้มาก ถ้ามันได้ถึงจริงน่ะครับ ๆ คำว่าเอกัคตารมณ์ ก็คืออารมณ์เป็นหนึ่ง อารมณ์เป็นหนึ่งในที่นี้เรานิยมเรียกว่าฌาน หรือรู้อยู่กับเดียว อารมณ์มันจะทรงตัวครับแต่ถ้าอารมณ์เป็นหนึ่งดิ่งอย่างนี้จะทำอย่างไรต่อไป ก็จะบอกว่าเวลานั้นไม่ใช่เวลาที่จะทำอย่างอื่นครับ ถ้าจิตเป็นฌานมีอารมณ์ทรงตัวเป็นเอกัคตารมณ์ อารมณ์เป็นหนึ่ง อย่างนั้นต้องปล่อยไปตามนั้นครับเพราะอะไรจึงปล่อยก็เพราะเราต้องการให้อารมณ์ว่างจากกิเลส เวลานั้นถ้าจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งในลมหายใจเข้าออกก็ดี ในคำภาวนาก็ดี ในนิมิตก็ดี ถ้าจิตจับเฉพาะอย่างนั้น กิเลสจะเข้ากวนใจไม่ได้ มันจึงเป็นหนึ่ง มีอารมณ์ดิ่งก็ควรจะพอใจว่าเวลานี้จิตเราว่างจากกิเลส เราต้องการจุดนี้ครับ ขณะใดที่เรารู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก รู้คำภาวนาว่า พุทโธ ขณะนั้นเชื่อว่าจิตของเราเป็นสมาธิตามความต้องการ ถ้าหากว่าภาวนาไป ๆ ใจมันเกิดความสบาย คำภาวนาหยุดไปเฉย ๆ เป็นความสุขที่ยิ่งกว่า อย่างนี้ก็จงอย่าตกใจ อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่ 2 ซึ่งเป็นอารมณ์ดีขึ้น หากว่าทำไปความชุ่มชื่นหายไป มีอาการเครียด ลมหายใจเบาลง หูได้ยินเสียงภายนอกเบามากจิตใจทรงตัวแนบสนิทอย่างนี้ เป็นอาการของฌานที่ 3 ถ้าบังเอิญภาวนาไปกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ปรากฎว่า ไม่รู้ว่าลมหายใจเข้าออกมีหรือเปล่า มันมีอาการเฉย ๆ มีอาการจิตใจสบาย ๆ อยางนี้เป็นอาการของฌานที่ 4 จัดว่าเป็นอารมณ์ฌานที่มีความสำคัญที่สุดของพุทธศาสนาครับ รู้มาเท่าที่เคยลองปฎิบัติมาหากท่านใดที่มีความกระจ่าง ก็ขอชี้แนะด้วยนะครับ เจริญในธรรม สาธุ ![]() |
เจ้าของ: | สัณห์ [ 14 ก.ย. 2010, 20:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรื่องฌาณ4 |
ไร้นาม เขียน: สัณห์ เขียน: ฌาณสี่ คือ อะไร ช่วยแจงไห้เข้าใจด้วย แล้วอาการของฌาณ 4 อาการเปนอย่างไร ![]() เอกัคตานี่แปลว่ามีอารมณ์เป็นอันเดียวมีอารมณ์เป็นหนึ่งครับ เมื่อมันตัดสุขออกไปได้ไม่สัมผัสการกระทบกระทั่งจิตไม่รับการสัมผัส เสียงจะมาจากภายนอกดังเท่าไร หูจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก และการสัมผัสจากลมแรงเหลือบยุงจะเข้ามาเกาะตัวก็ดี ไม่มีความรู้สึกแต่ว่าอาการทางจิตไม่ใช่หลับมีความรู้สึก มีสติสัมปชัญญะทรงตัวเป็นคนมีสติสัมปชัญญะดีมาก มีความสว่างไสวในจิต ไม่ใช่นั่งหลับ จิตจะทรงตัวสมาธิดี สติสัมปชัญญะสมบูรณ์นี้เป็นการฝึกอารมณ์จิตของเราให้มีการทรงตัว เพื่อเตรียมรับสภานการณ์ที่จะ เจริญวิปัสสนาญาณครับ จิตของฌาน 4 มีเอกัคตากับอุเบกขาเป็นปกติ จิตดวงนี้ ต้องให้มันทรงอยู่ตลอดเวลาถ้ามันทรงตัวอยู่ตลอดเวลาแล้วเรื่องของทิพจักขุญาณมันทำได้ง่ายถ้าทำใจสบาย จิตเข้าถึงฌาน 4 หรือฌาน 1ฌาน 2 ฌาน 3 ก็ตาม เวลาที่จิตสงัด ปัญญามันจะเกิดเอง มันจะบอกชัด มันจะมีความเบื่อหน่ายในร่างกายขึ้นมาเอง มีความรู้สึกว่าร่างกายนี่มันไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีการทรงตัว เพราะอะไร เพราะเมื่อมีเกิด แล้วก็มีความป่วย ความตาย ในขณะที่ทรงกายอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ เราจะบริหารร่างกายสักเพียงใดก็ตามที ร่างกายก็เต็มไปด้วยความทรุดโทรมอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย ในขันธ์ 5 คือร่างกายเสีย นี่ตัวปัญญามันจะเห็น ปัญญามันจะสอนต่อไปว่า ถ้าหากว่าเราไม่ ต้องการเกิดต่อไปแล้ว ก็ตัดรากเหง้าของกิเลสทั้ง 3 อย่างทิ้งเสียให้หมด คือตัด อำนาจของความโลภด้วยการให้ทาน ตัดรากเหง้าของความโกรธ ด้วยการเจริญเมตตาบารมี และตัดรากเหง้าของความหลงด้วยการพิจารณาหาความจริงของร่างกายคือขันธ์5 ปัญญามันจะเห็นชัดว่า ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ 4 ไม่มีการทรงตัว มีการเปลี่ยนแปลง ภายในเต็มไปด้วยความสกปรก นี่มันจะบอกชัด ปัญญามันดีกว่านี้มาก ถ้ามันได้ถึงจริงน่ะครับ ๆ คำว่าเอกัคตารมณ์ ก็คืออารมณ์เป็นหนึ่ง อารมณ์เป็นหนึ่งในที่นี้เรานิยมเรียกว่าฌาน หรือรู้อยู่กับเดียว อารมณ์มันจะทรงตัวครับแต่ถ้าอารมณ์เป็นหนึ่งดิ่งอย่างนี้จะทำอย่างไรต่อไป ก็จะบอกว่าเวลานั้นไม่ใช่เวลาที่จะทำอย่างอื่นครับ ถ้าจิตเป็นฌานมีอารมณ์ทรงตัวเป็นเอกัคตารมณ์ อารมณ์เป็นหนึ่ง อย่างนั้นต้องปล่อยไปตามนั้นครับเพราะอะไรจึงปล่อยก็เพราะเราต้องการให้อารมณ์ว่างจากกิเลส เวลานั้นถ้าจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งในลมหายใจเข้าออกก็ดี ในคำภาวนาก็ดี ในนิมิตก็ดี ถ้าจิตจับเฉพาะอย่างนั้น กิเลสจะเข้ากวนใจไม่ได้ มันจึงเป็นหนึ่ง มีอารมณ์ดิ่งก็ควรจะพอใจว่าเวลานี้จิตเราว่างจากกิเลส เราต้องการจุดนี้ครับ ขณะใดที่เรารู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก รู้คำภาวนาว่า พุทโธ ขณะนั้นเชื่อว่าจิตของเราเป็นสมาธิตามความต้องการ ถ้าหากว่าภาวนาไป ๆ ใจมันเกิดความสบาย คำภาวนาหยุดไปเฉย ๆ เป็นความสุขที่ยิ่งกว่า อย่างนี้ก็จงอย่าตกใจ อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่ 2 ซึ่งเป็นอารมณ์ดีขึ้น หากว่าทำไปความชุ่มชื่นหายไป มีอาการเครียด ลมหายใจเบาลง หูได้ยินเสียงภายนอกเบามากจิตใจทรงตัวแนบสนิทอย่างนี้ เป็นอาการของฌานที่ 3 ถ้าบังเอิญภาวนาไปกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ปรากฎว่า ไม่รู้ว่าลมหายใจเข้าออกมีหรือเปล่า มันมีอาการเฉย ๆ มีอาการจิตใจสบาย ๆ อยางนี้เป็นอาการของฌานที่ 4 จัดว่าเป็นอารมณ์ฌานที่มีความสำคัญที่สุดของพุทธศาสนาครับ รู้มาเท่าที่เคยลองปฎิบัติมาหากท่านใดที่มีความกระจ่าง ก็ขอชี้แนะด้วยนะครับ เจริญในธรรม สาธุ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 ก.ย. 2010, 20:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรื่องฌาณ4 |
ไร้นาม เขียน: อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่ 2 ซึ่งเป็นอารมณ์ดีขึ้น หากว่าทำไปความชุ่มชื่นหายไป มีอาการเครียด ลมหายใจเบาลง หูได้ยินเสียงภายนอกเบามากจิตใจทรงตัวแนบสนิทอย่างนี้ เป็นอาการของฌานที่ 3 ![]() พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ.. ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ไร้นาม [ 15 ก.ย. 2010, 00:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรื่องฌาณ4 |
กบนอกกะลา เขียน: ไร้นาม เขียน: อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่ 2 ซึ่งเป็นอารมณ์ดีขึ้น หากว่าทำไปความชุ่มชื่นหายไป มีอาการเครียด ลมหายใจเบาลง หูได้ยินเสียงภายนอกเบามากจิตใจทรงตัวแนบสนิทอย่างนี้ เป็นอาการของฌานที่ 3 ![]() พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ.. ![]() ![]() ![]() ![]() อาการของณาญ4 เป็นอย่างไรบ้างของคุณกบนอกกะลา สาธุครับ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 16 ก.ย. 2010, 00:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรื่องฌาณ4 |
วันหน้า..จะมาตอบให้นะครับ..วันนี้ง่วงเสียแล้ว ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |