ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เป็นไปได้หรือคะ... http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=32652 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | nadoopore [ 18 มิ.ย. 2010, 03:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | เป็นไปได้หรือคะ... |
รบกวนท่านผู้รู้ตอบข้อสงสัย ดิฉันเคยฝึกปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อจรัญ ขณะฝึกไม่ได้เกิดข้อสงสัยใดๆไม่ทราบว่าจะต้องสอบอารมณ์อย่างไรด้วยซำ เพราะปฏิบัติตามหลักการเพียงอย่างเดียว แต่สองสามวันก่อน ดิฉันสวดมนต์ จึงนั่งสมาธิเพียงอยากให้สงบเท่านั้น แต่ระหว่างที่นั่งรู้สึกว่าตัวเองมีตัวโยกลอย ตกใจจึงออกจากสมาธิ หลังจากนั้นครั้งต่อมาจึงกำหนดตามดู เมื่อรู้จึงกำหนดที่ลมหายใจต่อ ซึ่งผ่านมาได้ ครั้งต่อมาก็ผ่านมาได้จนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอยู่ สงบจริงๆค่ะ ยอมรับว่ารับรู้เสียงที่มากระทบ ตามรู้ได้ แต่กายเราเหมือนไม่มี และครั้งที่4 ที่ทำก็ผ่านอาการทั้งหมดแต่ผ่านได้เร็วขึ้น การที่ตัวโยกลอยมีเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นรู้สึกสงบ แต่ครั้งนี้รู้สึกเจ็บที่หน้าอก ขณะที่นั่งคิดว่าตนเองไม่สบาย แต่เมื่อตามดูสักพักก็หายไป จากนั้นรู้สึกว่าเรามีคลื่นบางอย่างไหลผ่านตามลำตัว จากซ้ายไปขวา ทุกอย่างชา(ริมฝีปาก) คล้ายตัวลอย อาการมีหลายอย่างปะปนกัน บางครั้งขณะกำหนดลมหายใจรู้สึกว่าจับลมหายใจลำบาก หายใจไม่ออก ซึ่งตอนที่นั่งจะออกจากสมาธิไม่ได้กำหนดว่าอยากออกแต่ลืมตาคิดว่าออกได้ง่ายทันที แต่พยายามลืมตาได้ยาก แขนขาไม่ขยับทั้งๆที่เราต้องการจะยก ต้องค่อยๆภาวนาแล้วออก พวกนี้ แปลว่าเรายังอยู่ในภวังค์หรือเปล่า แล้ววิธีการจะออกจากสมาธิที่ถูกต้องเป็นอย่างไรคะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นใช้เวลาปฏิบัติ3 วัน(ครั้งละ 30-1 ชม.เช้า-เย็น) ที่ฝึกต่อเพราะต้องการฝึกตนให้ผ่านอาการที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง แล้วมาศึกษาถึงรู้ว่าสิ่งที่เกิดเป็นฌาน แล้วเป็นไปได้หรือคะ ที่เราจะสามารถฝึกสมาธิ แล้วเกิดได้ฌานจริง ลำพังไม่มีความรู้ แปลกใจ |
เจ้าของ: | คนใกล้วัด [ 18 มิ.ย. 2010, 10:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นไปได้หรือคะ... |
ทางที่ถูกต้อง ควรจะเขียนจดหมายถึงหลวงพ่อ อธิบายผลของการปฏิบัติที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ดีกว่าค่ะ เพราะเรามีครูบาอาจารย์ ศึกษาทางใด ต้องถามผู้รู้ทางนั้น คนอื่นอาจตอบได้บ้างแต่อาจไม่ถูกต้องจริง และเราก็จะได้มีแนวทางที่ถูกเพื่อปฏิบัติได้ก้าวหน้าต่อไป |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 มิ.ย. 2010, 18:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นไปได้หรือคะ... |
อ้างคำพูด: ระหว่างที่นั่งรู้สึกว่าตัวเองมีตัวโยกลอย ตกใจจึงออกจากสมาธิ หลังจากนั้นครั้งต่อมาจึงกำหนดตามดู เมื่อรู้จึงกำหนดที่ลมหายใจต่อ ซึ่งผ่านมาได้ ครั้งต่อมาก็ผ่านมาได้จนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอยู่ สงบจริงๆค่ะ ยอมรับว่ารับรู้เสียงที่มากระทบ ตามรู้ได้ แต่กายเราเหมือนไม่มี ให้หลักปฏิบัติคุณ nadoopore กว้างๆ ไว้ เพื่อที่ว่าต่อไปขณะปฏิบัติอยู่สภาวะใดปรากฏแก่ตนจะได้มี แนวทาง ก็คือว่าให้คุณ nadoopore กำหนดรู้ภาวะนั้นตามที่มันเป็น เป็นยังไงกำหนดยังงั้น รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น เช่น รู้สึกตัวโยก “โยกหนอๆๆ” “ตัวลอยหนอๆๆๆ” รู้ตกอกตกใจ “ตกใจหนอๆๆ” ตัวหาย ไป “ตัวหายหนอๆๆ” แล้วเกาะยึดสิ่งที่รับรู้ในขณะนั้น กำหนดไปจะเป็นเสียงก็ได้ ความคิดก็ได้ ฯลฯ จนร่าง กายคืน อ้างคำพูด: และครั้งที่ 4 ที่ทำก็ผ่านอาการทั้งหมดแต่ผ่านได้เร็วขึ้น การที่ตัวโยกลอยมีเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นรู้สึกสงบ แต่ครั้งนี้รู้สึกเจ็บที่หน้าอก ขณะที่นั่งคิดว่าตนเองไม่สบาย แต่เมื่อตามดูสักพักก็หายไป จากนั้นรู้สึกว่าเรามีคลื่นบางอย่างไหลผ่านตามลำตัว จากซ้ายไปขวา ทุกอย่างชา(ริมฝีปาก) คล้ายตัวลอย อาการมีหลายอย่างปะปนกัน บางครั้งขณะกำหนดลมหายใจรู้สึกว่าจับลมหายใจลำบาก หายใจไม่ออก อย่างที่ให้แนวทางปฏิบัติไว้ข้างบน เป็นยังไง กำหนดยังงั้น รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น รู้สึกเจ็บหน้าอก “เจ็บหนอๆๆๆ” กำหนดแล้ว ดึงความรู้สึกมาเกาะจับที่พอง-ยุบ (หากใช้พอง-ยุบ) เสียกำหนดไป พองหนอ ยุบหนอไป อย่าดูเฉยๆครับ กำหนดด้วย ทุกอาการทุกสภาวะ คิดก็ “คิดหนอๆๆๆ” หายใจไม่ออก กำหนดรู้ตามอาการ อ้างคำพูด: ซึ่งตอนที่นั่งจะออกจากสมาธิไม่ได้กำหนดว่าอยากออกแต่ลืมตาคิดว่าออกได้ง่ายทันที แต่พยายามลืมตาได้ยาก แขนขาไม่ขยับทั้งๆที่เราต้องการจะยก ต้องค่อยๆภาวนาแล้วออก พวกนี้ แปลว่า เรายังอยู่ในภวังค์หรือเปล่า แล้ววิธีการจะออกจากสมาธิที่ถูกต้องเป็นอย่างไรคะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นใช้เวลาปฏิบัติ3 วัน (ครั้งละ 30-1 ชม.เช้า-เย็น) ที่ฝึกต่อเพราะต้องการฝึกตนให้ผ่านอาการที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง เมื่อมีอาการอย่างที่เล่ามาตั้งแต่ต้น แล้วเราต้องการจะออกจากกรรมฐานกลางคัน สมมุติเคยนั่ง 30 นาที แต่ความกลัว เป็นต้น เกิดขึ้น จะออกจากกรรมฐานแล้วล่ะ ทั้งที่เวลาเพิ่งผ่านไป 15...เอง อย่างนี้จะออกจากสมาธิยาก ยกแขนยกขาก็ยาก ลืมตาก็ยาก ในบางรายทำอะไรไม่ได้เลย เพราะอะไร ? เพราะภาวะนั้นเกิดแรง คือ แรงกว่าองค์ธรรม มีสติเป็นต้น สติเป็นต้นจึงควบคุมอาการนั้นไม่ได้ (นี่พูดถึงครั้งแรก แต่ครั้งต่อๆไปภาวะนั้นจะค่อยๆคลาย จะไม่ยากเหมือนครั้งนั้นอีก) วิธีแก้ ก็คือกำหนดอาการนั้นตามที่มันเป็นจนหมดเวลา แล้วทุกอย่างจะปกติ คุณต้องการปฏิบัติต่อเพื่อให้ผ่านอาการนั้นๆ มีทางเดียวครับ คือ กำหนดรู้ตามเป็นจริง หรือตามที่มันเป็นนั่น เท่านั้นครับ เป็นยังไงกำหนดยังงั้น รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น แล้วก็จะผ่านๆอาการนั้นๆไป (ให้วิธีออกจากกรรมฐานกว้างๆไว้ ... เมื่อหมดเวลาที่ตั้งใจไว้แล้ว จะออกจากกรรมฐานล่ะ พึงคิดว่า หมดเวลาแล้ว จะออกจากกรรมฐานแล้ว ทำในใจประมาณนี้ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น ทำความรู้สึกตัว เหยียดแข้งเหยียดขา ขยับร่างกายอยู่กับที่สักระยะหนึ่ง ให้เลือดลมเดินทั่วรางกาย หรือจะนอนเหยียดยาว ไปเลยก็ได้ไม่มีข้อห้าม นอกนึกทบทวนคิดแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าติดขัดตรงไหน แก้อารมณ์นั้นผ่านด้วยวิธี ใด ฯลฯ แล้วจะอุทิศบุญกุศลที่เกิดจากการนี้ให้แก่ใครอะไรก็ว่าไป หรือจะเดินจงกรมต่ออีกก็ได้ แล้ว แต่...) อ้างคำพูด: แล้วมาศึกษาถึงรู้ว่าสิ่งที่เกิดเป็นฌาน แล้วเป็นไปได้หรือคะ ที่เราจะสามารถฝึกสมาธิ แล้วเกิดได้ฌานจริง ลำพังไม่มีความรู้ แปลกใจ คำว่า ฌานก็ดี สมถะก็ดี โดยสาระแล้วได้แก่สมาธินี่เอง เอางี้ครับ ให้คุณปฏิบัติต่อไป ทำอย่างที่แนะนำกำหนดให้ผ่านสภาวธรรมนั้นๆไปก่อน ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องฌานหรืออะไรอื่นให้ฟุ้งซ่านโดยไม่จำเป็นเลยครับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 มิ.ย. 2010, 18:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นไปได้หรือคะ... |
ให้คุณ nadoopore ดูภาวะที่เกิดแก่โยคีท่านหนึ่ง เขาพยายามลืมตาเหมือนกัน แต่ก็ลืมไม่ขึ้น อ้างคำพูด: หนูเริ่มรู้สึกตัวเกร็ง คือ มันไม่ได้เกร็งที่เเขนขาอย่างเดียว มันเกร็งไปทั้งตัวเลย หนูก้อรู้สึกนะค่ะว่า หนูเกร็ง ตอนเกร็งภาพก็ยังมืดอยู่ แล้วเหมือนหนูรู้สึกโดนดึง โดนฉุด เกร็งเเบบดิ่งๆ ตัวหนักมาก ตอนนั้นหนูก็พยายามบอกตัวเองให้ผ่อนคลายไว้ เเต่มันเหมือนยิ่งเกร็งนักกว่าเดิม หนูพยายามจะลืมตา เเต่ตาปิดลืมไม่ขึ้น ตัวสั่นนิดๆ เต็มๆที่ http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=116.0 และที่บอร์ดนั้น ยังรวบรวมสภาวะสัจจะที่เกิดแก่นักปฏิบัติกรรมฐานอีกมากมายครับ แต่ต่อให้มีสักกี่รายกี่สภาวธรรมหรือสัจธรรมที่เกิด วิธีแก้อารมณ์ หรือจะตั้งชื่อเรียกว่าอะไรก็ตาม มีอย่างเดียวกัน คือกำหนดรู้ (ปริญญา)ตามที่มันเป็น หรือ ตามเป็นจริง เป็นยังไงกำหนดยังงั้น รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 มิ.ย. 2010, 19:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นไปได้หรือคะ... |
คุณ nadoopore มีเวลาอ่านไล่ๆ สภาวธรรมที่ปรกฏแก่โยคีท่านนี้เรื่อยๆลิงค์นี้เป็นต้นไปสิครับ viewtopic.php?f=2&t=24709 แล้วน่าจะเห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อผ่านอาการที่คุณกำลังประสบอยู่ ถามว่า อาการหรือสภาวะนั้นๆผิดปกติไหม? ตอบ ไม่ผิดปกติแต่ประการใด ธรรมดาของมัน ธรรมชาติเป็นอย่างนั้นเอง เมื่อรู้แล้ววิชชาเกิดแล้ว อวิชชา ความไม่รู้ตามสภาวะก็ดับ ทุกข์ก็ดับ วิชชาเกิด อวิชชาดับ...วิชชาเปรียบเหมือนแสงสว่าง อวิชชาเปรียบเหมือนความมืด แสงสว่างปรากฏ ความมืดก็หาย |
เจ้าของ: | nadoopore [ 20 มิ.ย. 2010, 09:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นไปได้หรือคะ... |
ขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยชี้ทางสว่างค่ะ จะกลับไปปฏิบัติตาม...ขออนโมทนา.. |
เจ้าของ: | ตรงประเด็น [ 23 มิ.ย. 2010, 22:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นไปได้หรือคะ... |
โอวาทธรรม หลวงปู่ ชา สุภัทโท เมื่อลงนั่งสมาธิถ้าเกิดนิมิตต่างๆ เช่น เห็นนางฟ้า เป็นต้น เมื่อเห็นอย่างนั้นให้เราดูเสียก่อนว่า จิตเป็นอย่างไร อย่าทิ้งหลักนี้ จิตต้องสงบจึงเป็นอย่างนั้น นิมิตที่เกิดขึ้น อย่าอยากให้มันเกิด อย่าไม่อยากให้มันเกิด มันมาก็พิจารณา พิจารณาแล้วอย่าหลง ให้นึกว่ามันไม่ใช่ของเรา นี่ก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เช่นกัน ถึงมันจะเป็นอยู่ก็อย่าเอาใจใส่มัน เมื่อมันยังไม่หายตั้งจิตใหม่ กำหนดลมหายใจมากๆ สูดลมเข้ายาวๆ หายใจออกยาวๆ อย่างน้อย ๓ ครั้งก็ตัดได้ ตั้งกำหนดใหม่เรื่อยไป สิ่งเหล่านี้อย่าว่าเป็นของเรา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงนิมิต คือ ของหลอกลวงให้เราชอบ ให้เรารัก ให้เรากลัว นิมิตเป็นของหลอกลวงใจเรา มันไม่แน่นอน ถ้าเห็นแล้วอย่าไปหมายมัน ไม่ใช่ของเรา อย่าวิ่งตามนิมิต เห็นนิมิตให้ย้อนดูจิตเลย อย่าทิ้งหลักเดิม ถ้าทิ้งตรงนี้ไปวิ่งตามมัน อาจพูดลืมตัวเองเป็นบ้าไปได้ ไม่กลับมาพูดกับเรา เพราะหนีออกจากคอกแล้ว ให้เชื่อตัวเองแน่นอน เห็นอะไรมาก็ตาม ถ้านิมิตเกิดขึ้นมาดูจิตตัวเอง จิตต้องสงบมันจึงเป็น ถ้าเป็นมา ให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มิใช่ของเรา นิมิตนี้ให้ประโยชน์แก่คนมีปัญญา ให้โทษแก่คนไม่มีปัญญา ทำความเพียรไปจนเราไม่ตื่นเต้นในนิมิต มันอยากเกิดก็เกิด ไม่เกิดก็ไม่เกิด ไม่กลัวมัน เชื่อใจได้อย่างนี้ไม่เป็นไร ทีแรกเราตื่นของน่าดู มันก็อยากดู ความดีใจเกิดขึ้นมาอย่างนี้ก็หลง ไม่อยากให้มันดีมันก็ดี ไม่รู้จะทำอย่างไร ปฏิบัติไม่ถูกก็เป็นทุกข์ มันอยากดีใจก็ช่างมัน ให้เรารู้ความดีใจนั่นเองว่า ความดีใจนี้ก็ผิดไม่แน่นอนเช่นกัน แก้มันอย่างนี้ อย่าไปแก้ว่า “ไม่อยากให้มันดีใจ ทำไมจึงดีใจ” นี่ผิดอยู่นะ ผิดอยู่กับของเหล่านี้ ผิดอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ผิดอยู่ไกลหรอก อย่ากลัวนิมิต ไม่ต้องกลัว เรื่องภาวนานี้พอพูดให้ฟังได้ เพราะเคยทำมา ไม่รู้ว่าจะถูกหรือไม่นะ ให้เอาไปพิจารณาเอาเอง เอ้า พอสมควรละนะ. |
เจ้าของ: | เก็บเกี่ยว [ 23 มิ.ย. 2010, 22:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นไปได้หรือคะ... |
เป็นอาการของการปฎิบัติอย่างหนึ่ง เหมือนการเดินทางย่อมผ่านไปในที่ต่างๆมีเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปไม่มีอะไรมากทำไปเรื่อยๆอาการก็จะเปลี่ยนไปอย่าไปติดใจมากหรือกังวนมากไป ทุกครั้งก่อนออกอย่ารีบออกให้ทำใจให้ปกติหายใจเข้าปกติ บ้างครั้ง ![]() |
เจ้าของ: | toichi [ 21 มี.ค. 2012, 17:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นไปได้หรือคะ... |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |