ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=31887
หน้า 1 จากทั้งหมด 4

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:08 ]
หัวข้อกระทู้:  ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

เจริญกรรมฐานด้วยสติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้


คนเราที่จะอยู่อย่างดีนี้ จะต้องดำเนินชีวิตเป็น คือ รู้จักดำเนินชีวิตนั่นเอง
ถ้าใครรู้จักดำเนินชีวิต ชีวิตนั้นก็เป็นชีวิตที่ดีงาม เป็นชีวิตที่พัฒนาเจริญก้าวหน้า
ประสบประโยชน์สูง


แต่ถ้าดำเนินชีวิตไม่เป็น ก็จะมีแต่ขาดทุน และประสบแต่ความทุกข์ และความเสื่อม
ฉะนั้น จะต้องรู้จักดำเนินชีวิต หรือดำเนินชีวิตเป็น


ญาติโยมเอ๋ย โปรดทราบไว้เถอะว่า
บุญกรรมนั้นมีจริง บาปกรรมนั้นมีจริง ยมพบาลจดไม่มี จิตนี้เป็นผู้จด

จดทุกวันคืออารมณ์ เรื่องจริงแน่ จดทุกกระเบียดนิ้ว บาปบุญคุณโทษ บันทึกเข้าไว้
ถ้าเราทำกรรมดี ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ ทำชั่วก็ลงนรกไป


วันนี้ อาตมาขออนุโมทนาสาธุการส่วนกุศลที่ท่านทั้งหลายมาบำเพ็ญกุศล

เจริญวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ตนเอง โดยเฉพาะด้วย การเจริญสติปัฏฐาน ๔

กาย เวทนา จิต ธรรม พิจรณาโดยปัญญา ตลอดกระทั่งยืน เดิน นั่ง นอน

จะคู้เหยียดขาทุกประการก็มีสติครบ รับรองได้เลยว่า ถ้าโยมทำถึงขึ้น ปิดประตูอบายได้เลย




เพราะเหตุใด เพราะกิเลสทั้งหลาย โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้น โยมก็กำหนด
ขณะมีโลภะก็กำหนดโลภะ โลภะก็หายไป


จิตวิญญาณตายขณะมีโลภะ ตายไปเป็นเปรต
กำลังมีโทสะตายไปขณะนั้นลงนรก
มีโมหะรวบรวมอยู่ในจิตไว้มาก ตายไปกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน



แต่ถ้ามีสติปัฏฐาน ๔ มีสติสัมปชัญญะดี อบายภูมิไม่ต้องไป
ปิดประตูนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
ทางอายตนะ ธาตุ อินทรีย์ดังที่กล่าวมาแล้วนี้ทุกประการ


ขอกุศลที่ญาติโยมได้บำเพ็ญไว้แล้ว จงเป็นพลวปัจจัยย้อนกลับเป็นบุญกุศลให้แก่ญาติโยมทั้งหลาย

ประสบความสุขสันต์นิรันดรทุกท่าน และจงพยายามก้าวหน้าผ่านอุปสรรคถึงฝั่งฟากคือพระนิพพาน

โดยทั่วหน้ากัน ณ โอกาสนี้เทอญ

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม



มีชีวิตใหม่ เปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่

ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔



หลวงปู่หล้าเขียนไว้ว่า รู้ตามความเป็นจริง ปฏิบัติตามความเป็นจริง สิ้นสงสัยตามความเป็นจริง ...

พวกเราทั้งหลาย อย่าได้นอนใจในวัฏสงสารเลย จงรีบหลุดพ้นตามคำสั่งของพระบรมศาสดาที่ว่า


" เมื่อพวกเธอทั้งหลาย ยังไม่มีญาณว่าพ้นทุกข์ โดยสิ้นเชิง พวกเธออย่าได้นอนใจนะ "



สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงกล่าวไว้ว่า ...

ชีวิตนี้น้อยนัก ... แต่ ... ชีวิตนี้สำคัญนัก

เป็นหัวเลี้ยว หัวต่อ เป็นทางแยก
จะไปสูง หรือ ไปต่ำ จะไปดี หรือ ไปร้าย

เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น

พึงสำนึกข้อนี้ให้ดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด



หลวงพ่อ พระครู ภาวนานุกูล ชูชัย ( วัดนาค บางปะหัน ) จะสอนเสมอๆว่า ..
ให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น รู้ลงไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อยู่กับมัน ไม่ชอบ ไม่ชัง ไม่ดิ้นรนคิดเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข ไม่แทรกแซงสภาวะ เมื่อวิปัสสนา( เห็นตามความเป็นจริง ) หรือ วิปัสสนาญาณ (เห็นแจ้ง ) เมื่อเขาจะเกิด เขาจะเกิดเอง จงขจัดความอยากที่เกิดขึ้นในจิตออกไปให้หมด



พระอาจารย์ปรีชา ( วัดนาค บางปะหัน ) ท่านสอนว่า
จงทำตัวเหมือนแมงมุม ที่กางใยดักเหยื่อ จงจับเหยื่อกินให้หมด



ธรรมทั้งหลายที่ครูบาฯทั้งหลาย
ได้เมตตาถ่ายทอดมาให้นั้น
เราจะสามารถเข้าถึงธรรมและเข้าใจความหมายของธรรมนั้นๆ
ต้อง เจริญสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น จึงจะเข้าถึงและเข้าใจอย่างถ่องแท้

จงเป็นผู้มีความเพียรเจริญสติปัฏฐานกันเถิด

วันเวลานับวันจะล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆ
เราไม่อาจจะรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า วินาทีต่อไป เราจะมีโอกาสได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกหรือไม่





โชคชะตา เกิดจากอะไร เกิดจากตัวเราเองทำทั้งนั้น ไม่ใช่ใครทำให้เลยแม้แต่สักนิดเดียว
เราทำเขา เขาทำเรา เราไม่ทำเขา เขาก็ไม่ทำเรา

วิธีแก้ ให้แก้ที่ต้นเหตุ คือ หยุดการกระทำทั้งสิ้น คนที่หยุดคือเราเอง ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
ถ้าเรายังต่อหรือยังกระทำใดๆลงไป นั่นคือ เราก่อภพก่อชาติออกไปเรื่อยๆ

การเลือกที่จะนิ่ง มันดีกว่า เลือกที่จะขยับตัวนะ พอมีการขยับตัว นั่นคือเราไปคิดแก้ไข
เท่ากับเราไปแทรกแซงสภาวะ มันวุ่นวายกว่าเดิมอีกนะ แทนที่จะจบลงด้วยตัวของสภาวะนั้นๆเอง
เหตุที่กระทำ และ ผลที่ได้รับ เราไม่ได้สร้างเหตุ ผล ย่อมไม่มีเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

กิเลสนี่มันซ้อนๆลึกๆมากๆหลายๆชั้น กิเลสในใจของแต่ละคนที่มีอยู่จริงนั้นน่ากลัว
ถ้ายังไม่รู้จักตัวกิเลสที่แท้จริง ที่มีอยู่ในใจของแต่ละคน ฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
ที่คนเราทำอะไรส่วนมากเป็นไปตามกิเลสของแต่ละคน เพราะสติ สัมปชัญญะที่มีมากหรือน้อยไม่เท่ากัน
จึงไม่สามารถที่จะแยกแยะ ดี ชั่ว ผิด ถูก ได้ตามความเป็นจริง มีแต่กระทำทุกอย่างตามความคิดของตัวเองที่คิดว่า นั่นถูก นี่ผิด

ถ้าเราเห็นแล้ว จะทำให้เข้าใจคนอื่นๆมากขึ้น รู้จักให้ความเมตตาและให้อภัยต่อผู้คนเเหล่านั้นมากขึ้น
ทุกคนทำสิ่งต่างลงไปด้วยความไม่รู้ ถ้าทุกคนสารถเห็นตามความเป็นจริงได้ การมาทำร้ายกัน จะไม่มีเกิดขึ้นเลย

เจ้าตัว " กูรู้ กูเก่ง กูดี " ตัวนี้แหละ ตัวก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ ถ้าเราคิดว่า เราดี เมื่อไหร่นะ
จำไว้เลย ชีวิตเรากำลังเข้าสู่มุมอับแล้ว

เจ้าตัว ดี ตัวนี้แหละ ตัวทำลายชีวิตของเรา มี กู เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ภพชาติเกิดใหม่ทันที
การปฏิบัติที่ถูกต้องนั้นต้องเห็นกิเลสของตัวเอง ต้องรู้จักกิเลสในใจของตัวเองนะ
ไม่ใช่ไปรู้เรื่องโน้น เรื่องนี้ เรื่องชาวบ้าน รู้นอกตัวแบบนั้น มันไม่ใช่เลย อันนั้นรู้ผิดทางแล้ว

ก่อนที่เราจะเข้าใจ หรือ รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนอื่นๆได้ เราต้องเข้าใจ
และรู้จักกิเลสที่มีอยู่ในใจของเราก่อน

เหมือนที่หลวงพ่อจรัญ ท่านสอนบ่อยๆนะ " อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น "
ถ้าเราเห็นกิเลสและรู้จักกิเลสที่แท้จริงในใจเราได้เมื่อไหร่ เราถึงจะใช้ตัวเป็น
ใช้แบบถูกต้อง ภพชาติก็จะสั้นลงไปเรื่อยๆ ไม่ใช่สักแต่ว่าใช้ ถูกผิดเอาตามความคิดของตัวเอง
นั่นเท่ากับเป็นการก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ



ผู้ดู ผู้รู้ ตัวผู้รู้ คือใคร

มีคนอีกจำนวนมากที่พยายามหาว่า " ผู้รู้ " ครูบาฯกล่าวถึงนี่คือใคร .. บ้างก็นำมาถกเถียงกัน
บ้างก็นำมาเอ่ยอ้างกัน แต่ไม่มีใครขยายใจความเลยสักคนเดียว แล้วผู้รู้คือใครกันล่ะ
ผู้รู้นี่ก็คือ จิตเรานี่เอง แต่มีหลายสภาวะ ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ

ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา จนกระทั่งปิดเปลือกตาลง จะมีสองสิ่งที่เกิดขึ้น ...
เมื่อเราลืมตาขึ้น .. จะมี ผู้ดู เกิดขึ้น ... และ สิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งมันมี มันเป็นของมันแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีผู้ดูหรือไม่มีผู้ดูก็ตาม
พอลืมตาได้สักพัก ... เริ่มมองเห็นสภาพรอบๆตัวชัดเจน

ตอนนี้เริ่มมี ผู้รู้ เกิดขึ้น กับ สิ่งที่ถูกรู้
ทำไมถึงเรียกว่าผู้รู้ เพราะเขารู้ และ สิ่งที่เขาเห็นแล้วเรียกนั้น เป็น สิ่งที่ถูกรู้

ต่อมา มี ตัวผู้รู้ เกิดขึ้น .. ตัวผู้รู้ เกิดขึ้นจากอะไร เกิดจากเอาตัวตน
ที่ตัวเองคิดว่าตัวเองมีตัวตน เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ถูกเห็น

แล้วสิ่งที่ถูกรู้จะเปลี่ยนสภาพเป็น ใช่ และ ไม่ใช่ ถูก และ ผิด พอใจ และ ไม่พอใจ
เลยเป็นการก่อภพก่อชาติ ก่อเหตุขึ้นมาใหม่ ไม่รู้จักจบจักสิ้น

เมื่อคนๆนี้ ได้เจริญสติปัฏฐาน 4 ย่อมมีสติ สัมปชัญญะมากขึ้น ...
ตัวผู้รู้ ที่มีอยู่ ย่อมลดน้อยลงไป สุดท้ายเหลือเป็นเพียงแค่ ผู้รู้
ส่วนสิ่งที่มีคำว่า ใช่ และ ไม่ใช่ ถูก และ ผิด พอใจ และ ไม่พอใจ ย่อมแปรสภาพกลับมา เป็น สิ่งที่ถูกรู้

ต่อมาเมื่อ มีสติ สัมปชัญญะมากขึ้น ผู้รู้ ย่อมหายไป จะเปลี่ยนเป็น ผู้ดู และ
สิ่งที่ถูกรู้จะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น

และสิ่งที่เกิดขึ้นจะแสดงเป็นไตรลักษณ์ให้เห็น ซึ่งมันมีของมันอยู่แล้ว
เพียงแต่เรายังมองไม่เห็นเท่านั้นเอง เพราะตราบใด ที่ยังมีเราเขา( ตัวผู้รู้ )เข้าไปเกี่ยวข้อง
ไม่สามารถมองเห็นตามความเป็นจริงได้เลย

ผู้ดู (มี สติ สัมปชัญญะดี ) สิ่งที่มากระทบ คงสภาพตามที่เป็นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ..
ไม่มีเหตุ ( ไม่มีการกระทำ ) ย่อมไม่มีผล ( ผลที่ได้รับจากการกระทำ )

ผู้รู้ (เริ่มมีตัวตน )สิ่งที่มากระทบกลายเป็น สิ่งที่ถูกรู้ ... มีเหตุนิดๆคือความคิด ผลย่อมมีแน่นอน
( กรรมคือการกระทำ วิบากคือผล ถึงจะเป็นเพียงความคิด ก็ต้องรับผลแน่นอน มากน้อยอยู่ที่คิด )

ตัวผู้รู้ ( สิ่งที่มากระทบ + ตัวกู ) ... สภาวะเปลี่ยนไป เป็น ชอบใจ ไม่ชอบใจ ถูก ผิด ทุกข์ สุข
ตามความคิดของตัวเอง ตัวนี้แหละสำคัญก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ

มิจฉาสติ กับ สัมมาสติ

ในเมื่อกรรมฐานมีตั้ง 40 กอง เท่าที่อ่านๆมา แล้วที่นอกเหนือกว่านั้นอีกก็มี
ถ้าได้อ่านเรื่องราวในสมัยพุทธกาล

ทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นนักหนา เรื่อง สติปัฏฐาน ๔

สติ แปลว่า แปลว่า ความระลึกได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น

สติเป็นเจตสิก ไม่ใช่จิต แต่เกิดพร้อมกับจิต รับอารมณ์เดียวกับจิต โดยองค์ธรรมได้แก่ สติเจตสิก

สติ ตามแนวปฏิบัติ มีอยู่ ๓ ประเภท

๑. สติขั้นต่ำ ได้แก่ สติของบุคคลธรรมดาสามัญ ซึ่งมีอยู่กันทุกคน เช่น จะขับรถก็ต้องมีสติ
จะเขียนหนังสือก็ต้องมีสติ จะอ่านหนังสือก็ต้องมีสติ จะลุก จะยืน ฯลฯ ก็ต้องมีสติด้วยกันทั้งนั้น
ต่างกันตรงที่ว่าใครจะมีมากมีน้อยกว่ากันเท่านั้น
ถ้าใครขาดสติจะทำอะไรผิดๆพลาดๆ ลืมโน่น ลืมนี่บ่อยๆ

๒. สติขั้นกลาง ได้แก่ สติของผู้บำเพ็ญมหากุศล เช่น ทำทานรักษาศิล เรียนธรรม
ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เจริญสมถกรรมฐานเป็นต้น

๓. สติขั้นสูง ได้แก่ สติของนักปฏิบัติธรรม ผู้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน
ตามแนวแห่งมหาสติปัฏฐาน ที่พระบรมศาสดาทรงแสดงไว้


ในการใช้ชีวิตโดยทั่วๆไป ปกติเราท่านทุกรูปทุกนามล้วนมีสติเป็นองค์ประกอบอยู่แล้ว
แต่ทุกคนลืมตรงนี้กันไป " สัมปชัญญะ "

สัมปชัญญะ คือ ความรู้ตัว หรือ ความรู้สึกตัว
รู้ตัวหรือรู้สึกตัวอะไร รู้ตัวหรือรู้สึกตัว ในขณะที่กำลังกระทำการอยู่


เช่น เราหยิบแก้วน้ำ เรามีสติระลึกว่า กำลังจะหยิบแก้วน้ำ แล้วถ้ามีสัมปชัญญะเกิดร่วมด้วย
เราย่อมมีความรู้สึกตัวหรือรู้ตัวขณะที่หยิบแก้ว

แต่ถ้าในกรณีที่ไม่มีสัมปชัญญะเกิดร่วมด้วยนั้น บางทีเราระลึกว่า จะหยิบแก้วน้ำนะ
แต่บังเอิญว่า มีสิ่งอื่นมากระทบที่หักเหความสนใจในการหยิบแก้วน้ำ
คุณอาจจะหยิบแกวได้ แต่อาจจะหล่น หรืออาจจะลืมหยิบ เพราะมัวไปสนใจสิ่งที่มากระทบ
บางทีต้องมายืนคิดว่า เอ ... เมื่อกี้เราคิดจะทำอะไร?


เหตุที่พระพุทธองค์ทรงเน้นนักหนาเรื่อง สติปัฏฐาน ๔ นั้น ก็เนื่องจากเหตุของสติ ที่ขาดสัมปชัญญะ
ในการเจริญสติปัฏฐานนั้น ไม่ว่าจะ กาย เวทนา จิต ธรรม ล้วนก่อให้เกิดทั้งสติ และ สัมปชัญญะ

เช่น การเดินจงกรม ทำไมบางจึงต้องมีรูปแบบ ทำไมบางที่ไม่ต้องมีรูปแบบ
เหตุที่บางที่ มีรูปแบบเนื่องจาก ผู้แนะนำในการสอน ท่านปฏิบัติได้เช่นนั้น ท่านจึงแนะนำแบบนั้น
เหตุที่ไม่มีรูปแบบ ก็เนื่องจากเหตุเช่นเดียวกัน

บางที่อาจจะใช้คำพูดว่า เดินยังไงก็ได้ ให้รู้สึกตัว หรือ รู้ตัว นี่คือ สัมปชัญญะ
เพียงแต่อาจไม่คุ้นหูของผู้ที่ไม่ได้ศึกษาปริยัติ ว่า ความรู้ตัวหรือรู้สึกตัวนี่คืออะไร
รู้แต่ว่าเขาให้เดิน ก็เดิน เพียงแต่อาจจะเป็นพวกที่ไม่ขี้สงสัย ก็เลยไม่ถามกัน

เหตุที่ต้องมาฝึกเจริญสติกัน เพื่อให้มีสัมปชัญญะเกิด
ปกติ สติในคนทั่วๆไป ย่อมมีสติเป็นปกติอยู่แล้ว



แต่สัมปชัญญะ ไม่อาจจะมีได้ตลอดเวลา จึงต้องมาเจริญสติกันเพราะเหตุนี้


สติที่เป็นมิจฉาสติ เพราะไม่มีสัมปชัญญะเป็นองค์ประกอบ
สติที่เป็นสัมมาสติ เพราะมี สัมปชัญญะเป็นองค์ประกอบ

ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีแต่สติ แต่ขาด สัมปชัญญะ
หรือมีสัมปชัญญะ แต่ขาดสติ ถือว่าเป็น มิจฉาสติทั้งสิ้น



ทั้งสติและสัมปชัญญะ จะรู้ได้โดยสภาวะ ไม่ใช่รู้เพียงแค่บัญญํติ
ต้องเข้าใจด้วยว่า สติโดยสภาวะที่เกิดนั้นมีอาการอย่างไร
สัมปชัญญะโดยสภาวะที่เกิดนั้นมีอาการอย่างไร


นี่คือ คำตอบของคำถามที่ถามว่า ทำไมพระพุทธเจ้าทรงเน้นนักหนาเรื่อง สติปัฏฐาน
เพราะในการเจริญสติปัฏฐานนั้น จะได้ทั้งสติ และสัมปชัญญะ
ไม่ใช่แค่สติ แต่ขาดสัมปชัญญะ หรือ มีสัมปชัญญะแต่ขาดสติ
ขึ้นชื่อว่า สติ สัมปชัญญะ ถ้าองค์ธรรมตัวใดตัวหนึ่ง นั่นคือ มิจฉาสติ

ที่พึ่งที่แท้จริงของเรานั้นคือ สติ สัมปชัญญะ เท่านั้น ไม่ใช่ไปพึ่งนอกตัวแต่อย่างใด
เรามีพระรัตนตรัย ไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ตั้งใจที่จะกระทำความดี
และเป็นผู้มีความเพียรอย่างต่อเนื่อง

ดั่งคำที่ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า " อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ " ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
เหตุเป็นมาดังนี้แลฯ

คำว่า " มีที่พึ่งแห่งตน " มาจากคำว่า คำเต็มๆว่า

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ.
ขุ. ธ. ๒๕/๓๖.

ตนแล เป็นที่พึ่งของตน คนอื่น ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
ก็บุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้ยาก.


ไฟล์แนป:
1.bmp
1.bmp [ 378.86 KiB | เปิดดู 7912 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

5 พค. 53

ได้รับมากกว่าเงินทองมากมายสิ่งที่ได้ประเมนค่าไม่ได้


ผมปฎิบัตธรรมมาได้ประมาณ2ปีในการปฎิบัตนั้นเกิดสภาวะที่เป็นทุกข์มาก
ยิ่งทำยิ่งเป็นทุกข์ จนได้มาเจอคุณตุ๊กเธอแนะนำให้ผมปล่อยวางผมทำตามที่เธอบอก
ได้ผลครับเหมือนยกภูเขาออกเลยครับโล่งมากไม่เคยได้เจออืกเลย

เธอแนะนำให้ผมดูกายและจิตผมทำตามมาตลอด แรกๆทำได้ความสุข
และก็เหมือนกิเลสมาเล่นกับเราคือฟุ้งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตายๆๆๆๆๆๆๆๆแทบอยากเลิกเลยครับ


จนมาเจอคุณน้ำเมื่อวันที่25/4/2553
เธออธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้ผมได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขื้น จนผมนึกในใจว่าผมได้ทองแล้ว
ดีใจสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่ได้คนมาเป็นพี่เลี้ยงที่สุดยอด

เธอแนะนำให้ผมเดินจงกลมเริ่มแรกจาก 30 นาที นั่ง 30 นาที
มีเหตุเกิดขื้นครับ คือตอนเดินยังหลับ แถมนั่งยังหลับ เธอปรับให้ผมใหม่ครับ
คือเปลี่ยนจากเดิน30นาทีมาเป็นเดิน25นาที ผลที่ได้คือพอไปได้ครับ

เธออธิบายให้ฟังว่าตอนนี้ผมกำลังเขาสู่ระบบการปรับสภาพร่างกาย
เธออธิบายว่าตัวเราเองนะละเป็นคนที่ปรับได้ดีที่สุด

จะเดินมากแค่ไหนนั่งมากแค่ไหนตามสภาพของตัวเรา
มาอีกแล้วสิ่งที่เราไม่รู้ คือว่าผมยังคงมีหลับบ้าง

และก็เกิดการเปรียบเทียบว่าคนนั้นคนนี้ทำไมเดินได้โดยไม่หลับหรือนั่งไม่หลับ
เธออธิบายให้ผมฟังว่า อันนี้เป็นหตุที่แต่ละคนสร้างมา *-*

วันต่อมาที่ปฎิบัติได้ดีมากครับนึกในใจว่าทำได้ดีมาก ทั้งเดินและนั่ง
คือเดิน55นาที นั่ง30นาทีดีใจสุดๆๆๆๆ

พอมาพบเธอเธอบอกว่าอย่าดีใจมากเอาเพียงแค่รู้พอ
สมดังเธอว่าจริงๆๆๆวันต่อมาแย่อีกมีอะไรไม่รู้วุ้นวายไปหมด หมดอาลัยตายยากเลย-*-

เครียด พอตอนเย็นพบเธอ เธอบอกว่านี่ละสภาววธรรมมาสอนเรา
แต่เราโง่มากครับคิดไม่ออก นี่คือสภาวะของความไม่เที่ยงมาให้เราเห็น
ว่าทุกสิ่งไม่เที่ยงทั้งสุขและทุกข์

ตอนนี้เธอจะสอนผมให้มีสติตามให้ทันกิเลสที่กิดขื้นในจิต




หมายเหตุ -:
เมื่อก่อนคุณเก๊ะติดเกมส์มากๆ ก่อนที่จะได้มาพูดคุยกัน
ทุกอย่างมีเหตุนะ เราและเขาคงเคยสร้างเหตุมาร่วมกัน

วันนั้น คอมเราแรมเจ๊ง ได้นำไปให้ลูกชายเขาซ่อม
เลยเล่นเน็ตที่ร้านเขา ก็น่าจะ 2 อาทิตย์ได้

ปกติเขากับเราแทบจะไม่เคยคุยกันเลย เพราะเราอยู่แต่ในบ้าน
ถ้าคอมไม่เจ๊ง เราและเขาคงไม่ได้คุยกัน


ooสาธุoo / สวัสดีครับ

สุขที่แท้จริง /
ดีค่ะ มีอะไรจะถามหรือเปล่าคะ

ooสาธุoo / คุยทางเอ็มก็ได้ครับ จะได้คุยกับคนอื่นด้วยครับ

สุขที่แท้จริง /
น้องๆมามืดค่ะ ส่วนอีกคนก็ดึก

ooสาธุoo /
วันนี้ผมเดินได้ดีพอสมควรนะครับ เดิน1ชม นั่ง30นาที ไม่มีอาการงง่วง
แต่พอลงมาที่ร้าน เดินแปปเดียง่วงเลย เลยนั่งหลับไปประมาณ15นาที

พอตื่นล้างหน้า ตานี้เดิน30นาที นั่งได้ประมาณ5นาที เข้าพะวัง เคลิ้ม
เลยลุกขิ้นมาเดินอืก30นาที แล้วนั่งใหม่ ก็เหมือนเดิมครับ เลยเดินอีก ก็นั่งเลยครับ
เราน่าจะหลับได้ง่ายกว่าหรือว่า ไงครับ

สุขที่แท้จริง /
คุณเก๊ะ ต้องเพิ่มเวลาเดินให้มากกว่านี้ค่ะ สมาธิมันมากเกิน สติไม่ทัน

สาธุ / ครับใช่

สุขที่แท้จริง /
ให้เน้นเดินค่ะ

สาธุ / พอนั่งให่มๆๆๆสติดี

สุขที่แท้จริง /
เวลานั่ง เอาแค่นั่งได้ พอรู้ว่าเคลิ้ม ให้เปลี่ยนอริยาบทค่ะ

สาธุ / ให้ผมเน้นเดินเป็นหลักใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง /
ใช่ค่ะ ทำสลับไปมา

สาธุ / ครับ

สุขที่แท้จริง /
นั่งได้แค่ไหน เอาแค่นั้น เพราะสติยังไม่ทัน ถ้าเดินแล้วง่วง ตาจะสว่างขึ้นมาแป๊บ
เอาแค่ตาสว่าง พอเคลิ้ม ให้ลุกเดินต่อ เด๋วไปหาที่ร้านค่ะ

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

May 06

คิดว่าได้เห็นอะไรมาเพิ่มอีกอย่าง


วันนี้มีความตั้งใจในการปฎิบัติมากพอ คิดในใจว่าวันนี้จะต้องเดิน
ให้ได้ 1 ชั่วโมง และนั่ง30นาที ก็ทำได้ดังใจหมาย

ตอนเดินก็มีความคิดเกิดขื้น เธอแนะนำมาแล้วว่าเอาสภาวะความเป็นจริง
ให้ดูอย่างเดียวไม่ต้องไปบังคับสิ่งที่บังคับไม่ได้ ก็พอเห็นนะครับ

แต่พอมานั่งสมาธิเข้าได้ไวครับ แล้วค่อนข้างจะมีสติมากพอควร
นั่งได้ไปประมาณสัก15นาทีได้มั้งครับ ก็เกิดอาการเจ็บปวดบริเวณก้น
จิตก็ไปจับที่ตรงนั้นเราก็ดู มีความคิดเกิดขื้นคือจิตบอกว่าอยากให้
ความเจ็บปวดหายไป สติจับว่านี่คือความอยาก

แล้วพอนั่งต่อไปจิตคิดแต่นาฬิกาที่เราตั้งคือเมื่อไรจะหมดเวลาที่ตั้งไว้
สติก็ดูว่านี่คือความอยากเกิดขื้น





ooสาธุoo says:
วันนี้สงสัยจะได้ดังใจมั้งครับ มีความสุขจนนำตาริน

สุขที่แท้จริง says:
อนุโมทนาค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่ก็สอนตัวเองนะครับว่า ไม่เที่ยง อย่ายืดติดในสภาวะ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างมันไม่เที่ยง

ooสาธุoo says:
ก็ตอนนี้ได้สุขก็จะสอนตัวเองว่าไม่เที่ยง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ สุขก้ให้รู้ว่าสุข แล้วดู ไม่ยึดติด

ooสาธุoo says:
เดี๋ยวเจอกิเลสเล่นเอาอืกนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ

ooสาธุoo says:
ตอนผมนั่งวันนี้นะครับ มีอาการเจ็บปวดที่ก้น แต่ยังมีสติจับที่ลม

สุขที่แท้จริง says:
ก้น ก้นที่นั่งทับ หรือว่าก้นกบคะ

ooสาธุoo says:
ก้นที่นั่งทับครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ แล้วไงต่อคะ

ooสาธุoo says:
ผมว่าน่าจะมีจิตอืกตัวหรือไม่ มาบอกว่าอยากให้หายเจ็บ ผมก็มองอย่างเดียว พอหายไป

ก็มาหาที่นาฬิกาที่เราตั้งเวลาเอาไว้ มีความอยาก ที่แรกก็อืดอัดครับ แต่ก็ดูเฉยๆๆๆๆ
เลยสบายขื้น เลยนั่งต่อไป จนครบเวลาที่ผมตั้งเอาไว้นะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วค่ะ สภาวะอะไรเกิด ให้ดูตามความเป็นจริงอย่างเดียว
เอาจิตมารู้อยู่กับกาย ส่วนไหนก็ได้

ooสาธุoo says:
ครับ ผมใช้ตามที่คุณบอกให้ดูตามความเป็นจริง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ส่วนเรื่องจิต ไม่ต้องไปสนใจ ตอนนี้จิตจะมีแต่เรื่องหลอกลวง คือ กิเลสเรานี่แหละค่ะ

ooสาธุoo says:
มันจะเป็นกิเลสได้ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสค่ะ

ooสาธุoo says:
คืออยากให้เจ็บหาย อยากให้หมดเวลาให้ไว

สุขที่แท้จริง says:
อุปทานไงคะ เรายังมีอุปทานอยู่ ยึดในกายนี้ว่าเป็นของเรา
เอาไว้สมาธิตั้งมั่นได้มากกว่านี้ สติ สัมปชัญญะทำงานได้มากกว่านี้
สภาวะเขาจะคลี่คลายไปด้วยตัวสภาวะเขาเองค่ะ

เรามีหน้าที่คือดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ใช้กำหนดรู้หนอเข้าช่วยก็ได้ค่ะ
อย่างน้อยการเอาจิตจดจ่ออยู่กับองค์บริกรรมจะช่วย
ผ่อนคลายความยึดอยู่กับกายไปได้ชั่วคราว

การคุยแบบนี้ดีอย่าง เพราะเวลาเลิกคุยแล้ว สามารถเซฟเก็บข้อความนี้ไว้ได้

ooสาธุoo says:
ครับผมเขียนลงไปในบล็อก ตอนนี้นะถ้าผมไม่เข้าใจผิดนะ
ตอนที่จิตไปจับที่เจ็บนะครับ ผมว่ายังจับที่ลมอยู่ มี2ตำแหน่งที่ดู

สุขที่แท้จริง says:
จับลมได้ค่ะ คือเข้าใจค่ะว่ามันแยกกันทำงาน รู้ทั้งที่เจ็บ รู้ทั้งลมหายใจ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ๆๆๆๆ ผมก็ดู อย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าไม่ไหว ใช้กำหนดรู้หนอๆๆๆ หายใจยาวๆเข้าช่วยได้ค่ะ ถ้าไหวก็ดูต่อไป
ดูอาการเวทนาที่เกิดขึ้น ถ้าสติดี สมาธิดี มันจะเห็นตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ไปปวด

ooสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้นะครับ ตอนนั่งผมยอมเลยครับว่า ตอนนี้ดูลมได้ชัดและนานขื้นครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เที่ยงค่ะ มีเคลิ้มมั่งมั๊ยคะ

ooสาธุoo says:
ไม่มีแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
ดูพรุ่งนี้อีกวัน ถ้าไม่เคลิ้ม จะให้เพิ่มเวลานั่งค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ แต่มานั่งในร้านยังมีเหมือนเดิมครับ สงสัยนั่งสบาย

สุขที่แท้จริง says:
อ๋อ .. ตรงนี้ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าสะสมหน่วยกิตไป เท่ากับฝึกดูไปด้วย ที่ตรงไหนสบายๆ
เรื่องปกติค่ะ แรกๆสติจะดูดีมากๆ เผลอแปบบ หลับไปตอนไหนไม่รู้

หลับกับเข้าสมาธิต่างกันนะคะ

ooสาธุoo says:
ยังไงครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าหลับนี่ เวลาลืมตาขึ้นมาจะมีอาการง่วงๆ ตาจะออกแดงๆ

ooสาธุoo says:
อ๋อครับ

สุขที่แท้จริง says:
แต่ถ้าเข้าสมาธิ ตาจะใส จิตจะปกติ บางทีมีความสุข ความสดชื่นแถมมา

ooสาธุoo says:
จะมีอาการงัวเงีย

สุขที่แท้จริง says:
นั่นคือหลับค่ะ เอาไว้ดูตัวเองได้ค่ะวิธีนี้ ว่าหลับหรือว่าเข้าสมาธิ เดินให้มากนะคะ

ooสาธุoo says:
ตอนนี้พยายามให้ได้1ชมตอนเต็มรูปแบบ แต่นั่งยังประมาณ30นาทีครับ
ถ้าลงมาที่ในร้านนะครับ เน้นเดินมากว่านั่งนะครับ เพราะถ้านั่งไม่เกิน10นาทีรู้เลยว่าเคลิ้มแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ หมั่นสังเกตุ แล้วปรับอินทรีย์เอง
เวลาลุกจากที่นั่ง กำหนดยืนตั้งสติก่อน แล้วค่อยเดิน อย่าลุกพรึ่บพรั่บ เพราะสมาธิยังค้างอยู่

ooสาธุoo says:
ครับ กี้เพิ่งคุยกับลูกสาวว่าให้ไปถือศีลกับแม่

สุขที่แท้จริง says:
เขาว่าไงมั่งคะ ยอมไปมั๊ย

ooสาธุoo says:
เบียรไปครับ กำลังจะคุยกับใจอยู่อีกคนครับ ว่าให้ไปด้วยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เขาตกลงมั๊ยคะ

ooสาธุoo says:
ยังไม่ได้คุยเลยนะครับ แต่ผมอยากให้เขาไปนะครับ
จิตเขามีความเมตตาอู่ยแล้ว แต่ก็ต้องขื้นอู่ยกับเหตุที่เขาทำมานะครับ

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละค่ะ กัลยาณมิตร ชักชวนกันไปในทางที่ลดเหตุ คือไม่ใช่แค่ไปสร้างกุศล
นี่แหละคือการตัดกรรมที่แท้จริง

ooสาธุoo says:
วันนี้ยังสอบตกเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมหรือคะ

ooสาธุoo says:
แชวเด็ก พอตั้งสติ อ้าวหลุดไปแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
จิตนี่ไวมากๆค่ะ

ooสาธุoo says:
จริงๆๆๆครับที่คุณพูด ถูกนี่ละคือการตัดกรรมจริงๆๆๆๆๆ เราไม่ก่อต่อไป

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เราทำเพื่อตัดกรรม ภพชาติจะได้สั้นลง

ooสาธุoo says:
ต้ดทอนลงมาเรื่อยๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ถึงบอกไงคะ นี่คือการตัดกรรมที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า
ที่ทรงทิ้งทางไว้ให้กับเรา เพียงแต่ว่า เรายังนำมาใช้ยังไม่ค่อยจะเป็นกัน
เลยไปหลงทำแบบอื่นแล้วคิดว่านั่นคือการตัดกรรมที่ได้กระทำไปแล้ว
ตัดแบบนั้นตัดไม่ได้ เพราะก่อไปแล้ว มีแต่การชดใช้เท่านั้น

ooสาธุoo says:
ที่ทรงตรัสว่ากรรมทำกรรมอะไรไว้ต้องชดใช้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่ทางนี้คือไม่สร้างกรรมใหม่

สุขที่แท้จริง says:
ทำไปเพราะความไม่รู้ โกรธแค่แว่บเดียว ไปแล้ว 1 ชาติ
นอกจากการอโหสิกรรมเท่านั้นที่กรรมนั้นสิ้นสุดลง แต่ที่ทำไปแล้ว ต้องชดใช้

ถึงจะอโหสิกรรมต่อกันแล้วก็ต้องชดใช้
ผู้ลงมือกระทำน่ะค่ะ โจทย์1 ให้อภัย โจทย์ 2 รออยู่

เจอโจทย์2 เราให้อภัยเขา ทีนี้หนี้เราหมด
ส่วนเขาก็ไปเจอโจทย์คนใหม่แทน กรรมมันซับซ้อน

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
สอบตก ก็ให้รู้ว่าสอบตก เจริญสติต่อไป
จะรู้ว่าได้ผล ไม่ต้องรอตอนตาย ตอนเป็นๆนี่ก็เห็นผลแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
ตอนนี้ต้องใช้อย่างเดียวกับอาจาร เดิน ไม่ว่ายังก็เดินครับ

สุขที่แท้จริง says:
อนุโมทนาค่ะ อย่างนั้นแหละค่ะ
ต่อให้เอามีดมาจ่อคอ ยังไงก้ต้องเดิน ยอมตายดีกว่าที่จะให้หยุดเดิน

ooสาธุoo says:
มีคนชี้ทางให้แล้ว หาได้ยากสุดๆๆๆแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
อยู่ที่เหตุที่เรากระทำ ส่งผลช้าหรือเร็ว ก็มีปัจจุบันเป็นเหตุใหม่ด้วย
ตอนนี้คุณ กำลังทำพิธีตัดกรรมแล้วนะคะ

ooสาธุoo says:
หมายถืงเหตุใหม่ ก่อให้น้อย

สุขที่แท้จริง says:
พยายามไม่ก่อเลย

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ให้เวลาในการเจริญสติ ไม่เร่ง แต่เพียรตามกำลัง
ถ้าเร่งคือ ความอยากแทรก คลื่นแทรกต้องระวังค่ะ

ooสาธุoo says:
จริงๆๆๆ วันนี้มีความอยาก

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ดูทันยิ่งดี ดูไม่ทัน แค่วันนี้ วันต่อไปจะทันมากขึ้น
เพราะกิเลสจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดเวลา ละเอียดมากขึ้น
เห็นตัวหยาบๆยังพอว่า พอเห็นตัวละเอียด แล้วจะบอกว่า แบบนี้เรามีด้วยหรือ

ooสาธุoo says:
จริงๆๆๆครับ วันนี้พอดีเดินดี เลยมีความอยาก จริงๆๆๆๆครับ กิเลส

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ถ้ารู้ไม่ทันก็หลงเลย

ooสาธุoo says:
สอบตกเลยผม

สุขที่แท้จริง says:
ใหม่ๆก็เป็นค่ะ แล้วมันจะค่อยๆดีขึ้น

ooสาธุoo says:
แล้วอย่างนี้ เราจะต้องกำหนดเวลาเดินดีไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
กำหนดตั้งเวลา หรือรูปแบบคะ

ooสาธุoo says:
รูปแบบนะครับ ว่ากี่โมงปฎิบัติ

สุขที่แท้จริง says:
เวลาของคุณไม่แน่นอน เอาตามสะดวกดีกว่าค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
เต็มรูปแบบคือหลังปิดร้านไงคะ

ooสาธุoo says:
เต็มรูปแบบของผมผมทำตอนเช้านะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ ตอนไหนก็ได้ ที่สะดวกที่สุด แบบไม่ต้องไปกดดันตัวเอง

ooสาธุoo says:
อ๋อครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทำเพราะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ครอบครัวเราดีขึ้น
ไม่ต้องไปมุ่งหวังในสิ่งที่เขาพูดๆกัน อันนั้นมองเห็นเป็นรูปธรรมไม่ได้
มันแค่เปลือกที่เราเห็นตามที่เขาพูดๆกัน ถ้ามุ่งหวังแบบนั้นนะ บอกตามตรง เห็นมากมาก
กิเลสความอยากเป็น ลากเอาไปกินหมด

ooสาธุoo says:
คือผมถามต่อนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถามได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
คือเรื่องความอยาก คือเราเดิน เดินทั้งๆๆๆที่มีสติจับ แต่อาจจะมีความอยากเข้ามาผสมใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
เหมือนกับผมมีจุดมุ่งหมายว่า

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสแทรกได้ตลอดเวลา แค่เดินแล้วเรารู้สึกว่าดีจังเลย
แค่รู้สึกแค่นี้ ความอยากจะวิ่งมาเลย อยากเดินได้แบบนี้บ่อยๆ

ooสาธุoo says:
อยากให้สติดีมากขื้น

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ห้ามยากค่ะ ถ้าสติยังไม่ทัน
เราทำต่อเนื่อง ไม่ต้องไปยาก ยังไงๆๆๆ สติ สัมปชัญญะย่อมดีขึ้น
อย่างแน่นอนค่ะ แล้วเราจะต้องไปอยากทำไมล่ะคะ

ooสาธุoo says:
ฮือใช่ๆๆๆครับ

สุขที่แท้จริง says:
เห็นป่ะ จริงๆแล้วคุณเองก็รู้คำตอบอยุ่แล้ว เพียงแต่ปากไว

ooสาธุoo says:
ครับใช่ๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกๆคำตอบ มันมีให้กับเราอยู่แล้วค่ะ ตัวเรานี่แหละ

ooสาธุoo says:
ครับ ตัวนี้ผมไม่ได้ดูจริงๆๆๆๆ มีความอยากมาผสม

สุขที่แท้จริง says:
ใช้เวลาค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วจะเข้าใจทุกๆอย่าง เหมือนถอดตัวคำถามออกมาทีละชิ้นๆ
พอสติดีขึ้นระดับหนึ่ง จะได้คำตอบไปเรื่อยๆทีละสภาวะ
สภาวะที่เราสอบผ่านได้ นั่นคือคำตอบ ถ้าทำได้ต่อเนื่องนะคะ เท่ากับเราเป็นทั้งบิดาที่ดี
และแม่ก็เป็นแม่แบบที่ดี อนาคตลูกย่อมดีอย่างแน่นอน

ก่อนนอน เดินจงกรมสัก 10 นาที นั่ง 5 นาที
แล้วแผ่เมตตา กรวดน้ำสิคะ สะสมหน่วยกิตก่อนนอน
ฝึกให้จิตเสพสิ่งที่เป็นกุศล อย่าลืมบันทึกหลังจากปฏิบัติแล้วนะคะ

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไว้เจอกันใหม่ค่ะ

ooสาธุoo says:
วันนี้ผมก็บันทืก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ควรบันทึกทุกวันค่ะ แล้วจะเห็นการพัฒนาของจิต

ooสาธุoo says:
ครับ

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

วันที่ 3

oสาธุoo says:
ผมปฏิบัติ ตอนเดินไม่มีอะไรครับ
ตอนนั่ง น่าจะเป็นความคิด กิเลสคือว่า คิดว่าร้างกายเรามาอาศัยอยู่

สุขที่แท้จริง says:
เป็นไงหรือคะ ก็เข้าไปในบล็อก ไม่เห็นนบันทึกอะไรไว้

ooสาธุoo says:
วันนี้หงุดหงิด ไม่เที่ยงครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เข้าใจค่ะ ต่อค่ะ เรื่องร่างกาย ทำไมหรือคะ

ooสาธุoo says:
พอนั่งมีอาการเจ็บปวด มีความคิดว่าร่างกายเรามาอาศัยอยู่ บังคับไม่ได้
แล้วความเจ็บปวดนะ จะไปสนใจทำไม ทำนองนี้นะครับ เหมือนว่าความเจ็บปวดจะน้อยลง
ในคิดต่อไปว่า แปปนะครับผมลืม

สุขที่แท้จริง says:
เห็นไหมคะ บอกแล้ว ทำเสร็จ ให้จดไว้เลย จดใส่สมุดน่ะค่ะ จดไว้ก่อน ลืมแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ คิดว่าน่าจะเป็นกิเลส ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
อันนี้เป็นวิธีพิจรณาค่ะ เพื่อไม่ให้จิตไปยึดมั่นในกาย ในความปวดที่เกิดขึ้น
เลยทำให้ความปวดที่เป็นอยู่เบาบางลงไปค่ะ

ooสาธุoo says:
พอดีผมยังแบ่งไม่ออกว่า ผมลงไปคิดด้วยไหม แต่ว่าผมยังจับลมอยู่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ คือ สมาธิกับสติ สัมปชัญญะ ทำงานร่วมกัน
จะสามารถรู้รายละเอียดทั้งหมดได้พร้อมๆกัน แต่สภาวะที่เกิดขึ้นจะแยกออกจากกัน
โดยที่ว่าไม่มีผลต่อสมาธิ สมาธิยังคงเกิดต่อเนื่อง ความคิดส่วนความคิด กายส่วนกาย
ลมหายใจส่วนลมหายใจ สมาธิจะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิของคนนั้นๆค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้พอดีว่าหงุดหงิดเด็ก แต่ก็ดูกาย แต่ยังมีอารมติดค้าง อึดอัดมากครับ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะเบิดเลยครับ แต่อึดอัดแบบนิมๆๆๆนะครับ รู้สติวันนี้สอบตก

สุขที่แท้จริง says:
ใหม่ๆแบบนี้แหละค่ะ อย่างน้อยได้รู้ว่าสอบตก ดีกว่าคนที่ยังไม่รู้คะ สอบตก เราก็สอบใหม่ได้

ooสาธุoo says:
เลยหันมาอ่านบอ๊กที่คุณน้ำแอดไว้ให้ อ่านแล้วมีกำลังครับ ตอนนี้โล่ง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เมื่อไม่ยึด มันจะเบา

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ดีก็ไม่ยึด แย่ก็ไม่ยึด แค่รู้ลงไปและดูตามความเป็นจริง ไม่คิดหนีหรือปฏิเสธในสิ่งที่เราเป็น
หน้าที่คือ เจริญสติต่อไป แล้วสภาวะที่เกิดขึ้นเขาจะจบลงด้วยตัวเขาเอง โดยเราไม่ต้องไปคิดแก้ไขอะไร

ooสาธุoo says:
อ๋อผมนืกออกแล้วครับ คือว่า ผมดูนะว่ามีคนเล่น1คนรู้1และก็คยดู1

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ จิตน่ะค่ะ ถ้าดูเราจะเห็น ถ้าไม่ดูก็ไม่เห็น บางทีดูก็ไม่เห็น

ooสาธุoo says:
มันซ้อนกันใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ต้องมีสติและสมาธิในระดับหนึ่งจึงจะเห็นตามความเป็นจริงทีเกิดขึ้น

ooสาธุoo says:
เมื่อก่อนเรื่องความคิดเกิด สติไปจับหรือยังไงอธิบายไม่ถูกนะครับ มันหาย

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าสติเกิดทัน ความคิดจะดับค่ะ ทำไปเรื่อยๆค่ะ แล้วจะมีความรู้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ

ooสาธุoo says:
ครับ เรามีหน้าที่คือดูอย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เจริญสติค่ะ
ooสาธุoo says:
คุณน้ำครับ บล็อกแรกๆๆๆนะ หาอ่านได้ที่ไหนครับ แต่ที่คุณแอดให้นะอ่านแล้ว พอได้ครับ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าไปที่แอดให้สิคะ เลื่อนเมาท์ลงมา แล้วมองที่ซ้ายมือ จะมีเดือนแต่ละเดือนอยู่ เข้าตามเดือนน่ะค่ะ
เดือนล่างสุด คือ เดือนแรกที่เขียนบันทึก นี่คือเดือนแรก มองซ้ายมือน่ะค่ะ เป็นเดือนAugust 2007

ooสาธุoo says:
ครับเจอแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เวลาอ่านสภาวะ อ่านตั้งแต่แรก ส่วนปัจจุบันคือสภาวะที่เป็นในปัจจุบัน
สภาวะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เหตุที่เราเคยทำไว้กับคนอื่นๆ
เราจึงต้องชดใช้เขาไป

ให้ดูตามความเป็นจริง ยามที่เจออะไรที่หนักๆในชีวิต จะได้ไม่ไปยึดติด
จนทำให้ตัวเองต้องทุกข์ใจมากมาย เพราะนั่นคือเหตุที่เราเคยกระทำกับคนอื่นๆไว้ ซึ่งเราอาจจะจำไม่ได้

ooสาธุoo says:
ใช้ได้ดีมากครับ ตอนนี้ผมเจอเรื่องพวกนี้

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเรามองได้แบบนี้ตลอดนะคะคุณเก๊ะ การปฏิบัติจะไปได้ไว

ooสาธุoo says:
ผมจะนึกว่าใช้กรรม

สุขที่แท้จริง says:
โมทนาค่ะ นั่นแหละคือสิ่งที่ควรทำ

ooสาธุoo says:
พอนืกแล้วนะครับ เราสบายใจมากเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ยามเมื่อเกิดการกระทบ จะได้ไม่ไปใช้อารมณ์หรือไปตอบโต้ใครๆเขา ฟังให้มาก พูดให้น้อยลง

ooสาธุoo says:
เหมือนกับว่า .. จริงครับ ถ้านืกว่าใช้กรรมที่เราก่อมา จะสบายใจมากเลยครับ
เหมือนที่คุณเขียนว่าถ้าเราไม่ไปกอ่ก่อนเขาจะมาทำกับเราหรือ นี่ละความจริง ถ้าเขาทำกับเราก่อน

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้ายังไม่เข้าใจตรงนี้ กรรมใหม่ที่เป็นอกุศลย่อมก่อไม่รู้จักจบ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ให้ความคิดผมเยอะมากเลย คิดอย่างนี้ไม่มีคาใจเลยครับ ตัดเลย ไม่ก่อภพก่อชาติอีก

สุขที่แท้จริง says:
ถึงบอกไงคะว่า เราเข้าสู่เส้นทางการตัดกรรมที่แท้จริง

ooสาธุoo says:
จริงครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ใช่ไปเชื่อหมอดู ไปทำพิธีตัดกรรมแบบที่เขาพูดๆกัน
แต่อย่างว่าแหละค่ะ ขึ้นอยู่กับเหตุที่แต่ละคนกระทำมา ผลก็เลยแสดงออกมาเป็นแบบนั้น
นับว่ากุศลของเรายังมี ไม่สายเกินไป ที่ยังตัดกรรมได้ทัน อาจจะมากหรือน้อย ไม่ไปคาดเดา
มีหน้าที่คือทำต่อเนื่อง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ได้เห็นแค่นี้นะครับ ผมว่าสุดยอดเลยครับ ไม่ก่อใหม่ ใช้เก่า

สุขที่แท้จริง says:
พอเข้าใจ เราก็วางได้ ปฏิบัติก็ไม่ไปคาดหวังผล ยิ่งทำให้เบาสบาย

ooสาธุoo says:
ครับ สิ่งนี้ละผมกลัว ความอยาก อยากได้ของดี

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ตัวนี้แหละตัวร้าย ถ้าทำต่อเนื่อง กำลังของสติ สัมปชัญญะจะมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ

ooสาธุoo says:
เดี๋ยวนี้เลยตั้งว่า เออผมถามอีกทีนะครับ
ถ้าเวลาผมนั่งเฉยๆๆๆ ผมดูลม
เอาใหม่ พอผมนึกขื้นได้ว่าไม่มีสติ ผมจะนึกถึงให้ จิตมาจับที่ลมแล้วปล่อย นี่เป็การสร้างอะไรไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
เป็นการฝึกค่ะ ในการรู้อยู่กับกาย โดยเอาจิตรู้กับลม หรือรู้กับท้องพองยุบ ทำได้หมดค่ะ
ทำบ่อยๆ สติ สัมปชัญญะและสมาธิจะดีขึ้น ทุกวันนี้น้ำเองก็ทำแบบนี้ค่ะนั่งว่างๆ จะเอาจิตรู้อยู่กับพองยุบ
นี่ระหว่างคุยกับคุณเก๊ะ ช่วงที่ไม่ได้พิมอะไร จิตมันจะจับพองยุบเอง

ooสาธุoo says:
เราตอ้งเอาสัญญามาใช้กอ่นใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แรกๆจะเป็นแบบนั้น พอสติดี จะรู้เองโดยไม่ต้องนึก

ooสาธุoo says:
อ่านแล้วครับ ยอดมากครับ จากไม่รู้อะไรเลย มาได้ถึงขนาดนี้
อ่านแล้วผมยังทำได้ง่ายกว่า ผมจะมีพี่เลี้ยงตลอด อ่านแล้วเป็นกำลังใจดีครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุที่ทำมาค่ะ บางคนเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก บางคนไปฉลุยเลย
จากที่ไม่รู้อะไรเลย ยิ่งกว่าคุณเก๊ะอีก

ooสาธุoo says:
แต่พูดตรงๆๆๆนะครับ พอคุณ สอนให้ดูสภาวะนะครับ เดี๋ยวนี้ไม่ทุกข์กับการปฎิบัติมากเหมือนเก่า
เมื่อก่อนเหมือนคุณเลย พอมีพี่เลี้ยงทีก็เจอดีไปที พอเจอพี่เลี้ยงทีก็ทำที

สุขที่แท้จริง says:
ทุกข์ตรงนี้ยังไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ สภาวะที่มีคิดแก้ไขนี่ทุกข์สุดๆ

ooสาธุoo says:
ทำไปไม่กาวหน้าก็เบื่อ นึกอยากเลิก เพราะหล่นลงมาเหมือนกับเริ่มใหม่
นึกย้อนไปท้อสุดๆๆๆๆ แต่เดี๋ยวนี้คุณสอนผมให้ดูตามความเป็นจริง
หล่นก็คิดนะครับ แต่คิดว่าไม่เที่ยง ก็ลุกขื้นใหม่ หาอะไรทำให้สบายใจกอ่น แล้วก็เดินต่อครับ

สุขที่แท้จริง says:
เพราะเมื่อก่อนคุณ มีความคาดหวังไงคะ ความคาดหวังคือความอยาก
เมื่อไม่ได้ดังที่คาดหวัง เลยทำให้ท้อ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ความอยากนี่ละ ที่สุดๆๆๆเลย อยากเป็นอย่างเขา

สุขที่แท้จริง says:
แต่พอมาเข้าใจถึงความไม่เที่ยง และเริ่มดูตามความเป็นจริงเป็น ใจมันก็วางไว ไม่ว่าจะฟูหรือแฟ่บ

ooสาธุoo says:
แต่เราไม่ได้ดูตัวเราเอง เมื่อคิดว่าเรานี่ดีกว่าเขามีทิฐิมากครับ เราเก่งเราแน่
พอดีวันนี้ละก็คิดว่าเราสำเร็จแล้วไม่ยากดังคิด
แต่พอขื้นวันใหม่ทำเหมือนเก่าทุกอย่าง ไม่เห็นเหมือนเลย

มีความอยากเกิดขื้น เลยทุกข์มากครับ
สภาวะทุกอย่าง ผมเห็นแต่ไม่รู้นะครับว่านี่คืออะไร เกิดมาสอนเรา เราโง่เอง แต่พอตอนนี้

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เราทุกคนพอเกิดมาก็เกิดมาพร้อมกับความโง่ตั้งแต่แรกแล้วแหละค่ะ
เพราะความไม่รู้ จึงทำให้ก่อภพชาติยืดยาว

ooสาธุoo says:
คุณสอนให้ผมดูสภาวะ ดูว่านี่คืออะไร แค่นั้นละ พอมากระทบ จริงดังที่คุณสอน มันมีเหตุ
เดี๋ยวนี้จะระวังตัวเองมากครับ ให้มีสติเกือบตลอด

ที่เคยกล่าวว่า ไม่น่าปฎิบัตเลย เห็นทุกข์เยอะมาก เดี๋ยวนี้นะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ทุกอย่างคือเหตุที่เราทำไว้ เพียงแต่ตอนก่อนที่เราตอบโต้ เพราะยังไม่รู้
พอรู้และเข้าใจแล้ว ใจเลยวางได้ไว ไม่ไปตอบโต้ใดๆ ใจก็ไม่ไปทุกข์แบบก่อนๆ

ooสาธุoo says:
เห็นแล้วใช้กรรมที่เราทำกับเขามา

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เห็นแล้ว สงสารตัวเองนะคะ มีเรานี่มันร้ายจริงๆ พอมีเราน้อยลง ทำแบบสบายๆ กระทบเราก็รู้
แต่ไม่ไปปรุงตามสิ่งที่มากระทบ

ooสาธุoo says:
เมื่อก่อนผมปฎิบัตกับพ่อผมนะ เเกล้งทำนะครับ ไม่ได้ทำด้วยใจ
เดี๋ยวนี้ทำดว้ยความจริงใจครับ ทำแล้วได้อะไรผมพูดไม่ถูกนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
สติไงคะ สติมา ปัญญาหรือสัมปชัญญะเกิด ตัวปัญญาเกิด ทำให้เห็นแต่เหตุที่กระทำ และผลที่ต้องได้รับ
เมื่อปัญญาเกิด หยุดเลย การก่อภพชาติ จิตมันไม่เอา เพราะรู้แล้ว

ooสาธุoo says:
นี่แฟนก็ขื้นไปทำแล้ว เดี๋ยวนี้กลับมาทำเอง โมทนาด้วยเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
อนุโมทนาค่ะ ครอบครัวหมั่นสร้างเหตุดี ผลย่อมดีแน่นอน ถึงแม้ไม่หวังก็ตาม
เมื่อคืนได้ทำก่อนนอนหรือป่ะคะ

ooสาธุoo says:
ทำครับ แต่ไม่ได้มากครับ เพราะงว่งมาก เออผมมีอะไรจะเล่าให้ฟังครับ

สุขที่แท้จริง says:
เดิน 10 นาที นั่ง 5 นาที ก็พอแล้วค่ะ ค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อคืนเดินออกไปรับแฟนตอนเที่ยงคืน จิตคิดว่ามีผี คิดแล้วขนลุกเลย พยายามดืงกลับมารู้ที่กาย
แต่คิดว่าผมง่วงมาก เลยเดินไปรอปากชอย กำหนดลมค่อยดีขื้น
เวลาแฟนเข้าบ่ายนะ เวลาออกจากบ้านจะนืกถืงผีประจำ เวลาง่วงมากๆๆๆนะครับ
แต่พอไม่งว่ง ไม่นึก

สุขที่แท้จริง says:
จิตไปได้สารพัดแหละค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ไวด้วย

สุขที่แท้จริง says:
ให้กลัวก็ได้ ให้กล้าก็ได้ แถมหลอกตัวเองก็ได้ด้วย

ooสาธุoo says:
เหมือนกับผมได้ฟังมาว่า ใบไม้ใบเดียวจิตยังปั้นให้เป็นผีได้เลย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
เออผมถามอีก เวลาเรามองอะไรก็แล้วแต่ มองไปแต่ไม่ได้คิดอะไร เราต้องกำหนดไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
แค่รู้ค่ะ

ooสาธุoo says:
อ๋อ รู้ว่าไม่ได้คิดใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเราปล่อย นั่นคือ เรากำลังเผลอ แล้วจะทำให้ใจกลายเป็นคนในลอย รู้ว่าเห็น สักแต่ว่าเห็น
มันมีเหตุนะคะ ในการกระทบแต่ละครั้ง สังเกตุนะคะ

บางคนที่เรากระทบ เราจะมีความคิดเกิดกับคนๆนั้น หรือกับสิ่งที่เรากระทบ
แต่บางสิ่งกลับไม่มีผลกระทบ คือที่คุณเก๊ะบอกว่า มันไม่มีความคิด
เราทุกรูปทุกนาม ไม่มีใครที่ไม่เคยสร้างเหตุมาร่วมกัน แต่จะมากหรือน้อยเท่านั้นเองค่ะ

ooสาธุoo says:
ฮือใช่ๆๆๆๆๆครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้ากระทบแล้วเกิดความรู้สึกรุนแรงไม่ว่าทางชอบหรือชัง นั่นคือ
ผลที่เรากำลังจะได้รับที่เราเคยทำไว้กับคนๆนั้น เราจะได้มีสติตั้งรับได้ทัน
เวลาเกิดการกระทบไปในทางที่ไม่ดีและดี จะได้ไม่ไปยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้น

oสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้นะครับ ผมแทบจะหายสงสัยทุกอย่างเลยครับ เดี๋ยวมันก็จะปรากฏให้เห็นเอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สภาวะเขาจะสอนเราเอง เรามีหน้าที่คือ เจริญสติ
ทุกๆคำถาม ได้คำตอบด้วยตัวเราเอง จากสภาวะนี่แหละค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้นะครับ ผมไม่สงสัยเลยที่คุณบอกว่าอยู่เขตปลอดภัย

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจชัดเลยใช่ไหมคะ

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงแม้ตายก็ไม่กลัว ถึงแม้จะมีชีวิตอยู่ก็ไม่กลัว
เมื่อก่อน ตอนที่ครูบาฯบอกว่า เราต้องตายก่อนท่าน ใจแป้วเลย
แต่ตอนนี้เฉยๆ จะตายหรือไม่ตาย ล้วนไม่เที่ยง สร้างเหตุใหม่ประจวบเหมาะก็ต่อายุต่อไปได้
อย่าลืมทำ ก่อนนอนนะคะ เดิน 10 นั่ง 5

ooสาธุoo says:
ครับ

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

May 08


เมื่อคืนได้คุยกับคุณน้ำ(พี่เลี้ยง)ได้อะไรมากมายเลยครับ
วันนี้ก็ปฎิบัตต่อครับคือเดิน 1 ชม นั่ง30นาที(ว่าจะนั่งให้ได้50นาที)

วันนี้นั่งเหมือนว่าสมาธิไม่มีเลยแต่ก็พยายามนั่ง แล้วก็ทนไม่ได้แต่ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดนะครับ
เหมือนว่าสมาธิไม่มีเดี๋ยวขยับมือๆๆๆ

วันนี้อากาศรอ้นมากไปข้างนอกมาเจออากาศร้อน พอเข้าร้านมารู้เลยว่าหงุดหงิดมาก
แต่ก็พยายามรู้อยู่ที่กาย แล้วก็จะเตือนตัวเองเสมอว่า1ภพ1ชาติ วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ
เดินไปเรื่อยๆๆๆๆเดี๋ยวก็ถืงเอง ถ้าผมผิดแก้ให้ผมด้วยนะครับ

ผมว่าการเดินนะได้สติแต่ถ้านั่งเลยได้สมาธิใช่ไหมครับ
ถ้าคิดนะครับ วันนี้ก็ถือว่าสอบตก แต่ให้กำลังใจตัวเองว่าก็ผมยังได้สอบ สักวันต้องสอบผ่านครับ


ooสาธุoo says:
สวัสดีครับ

สุขที่แท้จริง says:
ดีค่ะ ได้ข่าวว่าวันนี้สอบตกอีกหรือคะ ตกบ่อยๆน่ะดีค่ะ จะได้จำสภาวะแม่นมากขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับ ร้อนแล้วเด็กเยอะนะครับ ต้องรบกับเด้ก

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ

ooสาธุoo says:
อ่านแล้วใช่ไหมครับ อันท้ายนะใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เพิ่งอ่านมา นั่นแหละคือตัวทดสอบของคุณเก๊ะ บอกแล้วอย่าคาดหวังล่วงหน้า โดนเลย

ooสาธุoo says:
ครับ คือว่า การเดินนะครับเป็นการสร้างสติใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทั้งสติ สัมปชัญญะ และสมาธิค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมนืกว่าเดินสร้างสตินั่งสร้างสมาธิ

สุขที่แท้จริง says:
การนั่ง ได้ทั้งสติ สัมปชัญญะและสมาธิ
แต่การนั่งมีจุดด้อยอยู่อย่างคือ ถ้าสมาธิล้ำหน้า เราจะทำอะไรไม่ได้เลย

ooสาธุoo says:
ครับ อ๋อครับ วันนี้นะครับ ผมนั่ง ผมก็งงนะครับ ไม่รู้ยังไง มีสมาธิ

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นยังไงหรือคะ ที่ว่าสงสัยของคุณเก๊ะน่ะค่ะ แล้วทุกทีเวลาที่เป็นสมาธิทำไมถึงรู้ล่ะคะ

ooสาธุoo says:
งงนะครับวันนี้นะ คือมีสมาธิ แต่เหมือนกับไม่มี มองอะไรไม่ชัดเลยครับ ผมคิดว่าคงไม่เที่ยงนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
มองอะไรคะที่ว่ามองไม่ชัด

ooสาธุoo says:
ทั้งลม ทอ้งและหน้าอกนะครับ แต่ตอนเดินนะครับ เห็นลมหน้าท้อง ชัด

สุขที่แท้จริง says:
มองไม่ชัด แต่รู้แผ่วๆใช่ไหมล่ะคะ ตอนนั่งน่ะคะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
อันนี้เกิดจากจิตเป็นสมาธิสูงกว่าสติค่ะ แต่ไม่ถึงกลับขาดความรู้สึกตัว
เลยทำให้เราจับได้แค่ความรู้สึกแผ่วๆของกาย แต่พอสักพักก็กลับมารู้แบบปกติ
ทำไปเรื่อยๆ จะเจอแบบนี้บ่อยมากขึ้นค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
บางทีเจออาการสัปหงกข้างใน คือ หัวไม่ได้สัปหงก เราไม่ได้ง่วง แต่ภายในคือ จิตของเรา
มันจะสัปหงก ตรงนี้ อย่าไปคิดว่าหลับนะคะ จิตเขาเกิดสมาธิสูง จะดับไประยะสั้นๆ เหมือนเราดีดนิ้วมือ
อาจจะเกิดได้เป็นสิบๆครั้งขึ้นไป หรือเกิดน้อยกว่านั้นก็ได้ แล้วแต่กำลังของสมาธิ

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
เห็นไหมคะ สภาวะซ้อนสภาวะ บางคนอาจจะคิดว่า อาการสัปหงกมีแค่ภายนอกคือหัวสัปหงก
แต่จริงๆแล้วภายในก็มี คือ จิตสัปหงก

ถ้าจำคำศัพท์ไม่ผิด เขาเรียกจิตตกภวังค์ คือ มันงุบลงไป แล้วเราก็รู้ตัวตลอด งุบก็รู้ว่างุบ
ไม่อยากใช้คำศัพท์ เดี๋ยวนำมาถกเถียงกันวุ่นวาย

oสาธุoo says:
ตอนนี้นะครับ ตอนผมเดินนะครับ มันจะมีความคิดเกิดขื้นมาเป็นระยะๆๆๆ แล้วก็กลับมารู้กับเท้า

สุขที่แท้จริง says:
เกิดได้ค่ะ คือ ขณะที่เกิดความคิด เราก็รู้ถึงความคิดที่เกิดด้วยและรู้ที่เท้าได้ด้วย
กับอีกอย่างคือ เกิดความคิด รู้ที่ความคิดก่อน แล้วถึงกลับมารู้ที่กาย ตกลงแบบไหนคะ

ooสาธุoo says:
ครับ น่าจะอย่างนี้อะเปล่าครับ เหมือนที่คุณบอกว่า จิตมีหลายหน้าที่ ในตัวเดียวกัน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ในตัวเดียวกัน นั่นคือเราคิด แต่จริงๆแล้วจิตเกิดดับอยู่ทุกขณะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เราคิด
ผมเดินนะครับรู้กาย แต่พอเราดูมันหยุดคิด บ้างทีก็คิดจนจบ
ผมว่าตัวผมนะ เวลานั่งนะครับ ผมรู้ความคิด

สุขที่แท้จริง says:
อ่อ ... ค่ะ เข้าใจค่ะ คิดเกี่ยวกับอะไรรู้ได้หรือเปล่าคะ หรือว่ารู้ว่าคิด แล้วเราไปหยุดดูมันเอง
ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคิดอะไร เอาเวลาเดินก่อนค่ะ

ooสาธุoo says:
รู้ว่าคิดอะไรนะครับ รู้ครับว่าคิดอะไร

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ คิดทั่วๆไปหรือคิดเกี่ยวกับธรรมะหรือคิดเรื่องส่วนตัว

ooสาธุoo says:
ต่อครับ คิดธรรมะบ้างเรื่องทั่วไปบ้างครับ
แต่ถ้าเป็นธรรมะนะครับ ผมจะเหมือนกับว่าลงไปเล่นด้วยนะครับ
จะเป็นอย่างนี้อะเปล่าครับ คือเดินนะสมาธิผมไม่คอ่ยมี
แต่พอมานั่ง มีสมาธิเห็นความคิด แล้วจะดับได้ไวนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เวลาเดินจงกรม ถ้าคิดธรรมะ หรือเรื่องทั่วๆไปก็ตาม อาจจะมีแง่คิดดีๆเกิดขึ้น
เพราะเมื่อตัวสัมปชัญญะเกิด จะมีตัวปัญญาเกิด คุฯเก๊ะลองจดๆดูไว้มั่งสิคะ
เวลาเดินจงกรมแล้วเกิดความคิดน่ะค่ะ แต่ถ้าเวลานั่งอย่ามาลืมตาจดนะคะให้แค่รู้

เวลาเดิน ไม่ว่าจะมีสมาธิหรือไม่มีสมาธิ ความคิดเกิดได้ตลอดเวลาค่ะ อยู่ที่ว่าสติทันไหม
ถ้าสติทัน มันก็ดับ ไม่ก็สักแต่ว่ารู้ว่าคิด แต่ไม่ไปยุ่งกับความคิด

ooสาธุoo says:
แสดงว่าน่าจะแค่ดู

สุขที่แท้จริง says:
ดูตามความเป็นจริงค่ะ ส่วนจะเกิดสมาธิหรือไม่เกิด ไม่ต้องไปกังวล
ถ้าไปคาดหวังเรื่องสมาธิเกิด เท่ากับเราไปจ้องดู

ooสาธุoo says:
ครับๆๆๆๆ วันนี้นะครับ พอดีเกิดคิดเยอะพอควร ตอนนี้นะครับ ผมอาจจะเพิ่งเดินก็ได้ครับ

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะความคิดเกิดเยอะ แต่วันนี้น้ำนั่งหลับทั้งวัน มันไม่เที่ยงเห็นมั๊ยคะ แต่ละคน

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ฉะนั้นดูตามความเป็นจริง อย่าไปจดจ้องว่าสมาธิจะเกิดไหม
ถ้าสมาธิเกิดก็แค่รู้ อย่าไปคาดหวังว่าต่อไปจะต้องเหมือนเดิม

ooสาธุoo says:
น่าจะใช่ วันนี้ผมน่าจะไปจ้อง ตอนเดินว่าจะเกิดสมาธิไหม ผมน่าจะไปจอ้งนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะเขามาสอนเราตลอดเวลา ความไม่เที่ยง เพื่อเราจะได้ไม่ไปยึดติดทั้งดีและไม่ดี

ooสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้ผมจะดับเรื่องดีๆๆๆๆได้ไวนะครับ เมื่อกอ่นนะครับ จะพองอยู่นานเชียวละ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ เคยเป็น กร่างงเลย

ooสาธุoo says:
ตอนนี้พอสภาวะบอกว่าไม่เที่ยง ดีก็ดูแย่ก็ดู ถ้าเมื่อกอ่นละก็ ดีวันนี้ พรุ่งนี้แย่ละก็หาทางแก้แล้ว
ถ้าแก้ได้ผลก็เราเก่งอืก ไม่ได้ก็ท้อ แต่พอคุณสอนให้ดูความไม่เที่ยง เลยไม่ยึด ได้ผลครับ

สุขที่แท้จริง says:
ยิ่งคิดแก้ไข ยิ่งแย่ เพียงรู้ว่ามันไม่เที่ยง นั่นคือ ไม่ต้องแก้ไขอะไรเลย

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
แล้วสภาวะเขาจะดำเนินไปด้วยตัวของสภาวะเอง ถูกทดสอบตลอดเวลาค่ะ
พอเราคิดว่าเริ่มทำได้แล้วนะ เริ่มวางได้แล้ว จะโดนเยอะหน่อยนะคะ ทัมมใจไว้ได้เลยค่ะ
ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ให้แค่รู้ค่ะ ไม่งั้นกิเลสมันเห็นช่อง มันจ้องเล่นเลย

ooสาธุoo says:
ครับ ผมส่งบันทืกที่คุณน้ำให้มา ส่งไปให้เพื่อนผมอ่าน ให้เขาอ่านกอ่นแล้วคอ่ยคุยกับเขาอีกที
เพราะถ้าให้ผมเล่าให้เขาฟัง ไม่น่าตื่นเต้นเลยส่งไปให้เขาอ่าน

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ ใครๆอ่านก็ได้ค่ะ แหมมม มีงี้อีก

ooสาธุoo says:
จริงๆๆๆครับ ผมเวลาเครัยดๆๆๆนะครับ ผมอ่าน ให้กำลังใจดีครับ
อนุโมทนาค่ะ ที่เรื่องราวช่วยสร้างกำลังใจให้คุณเก๊ะได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมว่าตอนนี้สภาวะนะที่เกิดกับผมนะครับ มันยังไม่ชัด ผมต้องดูต่อไปเรื่อยๆๆๆๆ เดี๋ยวชัดเอง
แต่ถามว่าตอนนี้ สติจะไวขื้นมานิดเดียวแล้ว ดีใจแล้ว เมื่อกอ่นเจอแฟนพูดเรื่องไม่พอใจจะงอน
เดี๋ยวนี้นิ่งครับ แต่ผมดูที่ใจผมมากกว่าหน้าตาอาจนิ่งจริง แต่ใจไม่ใช่
เดี๋ยวนี้ดูที่ใจมากกว่าครับ ว่ามีคาใจไหม

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ สติจะเป็นตัวบอกเราเอง สติทัน มันจะไม่ไปปรุงแต่งกับสิ่งที่มากระทบ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ถึงบอกว่าผมไม่ถามแล้วว่าผมทำถูกไหม กระจ่างแจ้งด้วยตัวเอง

สุขที่แท้จริง says:
เห็นไหม ทุกคำตอบ ได้จากสภาวะของเราเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอก คุณเก๊ะเริ่มเข้าใจสภาวะมากขึ้น
ทำแล้วกิเลสลด สติมากขึ้น นั่นแหละ เห็นทางแล้ว

เพราะเมื่อสติมากขึ้น หิริ โอตัปปะจะมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทีนี้ศิลเขาจะชำระด้วยตัวเขาเอง
ศิลสะอาดด้วยตัวเขาเอง เราไม่ต้องมาระวังหรือคอยรักษาแบบแรกๆ
ooสาธุoo says:
ครับ

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

9 พค.53


ooสาธุoo says:
วันนี้ไม่ได้ทำเต็มรูปเลยครับ มาเดินในร้านประมาณ 30นาที นั่งไปประมาณ20นาที
ผมว่าที่ผมหลุดบอ่ยๆๆๆนะ ผมเผลอปล่อยให้จิตว่าง ไม่ให้ดูลมตลอด น่าจะเป็นอย่างนั้นไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใหม่ๆจะแบบนั้นแหละค่ะ ไม่ต้องกังวล ให้ทำแบบปกติ รู้เท่าที่รู้ได้
ไม่ต้องไประวัง เดี๋ยวจะเครียดเอาน่ะค่ะ ทันคือทัน ไม่ทัน แค่รู้ว่าอ้อ ไม่ทัน
เคยใช้ชีวิตยังไง ให้ใช้ปกติค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมพยายามจะไม่ไปจ้องนะครับ พอนืกได้ก็ดูลม

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ พอนึกได้ ก็ดู สะสมสัญญาไปก่อนค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่วันนี้ร้อนจริงๆๆๆนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เพียงแต่เต็มรูปแบบ ถ้าทำได้ควรทำทุกวัน มากน้อย ทำตามกำลัง ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเท่าเดิมตลอด
เวลา เราปรับเปลี่ยนได้ตามการดำรงชีวิตของเราค่ะ ถ้าไม่ว่างจริงๆ เดิน 10 นาที นั่ง 5 นาที พอค่ะ

ooสาธุoo says:
เด็กเยอะมาก

สุขที่แท้จริง says:
เยอะสิคะ ก็ร้านติดแอร์

ooสาธุoo says:
แต่ร้อนมากๆๆๆ ผมว่านะ เหตุผมดีอย่าง ไม่มีเงียบเลย

สุขที่แท้จริง says:
หมายถึงอะไรคะ

ooสาธุoo says:
ดังตลอด เด็กเยอะไงครับในร้านนะ

สุขที่แท้จริง says:
คิดบวกให้เข้ากับสภาวะของตัวเอง จะได้มีกำลังใจ จะได้ไม่ไปเปรียบเทียบคนอื่น

ooสาธุoo says:
จริงครับ ตอนนี้ผมว่าเสียงดัง เป็นเพื่อนผมแล้ว
ถ้าเจอเงียบเดี๋ยวไม่มีสมาธิอีก เงียบเกิน

สุขที่แท้จริง says:
ปรุงไปได้เรื่อยค่ะจิต ความชอบใจ ไม่ชอบใจ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เผลอไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละค่ะ เรามาฝึกเจริญสติเพราะเหตุนี้ ฝึกเพื่อให้มีตัวสัมปชัญญะหรือตัวปัญญาเกิดขึ้น
ซึ่งจริงๆแล้ว มันได้ทั้ง สติ สัมปชัญญะและสมาธิอยู่แล้ว แต่ตัวปัญญานี่สำคัญมากๆ
ทำยังไงเราถึงจะทันต่อการปรุงแต่งของจิต เพื่อจะได้ไม่ไปปรุงแต่งเหตุที่ก่อให้เกิดภพชาติ

ooสาธุoo says:
พวกนี้นะครับ จะเกิดขื้นเองตามสภาวะใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ หากสติเราไม่ทัน เสร็จทันที จริงๆมันมีมานานแล้วนะคุณเก๊ะ
เพียงแต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ เราถึงได้สร้างเหตุใหม่ๆมั่วๆไปตลอดเวลา ตอนนี้เรารู้แล้ว เราจึงเลือกได้

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เออผมถามนะครับ ถ้าเราแค่คิดนะแต่ยังไม่ได้ทำนะครับ
ถือว่าเกิดแล้วใช่ไหมครับ พอดีบ้างทีผมคิดแต่มีสติขื้นมาระงับกอ่น

สุขที่แท้จริง says:
แค่คิด ก็เกิดแล้วค่ะ ยิ่งลงมือกระทำ ถือว่าตอกย้ำตามเจตนา
ส่วนผลก็ตามเหตุค่ะ เจตนามาก รับมาก ระงับทัน ผลก็รับไปตามที่กระทำไปแล้ว

ooสาธุoo says:
ตอนนี้คือเราผืกสติ เพื่อระงับเหตุให้ไวใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ และเพื่อสร้างเหตุใหม่ที่เป็นการตัดภพชาติให้สั้นลง

ooสาธุoo says:
อ๋อถ้าอย่างนั้นเป็นบ้างทีที่เรายังไม่ทันรู้เลยว่าคิดเรื่องอะไร สติไปจับก่อนเป็นบ้างครั้งนะครับ
หรืออย่างนี้ครับ คือว่าสัญญาเก่าเราเป็นคนจิตต่ำ ถ้าเราเข้าไปเจออะไรเรารู้ว่าเราจิตต่ำ
เราระวังตัวเองก่อน ความคิดเลยไม่เกิด นี่คือการไปดูความคิดหรือเปล่าครับความคิดเลยไม่เกิด

สุขที่แท้จริง says:
จริงๆแล้ว ความคิดเราเกิดอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่านน.ของความคิดแต่ละครั้งไม่เท่ากัน
ถ้าเราไปให้ค่ามาก นน. ความคิดของตัวนั้นจะเด่นชัด
ถ้าเราไม่ไปให้ค่า ก็จะสักแต่ว่าคิด บางครั้ง มันดูว่างๆ เหมือนไม่มีความคิด

ooสาธุoo says:
ครับใช่ บางทีว่าง บ้างทีไม่รู้ว่าความคิดไปไหน

สุขที่แท้จริง says:
นั่นเพราะสติและสมาธิเราทำงานร่วมกันในระดับหนึ่ง ความคิดจึงไม่เกิด
จึงดูเหมือนว่าง ในความรู้สึกของเรา เคยสงสัยเหมือนกันนค่ะ ว่างยาว ว่างสั้นๆ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
พอปฏิบัติไปมา เข้าใจมากขึ้น สภาวะละเอียดมากขึ้น ว่างก็ให้รู้ว่าว่าง หน้าที่ทำอะไรอยู่ก็ทำไป
ไม่งั้นจากที่ว่าว่าง กิเลสมันไว จิตก็ไว ปรุงทันที ความว่างที่เห็นว่าว่างแป๊บๆไปแล้ว
เมื่อก่อนเคยหงุดหงิดเหมือนกัน ถ้าไปจ้องเจ้าความว่างตัวนี้ ที่หงุดหงิดเพราะไปสงสัยว่ามันคืออะไร

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เราปฎิบัติเราดูอย่างเดียว ว่าอะเกิดเราก็ดู

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ดูตามความเป็นจริง อย่าไปให้ค่า ให้ค่าเมื่อไหร่ ไปแล้ว กิเลสลากเราไปทันที

ooสาธุoo says:
อธิบายการให้ค่าให้ผมฟังได้ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
การให้ค่า อะไรก็ตามที่เกิดการกระทบมา ที่ทำให้เรารู้สึก
เช่น เห็นคนเดินมา แล้วเขามาด่าต่อหน้าต่อตา ถ้าเราไปให้ ค่า ว่า นี่เขากำลังด่าเรา ....
นี่คือการให้ค่า ให้ความหมายต่อสิ่งที่มากระทบ
ถ้าสติเราไม่ทัน โดยสัญชาติญาณของเรา เราต้องด่ากลับ หรือไม่ก็ต้องอธิบายกลับ ถูกต้องไหมคะ
แล้วคนที่เรามองว่าเขากำลังโมโหขนาดนั้น คุณคิดว่าเขาจะฟังเราอธิบายไหม

ooสาธุoo says:
ครับใช่ แต่ถ้าเรามีสติ แต่มากระทบเรา กระทบในจิต ถ้าเรามีสติดี

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ จิต จิตเป็นตัวรู้

ooสาธุoo says:
เราต้องคิดออกไปในทางธรรมใช่ไหมครับ ว่าสงสัยเราไปก่อไว้กับเขาก่อน เขาถืงได้มาทำกับเรา

สุขที่แท้จริง says:
เป็นอุบายน่ะค่ะ อย่างน้อยการคิดแบบนี้ ทำให้จิตเราปล่อยวางได้ไวขึ้น

ooสาธุoo says:
แต่ผมเอาที่คุณบอกมาทำนะครับ ผมว่างได้ไว ว่าเราทำกับเขากอ่น เราก็ใช้เขาไป

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ เป็นการรู้จักใช้ความคิดในแง่มุมที่ทำให้เรารู้สึกว่าม่ไปคับข้องใจต่อสิ่งที่คนอื่นๆ
มากระทำกับเรา อย่างน้อยคิดเสียว่า ใช้หนี้เขาไป อย่างน้อยดีกว่าเขามาเอาชีวิตของเราไปนะคะ
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ เรายังคงทำต่อไปได้

ooสาธุoo says:
ถ้าผมดูนะครับ ตามที่คุณบอกว่ามีคนมาด่าเรา จิตเราต้องกระทบแน่
แต่ถ้ามีสติตามทัน เราก็จะคิดในแง่+ แหมๆๆๆๆยากพอควรนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ยากมากๆค่ะ พอทำได้แล้ว เบาสบาย
ใครอยากทำอะไรไป นั่นเหตุของเขา เราไม่เกี่ยว เราไปเกี่ยวเมื่อไหร่ นั่นเหตุเราแล้ว

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ทำได้นะครับ ผมว่าสุขมากๆๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะสุข พอสุขมาก ก็เบื่ออีก

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:

เคยเจอไหมคะ สุขจนเบื่อ
อีกหน่อยเจอแน่นอนค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมยังนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นไปตามสเตป ทุกข์จนเบื่อ สุขจนเบื่อ

ooสาธุoo says:
กำลังบอกผมว่า เราควรอยู่กลางๆๆๆอะเปล่าครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันจะเป็นไปเองค่ะ ให้ดูตามความเป็นจริงไป ไม่ต้องไปฝืนหรือบังคับใดๆ

ooสาธุoo says:
นี่ละเมื่อกอ่น ผมไม่ได้มองอย่างนั้น ผมจะเอาแต่ดี ร้ายไม่เอา คิดไปแล้วนึกตลกตัวเองเหมือนกันนะ

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องปกติ จริงๆนะคะ นับว่ากุศลยังมาทันค่ะ จึงเห็นได้ เห็นแล้ว เบาไปเยอะ

ooสาธุoo says:
ตอนนี้เห็น ครับใช่ เบาๆๆๆจริงๆๆๆครับ ไม่เหมือนเมื่อกอ่น เมื่อกอ่นนะลูกโป่ง พร้อมจะระเบิดเมื่ลมเต็ม

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ เห็นภาพเลยค่ะ ส่วนมากจะเป็นแบบนั้นกันทั้งนั้น เคยเป้นมาก่อนเหมือนกันค่ะ
เพราะผ่านมาแล้ว จึงพูดได้ ต้องขอบคุณตัวเองนะคะ ขอบคุณกิเลสด้วย

ooสาธุoo says:
ตอนนี้นะครับ ผมต้องขอบคุณกอ่นคุณก่อน ที่สอนผมให้เห็น

สุขที่แท้จริง says:
ขอยกความดีทั้งหมด ถวายเป็นพุทธบูชาบรมครูดีกว่ามังคะ
ถ้าไม่มีแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้ ก็คงไม่มาถึงวันนี้

ถ้ากล่าวคำขอบคุณจริงๆ เยอะมากๆค่ะ พ่อแม่ ครูบาฯทั้งหลายอีก
ที่สำคัญสุดๆคือ ตัวเราเอง เขาถึงบอกว่า เหตุนี่สำคัญยิ่งนัก

ooสาธุoo says:
ตัวเราเองเลยละสำคัญได้หมด ถ้าเราปฎิบัต

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ตัวเราเป็นทั้งเหตุที่เกิดขึ้น และดับด้วยตัวของเราเอง

ooสาธุoo says:
เจอเพ็ญบ้างไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ค่ะ เห็นแฟนบอกว่าเขาถามหา

ooสาธุoo says:
พอดีผมก็ไม่ได้ถามนะครับว่าทำไหม

สุขที่แท้จริง says:
เห็นว่าทำนะคะ แล้วทำได้ คือ เดินจงกรมได้ นั่งได้

ooสาธุoo says:
แหมแต่กิเลสนะ พอทำได้นะขี้เกลียจจริงๆๆๆ เมื่อวานผมก็เกิด แต่พอเลิก ต้องไปทำสักหน่อยก็ยังดี
ตั้งใจจะเดิน30นั่ง30 ได้แค่เดินไป 15 นั่งไป 5เอง งว่ง

สุขที่แท้จริง says:
มันไม่เที่ยงค่ะ สภาวะมาสอนตลอดเวลาว่า อย่ายึดติด ถ้าตั้งใจเมื่อไหร่ ถูกทำลายความตั้งใจเมื่อนั้น
เมื่อไม่ตั้งใจ จะทำได้ตามที่เคยคิดว่าตั้งใจ กิเลสมันไวค่ะ
ต้องมีจิตที่เข้มแข็งจริงๆจึงจะทำตามตั้งใจได้

ooสาธุoo says:
ผมคุยทุกวันเบื่อไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ชินแล้วค่ะ ยังมีอีกหลายๆคนที่เขาสงสัย


ooสาธุoo says:
คุณหมูคุยทุกวันเหมือนผมไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
หมูน่ะ ถามจนเลิกถาม เขาส่งอารมณ์ทุกวัน ก็เท่ากับคุยกันทุกวันแหละค่ะ

blog/walaiporn/index_b-474.html

เข้าไปอ่านดูนะคะ นี่เมื่อวานหมูเขาอ่านหัวเอ็มเขาถาม ก็เลยส่งคำตอบให้กับเขา

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ส่วนมาก คำถามไม่แตกต่างกันหรอกค่ะ คนที่ปฏิบัติน่ะค่ะ

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

May 10
ทำต่อ


วันนี้ก็จะปฎิบัตเต็มรูปแบบในตอนเช้า แต่พอดีเวลาไม่พอเลยคิดว่าภายใน1ชม แบ่งเอาว่าจะเดินเท่าไร
นั่งเท่าไร แต่พอเดินไปได้ประมาณ20นาทีเกิดอาการงว่ง เลยเปลี่ยนจากการเดินมานั่งแทน

แต่พอนั่งไปได้ประมาณ15นาทีก็เกิดอาการง่วงอืก เลยตัดสินใจว่า ง่วงดี นักนอนเลย
พอนอนกับไม่งว่งเลยนอนจับได้ทั้งลมและท้องพองยุบ

เมื่อคืนพอดีคุณน้ำให้อ่านบันทืกของผู้ปฏิบัตอีกคน เกิดอาการตีค่าเลยว่าเราจะเก่งกว่าไหม
ไวจริงๆๆๆกิเลส แต่ก็ยังคาใจอู่ยอย่างนั้น พอดีคุยเอ็มอยู่กับเธอพอดี ก็เลยเขียนบอกเธอไป
อาการคาใจหายไปเลยเธอเลยบอกว่าการเขียนนะใช้ได้นะตอนนี้เลยพยามยามจะบันทึกทุกวัน


oสาธุoo says:
สวัสดีครับ วันนี้สอบตกอีกแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ตกบ่อยๆดีค่ะ จะได้ชิน พอชินจะได้ระวังมากขึ้น

ooสาธุoo says:
พอดีวันนี้นะครับ ทีแรกตั้งไว้จะพยายามให้หลุดนอ้ย ที่ไหนได้เผลออีก

สุขที่แท้จริง says:
ยิ่งพยายามยิ่งหลุด เคยแล้วค่ะ ให้รู้อยู่แบบปกติค่ะ รู้แค่ไหน เอาแค่นั้น

ooสาธุoo says:
คุยกับผู้ปกครองหลานอยู่ พอหลานมา ก็จะให้หลานหวัดดีผู้ปกครอง
ดันพูดว่า รินหวัดดีทุกตัวเลย ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้เขาได้ยินกันไหม แย่ๆๆๆๆ
แล้วเลยเกิดการลอง มองอะไรพยายามอย่าคิด ที่ไหนได้ คิดมากกว่าปล่อยตามธรรมชาติอีก

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ทำให้เครียดไปด้วย เพราะไปจ้อง ทำตามกำลังค่ะ อย่าไปเกร็ง
ส่วนปฏิบัติเต็มรูปแบบ ทำให้ต่อเนื่อง แล้วจะเห็นผลเองค่ะ ไม่ต้องไปคาดหวัง

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เครียด แต่เราเคยชินเรื่องเครียด เลยเบาลง พอปล่อยอารมตามธรรมชาติ โล่งเลย
ตั้งความอยากไม่รู้ตัวเลย

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ แล้วจะรู้เองโดยไม่ต้องมีใครมาบอกว่าเห็นกิเลสไหม ความอยากน่ะค่ะ
ตัวเราจะรู้เองนะคะ เวลามีสติดี

ooสาธุoo says:
เข้าไปอ่านบอ๊กผมยังครับ ตอนนี้ผมจะส่งการบ้านทุกวันนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
อ่านแล้วค่ะ เลยเขียนอนุโมทนาไว้ เพราะเห็นด้วยค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมปรับอย่างนี้พอได้ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ สภาวะจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามเหตุที่เราทำมาและตามกำลังของสติเราน่ะค่ะ
ดูแค่เรื่องสมาธิน่ะค่ะอย่าปล่อยให้ดิ่ง ตรงนี้สำคัญมาก แต่คุณเก๊ะก็ดูตรงนั้นได้แล้วนี่คะ

ooสาธุoo says:
ครับผมนะดิ่งบอ่ย พอง่วง ผมเปลี่ยนเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
นอกเวลาไม่เป็นไรค่ะ ตอนเต็มรูปแบบให้เดินจงกรมให้มากกว่านั่ง

ooสาธุoo says:
เมื่อเช้านะว่าจะเดินให้เต็มรูปแบบนะครับ แต่ไม่ไหว เลยลองมานั่ง

สุขที่แท้จริง says:
ความคาดหวัง กิเลสเล่นง่ายมากๆค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะ ลองทำดูตามที่ตั้งใจไว้ได้
วันนี้อาจจะไม่ได้ แต่วันต่อไปอาจจะทำได้น่ะค่ะ

พอดีตัวเอง ทำตามสะดวก ไม่คิดอะไร ได้แค่ไหน แค่นั้น
แต่จะตั้งไว้ที่เดิน 1 ชม. เกินกว่านั้นบางที แต่นั่งนี่ไม่ให้มากกว่า 1 ชม.
แต่บางครั้งก็มีมากกว่า 1 ชม.เหมือนกัน นานๆที

ooสาธุoo says:
ครับ พอดีเมื่อเช้านะครับ เวลาไม่พอ ผมเลยว่าภายใน1ชม จะแบ่งเป็นเดินกับนั่ง
พอเดินได้นิดเดียว ง่วงเลย

เลยลองกับมานั่งดู นั่งได้อีกแปปเดียวง่วงเลย ไหนอยากนอนนักเลยนอนเลย
นอนจับลมที่แรกขัดๆๆๆครับ เลยมาจับที่ท้อง ดีขื้น นอนจนถึงเวลาที่ตั้งใจไว

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ โดนทดสอบตลอด

ooสาธุoo says:
ผมยังนึกตลกตัวเองเลยครับ ย้อนไปย้อนมาจำไม่ได้ คุณบอกผมหลายทีแล้วว่าให้ดูตามความเป็นจริง
วันนี้อยากลองเล่นกับกิเลสว่ามองอะไรจะคิดไหม ว่าสติเราเร็วกว่าหรือกิเลสเร็วกว่า
พักเดียวเองเครียดเลย เราตามไม่ทัน สอบตก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ สภาวะมาสอนตลอดเวลา จะทำให้เราปล่อยวางได้ไวมากขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับ พอดีวันนี้นะครับ ตอนใช้นอนนะครับได้สมาธิดี เลยติดลงมาถึงในร้าน
ในร้านมาเดินนั่งดีครับ เลยติดใจ ความอยากเกิดขื้นเมื่อไรผมยังไม่รู้เลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไวค่ะ ความถูกใจ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ผมอ่านของคุณหมูแล้วนะครับ บันทึกทุกวันเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เขาบันทึกทุกวัน ใหม่ๆก็เหมือนกับทุกๆคนแหละค่ะ ต้องคอยบอกให้บันทึก เขาบอกว่าขี้เกียจลง
พอทำไปทำมา ติดละ ต้องทำ เพราะทำให้เห็นสภาวะของตัวเองชัดมากขึ้น
นี่เขียนบล็อก เรื่องสถานปฏิบัติติดแอร์ ที่วัดมหาธาตุ ดีใจมากๆเลยค่ะ

ooสาธุoo says:
อยู่ตรงไหนครับวัดนี้อะ

สุขที่แท้จริง says:
วัดมหาธาตุ อยู่ตรงท่าราชวังหลวงค่ะ แนวเจริญสติเหมือนกัน

ooสาธุoo says:
คุณไปบ่อยหรือครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไปบ่อยค่ะ มาฟื้นได้ก็ที่นี่แหละ ตอนที่ท้อๆเมื่อก่อนน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
ถ้าไปเลยไปวันไหนครับเวลา

สุขที่แท้จริง says:
ไปได้ทุกวันค่ะ แต่ส่วนมากจะไปแค่วันอาทิตย์หรือไม่ก็วันหยุด จะมีตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม ทุกวัน

ooสาธุoo says:
เวลาที่ไปละครับ ดีจัง

สุขที่แท้จริง says:
อ๋อ ถ้าเมื่อก่อนจะไปสายๆ ไปถึงที่นั่นประมาณห้าโมงเช้า แล้วแวะกินข้าวก่อน ปฏิบัติตอนบ่าย
แต่ตอนนี้คงออกแต่เช้า เพราะเขาติดแอร์ เราทำได้ทั้งวัน

ooสาธุoo says:
น่าอยากไปจัง

สุขที่แท้จริง says:
กลับมืดได้ รถสาย 25 วิ่งทั้งคืน ไปมั๊ยคะ

ooสาธุoo says:
ต้องลองหาเวลาแล้วละครับผม ผมอยากไปมาก เพราะไปทำเต็มๆๆๆสัก1วัน

สุขที่แท้จริง says:
นี่ปู ลูกพี่จุก เขาต้องการปฏิบัติในวันอาทิตย์ เขาหยุดแค่วันอาทิตย์ จะพาเขาไปด้วยค่ะ
ไปสิคะ ถ้าตรงวันหยุด จะพาไปสักครั้งจะได้รู้จัก

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ดีใจนะคะ ที่คนในซอยเราหันมาสนใจเรื่องการปฏิบัติกัน ทุกคนจะได้มีความสุข

ooสาธุoo says:
ก็มีคนสอนขนาดนี้

สุขที่แท้จริง says:
กำลังนั่งหัวเราะคุณเก๊ะ อย่าไปพูดให้ใครเขาฟังนะคะ คนไม่เชื่อน่ะมี

ooสาธุoo says:
เป็นผมเจอขนาดคุณหน่อยถ้าเป็นคนสนใจ ผมก็กำลังจะบอกว่าถ้าคนสนใจไม่เอาก็ช่วยไม่ได้
สิ่งพวกนี้นะครับ คนไม่เอาก็ไม่ว่ากัน

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุค่ะ หากเขาไม่เคยสร้างเหตุมากับเรา เขาย่อมไม่เชื่อ

ooสาธุoo says:
มันต้องขื้นอู่ยกับเหตุใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
เห็นป่ะ คุณเก๊ะเริ่มเข้าใจมากขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับ ที่คุณสอนผมทุกอย่างนะครับ ผมเอามาใช้หมดได้ทุกอย่าง
ผมถึงบอกเสมอว่าถ้าเจอขนาดนี้ ไม่เอาก็ชว่ยไม่ได้ครับ ยิ่งกว่าได้อะไรทั้งปวง

สุขที่แท้จริง says:
อนุโมทนาค่ะ ที่มีประโยชน์กับคุณเก๊ะได้ โดยเฉพาะด้านกุศลนี่ถือว่า เรามาสร้างเหตุที่ดีต่อกันอีกครั้ง
ขอให้เป็นชาติสุดท้ายค่ะ เกิดอีก โง่อีก กว่าจะรู้ แบกทุกข์อีก

ooสาธุoo says:
ครับ ถ้าชาติสุดท้ายนะครับ มันต้องขื้นกับเหตุที่เราสร้างมาอีกใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ และเหตุปัจจุบันที่กำลังทำนี่ด้วยแหละค่ะ สามารถกำหนดชีวิตของเราได้
เรากำลังกำหนดชะตาชีวิตของเราเองนะคะในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะปัจจัยภายนอก

ooสาธุoo says:
สภาวะตอนนี้ผมนะถ้าอ่านของคุณหมูนะครับ คำถามจะไม่ต่างกันเท่าไรใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ต่างกันไหม? เรื่องปกติของแต่ละคนค่ะ

ooสาธุoo says:
คือบางทีอย่างนี้นะครับ บางทีความคิดเกิดเราเห็น แต่เรากับคิดจะหาเหตุผลมาหักล้างความคิดเดิม
จะเหมือนกับเราลงไปเล่นกับมันใช่ไหมครับ แทนทีเราจะวางเฉย คืออย่างนี้อะเปล่าครับ

สุขที่แท้จริง says:
นิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ บางคนชอบค้นหาเหตุผล บางคนไม่สนใจ บางคนชอบลอง
ฉะนั้นจะว่าต่างก็ได้ คล้ายก็ได้ เหมือนก็ได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ก็เหมือนกับผมงอนใครคนนืงนะครับ ทำเป็นไม่สนใจ วางเฉย คือเห็นก็น่าจะพอใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
แค่รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ แต่บางทีนะ ผมรู้สิ่งที่เกิด แต่จะมีความคิดต่อ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเรารู้แบบนั้นได้ ก็ไม่ต้องมีการสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น เหตุที่ไม่ดีที่ทำให้จิตขุ่น

ooสาธุoo says:
ฮือครับ ผมเคยสังเกตุมาหลายๆๆๆหนแล้ว แต่ยังไม่กล้าถามนะครับ ความเป็นจริงนะครับ พูดไม่ถูก
ผมยังงงตัวองนะครับ ผมว่าพอได้คำตอบแล้วละครับ คือเรามองตามที่จิตเราเป็นจริง
คิดอะไร ถ้าสติไปจับทันมันจะดับเอง ถ้าไม่ทันมันก็จะคิดจนมันดับเอง

จริงๆๆๆนะ มันเกิดคิดอยู่ตลอด แต่เราอู่ยในสมาธิการเดินอยู่
เราเอาจิตมาอู่ยที่เท้ากระทบพื้น มันเกิดคิดมันก็จะดับเอง ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันมีของมันอยู่อย่างนั้น เพียงแต่ถ้าเราแค่รู้มันจะแค่รู้
แต่ถ้าไปสนใจ มันจะมีตัวตนของความคิดที่ชัดเจนทันที

ooสาธุoo says:
อันนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงให้ดูตามความเป็นจริงไงคะ จิตจะได้ไม่แว่บไปแว่บมาตามความคิด จะได้รู้อยู่กับกายได้ตลอด

สภาวะคุณเก๊ะเห็นแล้ว

เพียงแต่ยังไม่เข้าใจในสภาวะ เพราะมันยังไม่แจ้งออกมา มันเหมือนมองเห็นเพียงเปลือก
ที่ลอกออกแล้วชั้นหนึ่ง แต่ยังมีชั้นต่อๆไปอีก พอเห็นชัดๆเมื่อไหร่ มันจะเข้าใจเองค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ บางทีผมอธิบายตัวเองยังไม่ได้เลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงตอบไปหรือบอกไป คุณเก๊ะจะนำไปสงสัยเปล่าๆว่าแบบนี้ใช่ไหม แบบนั้นใช่ไหม
แล้วแบบไหนล่ะคือใช่จริงๆ

ooสาธุoo says:
บ้างทีมันเกิด ครับใช่ บางทีผมเกิดความคิดยังไม่เป็นตัวเลย ดับไปแล้ว
แต่บ้างทีเกิดเป็นตัวเป็นตนจริงรู้แล้วค่อยดับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ต้องไปหาคำอธิบายเลยค่ะ ถ้าจะรู้ มันจะรู้เอง ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นไปค่ะ
อย่าไปให้ค่าความหมายใดๆ แม้ว่าจะเกิด แม้ว่าจะดับ ก็แค่รู้มัน ไม่งั้นจะไปจดจ้องแต่สภาวะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทำแบบปกติค่ะ เคยใช้ชีวิตยังไงทำแบบนั้น ทำตามความเป็นจริงของเรา ความอยากมันเนียนค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
บางทีเราเองน่ะแหละดูไม่ทัน หลงดีใจ เอ๊ะ ความคิดดับไว แสดงว่าสติเราทัน แต่ที่แท้จริง
บางครั้งอาจจะไม่ใช่ก็ได้ โดนกิเลสหลอกก็มี หลอกให้ดีใจทีนี้ปรุงยาววเลย สอบตก

ooสาธุoo says:
ครับ ดับก็คือรู้ว่าดับ คิดก็รู้

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ไม่ต้องไปให้ความสำคัญ

ooสาธุoo says:

ครับตอนนี้นะ ผมว่าผมถามคำถามวนไปวนมาใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
แหมมมม .... ก็เรื่องปกติอีกแหละค่ะ พอคุณกระจ่างเหมือ่ไหร่ เลิกถามเมื่อนั้นค่ะ ถามเรื่องใหม่ต่อ
เริ่มเข้าใจแล้วใช่ไหมคะ

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงบอกไงคะว่าถามได้

ooสาธุoo says:
คือรู้อย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ รู้ ดูตามความเป็นจริง ดูเหมือนง่ายนะคะ ถึงบอกไง

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ดูเหมือนง่าย

สุขที่แท้จริง says:
แต่ต้องใช้เวลา แต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากันในการเรียนรู้ เป็นไปตามเหตุที่ทำมาและเหตุ
ที่กำลังทำในปัจจุบัน

http://www.youtube.com/watch?v=7fVJutKa ... r_embedded มี
มีคนส่งมาให้ ดูนะคะ ให้แง่ความคิดในเรื่องการเปรียบเทียบได้ดีค่ะ
เรื่องของเด็กหูหนวกกับเครื่องดนตรีไวโอลิน

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ทำตามในตัวเราเอง เราเท่านั้นที่กำหนดตัวเราเอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ

ooสาธุoo says:
ของผมนะทำให้อาจารเหนื่อยไหมครับ ผมขอบพระคุณมากนะครับ ที่เป็นพี่เลี้ยงให้ผมนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่หรอกค่ะ มียิ่งกว่าคุณเก๊ะ คนที่ส่งให้อ่านไงคะ เราเคยสร้างเหตุร่วมกันมาค่ะ อย่าเกรงใจนะคะ

ooสาธุoo says:
ผมจะทำการบ้านส่งอาจารทุกวันแล้วกันนะครับ สภาวะผมนะคงจะยังเข้าไม่ถึงใจ

สุขที่แท้จริง says:
แน่ะ เอาเถอะค่ะ อย่าไปคิดเลย

ooสาธุoo says:
เอาอืก กิเลสการตีค่ามาอืก

สุขที่แท้จริง says:
ทำไปเรื่อยๆ เพียรเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น จะได้ไม่มีการหวังผลในการปฏิบัติแบบต้องเอาให้ได้

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าทำแบบหวังผลนะคะ กิเลสลากไปกินหมด ปัญญามีแต่หลอก

ooสาธุoo says:
ทุกวันนี้ผมปฎิบัตต่างกว่าเมื่อก่อนเลยครับ เมื่อก่อนผมทำเพื่อจะเอาดีกว่าคนอื่น
แต่พอคุณพูดและสอนเรื่องต่างๆๆๆให้ ผมเข้าใจเลยครับ เหตุทำมาแค่ไหน ไม่เท่ากัน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ จะได้ไม่นำไปเปรียบเทียบกับใครๆ จะได้ไม่มีคำว่าดีกว่า หรือแย่กว่า

ooสาธุoo says:
ครับใช่

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

May 11


เมื่อคืนได้คุยกับคุณน้ำ จริงอย่างที่เธอว่าจริง ผมเป็นคนชอบให้ค่าในสิ่งที่คิด
เธอบอกผมว่าเพียงแค่รู้อย่างเดียวและมองตามความเป็นจริง

เมื่อคืนขื้นไปปฎิบัตเดินไป25นาทีนั่ง5นาที
พอตอนเช้าผมปฏิบัตคือเดินประมาณ45นาที
แต่ตอนเดินผมใส่คำบริกรรมลงไปดว้ย(ขวาย่างหนอ ช้ายย่างหนอ) เห็นชัดขื้นครับ
แล้วนั่งต่อ30นาที


oสาธุoo says:
ครับ อ่านการบ้านผมยังครับ

สุขที่แท้จริง says:
อ่านแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมใส่คำบริกรรมเขาไปดีครับ

สุขที่แท้จริง says:
เรียนรู้ด้วยตัวเอง จะตอบโจทย์ตัวเองได้

ooสาธุoo says:
เห็นชัดขื้นแล้วสมาธิมากขื้นครับ

สุขที่แท้จริง says:
โมทนาค่ะ สภาวะแปรเปลี่ยนตลอด วันนี้อาจจะชัดและดี อย่าไปยึดติด

ooสาธุoo says:
ตอนนั่งก็เข้าสมาธิไวครับ

สุขที่แท้จริง says:
สะสมไปค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้ความคิดเกิดผมรู้อย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ

ooสาธุoo says:
โล่งครับ

สุขที่แท้จริง says:
ปล่อยให้เขาเกิด แต่เราไม่ไปจ้อง เบาสบายค่ะ

ooสาธุoo says:
ลองฟังอีกทีนะครับว่าคืออะไร
ตอนผมนั่งผมรู้เลยว่าสมาธิ นิ่งมาก ผมไม่เคยเจอนะครับ
แต่ไม่ยืดนะครับ นิ่งมากจนผมต้องถอน ผมกลัวดิ่ง ไม่กล้าลงไปต่อนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วรู้กายไม่ได้เลยหรือคะ

ooสาธุoo says:

รู้ครับ

สุขที่แท้จริง says:
อ้าววว

ooสาธุoo says:
รู้หมด

สุขที่แท้จริง says:
แล้วถอนยังไงหรือคะ

ooสาธุoo says:
ผมว่าไม่ใช่ดิ่งนะ คือว่าผมดูลม แล้วนิ่งมาก เหมือนกับว่าลืกลงไปนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ปัทติโถ คุณเก๊ะ
เวลากำลังของสมาธิมีกำลังมากน่ะ ลมหายใจจะจับไม่ได้เลยค่ะ เหมือนไม่มีลมหายใจ
ให้รู้กายค่ะในเมื่อรู้กายได้ ดูกายต่อไป ถ้าลมมา จิตเขาจะไปรู้ลมเอง
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ถ้าดิ่งนะคะ มันดับทันที รู้กายไม่ได้หรอกค่ะ

ooสาธุoo says:
อ๋ออันนี้ไม่ใช่ ผมมีสติ

สุขที่แท้จริง says:
ก็นั่นแหละค่ะ ถ้ามีสติ ยังไงก็ไม่ดิ่ง

ooสาธุoo says:
น่าจะสมาธินิ่ง ที่เราไม่เคยก็ได้มั้งครับ

สุขที่แท้จริง says:
แน่ะ คุณเก๊ะ อ่านผ่านๆ อธิบายไปแล้วค่ะว่า เวลาเกิดสมาธิ ลมหายใจจะละเอียดมาก
จนจับไม่ได้เลย แต่รู้กายได้ ให้รู้กายต่อไป

เป็นเพียงแค่สมาธิค่ะ ไม่มีอะไร ยิ่งสภาวะละเอียดมากขึ้น สมาธิจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
มันจะมีกำลังมากขึ้น เราจะรู้สึกถึงความหนักหน่วงของสมาธิได้ชัดเจนมากขึ้น
แล้วอีกหน่อย สภาวะก็จะเหมือนๆที่น้ำเจอมาแหละค่ะ เพิ่มนั่ง 5 นาที นะคะ ถ้ามีเวลา

ooสาธุoo says:
ครับ ถ้าเป็นไปได้ควรจะอย่างละ1ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ค่อยๆปรับไปค่ะ

ooสาธุoo says:
หรือค่อยๆๆๆเพิ่มดีกว่าครับ

สุขที่แท้จริง says:
เพิ่มไปเรื่อยๆ เอาตามกำลังดีกว่าค่ะ ไม่งั้นจะเจอเวทนามากๆๆ

ooสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้ผมไม่ใจรอ้นกับเรื่องการปฎิบัตแล้วละครับ ผมทำเพื่อตัวเอง ทำไปเรื่อยๆๆๆๆครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ แบบนั้นแหละ ทำตามความเป็นจริง ตามกำลังของเรา ไม่ไปกดดัน
ผลจะออกมายังไงก็ให้เกิดตามความเป็นจริง ไม่ไปคาดหวัง แล้วจะทำได้แบบสบายๆค่ะ

เมื่อก่อนน้ำน่ะไม่มีพี่เลี้ยง เลยแย่มากๆ ลองผิดลองถูก
พยายามแก้ไข พยายามหาหนทาง

ooสาธุoo says:
ถ้าใครได้อ่านนะ สุดยอดเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ สุดยอดึความยากลำบาก

ooสาธุoo says:
เป็นกำใจได้ดีเลย

สุขที่แท้จริง says:
บางคนมองอีกแบบค่ะ เขาเข้ามาอ่าน แล้วมองว่าทำแล้วลำบากแบบนี้เขาไม่อยากทำ
หารู้ไม่ เพราะไม่มีพี่เลี้ยงต่างหาก ถึงต้องหาหนทางเอาเอง นั่นแหละสุดยอดของครู

ooสาธุoo says:
ถ้าอย่างนั้นมันขื้นกับเหตุที่เขาทำมาใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
จริงๆๆๆครับ ของคุณนะเจอมาหมด บอกมาฉันรู้หมด เพราะฉันทำมาแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
หมูเขามองเหมือนคุณเก๊ะ เขาบอกว่าเป้นกำลังใจให้กับเขาได้ดีมากๆ ทุกๆครั้งที่ท้อ เขาจะเข้ามาอ่าน
บางทีตรงไหนโดนตัวเขา เขาจะเอาไปไว้ที่บล็อกของเขา

ooสาธุoo says:
เจอเองเล่าให้ฟังได้หมด

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เจอมาหมดทุกรูปแบบ ถึงเข้าใจได้ทุกรูปแบบ

ooสาธุoo says:
ผมนะเอาเข้าไม่คอ่ยเป็น เลยเปิดอ่านจากตัวที่คุณส่งมาให้นะครับ
ผมอ่านกว่าจะมาเป็นวันนี้ไป3รอบแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ กว่าจะมาเป็นวันนี้
เอาไว้ช่วงคุณเก๊ะว่างละกัน จะแวะไปทำให้ดูค่ะ
เวลาอ่านตรงไหนถูกใจ จะได้เอาไปแปะที่บล็อกของคุณได้

ooสาธุoo says:
ไม่เป็นไรครับ ไม่เที่ยงจริงๆๆๆครับ เมื่อวานผมเครียด วันนี้โล่ง ผมโดนเรื่องนี้ประจำ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ เราเจอของจริงตลอดเวลา แต่ความไม่รู้เลยไปยึด พอยึดก็เครียด
พอเข้าใจวางได้ มันก็โล่ง เห็นบ่อยๆจะได้วางได้ไวค่ะ จะได้เบาสบายมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ooสาธุoo says:
ผมนะเป็นคนชอบตีค่า เผลอเป็นโดนทุกที

สุขที่แท้จริง says:
ใช้เวลาค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้แอบเข้าไปฟังเพลงในบอ๊ก เพราะมากครับ ฟังไปนั่งจับลมแล้วหลับตา

สุขที่แท้จริง says:
ใช้ได้ค่ะ ฟังได้ตลอดค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อกอ่นนะครับ ผมเป็นคนทำบุญเอาหน้า แต่เดี๋ยวนี้นะครับทำบุญเอาบุญจริงๆๆๆครับ

สุขที่แท้จริง says:
เวลาคุณเก๊ะมีสติมากขึ้น จะรำลึกถึงความหลังค่ะ ในสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดไว้

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ผมยังนั่งนึกนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เราทุกคนเหมือนกันหมดค่ะ บางเรื่องลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

ooสาธุoo says:
นี่เราแค่คุยกันนะครับ ร้านเกมเก่านะครับ ผมยังอยากทำเป็นที่สอน
แต่ผมว่ายังมีอีกหลายเรื่องพอควรครับ เราคุยกันนะครับ
คือผมคิดนะครับ ถ้าเราทำจะกลายเป็นว่า เราจะขัดกับที่บ้านพี่ไทอืก
ที่ผมเน้นว่าเราคุยกันนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมมีความคิดเหมือนกันเลย มองๆอยู่ค่ะ เข้าใจค่ะ
กุศลตรงนี้แรงนะคะ ช่วยได้ทั้งตัวเราเองและคนอื่นๆ

ooสาธุoo says:
จริงๆอะครับ คือว่าผมคิดว่า เราทำตรงนี้นะ เราน่าจะชว่ยคนได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
เราสอนพื้น ให้เอาไปปฎิบัตต่อ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เอาแค่พื้นฐานนี่แหละ

ooสาธุoo says:
คือผมพูดตรงๆๆๆนะครับ อาชีพที่ผมทำนะ มันเทาๆๆๆนะครับ ผมไม่ใช่เพิ่งจะคิดนะครับ
แต่ครอบครัวสิครับ บ้างทีมันไม่ได้นะครับ

บางทีผมเห็นเด็กมาเล่นบางคนนะครับ
เห็นแล้วบ้างทีท้อนะครับ เราก็ได้แค่เตือน แล้วแต่บุญวาสนาของเขา

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจนะคะ ยิ่งมาปฏิบัติแบบนี้ด้วย ยิ่งเห็นชัดเจนมากๆ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมตั้งใจไว้ ว่าจะทำ

สุขที่แท้จริง says:
เอาเถอะค่ะ อย่าไปคิดมาก สักวัน เหตุใหม่ที่กำลังทำอยู่
กุศลหนุนนำมากพอ ย่อมพบทางสว่างเองค่ะ

ooสาธุoo says:
ก็ตอ้งแล้วแต่เหตุที่ผมทำมา

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะ กำลังสร้างเหตุใหม่แล้วค่ะ ชะตาชีวิตกำหนดเองแล้ว
ไม่ได้ปล่อยไปตามชะตากรรมไปด้วยความไม่รู้

ooสาธุoo says:
ครับใช่ จริงๆๆๆนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เริ่มที่ตัวเอง ย่อมส่งผลไปที่ครอบครัว ทีนี้กระจายไปสู่คนรอบข้าง

ooสาธุoo says:
คนในชอยนี้นะ ถ้าเป็นคนปฎิบัตนะ มาเจอคุณนะโชคดีมากครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุที่เคยทำมาร่วมกันค่ะ บางคนเขอ ก็เจอกันทุกๆวัน ไม่สนใจมีเยอะแยะค่ะ
ซอยบ้านเราคนปฏิบัติมีเยอะแยะ

ooสาธุoo says:
จริงๆๆๆครับ คนเราบ้างทีไม่มีเหตุต่อกัน คุยยังไงก็ไม่เข้ากัน

สุขที่แท้จริง says:
เปล่าหรอกคุณเก๊ะ ความไม่รู้ต่างหากค่ะ ทุกคนมีเหตุผลค่ะ แต่เป็นเหตุผลของแต่ละคน

ooสาธุoo says:
แต่ถ้ามีเหตุต่อกัน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เพราะไม่มีเหตุต่อกัน เหตุผลที่เขาจะมาฟังเรานั้นมันมีเยอะมากๆข้ออ้างของเขา

ooสาธุoo says:
ครับ บ้างทีนะ ดูเราผิดไปอีก

สุขที่แท้จริง says:
ดูของเก่าไงคะ คิดว่าคงเหมือนเดิม

ooสาธุoo says:
ครับใช่ คือตอนนี้นะครับ ผมเจอสิ่งที่ดี ก็อยากจะเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้รับบ้างนะครัล

สุขที่แท้จริง says:
ระวังความอยากตัวนี้นะคะ พอไม่ได้ดั่งใจ จะให้ทุกข์ได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
อ๋อครับ

สุขที่แท้จริง says:
เราอยากให้เขา แต่เขายังไม่อยากได้ในสิ่งที่เราคิดจะให้
เมื่อก่อนก็เคยเป็นคุณเก๊ะนี่แหละค่ะ อยากให้คนอื่นๆได้รับสิ่งดีๆแบบที่เราได้
เวลาที่พูดคุยกัน เลยเหมือนว่าเราไปยัดเยียดให้กับเขา

ooสาธุoo says:
ครับใช่ คือสิ่งนี้นะครับ ถ้าคนเข้าใจนะ มันยัดเยียดกันไม่ได้ ตัวเองต้องน้อมเขามาหาเอง
คือตัวคุณเองนะที่ผมอยากให้คนเริ่มให่มๆๆๆนะ เข้ามานะ

คือว่าประสพการของคุณนะ หาคนรู้ยากนะครับ เพราะคุณทำเองมาตลอดแล้วก็เห็นผลด้วย
เลยอธิบายให้คนที่มาทางไหน ได้หมดนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ใช้เวลาค่ะคุณเก๊ะ ถึงเวลา เขามากันเอง

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ตอนนี้นะครับ ผมจะให้ลูกสาวผมไปลองกอ่น

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เอาคนในครอบครัวก่อน หรือถ้าคนนอกครอบครัวเขาสนใจ ก็แนะเขาได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ แล้วก็ต้องคอยเตือน

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะเอง สภาวะตรงไหนที่รู้สึกแปลกๆหรือสงสัย ถามได้นะคะ ไม่ต้องไปคิดว่าจะรำคาญไหม
ยินดีกับการแก้ข้อสงสัยให้น่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมทราบครับ คือผมนะคุยกับคุณบ่อย เลยบางที ตอ้งรู้เองบ้างเรื่อง
พอถามไปถามมาก็วน เอาแต่ความคิดมาถามบางที

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ พอวน เราจะรู้ตัว

ooสาธุoo says:
เมื่อคืนผมถามคุณผมยังนั่งหัวเราะตัวเองเลย

สุขที่แท้จริง says:
เห็นไหม

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

May 12

เดินไปเรื่อยๆๆๆ


เมื่อคืนหลังจากปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดินได้20นาที นั่ง5นาที
ตอนเช้ามาปฎิบัต เดินไป1ชม นั่ง30นาที มีความคิดเกิดขื้นทั้งเดินและนั่ง รู้อย่างเดียว



ooสาธุoo says:
พอดีได้ฟังจากหลวงปู่ชามานะครับ ธรรม มีพระผรั่งถามท่าน
ข้อที่1ถามว่าทำไมผมปฎิบัตธรรมมากกว่าคนอื่นทำไมผมไม่ก้าวหน้าเลย
ท่านตอบว่าถ้าเธอทำดว้ยความอยาก ไม่มีวันบรรลุธรรมได้เลย

สุขที่แท้จริง says:
โดนเลยย ทำมากหรือน้อย ไม่ใช่ตัววัดผล

ooสาธุoo says:
แหมรู้ทันจัง ข้อ2อืกครับ ท่านตอบในทำนองว่า ให้ดูกายดูจิต ตัวเราเนี่ยจะตอบตัวเราได้ดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการกินมากกินน้อย นอนมากนอนนอ้ย โดนผมทุกข้อเลย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ไม่ใช่คนอื่นๆมาบอกเรา นั่นแหละค่ะ
เห็นไหมคะ ทุกคำถามมีคำตอบ คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือ เรา ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
เขา เรา ล้วนไม่แตกต่างค่ะ เมื่อเรารู้ของเราได้แล้ว เราย่อมรู้ของคนอื่นๆได้

ooสาธุoo says:
เหมือนกันเลยกับที่คุณบอกผม แหมธรรมของพระองค์สอนเราทุกอย่างจริงๆๆๆ ทุกเรื่องเลย

สุขที่แท้จริง says:
กาย เวทนา จิต ะรรม ทุกคนไม่มีแตกต่าง ที่แตกต่างคือ กิเลส ที่มีมาก น้อยไม่เท่ากัน
เหตุที่พบอีก ต่างกัน ตามเหตุที่เคยทำมา เหตุที่เกิดในปัจจุบันคือ ผลของในอดีตที่เราเคยทำไว้

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ส่วนการปฏิบัติ สภาวะที่เจอ ไม่แตกต่างกันเลย เกิดอนิจจัง ต้องเกิดทุกขังและอนัตตา
เพียงแต่ใครสร้างเหตุตัวไหนชัดที่สุดเท่านั้นเอง ได้อ่านบล็อกคุณเก๊ะแล้วค่ะ

กลับมารู้อยู่กับกายน่ะ ความคิดจะแค่แผ่วๆ จะไม่ส่งผลใดๆต่อสภาวะ
แต่เมื่อใด เราไปสนใจและให้ค่า ส่งผลทันที

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ไม่มีเคลิ้มใช่ไหมคะ ตอนทำเต็มรูปแบบน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
มีครับ แต่น้อยครับ

สุขที่แท้จริง says:
งั้น นั่งเท่าเดิมไปก่อนนะคะ เห็นเขียนไว้ว่าเดิน 1 ชม. นั่ง 30

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ตอนนี้เริ่มใช้เวลาได้ตามที่ตั้งไว้นะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ นี่แหละค่ะ การฝึกจิต เดินรู้เท้า รู้กายได้ชัดขึ้นไหมคะ

ooสาธุoo says:
ครับ พอใส่คำบรกรรมลงไปเดินเห็นชัดขื้นครับ
เมื่อกอ่นผมเดินโดยไม่มีคำบริกรรมนะครับ มีความคิดเกิดเข้ามามาก
พอมีคำบริกรรม น่าจะมีสมาธิเพิ่มขื้นมั้งครับ ความคิดน้อยลง แล้วจะจับความคิดได้

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ แต่ละคนเริ่มไม่เหมือนกัน พอถึงจุดๆหนึ่ง ทำเหมือนๆกัน กำลังของสมาธิจะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ
ยิ่งมีกำลังของสมาธิแรงมากขึ้นเท่าไหร่ เวลาจิตเป็นสมาธิ จะรู้สึกถึงความหน่วงของสมาธิ
ที่เกิดขึ้นได้ชัดมากค่ะ จับความคิดว่าไงหรือคะ

ooสาธุoo says:
มีหลายเรื่องครับ แต่ดูอย่างเดียว มีสั้นมียาว ดับเร็วบ้างดับช้าบ้าง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ให้จิตรู้อยู่กับกายให้ได้มากที่สุดค่ะ แล้วสภาวะจะดำเนินอย่างต่อเนื่องไปเอง
ไปเรื่อยแหละค่ะความคิด จบเรื่องนี้ ไปเรื่องอื่นๆต่อ

ooสาธุoo says:
คุณบอกให้ผมดูอย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ให้ดู แต่อย่าลงไปเล่น

ooสาธุoo says:
จะดับช้าดับเร็วเดี๋ยวนี้เฉยๆๆๆครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เมื่อเข้าใจถึงตัวความคิด จะไม่ไปสนใจจดจ้อง จะเกิดหรือดับก็แค่ความคิด เราห้ามไม่ได้
หน้าที่เราคือ เอาจิตรู้อยู่กับองค์กรรมฐาน คือ กายนี่เอง

รู้อยู่กับลมหายใจ พอสมาธิมากขึ้น ลมหายใจหาย มาดูกาย ดูท้องพองยุบ สมาธิมากขึ้น
เห็นแต่กายกระเพื่อมเบาๆ พอสมาธิคลาย จับลมได้อีก สลับไปมาแบบนี้

ooสาธุoo says:
เมื่อกี้คุณบอกว่าการปฎิบัตไม่แตกกต่างกัน
จริงด้วยครับ ท่านถามว่า คนที่เป็นสัญชาติอื่น ถามว่าจะปฎิบัติเหมือนกันไหม
ท่านตอบได้โดนอีกนะละ คนทุกคนมีกิเลสไม่ต่างกัน

สุขที่แท้จริง says:
เห็นป่ะ กิเลสคือตัวแม่ กรรมหรือการกระทำคือตัวพ่อ จึงก่อภพชาติไปด้วยความไม่รู้
ถ้าเราไม่ได้มาเจริญสตินะคะ จะไม่มีวันเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้เลย จะไม่มีทางรู้จักกิเลสที่แท้จริง
ของสภาวะกิเลสได้เลย ไปพูดให้คนที่เขาไม่ได้ปฏิบัติ เขาก็งง สภาวะกิเลสมีด้วยหรือ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เอออีกเรื่องครั นี่ยิ่งโดนเลย
ท่านตอบเรื่งคนขี้สงสัยว่า ดูที่จิตว่าสงสัยมาจากไหน แล้วก็จะไม่สงสัยอะไรเลย

สุขที่แท้จริง says:
ตัวเราทั้งนั้นแหละค่ะ มาจากความคิดของเราเอง
ooสาธุoo says:
หัวเราะยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเราแค่ดู นะคะ แล้วประกอบกับเข้าใจสภาวะด้วย จะวางความสงัยไปได้เลย
เพราะทุกคำตอบ มันมี ไม่ใช่จากใครที่ไหน จากเรานี่เอง ปฏิบัติไป เดี๋ยวรู้เอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ๆๆๆๆเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
สงสัยจะสักแต่ว่าสงสัย แค่ดูไป คนอื่นๆมาตอบนะคะ อย่างมากก็ฟัง แต่ไม่เชื่อทั้งหมด
ยังมีความคิดว่า ใช่แน่หรือ พอรู้ดก้วยตัวเองนะคะ กระจ่างเลย อ๋ออออออ ยาวเลยย
ตัดความสงสัยไปได้ สภาวะจะไปได้ด้วยดี ยิ่งตัดความอยากลงไปได้

ตัวอยากนี่แหละตัวร้ายเลย ทั้งหลอกลวง ทั้งโกหกตัวเอง สารพัดเลยเจ้าตัวนี้
ถ้าตัดความอยากไปได้อีกตัว สภาวะยิ่งดำเนินไปแบบไม่หยุด
เรามีหน้าที่คือ ดูตามความเป็นจริง รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น รู้อะไร รู้อยู่ในกายและจิต

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้ได้เนื้อๆๆๆเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
อนุโมทนาค่ะ ทุกวันซดน้ำเยอะหรือคะ น้ำมั่ง เนื้อมั่ง อีกหน่อยก็ไม่มีทั้งน้ำและเนื้อ จะเหลือแค่ดู

ooสาธุoo says:
ครับผมพอดีผมมีพี่เลี้ยงดีนะครับ ผมทำน้ำไป เป็นเรื่องน้ำๆๆๆทั้งนั้น

สุขที่แท้จริง says:
เหตุน่ะค่ะ ต้องขอบคุณนะคะ ถ้าไม่รู้จักน้ำ คุณเก๊ะจะแยกออกไหมว่าอันไหนคือน้ำ อันไหนคือเนื้อ
ตอนนี้เป็นเพียงความคิดที่เกิดขึ้นค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ คือพี่เลี้ยงตอบตามคนถามนะครับ คนถามมีแต่น้ำ พี่เลี้ยงตอบยากก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุที่ทำกันมาน่ะค่ะ
ตอนนี้สร้างเหตุดีแล้วนะคะ ผลไม่ต้องไปหวังใดๆ เพราะดีอย่างแน่นนอนเลยไม่ต้องไปหวัง

ooสาธุoo says:
บางคำตอบผมยังไม่เข้าใจ อีกหน่อยผมก็จะเข้าใจเอง ด้วยตนเอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เรียนรู้ด้วยตนเอง คำตอบย่อมมีอย่างแน่นอน
สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ใครจะรู้ก่อนกัน รู้ก่อน เหตุย่อมสั้นลงก่อน
ธรรมนี้อกาลิโก คือ อยู่เหนือกาลเวลา

ooสาธุoo says:
ครับ คุณถืงบอกว่าไม่อยากเกิดอีก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ไม่อยากเกิดแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
เกิดมาก็ไม่รู้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สุขหลอกลวง ทุกข์หลอกลวง จิตเราไปปรุงทั้งสิ้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่เลย

สุขที่แท้จริง says:
ทุบให้ตายก็ไม่ตายหรอก อุปทาน ตราบใดที่ยังมีเขา มีเรา ปรุงไปไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ
คุณเก๊ะรู้ไหม เวลาไหน เป็นเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา

ooสาธุoo says:
ไม่ทราบครับ

สุขที่แท้จริง says:
ความตายค่ะ เวลาที่เรากำลังจะขาดใจตาย นั่นคือช่วงข้อต่อของเวลา จากมิติหนึ่งไปสูอีกมิติหนึ่ง
เราจึงต้องมาฝึกเจริญสติเพราะเหตุนี้ เพราะขณะที่กำลังจะขาดใจตาย ตัวสติ สัมปชัญญะสำคัญที่สุด
ไม่ใช่เรื่องไฟธาตุแตกแบบที่เขาพูดๆกัน

แต่เป็นช่วงที่เราตะเกียกตะกายเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจหรือ
ช่วงของลมหายใจกำลังจะหมดลง

ลองนึกถึงภาพคนที่ขาดอากศหายใจสิคะ อันดับแรกที่ทุกคนทำคือ ตะเกียกตะกาย ถูกไหมคะ
ดิ้นรน ไขว่คว้า กลัวหรือเปล่าคะ เพราะกำลังพูดเรื่อง สภาวะของความตายให้ฟัง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ไม่ครับ ทุกคนหนีไม่พ้นอยู่แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
เราสามารถพูดในตอนนี้ได้ว่า ไม่ แต่พอจริงๆนะคะ ขาดสติ
เพราะมันไม่มีอากาศหายใจแล้ว เจอมาแล้วค่ะ สภาวะนี้ ผ่านมาแล้วเลยกล้าพูดได้

ooสาธุoo says:
ผมเคยลองกลั้นหายใจ มันยังทรมานน่าดูเลย

สุขที่แท้จริง says:
ของจริงมันยิ่งกว่าทรมาณค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ บางคนจืงบอกว่า ไว้ตอนตายค่อยตั้งสติก็ได้ ผมคน1ละ

สุขที่แท้จริง says:
เพอเจอสภาวะนั้นมาเลยเข้าใจทันที ความตาย สภาวความตายที่อยู่ซ้อนความตายอีกชั้นหนึ่ง
ไม่ได้ทำได้ง่ายๆเลยค่ะ

ooสาธุoo says:
ไม่เอาละ ผมผืกตอนนี้ดีกว่า

สุขที่แท้จริง says:
จำไว้นะคะ รู้อยู่กับกายและจิตนี้ ใช้ได้จนกระทั่งหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย
โดยเราไม่ต้องไปทรมาณกับสภาวะที่กำลังจะหมดลมหายใจ
เราเพียงแค่ทิ้งเปลือกนี้ไป เพราะหมดอายุขัยแล้ว

ตอนจะทิ้งนี่แหละ มันยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง คุณเก๊ะมีหน้าที่คือดู ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดตามความเป็นจริง
ไม่ต้องไปดิ้นรนใดๆ เอาจิตรู้อยู่กับกายให้ได้ตลอด
นอกจากตัดกรรมใหม่ไม่ให้เกิดแล้ว เรายังฝึกเตรียมตัวตายทุกวันเลยนะคะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เพราะความตายมาเมื่อไรไม่มีใครสามารถรู้ได้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สภาวะทุกๆสภาวะมันอยู่ซ้อนกัน ถ้ายังสงสัยตรงไหนอยู่ ถามได้นะคะ อย่าเก็บเอาไว้

ooสาธุoo says:
ตอนนี้หมดความสงสัยเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
จะคอยดูค่ะ ที่ว่าหมดสงสัย เพราะหลายๆคำตอบ คุณเก๊ะได้รู้จากตัวเองแล้ว เลยทำให้มั่นใจมากขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ผมไปตีค่ามันเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ
ตัวนี้สำคัญ ให้ค่าเมื่อไหร่ เสร็จกิเลสทันที

ooสาธุoo says:
ครับใช่เลย

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะ เข้าใจคำว่าดู ขึ้นมาอีกสภาวะหนึ่ง ดูซ้อนดู
มันจะละเอียดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับบททดสอบที่มีมาเรื่อยๆ

ooสาธุoo says:
มันจะแยบยลลงไปเลื่อยๆๆๆมั้งครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แบบเนียนมากๆ กว่าจะรู้น่ะ พอรู้แล้ว ผ่านได้ ตัวใหม่มาต่อ

ooสาธุoo says:
เราก็คือดูกายดูจิตไปเรื่อยๆๆๆใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
วันนี้ฟังบทสวดของพระโพธิสัตยเกือบทั้งวันเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ฟังแล้วรู้สึกเย็นสบายนะคะ

ooสาธุoo says:
ครับ ได้สมาธิด้วยใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เป็นการใช้เสียงในการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งได้
หลับตา นั่งตามสบาย เอาจิตจดจ่อรู้อยู่กับกาย

แรกๆอาจจะมีเสียงดังเข้ามาอย่างชัดเจน
พอสักพักสมาธิเกิด เสียงที่ดังชัดจะกลายเป็นสักแต่ว่าเสียง นี่แหละค่ะ สมาธิเกิดแล้ว
ชอบฟังของธิเบต กับของจีนน่ะค่ะ ดนตรีเขาเพราะ

ooสาธุoo says:
ผมฟังของธิเบตอยู่นะครับ

ooสาธุoo says:
ผมถามอะไรต่อนะครับ ถ้าคนที่นั่งสมาธิมาอย่างเดียวละครับ อย่างเพื่อนผมนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
อันนั้น ถ้าสมาธิเข้าไปสู่ระดับลึก จะขาดความรู้สึกตัวค่ะ ปัญญาจะเกิดไม่ได้

ooสาธุoo says:
ตอนนี้เขาบอกว่าเขาจับลมไม่ได้แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
อ๋อ จับลมไม่ได้ ให้ดูกายสิคะ มีอก มีท้องที่เคลื่อนไหว

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าจิตเสพสมาธิสูงมาก จะเห็นอกเคลื่อนไหวแบบแผ่วๆอยู่

ooสาธุoo says:
ตอนนี้เขาบอกว่ามาจับที่อก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ อย่าไปดึงลมกลับมานะคะ
พอสมาธิคลายตัว จะจับลมได้เองค่ะ ลมหาย รู้กาย ทำแค่นี้แหละค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ของเขาไม่ต้องดูที่จิตคิดหรือครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วคุณเก๊ะดูจิตที่คิดหรือเปล่าล่ะคะ

ooสาธุoo says:
อ๋อ โง่อีกแล้วผม

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ คือ คุณเก๊ะ คิดปุ๊บ โพล่งปั๊บเลย

ooสาธุoo says:
ใช่ ฮือจริงๆๆๆ เราจะต้อง

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ อีกหน่อยคุณเก๊ะจำได้ จะหยุดก่อน

ooสาธุoo says:
คือผมไปงงที่คำพูดนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ตัวหนังสือไงคะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ผมไปนืกถึงตัวหนังสือ

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะไปพูดให้ตัวเองงงเอง
ในเมื่อเขาไม่ถามมา เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้เขาฟัง เขาถามอะไรมา เราค่อยตอบไป

ooสาธุoo says:
พอดีชว่งที่ไปกับเขานะ เขาจะถามพระนะครับ ว่าลมหายแล้ว ผมจะไปจับที่ไหน
พระท่านก็บอกว่า ตอนนี้มันมาดูที่ไหนละ เขาก็ตอบว่ามาที่หัวไหล่บ้าง ไปที่อกบ้าง
พระท่านก็บอกว่าให้ดูตามนั้นละ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วสงสัยตรงไหนหรือคะ

ooสาธุoo says:
ไม่หรอกครับ ผมได้แต่ฟังที่เขาถามนะละ เพราะว่าผมไม่กล้าบอกหรอกครับ
เพราะเขาปฎิบัตมานานแล้วนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ รู้ตรงไหนก็ได้ เพื่อไม่ให้จิตไปติดนิ่ง

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

May 13
เดินไปเรื่อยๆๆๆ



เมื่อคืนหลังจากปิดร้านได้ขื้นไปปฎิบัต เดินไป30นาทีนั่งอีก20นาที
ตอนเช้าปฎิบัตต่อเดินไป1ชม นั่ง30นาที ความคิดมีเกิดขื้นบ้างดูอย่างเดียว ( แค่รู้ รู้ว่ามี )


ooสาธุoo says:
มิกี้เผลอเพ่งแปปเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ความคิด แค่ดู แล้วรู้ว่ามันมี แค่นั้นจบค่ะ ไม่ไปใส่ใจรายละเอียด

ooสาธุoo says:
มึนเลย

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าเพ่งจะมึน

ooสาธุoo says:
ผมงงเหมือนกันนะครับว่าไปเพ่งเมื่อไร

สุขที่แท้จริง says:
เป็นได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมเล่าอะไรให้ฟังเล่นๆๆๆนะครับ คือเมื่อเช้าผมไปส่งแฟน
พอดีเปิดชีดีของหลวงปู่ชาให้เขาฟัง

เขาก้เลยคุยให้ผมฟังว่า
มีคนบอกว่าคุณน้ำนั่งสมาธิแปปเดียวหลับทุกที ผมเลยบอกเขาไปว่า

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ

ooสาธุoo says:
เขาไม่ได้วัดความอึดนะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สภาวะแต่ละครั้งจะแตกต่างไป คนที่พูดเขายังไม่เข้าใจในเรื่องนี้

ooสาธุoo says:
ครับ แต่ผมก็พอดีเปิดพอดีไง เลยบอกให้แฟนฟัง
แต่ผมก็ไม่ได้ถามแฟนหรอกนะว่าเดินแล้วนั่งเป็นไงบ้าง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าเขาพร้อม เขาจะเล่าให้ฟังเองค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เดี๋ยวถามผมตีความเองอีกยุ่งตายเลย

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ เราจะถามคนๆนั้นได้ ถ้าเขามีศรัทธาแล้ว
ถ้าเขายังมองแค่เรื่องเก่าๆเดิม แล้วนำมาเป็นประเด็น ปล่อยไปค่ะ

คนนะคุณเก๊ะ การมองนั้นแตกต่างกัน เรามองเรื่องศิล เรื่องข้อวัตร
แต่คนโดยทั่วๆไป มองแบบสร้างรูปแบบขึ้นมาว่าจะต้องอย่างงั้นอย่างงี้
มองเป็นผู้วิเศษไป แต่เขาเหล่านั้นลืมไปว่า ทุกคนก็คือยังเป็นคนโดยทั่วๆไปอยู่

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เมื่อก่อนผมก็มองแบบนั้นละครับ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ เพราะนิยายมีให้อ่านเยอะ

ooสาธุoo says:
แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมุมมองใหม่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ต้องทำ ทำแล้วเห็น แล้วรู้ ถึงจะเข้าใจ

ooสาธุoo says:
ในชีดีอันนี้ก็มี หลายสำนัก ท่านตอบว่าเวลาไปกรุงเทพไม่ได้มีทางเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แล้วแต่เหตุที่ทำมา

ooสาธุoo says:
มีหลายทางแล้วแต่จะไปทางไหน มีอยู่20กว่าขอ้ที่ท่านตอบ
ผมนั่งหัวเราะทุกที เวลาโดนตัวเราเอง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ฟังคำสอนดีค่ะ ทำให้ได้ทบทวนตัวเอง วันนี้ได้อ่านประวัติของหลวงปู่แหวน
อ่านแล้ว ไม่อยากเจ็บป่วยแบบท่าน วิบากกรรมนะคะ หนีไม่พ้น

ดูพระโมคคัลลานะ ดูพระพุทธเจ้า แล้วเราจะไปเหลืออะไร
นี่แหละค่ะ การใช้หนี้ที่ลงทุนน้อยที่สุด ยังดีที่ได้ใช้ไปบ้าง
ดีกว่าให้เขามารุมทวงตอนกำลังจะขาดใจตาย

ooสาธุoo says:
เบาหนักขื้นอยู่ที่เรากระทำ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เหตุทั้งหมดคือตัวเรานี่เอง วางนะคะ เดี๋ยวนี้วางลงไปมาก

ooสาธุoo says:
ผมทราบเลยว่าคุณวางลงไปมากแน่ๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใครจะว่าอะไรยังไงนั่นเขา เขาเป้นคนรับ แต่ถ้าเหตุนั้นมีเราเกี่ยวข้อง นั่นคือผลที่เราต้องรับ
เรามีหน้าที่คือ ให้อภัยกับเขา และหมั่นสร้างแต่เหตุดีต่อไป ใครๆก็ช่วยเราไม่ได้ เราต้องช่วยตัวเราเอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เราก่อเราก็ใช้เองนะละครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันมองด้วยความเข้าใจนะคุณเก๊ะ เขาเหมือนเราในสมัยก่อน ทำไปเพราะความไม่รู้
ตามใจกิเลสที่มีอยู่ในจิต

ooสาธุoo says:
อย่าว่าเขาเลยครับ เราปฎิบัตเราเองยังหลุดเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ว่าใครหรอกค่ะ มีแต่อโหสิกรรมให้ เพราะเราเข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น
หากอ่านตัวเองยังไม่ออก ยากค่ะที่จะเข้าใจคนอื่นๆได้

ทำต่อไปค่ะ หน้าที่มีแค่นั้น
ช่วยได้ตามกำลัง ตามเหตุที่เคยทำร่วมกันมา

ooสาธุoo says:
ครับ แค่นี้ผมก็ถือว่าโชคดีมากๆๆๆแล้วครับ ที่มีพี่เลี้ยงไม่เบื่อผม

สุขที่แท้จริง says:
มียิ่งกว่าคุณเก๊ะอีกค่ะ มีแต่ข้อสงสัย คุยทั้งคืน จะเอาแต่ดูกายดูจิต ก็เลยบอกว่าตามสะดวก ตามถนัด

ooสาธุoo says:
เมื่อกอ่นนะ แฟนจะว่าผมประจำว่าทำบุญนะไม่ว่าแต่ให้พอสมควร
ผมเลยมานึกขื้นได้ว่า การทำบุญก็เหมือนการปฎิบัต ทำไปเรื่อยๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ทำได้หลายรูปแบบ การให้ทานแก่คนอื่นๆก้คือการทำบุญอย่างหนึ่ง

ooสาธุoo says:
ครับ
ผมยังตอ้งปรับนิสัยอีกพอควรนะครับ ผมพยายาม ดูตัวเอง ให้มากๆๆๆหน่อยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกๆการกระทบ จะทำให้เราเรากลับมาดูตัวเองทุกๆครั้งคะ
ทำบุญ ทำทาน ทำตามกำลังของเราที่มี ไม่ให้เดือดร้อน แต่การปฏิบัตินี่ไม่ขาด ทำตลอด

ooสาธุoo says:
การปฎิบัตนี่ก็คือการทำบุญอย่าง1ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
เพราะการปฏิบัติเป้นตัวขัดเกลากิเลสที่มีอยู่ในใจของเรา ทำให้เรารู้จักที่จะให้กับคนอื่นๆมากขึ้น
ใช่ค่ะ แต่จัดเป็นมหากุศลคือได้บุญเยอะกว่าบุญอื่นๆ เพียงแต่ว่าบุญอื่นๆเราก็ต้องทำไว้
เพื่อเป้นปัจจัยภายนอกที่เราต้องใช้ในวันหน้า

ooสาธุoo says:
ผมยังมีการระวังมากไปนะครับ บางทีทำให้เครียด แต่เดี๋ยวนี้ดีหน่อยพอเครียดขื้นมา เราจะรู้ตัวเอง

สุขที่แท้จริง says:
ที่คุณเก๊ะมีความระวัง เพราะคุณไปรู้เรื่องราวของอนาคตที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวคุณเอง
บางครั้งเลยทำให้ระวังจนเครียด ถึงบอกกับคุณว่า ให้ดูตามความเป็นจริง กระทบมาก็รู้
เหมือนหมู เขาเองบางครั้งก็ระวังจนเครียดไปโดยไม่รู้ตัว

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
อีกหน่อยจะปรับตัวได้ค่ะ แล้วจะไม่ไปเครียดกับตัวเอง
ตัวน้ำเอง เหมือนคนมาจากอนาคต นำเรื่องอนาคตมาเล่าให้ฟัง ว่าทำแบบนี้แล้วต่อไปจะเป็นยังไง
ใครๆที่มาปฏิบัติด้วยเลยเหมือนกับก้าวกระโดด แทนที่จะเป็นไปตามขั้นตอน

ooสาธุoo says:
แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่เก็บที่คุณพูดไปคิดว่าจะต้องอย่างงั้นอย่างงี้

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมว่ามันต้องรู้ด้วยตัวเองทุกอย่าง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คือ ทำผิดก่อนที่จะทำถูก
เพราะเมื่อรู้ผล เลยทำให้ระวังเหตุกัน บางครั้งระวังมากไป เลยทำให้เครียด
แต่คนที่ยังไม่รู้ เขาก้ทำไปด้วยความไม่รู้ ผิดคือผิด ถูกคือถูก รับผลไปตามนั้น วัฏฏะถึงยาวไกล

ooสาธุoo says:
ครับใช่เลย เหมือนกับว่าผมรู้เลยพยายามจะไม่ให้หลุด

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่สิ่งนี้เขาก็บอกแล้วว่าบังคับไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อไปรู้อนาคตล่วงหน้า เลยเป็นแบบนี้แหละค่ะ บังคับไม่ได้ แต่รู้ทันได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ถึงต้องมาเจริญสติไงคะ ตอนนี้กำลังสติของคุณเก๊ะยังไม่พอ เลยทำให้มีเครียดในบางครั้ง

ooสาธุoo says:
ผมถืงทราบว่า บางท่านรู้แล้วหลุดน้อยบ้างหรือไม่หลุดเลย ก็ยังต้องผืกสติตลอด

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เราทุกคนยังชื่อว่าเป็นผู้ฝึกตนอยู่ค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อกอ่นนะครับ ผมนึกว่าถ้าเราทำได้ระดับที่เราพอใจ ระดับนั้นคงอยู่กับเราตลอด
คิดว่าการฝึกเนี่ยมีจบ ที่ไหนได้ทุกสิ่งไม่เที่ยง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แปรเปลี่ยนไปตลอดเวลา

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

May 14

เมื่อคืนหลังจากปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดินประมาณ30นาทีนั่งประมาณ10นาที
ตอนเช้าปฎิบัตตามปรกติคือเดินประมาณ30นาที นั่งประมาณ30นาที
มีเวทนาเกิดขื้นก็ดู ตอนนี้มีความคิดเกิดขื้น คิดว่าสติตามดูได้ชัดขื้น


oสาธุoo says:
วันนี้ฟังชีดีต่อไปอืก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เป็นไงมั่งคะ

ooสาธุoo says:
ผมเพิ่งเข้าใจคำกล่าวที่ว่ารูปกับนามนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ลองอธิบายมาสิคะ

ooสาธุoo says:
เข้าไปถืงใจเลยครับ
รูปคือสิ่งที่เห็นด้วยตา นามจะเห็นได้จากตาในใช่ไหมครับ ความเข้าใจของผมนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
นามคือสิ่งที่รู้ด้วยใจค่ะ ตามองเห็น ใจคือผู้รู้

ooสาธุoo says:
เดี๋ยวนี้ถ้ารู้ด้วยความจำนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ อันนี้รูปนามแบบหยาบๆที่พอจะอธิบายเป็นรูปธรรมให้เห็นได้น่ะค่ะ
ส่วนที่เป็นสภาวะ อธิบายไม่ได้ค่ะ ต้องรู้ด้วยตัวเอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เดี๋ยวนี้รู้ด้วยความจำนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ ศึกษาได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ไม่ทราบชื้งเท่ารู้ด้วยใจนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้ หรือว่าไม่รู้จะดีกว่า
เพราะมันไม่มีอะไรดีกว่าอะไรแต่อยู่ที่เหตุกระทำกันมาค่ะ

ooสาธุoo says:
ตอนนนี้นะครับ ผมว่ารู้ดีกว่าแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไปแล้วสภาวะจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ สภาวะนะ จะปรากฎให้เรารู้เอง เร่งก็ไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ รู้แล้วกิเลสลดคือถูกทางค่ะ รู้แล้วกิเลสเพิ่มมากขึ้นคือผิดทางค่ะ

ooสาธุoo says:
จะรู้ก็รู้เอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ ปราศจากการคาดเดาหรือความคิดใดๆทั้งสิ้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างสภาวะที่เกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุที่เราทำมา สภาวะนั้นๆคือกิเลสของเรา
นี่หมายถึงทางโลกด้วยนะคะ

ooสาธุoo says:
วันนี้นะครับความคิดเกิดน้อยมาก โล่งมาก เหมือนกับเราปล่อยตามสบาย จับที่กาย

สุขที่แท้จริง says:
พอจับจุดได้ถูก จะเป็นแบบนั้นแหละค่ะ

ooสาธุoo says:
เวลามีความคิดเกิดก็ดู

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ ดูแต่ไม่ยุ่ง รู้สึกอิสระใช่ไหมคะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ถ้ายุ่งด้วยเมื่อไหร่ การปรุงแต่งไปแล้ว เวลาสุขก็ให้รู้ว่าสุขนะคะ พอดูความคิดได้ มันจะมีแต่สุข

ooสาธุoo says:
แต่เวลานั่งนะครับ เกิดเวทนาหนักจะขาดสติ ตอนนี้ยังมีความอยากให้มันหายอยู่
ต้องมองให้มันเป็นธรรมดา

สุขที่แท้จริง says:
กำลังของสติและสมาธิยังไม่มากพอค่ะ คุณเก๊ะ ใช้รู้หนอเข้าช่วยก่อนสิคะ อย่าถอยหนี
เอาสมาธิเข้าช่วย การกำหนดรู้หนอลงไป ทำให้เกิดสมาธิค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมจะดูพอดูก็จะกลับมาที่ลม

สุขที่แท้จริง says:
พอกำลังของสมาธิและสติได้ที่ เวทนาจะหายไปค่ะ และถ้าสติดีมากขึ้น
สมาธิตั้งมั่นได้นานมากขึ้น เราจะเห็นเวทนาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งดับไป

ooสาธุoo says:
แต่เดี๋ยวนี้จะไม่หนีครับ

สุขที่แท้จริง says:
อนุโมทนาค่ะ ดีแล้ว ดูสภาวะเขาให้ดูใน 1 ชม. นี่แหละค่ะ นั่ง 1 ชม.

ooสาธุoo says:
แต่ตอนนี้ผมยังนั่งได้ประมาณ30-40นาทีอู่ยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงแนะนำไปว่าค่อยๆเพิ่มเวลาเพื่อปรับอินทรีย์ให้เสมอกัน ดูสมาธิเป็นหลักค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับจะคอ่ยๆๆๆเพิ่มขื้นทีละนอ้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าเพิ่มแล้ว มีงูบ มีง่วง มีเคลิ้ม ให้ลดลงค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับตอนนี้บางวันยังมีเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
หมั่นสังเกตุดูค่ะ เฉพาะเวลาเต็มรูปแบบนะคะ เวลาอื่นๆ มันเล็กๆน้อยๆ ตรงนั้นถือว่าสะสมไป

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เดินในร้านผมคิดว่าเดินย่อยอาหาร แต่จับเท้าได้ แต่ไม่ชัดเท่ามีคำบริกรรม

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าสติยังไม่มากพอ การใช้คำบริกรรมจะทำให้รู้ได้ชัดมากขึ้นค่ะ
ถ้าวันใดสติ สัมปชัญญะมีกำลังมากพอ คำบริกรรมจะหายไปเองค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อกอ่นผมฟังว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จะวาดภาพให้จิต ว่าต้องอย่างงั้นอย่างงี้
ถ้าไม่ได้ดังใจก็จะเกิดทุกข แต่เดี๋ยวนี้พอรู้ด้วยใจ จะสบายกว่ากันมากครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ รู้ด้วยใจ มันจะมีแต่ปล่อยได้ไวมากขึ้น ไม่ไปยึดติดแบบก่อนๆ

ooสาธุoo says:
มีอะไรก็ดู ถ้ามีมากฟุ้งมาก ก็จะมาจับที่กาย แล้วสักพักเขาจะเข้ามาที่ลมเอง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ พยายามเอาจิตรู้อยู่กับกาย ช่วยได้เยอะมากๆ

ooสาธุoo says:
วันนี้ยังนั่งคิดถืงเรื่องรัฐบาลสลายการชุมนุมเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ได้แผ่เมตตาให้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ว่ามีกรรมกันมากอ่น

สุขที่แท้จริง says:
ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมวัฏด้วยกัน

ooสาธุoo says:
ระหว่างผู้นำทั้ง2ผ่าย

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสน่ะคุณเก๊ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ กิเลส อำนาจ ยึดมาเป็นของตัวเอง

สุขที่แท้จริง says:
การจองเวรไม่จบสิ้น หากยังมองไม่เห็นตามความเป็นจริง

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้ในชีดีพูดเหมือนคุณเลยว่า รู้ทีแรก เครียดมาก
แต่พอรู้ได้พอควรแล้วจะรู้ว่า การก่อภพก่อชาติ ขนาดไหน

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละค่ะที่รู้ได้ยาก

ooสาธุoo says:
ธรรมของพระองค์นะครับ ผมว่าเริ่มปฎิบัตแรกๆๆๆนะจะยากมาก แต่ถ้าพอเข้าถืงแล้วนะจะง่ายขื้น

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เพียงจับจุดได้ถูก

ooสาธุoo says:
ผมนั่งึนกย้อนตัวเองนะครับ สภาวะที่เราเจอนะไม่แตกต่างกับแรกๆๆๆเลย แต่เรายังไม่ทราบ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ รู้กับไม่รู้นี่แตกต่างกันมากๆ

ooสาธุoo says:
ผมเลยเข้าใจเลยว่า คนที่เป็นอาจารสอนนะ จะต้องให้ลูกศิษยเข้ามาถาม
อาจารถึงรู้ว่าไปได้แค่ไหนแล้ว ถ้าอาจารบอกสิ่งที่ตนรู้ ลูกศิษยไปไม่ถึงก็จะไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารสอน

สุขที่แท้จริง says:
รู้แค่ไหน ย่อมตีความได้แค่นั้นค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
เหมือนพระไตรปิฎก คนที่ไม่ได้ศึกษาจริงๆจะอ่านแล้วไม่รู้เรื่องเลย ผิดกับคนที่ปฏิบัติ
ถึงแม้จะไม่ได้ศึกษามาเลยก้ตาม พอปฏิบัติถึงจุดๆหนึ่งแล้ว อ่านรู้เรื่องได้

ooสาธุoo says:
ผมว่าการนั่งสมาธิที่อย่างเพื่อนผมทำที่ผมถามคุณนะว่าไม่แตกต่างกัน คือดูที่กายเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:
ถ้านั่งแล้ว ไม่ขาดความรู้สึกตัว สามารถรู้อยู่กับกายและจิตได้ตลอด นั่นคือมาถูกทางแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อก่อนผมเลือกมากดิ้นรนมากว่าอันไหนง่าย
พอมาถืงนะจุดนี้ ผมทราบเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างขื้นกับตัวเราเท่านั้น
ไม่ว่าสถานที่หรือสิ่งต่างๆๆๆ ที่ไหนได้สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเราเอง อย่างอื่นไม่เมีผลเลย

สุขที่แท้จริง says:
ผู้ที่ยังไม่รู้ ย่อมมองนอกตัวและกล่าวโทษนอกตัวค่ะ
มองไปทางไหน เห็นแต่คนมีความทุกข์นะคะ

ooสาธุoo says:
ผมเล่าทุกอย่างให้คนที่เป็นคนสอนผมฟังทุกคน เดี๋ยวนี้รู้ความจริงก็คือความจริง หนีไม่พ้นครับ
ดีนะผมว่า เขาจะได้รู้ว่าเมื่อกอ่นเราเป็นยังไง เดี๋ยวนี้เราเป็นยังไง
เขาเองเป็นคนตัดสิน เราไม่ตอ้งไปอธิบายให้ยุ้งยากสะอีก

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
ทุกๆๆๆอย่างจะวัดกันที่การกระทำ ไม่ใช่เปลือกนอก

สุขที่แท้จริง says:
ต้องทั้งต่อหน้าและลับหลังนะคะ

ooสาธุoo says:
เข้ามาได้ขนาดนี้แล้วทั้งต่อหน้าและลับหลังยังไม่พอนะครับ
ทั้งข้างในยังสอาดหมดจดเลยครับ มีแต่ให้สิ่งดีๆๆๆๆกับคนอื่นแล้วละครับ

สุขที่แท้จริง says:
โห ถ้าสะอาดหมดจดต้องพระอรหันต์ค่ะ เราน่ะยังเหตามกิเลสอยู่ค่ะ
จะมากหรือน้อยก้ขึ้นชื่อว่ายังเห เห็นไหมคะคำพูด ต้องระวังนะคะ

ooสาธุoo says:
วันนี้ผมยังเข้าไปดูเวบคุณหมุเลยครับ กิเลสมาเลย วัดค่า คุณหมูนะปฎิบัตตอนกี่โมงครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไปแล้วค่ะ กำลังปฏิบัติอยู่

ooสาธุoo says:
ไปปฎิบัตตอนนี้เลยหรือครับ

สุขที่แท้จริง says:
ส่วนมากเขาจะเดิน 1 ชม. นั่ง 30 นาที

ooสาธุoo says:
พอปฎิบัตเสร็จก็มาคุยกับคุณต่อหรือครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เขาต้องมาพูดให้ฟังเรื่องสภาวะของเขา บางอย่างต้องแนะนำเขาเพิ่ม

ooสาธุoo says:
ครับ ดีจัง เจอพี่เลี้ยงอย่างนี้นะสุดยอดเลย

สุขที่แท้จริง says:
ธรรมะ หรือแนวทางของพระพุทธองค์ที่ทรงถ่ายทอดไว้ ไม่จำกัดกาล
เรียกว่าไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลาจริงเลยนะคะ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมว่านะ มันขื้นอยู่กับตัวผู้ปฎิบัตนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ขึ้นอยู่กับเหตุที่ทำมากันค่ะ

ooสาธุoo says:
ก็ด้วยนะครับ อย่างผมนะปิดร้านแล้วขื้นไปปฎิบัต มักจะง่วงประจำ
ผมเลยทำเต็มรูปไปทำตอนเช้านะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ความเคยชินยังมีอยู่น่ะค่ะ ถึงให้ทำน้อยๆไปก่อนเพื่อปรับอินทรีย์
ทำตามความเป็นจริงค่ะ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะมากหรือน้อยไป

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ น่าจะอย่างที่คุณว่านะครับความเคยชิน

สุขที่แท้จริง says:
ความกังวลคือรูปแบบหนึ่งของความอยากแฝงอยู่น่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
นี่ละคือสิ่งที่ต้องการ เวลาผมปฎิบัตนะครับ ผมจะตั้งเวลาไว้ พอมีเวทนาเกิด
ความอยากเริ่มมาแล้ว เมื่อไรจะหมดเวลาที่เราตั้งไว้ เอออจริงๆๆๆๆ
ผมลืมดูเลยว่านี่ละคือความอยาก อยากเลิก จริงๆๆๆๆๆๆ ไม่สะกิดผมเลย ผมลืมเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ความอยากจะแฝงอยู่ตลอดเวลาค่ะ จากหยาบๆจนกระทั่งละเอียด
พอนั่งแล้วสบาย แหมม เวลาหมดเร็วจัง
พอเจอเวทนา เมื่อไหร่จะหมดเวลาสักทีหนอ
จิตปรุงได้สารพัดรูปแบบ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมว่าแล้วละ ทำไมผมสติขาด เพราะว่ามีความอยากเข้ามา

สุขที่แท้จริง says:
เปล่าค่ะ เพราะสติของคุณเก๊ะยังไม่มีกำลังมากพอค่ะ
ถ้าขาดสติ คุณเก๊ะก็หลงหรือเผลอไปแล้วสิคะนี่รู้ตลอด

เวลาคุณเก๊ะจะไล่สภาวะ ไล่แบบนี้สิคะ ไล่ไปทีละขั้น
ทำไมเราถึงอยากให้หมดเวลา เพราะเวทนามันเกิด

ทำไมเวทนาจึงเกิด เพราะเราเกิดอุปทานไปยึดมั่นว่ากายนี้เป็นของเรา
ทำยังไงถึงจะละอุปทานตัวนี้ไปได้

ก็สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี่ไง เจริญสติ
แต่ตอนนี้กำลังสติของเรายังไม่มากพอ ที่จะเท่าทันต่อการปรุงแต่งของจิตได้

ooสาธุoo says:
ได้เนื้อๆๆๆเลย ถึงตอนจบเลย

สุขที่แท้จริง says:
ลองฝึกไล่ดูนะคะ

ooสาธุoo says:
ครับ ต้องลองผืกตามที่คุณบอกดู

สุขที่แท้จริง says:
ฝึกบ่อยๆ จะช่วยถ่ายถอนอุปทานลงไปได้เยอะค่ะ เวลาเกิดสภาวะ หรือเกิดเวทนา
อย่างวันนี้ก็เจอค่ะ ตอนนั่งสมาธิ เจอสภาวะแมลงเข้าหู มาทั้ง 2 หูเลย ค่อยๆไต่เข้าหูทั้งสองข้าง
เมื่อก่อนทนไม่ได้ค่ะ สติแตก เอามือแยงๆทันที แยงทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีตัวอะไรเลย แต่มันคือสภาวะ

ผลวันนี้คือ เรานั่งดูสภาวะที่เกิดขึ้น แค่รู้ว่ามีแมงเข้าหูนะ มันคือสภาวะ หรือจะเป็นของจริงห็ช่างมัน
เอาจิตมารู้อยู่กับกายอย่างเดิม สักพักสภาวะแมลงเข้าหูหายไปเอง

พอสภาวะแมงเข้าหูหาย เจอเวทนาเล่นละ ปวดขา ก็นั่งดูอีก เห็นตั้งแต่ตอนกำลังเริ่มปวดไล่ไปตามขา
จนกระทั่งดับหายไป รู้อยู่อย่างงั้นโดยเราไม่ได้ไปปวดด้วย สิ่งเหล่านี้อีกหน่อยคุณเก๊ะต้องเจอเหมือนๆกัน

ooสาธุoo says:
ครับ คือผมที่แรกว่าจะถามเหมือนกัน แต่อย่าเพิ่งเลยดีกว่าคิดในใจนะครับ
ผมคิดว่าสิ่งต่างๆๆๆเดี๋ยวเราปฎิบัตไปเรื่อยๆๆๆเดี๋ยวรู้เอง
แต่จริงๆๆๆนะ ต้องมีอาจารคอยสอนบอกว่าควรลองพิจารณาดู

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ พอเจอกับสภาวะเอง ไม่ถามเลยเพราะเคยอ่านเจอมาแล้วว่ามันมีอยู่จริง

ooสาธุoo says:
ฮือจริงๆๆๆครับ
เวลาผมเกิดเวทนา ผมต้องลองไล่ดูบ้างแล้วละครับ อย่างเรื่องมีอะไรไร่มีอะไรมากัด
ผมเคยครับ แต่ถ้าสติไม่ทันจะปัดหรือเกาทันที ถ้าสติทันก็จะดู แล้วสักพักก็จะหาย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่เวทนาผมยังไม่เคย มีแต่ไปดู พอไปดูมันเหมือนกับปวดมากขื้น
พอปวดมากเรากับมานึกถึงเวลาเลิกมากกว่า ผมไม่ได้พิจารนาเหมือนที่คุณบอก

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อก่อนก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันแหละค่ะ

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

วันที่ 15 พค.

oสาธุoo says:
ผมไม่ได้พิมพสภาวะ1ลงไปในบล็อกนะครับ พอดีจะรอถามนะครับ
คือว่าตอนที่ผมเดินนะครับ ผมมีความคิดเกิดขื้นมา เหมือนกับที่คุณแนะนำผมนะครับ

คือตอนเดินอยู่นะครับ อยากให้หมดเวลาไวๆๆ ผมก็ย้อนกลับไปว่า ใครเป็นคิดให้หมดเวลาไวๆๆๆ
อย่างนี้นะครับ เราคิดได้ไหมครับ แต่ตอนที่คิดนะครับ รู้มีสติตลอดนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ ไม่ได้ห้ามค่ะ แต่ที่บอกว่าให้แค่ดู คือการปรุงแต่งจะได้ไม่เกิดขึ้น

ooสาธุoo says:
ฮือ แต่นี่น่าจะผมลงไปคิดด้วยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
พอปรุงแล้ว ไม่ไหลไปอดีตก็ไหลไปหาอนาคต
แต่การพิจรณาคือการหาเหตุหาผล คนละอย่างกับความคิดโดยทั่วๆไป

การพิจรณา เราจะมีสติรู้อยู่กับความคิดนั้นๆ
ว่าสิ่งที่เรากำลังคิดอยู่นั้นเป็นเรื่องอะไร ทำไมหรืออย่างไร

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะ ทำในสิ่งที่เป็นตัวของคุณเก๊ะเอง ไม่ต้องกลัวว่าถูกหรือผิด ตราบใดที่ไม่ใช่ความคิดอกุศลค่ะ
ทำแล้ว เราจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ

หลักการปฏิบัติจริงๆมีหลักๆนิดเดียวค่ะ เดินให้รู้เท้า รู้อยู่กับกาย นั่ง ให้รู้อยู่กับลมหายใจ กับกาย
มีแค่นี้แหละค่ะ ส่วนที่เกินนอกจากนี้ ล้วนเป็นการปรุงแต่งของจิตเราเอง

ooสาธุoo says:
ครับ ถ้าความคิดไม่ว่าจะดีหรือร้าย

ผมเข้าใจแล้วละครับ ว่าเรามีหน้าที่คือดูอย่างเดียว ว่าคิดเรื่องอะไร

ไม่ใช่สิ มีหน้าที่คือดูอย่างเดียว ดูกายดูจิต นอกจากนั้นคือการปรุงแต่ง

สุขที่แท้จริง says:
คือ แค่รู้ รู้ว่ามีความคิด แต่ไม่ใส่ใจ ยกเว้นความคิดอกุศลเท่านั้นถึงจะกำหนดรู้หนอ เอาสติจับไว้
เพื่อไม่ให้เกิดการปรุงแต่ง

พอเราแค่รู้ ความคิดเขาจะแผ่วๆลงไป จะทำให้เรารู้อยู่กับกายและจิตได้มากขึ้น ไม่ไปแว่บข้างนอก
สมาธิที่เกิดขึ้นก้จะตั้งมั่นได้นานมากขึ้นค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ความคิดนะครับตอนนี้ของผมนะครับ
ผมรู้ที่กาย เวลาเดินหรือนั่ง พอมีความคิดเกิดสติไปจับมันจะดับครับ

พอดีนะเมื่อวานฟังคุณเล่าว่า ตอนเกิดเวทนา คุณบอกว่าคุณดูตั้งแต่เกิดจนมันดับเอง
ไม่ใช่ลงไปคิด ครับผมเข้าใจแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันมีสองแบบน่ะค่ะ

การคิดโดยแยบคายคือ หาเหตุและผล ซึ่งได้ยกตัวอย่างให้ฟังไปแล้ว
และเมื่อมีสติ สัมปชัญญะกับสมาธิในระดับหนึ่ง เราจะเห็นตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือ
ตั้งแต่เวทนาเกิดขึ้น ขณะที่เกิดจนกระทั่งหายไปหรือดับไป

เห็นไหมคะ รูปแบบ แล้วแต่สภาวะ แล้วแต่กำลังของสติ สัมปชัญญะและกำลังของสมาธิ
ว่ามีกำลังตั้งมั่นได้นานแค่ไหน ฉะนั้นจึงไม่มีรูปแบบตายตัวในเรื่องของสภาวะ

ค่อยๆเรียนรู้ไปค่ะ เจอด้วยตัวเอง แล้วเรียนด้วยตัวเอง จะเข้าใจได้ชัดเจนกว่าคนอื่นๆมาพูดให้ฟังค่ะ

ooสาธุoo says:
แสดงว่าวันนี้ผมเล่นกับกิเลสโดยตรงเลยสิครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ คุณเก๊ะจะตอบคำถามที่ถามมาได้เองค่ะว่า ลงไปเล่นกับกิเลส หรือว่าพิจรณาหาเหตุและผล

ooสาธุoo says:
จริงๆๆอะครับ วันนี้ผมคิดแบบแยบคายจริงๆๆๆ
มันมีเหตุและผล ผมรู้นะครับว่ามันคิด คิดว่ามันคิดไปในทางธรรมนะครับ
เลยปล่อยไปเรื่อยๆๆๆๆ แล้วก็ลงไปเล่นกับมันเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ ไหลไปกับความคิด

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ไว้เดี๋ยวได้สมาธิและสติมากขื้น คงจะได้รู้ด้วยตัวเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ทำไปตามความเป็นจริงค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ดูตามความจริง ว่ามันคิดอะไร

สุขที่แท้จริง says:
กำลังเรามีแค่ไหน จะรู้มากหรือน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือรู้กิเลสในใจของเรา

ooสาธุoo says:
เราเพียงดูเฉยๆๆๆใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ดู แล้วรู้ว่ามันมี แล้วกลับมารู้ที่เท้า ถ้ากำลังเดินอยู่ ถ้ากำลังนั่งอยู่ ให้กลับมารู้ที่กายหรือลมหายใจ

ooสาธุoo says:
แหมวันนี้มันมาแบบแยบยลเลย

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสมันจะเนียนค่ะ

ooสาธุoo says:
ดีนะวันนี้ยังถามคุณ ไม่งั้นเดี๋ยวมันมาอีก ผมลงไปเล่นกับมันสนุกอีก
ขอบคุณมากครับที่ให้ความกระจ่างนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แบ่งปันกันค่ะ เมื่อเคยผ่านมาแล้ว ย่อมบอกได้ค่ะ
อีกหน่อยตัวคุณเก๊ะก็จะโดนถามแบบที่คุณเก๊ะถามๆมานั่นแหละค่ะ
แล้วคุณก็จะนำสิ่งที่คุณผ่านมาทั้งหมด เล่าให้คนอื่นๆฟังต่อ

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน


May 16



เมื่อคืนจะขื้นไปปฎิบัตแต่มีอารมณเหมือนกับขี้เกียจมาก พอตอนเช้ามาปฎิบัตตามเดิม
แต่วันนี้ทำไม่นานคือเดินไป20นาทีนั่ง10นาที รู้ว่าตัวเองวันนี้หงุดหงิด

สุขที่แท้จริง says:
หงุดหงิดเพราะอากาศร้อน หรือเพราะอะไรคะ

ooสาธุoo says:
สงสัยเมื่อเช้าไปว่ายน้ำมานะครับ กลับมาเลยทานเยอะไปนะครับ อาหารเลยไม่ย่อย
หิวมากไปมั้งครับ

การอ่านสภาวะของคนอื่นนี่ดีไหมครับ
แต่ที่ผมอ่านของคุณหมูนะครับ ก็คล้ายๆๆๆกันนะครับ
สภาวะส่วนให่ญ่จะเหมือนๆๆๆกันไหมครับ หรือมันแล้วแต่เหตุครับ

สุขที่แท้จริง says:
ส่วนมากเลยค่ะ จะเหมือนๆกัน แต่แตกต่างตรงเรื่องรายละเอียดว่าใครฟุ้ง
หรือใครกลับมารู้ที่กาย ที่ลมหายใจได้ก่อนกัน

คนไหนมารู้หลักๆที่กายที่ลมหายใจได้ จะไม่ค่อยมีข้อปลีกย่อยมากมาย
ส่วนคนที่ยังจับหลักไม่ได้ ก็ยังคงฟุ้งต่อไปค่ะ

บางคนอ่านแล้วชอบนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ถ้าเห็นว่าดีกว่าเขา
กิเลสคือ ใจฟูฟ่อง ถ้าเห็นว่าแย่กว่าเขา ความฟุ้งซ่านเอาไปกิน

ooสาธุoo says:
ครับ ใช่ครับ
การที่เรามีสมาธิมากขื้น เราก็จะรู้ที่กายมากขื้นใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ จะอยู่ที่กายได้ดี คือ รู้อยู่กับรูปนาม ไม่ไปฟุ้งข้างนอก
บางครั้งอาจจะเจอสุข เจอปีติ ก็แล้วแต่กำลังของสมาธิและสติ
ถ้าสมาธิมีกำลังแนบแน่นดี สติ สัมปชัญญะดี จะไม่มีสุข แต่จะรู้อยู่ในกายได้ดี

ooสาธุoo says:
บ้างทีเรารู้อยู่ที่กาย การรู้อยู่ที่กายนะครับ เป็นการผืกสมาธิอย่าง1ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คือฝึกทั้งสมาธิ และสติ สัมปชัญญะค่ะ สมาธิแบบนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิค่ะ
คือ รู้ความคิด รู้กาย รู้ลมหายใจ เรียกว่ามีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
แต่ถ้าไม่ได้ฝึกแบบนี้ จะมีสมาธิอีกแบบคือ ขาดความรู้สึกตัว แบบนั้นคือมิจฉาสมาธิ

ooสาธุoo says:
เออผมถามอีกทีนะครับ คือว่าเวลาผมเดินหรือนั่งนะครับ ผมจะมีความรู้สืกเป็นบ้างครั้ง
จับได้ทั้งลมหน้าอกท้อง จับได้เป็นบ้างครั้งนะครับ
จับได้ทั้งลม ทอ้ง หน้าอก ผมก็จะรู้อย่างเดียว
สักพักมันก็จะมาจับที่ลมตามเดิม หรือมาจับที่ท้อง

สุขที่แท้จริง says:
แล้วยังไงหรือคะ

ooสาธุoo says:
ทีแรกผมนืกว่าเป็นการรู้ทั่วพร้อมสะอีก
แต่คุณตอบให้ผมฟังมาแล้วว่าความรู้ทั่วพ้รอมคืออะไร
รู้ทั้งลม กาย และความคิด

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เรื่องความคิด คือ มันอาจจะรู้ชัด หรือรู้แผ่วๆ
แต่หลักๆจะรู้ลม รู้กายได้ดี แบบนี้คือ มีทั้งสมาธิและสติ สัมปชัญญะ
ถ้าขาดสติและสมาธิ จะไม่สามารถรู้ได้ตลอดแบบนี้ได้

ooสาธุoo says:
อย่างนี้นะครับ คือเมื่อกอ่นนะครับ
ผมนึกว่าจิตเรานะ สามารถรู้ได้ทีละ1อย่าง คือถ้าตอนนั่งมีการคิดก็จะไปรู้คิด
แต่ตอนนี้เวลาเดินนะครับรู้เท้าและจะมีความคิดเกิดก็จะรู้ด้วย
เพียงแต่ว่าจะชัดหรือไม่ชัดเท่านั้น

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แล้วไงหรือคะ

ooสาธุoo says:
ก็เข้ากับที่คุณบอกผมใช่ไหมครับว่าถ้าเรามีสมาธิดี สติดี สัมปชัญญะดี มันจะรู้ได้พร้อมกัน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แต่ทุกอย่างมันจะแยกออกเป็นส่วนๆ ไม่มาปนกัน
คือ รู้ทั้งหมดจริง แต่มันจะมีชัดที่สุดทีละจุด

ooสาธุoo says:
ครับ บางทีนะครับ ผมนะไม่มีอะไรจะถามนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
บางทีคำศัพท์นะคุณเก๊ะ ถ้าเราไปยึดติดกับคำเรียกต่างๆ ก็สามารถทำให้เกิดความสงสัยไม่รู้จบ
นั่นเรียกอะไร นี่เรียกอะไร แล้วเราอยู่ตรงไหน มันทำให้กลายเป็นความฟุ้งไปได้ค่ะ
หน้าที่หลักๆของเราคือ เดินรู้เท้า นั่ง รู้ลมหายใจ รู้อยู่กับกาย มีแค่นี้เองค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ แต่เดี๋ยวนี้นะครับ พอผมพอรู้ว่าอันไหนคือตัวรู้ อันไหนคือความคิด

ใช่ครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่สงสัยมากแล้วละครับ เพราะว่าทีแรกสงสัยมากว่ารู้อู่ยกับกาย
มันจะไปรู้อะไรเพิ่มอีกได้ไง

แต่เดี๋ยวนี้รู้แล้วละครับว่า ถ้าเรารู้อู่ยกับกาย
พลังของสมาธิและสติจะพัฒนาขื้นไปเองใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ กำลังของสมาธิจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังของสติ สัมปชัญญะจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ooสาธุoo says:
เดี๋ยวนี้ผมอาจจะไม่เกิดความฟุ้งมากเหมือนเมื่อก่อนก็ได้

สุขที่แท้จริง says:
ถ้ารู้แบบนี้ได้ ความคิดจะเกิดน้อยค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันจะเห็นแต่ลมหายใจ จากลมหายใจหายไป จะมารู้อยู่กับกาย สลับไปมาแบบนี้

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
เรามีหน้าที่คือ เฝ้าดู ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
บางทีนะคุณเก๊ะ น้ำนะจะนั่งดูอยู่แบบนี้ได้หลายๆชม.

ไม่ใช่นั่งกับพื้นนะคะ นั่งกับพื้นจะจำกัดสภาวะไว้ที่ 1 ชม.
ไม่งั้นโอกาสที่ว่าสมาธิเอาไปกินหมด มันมีมาก นี่คือ เวลานั่งที่โซฟาน่ะค่ะ
บางทีนั่งดูไปแบบนี้ บางครั้งดับไปในสมาธิบ้าง รู้ตัวบ้าง 5 ชม. นี่นั่งได้สบายๆเลย

ooสาธุoo says:
คือตอนนี้นะครับ เวลาผมเผ้าร้านนะครับ
ผมรู้อยู่ที่ลม แต่ตานะจะไปมองที่คนอื่นนั่งเล่นอู่ย

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ นั่งคุยทางเอมแบบนี้ พอรอคำพูดของอีกคนก็สามารถรู้พองยุบได้ตลอดค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ผมคุยกับคุณ เวลารอก็จะรู้ที่ลม

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ มันจะเป็นเอง เพราะจิตมันจำ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เมื่อก่อนตอนเดินนะครับ ผมยังจะนั่งคิดเลยว่าจะไปจับที่เท้าหรือลมดี
แต่มันยังกับอึดอัดนะครับ เลยปล่อยว่าแค่รู้

บางทีไปที่ลมบ้างทีไปที่เท้า เบาสบายกว่ามากเลยครับ
คือถ้าเราตีกรอบให้เขาเนยมันเหมือนจะอึดอัดใช่ไหมครับ ก็คือเกิดการเพ่งขื้นมาใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คิดมันยังเป็นการบังคับ บังคับให้เป็นดังใจที่ต้องการ

ooสาธุoo says:
อธิบายเลย ผมชอบมากเลยครับ เพราะว่าอธิบายแล้วเห็นสภาวะที่อธิบายได้

สุขที่แท้จริง says:
คือต้องถามมาน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
บางทีนะครับ รับกับคุณตรงๆๆๆเลย บางทีไม่มีคำถาม
แต่ถ้าบางทีคุยไปคุยมา ก็จะนึกขื้นมาได้

วันนี้ที่หงุดหงิดหรืออะไร นะครับ ผมว่าน่าจะมีการตีค่าเข้ามาบ้าง กลัวหลุดเป็นบ้างครั้ง
พอกลัวหลุด พอมีสติก็จะรู้เลยว่าราไปกลัวหลุด ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เลยเหมือนไปกดเอาไว้

ooสาธุoo says:
ครับ คือบางทีนะ เราปล่อยตามธรรมชาติไปนะครับ
ความคิดบางอย่างที่เราไม่เกิดขื้นมานานแล้ว มันกลับมาเกิดอีก แต่ความเป็นจริง
เราเพียงแค่รู้ก็พอ แต่บ้างทีผมไปตีค่า

สุขที่แท้จริง says:
อุปทานน่ะค่ะ ตราบใดที่ยังมีการยึดมั่นถือมั่นในตัวเองอยู่ ก้จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ
เราจะชอบไปให้ค่าต่อหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่มากระทบ

ถ้าเพียงเรามีสติรู้อยู่ รู้แค่ว่ามันเกิดการกระทบ แต่ไม่ไปให้ค่าต่อสิ่งที่มากระทบ
สภาวะนั้นก็จะดับไปค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
เราจะสงบ นิ่ง รู้อยู่กับกายของเรา
ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็รู้ ไม่ไหลไปตามสิ่งที่มากระทบ
ใช้เวลาน่ะคุณเก๊ะ อย่าคาดหวัง ตัวนี้คือจุดสำคัญ อย่าอยาก

เวทนาเกิด อยากให้หาย อยากให้หมดเวลาเร็วๆ เรามีหน้าที่คือดูตามความเป็นจริง
ปวดก็ให้รู้ว่าปวด ปวดเพราะเรายังมีอุปทานยึดติดอยู่กับกายนี้อยู่

ooสาธุoo says:
ผมยอมรับเลยนะครับ การมีสติตลอดนะ ดี
แต่ถ้าเราขาดสตินะ ก็จะโดนเลย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ หากเราไม่ได้มาฝึกเจริญสติ เราจะรู้แบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
สังเกตุนะคะ เราจะเก็บรายละเอียดต่างๆได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

ooสาธุoo says:
จริงครับ คือสภาวะนะ สภาวะทุกอย่างมันจะพัฒนาตัวมันเอง
ขิ้นอยู่กับจิตของเราที่พัฒนาขื้นไปด้วยใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างเป็นไปตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ และสมาธิค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ใจนะครับ ทีแรกผมคุยกับแต๋วว่าผมอยากให้ไป แต่แฟนให้เหตุผลมานะ
ก็ใช้ได้นะครับ ว่าเขายังมีภารที่รับผิดชอบ

สุขที่แท้จริง says:
พูดแค่ควรพูดค่ะ หากกุศลเขามีและส่งผล เขาย่อมได้ไปค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมเลยคิดว่าจะสอนให้เขาเดินกับนั่งสมาธิ

สุขที่แท้จริง says:
วิบากกรรมของแต่ละคนมี ฉะนั้นเขาจะได้ไปเมื่อไหร่ นั่นอยู่ที่เหตุเขาทำมาค่ะ เราพูดแค่ควรพูดพอ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ย้อนกลับมาดูที่คุณเก๊ะสิคะ เพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงวาระ ยังไงๆเราก็คงยังไม่ได้คุยกัน
ถ้าเราเข้าใจตัวเองได้ เราย่อมเข้าใจเหตุของทุกๆคนได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ อันนี้นะครับ ถ้าใครไม่ได้สัมผัสเอง เล่าให้ตายก็ไม่รู้ว่าคุณนะสุขยังไง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สุขทางโลก กับสุขทางธรรมมันต่างกันโดยสิ้นเชิง

ooสาธุoo says:
ถ้าคนเข้ามาสัมผัสแล้วจะรู้เลยว่าความสุขของคุณคือสุขยังไง

จริงอย่างคุณว่าถ้าเราไปคาดหวังมาก เดี๋ยวผิดหวังมา ตัวใจอาจจะไม่ทุกข์เรากับมาทุกข์เอง

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ เราไปเก็บเกี่ยวทุกข์เข้ามาหาตัวเราเอง
ถือว่าพูดในสิ่งที่คิดจะพูด จบแล้ว เราก็ไม่จำเป้นต้องไปพูดอะไรต่อ

ถ้าไปเซ้าซี้ มองดีก็ดี มองไม่ดีก็มองว่าเราไปหวังอะไรจากเขา
อยู่ตรงกลางดีกว่าค่ะ ไม่เบียดเบียนทั้งตัวเราและตัวเขาเอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ บางสิ่งบางอย่างมากไปก็ไม่ดี

สุขที่แท้จริง says:
กลับมารู้กายเราดีกว่าค่ะ รู้แบบนี้สบายดี

ooสาธุoo says:
เราเอาตัวเองให้ดีก่อนที่สุดเลยใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ เหตุของใครเหตุของคนๆนั้น
ถึงเวลา ทุกอย่างเป็นไปตามสภาวะเองค่ะ

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน

May 17


เมื่อคืนปิดร้านแล้วขื้นไปปฎิบัต เดินได้30นาทีแต่นั่งได้แค่5นาทีเองเกิดง่วงก่อน
พอมาตอนเช้าก็ปฎิบัตคือเดินไป1ชม นั่งไป40นาที ตอนนั่งเกิดเวทนาก็รู้อย่างเดียวว่ามีเวทนาเกิด

ooสาธุoo says:
การเมืองไปกันให่ญแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
พอดียามที่ทำงานเล่าให้ฟัง พนักงานมาคุยให้ฟัง
วันนี้เลยทำกรรมฐานทั้งวันแผ่เมตตาช่วยทุกๆคนค่ะ เหตุเขาทำมาร่วมกัน
หน้าที่เรามีนะคะ เราต้องทำหน้าที่เราต่อ ถ้าเรามัวไปส่งจิตออกนอก
ใจเราจะฟุ้งไปตามสิ่งที่มากระทบ

ooสาธุoo says:
อนุโมทนาด้วยครับ

สุขที่แท้จริง says:
สาธุค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อเช้านั่งนะครับ เกิดเวทนามาก ก็รู้อย่างเดียวว่าเกิดเวทนามาก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ใหม่ๆจะเจอแบบนั้นแหละค่ะ สุดๆ
บางทีเล่นเอาน้ำตาร่วง เพราะเรามีอุปทานมาก ยังยึดติดกับร่างนี้อยู่

ooสาธุoo says:
ครับ ถ้าเป็นเมื่อกอ่นนะครับ ผมถอนแล้ว แต่ถ้าถอนอยู่ประจำก็จะไปไม่ถึงไหน
พอถึงตรงนี้ก็ถอนที่ผมตั้งเวลานะครับ เพราะอย่างนี้ด้วยนะครับ ต้องเอาให้ได้ตามเวลาที่เราตั้งไว้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ตามเวลาที่กำหนดไว้

ooสาธุoo says:
นี่คือการอยากอย่างนึงไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
เขาเรียกว่าความทุกข์บีบคั้นค่ะ ความอยากคือ อยากมี อยากได้ อยากสำเร็จ
อยากให้หมดเวลาไวๆ นี่ก็ความอยาก แต่อยากเพราะทุกข์บีบคั้น

ooสาธุoo says:
อ๋อคือความทุกขบีบเรานะหรือครับ คือความเจ็บปวด
เราเลยเกิดความอยากขื้นมา ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ อยากให้หมดเวลา
ความอยากตัวนี้เป็นแบบหยาบๆค่ะ เราเลยมองเห็นได้
วันนี้มีคำถามแค่เรื่องเดียวหรือคะ

ooสาธุoo says:
ครับ มีอาการขี้เกียจ

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจค่ะ เรื่องปกติค่ะ ยังเป็นเหมือนกันค่ะ ในบางครั้ง

ooสาธุoo says:
แต่ผมต้องเข็นให้ทำเป็นกิจวัตร

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ แรกๆต้องเข็น ให้ทำต่อเนื่องให้ได้

ooสาธุoo says:
ครับ เพราะเมื่อวานคุณก็อธิบายเรื่องเวทนาให้ผมฟังแล้วนะครับ ว่าถ้ามีสมาธิมากขื้น ก็จะทราบเอง

สุขที่แท้จริง says:
สติด้วยค่ะ 2 อย่างทำงานร่วมกัน จึงจะเห็นตามความเป็นจริงได้

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ วันนี้มีชว่งสั้นๆๆๆที่เวทนาหายไป แล้วก็กลับมาอีก รู้อย่างเดียวพอใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เอาไว้จะเจออะไรที่มากกว่านี้ค่ะ เล่าให้ฟัง ไม่เท่ากับเห็นด้วยตัวเอง
คือ ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อย่าเอาเราหรือความคิดของเราเข้าไปข้องเกี่ยวในการปรุงแต่ง
แต่ถ้าจะใช้วิธีพิจรณาให้เห็นถึงความไม่เที่ยง จะทำแบบนั้นก็ทำได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
อะไรทุกอย่างถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจะถามแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมรู้แล้วละครับว่าต้องรู้ดว้ยตัวเอง
กำลังเราได้แค่ไหนก็แค่นั้นละครับ ยิ่งได้ยินอะไรมาเอามาคิด ก็มีความอยาก

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ทำตามกำลังเรา สบายใจที่สุด ใครดีหรือไม่ดี นั่นแค่ความคิดของเราฝ่ายเดียว
เราเห็นแค่เปลือก เปลือกก็คือเปลือก

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
เราจึงควรมองกายและจิตของเราให้มากๆ คือ รู้อยู่ในตัวเองให้ได้มากที่เที่เราทำได้

ooสาธุoo says:
ครับ เดี๋ยวนี้ตามใจคนอื่นมากกว่าตัวเองแล้วละครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทำแล้วดีนะคุณเก๊ะ มันจะไม่ค่อยส่งจิตออกนอก ความคิดต่างๆจะน้อยลง
จะรู้อยู่แต่ในกายและใจ เอาตามกำลังของเรา รุ้แค่ไหนเอาแค่นั้น แล้วเปลี่ยนอริยาบทใหม่

ooสาธุoo says:
ครับ ทุกวันนี้นะครับความคิดนะเกิดน้อยกว่าเดิมเยอะมากครับ
นั่งเฉยๆๆๆเดี๋ยวเขามาจับที่ลมเอง ไม่เหมือนเมื่อก่อนต้องบังคับ เดี๋ยวนี้บางทีเข้ามาเอง

มีความคิดเกิดบางเรื่องเรายังมีคาใจบ้างนะครับ แต่พอเราถอยออกมานั่งสักพักมันก็จะหายคาใจ
การรู้เฉยๆๆๆ ฟังง่ายครับ แต่ตอนนี้ผมรู้เลยว่ายากนะ สติไม่ทันนะ ลงไปเล่นสะแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ทำเองถึงจะรู้ค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่ที่หลุดนะครับ บางทีเราไปตีค่ามันอีกทีนี้ละก็เรื่องยาวอีก
บางทีตอ้งถอยออกมานั่งสักพัก จึงรู้ว่าเราไปตีค่ามันเอง ไปยึดเอง

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ การให้ค่านี่แหละตัวร้าย

ooสาธุoo says:
มิกี้คุณบอกว่า เวลาเกิดเวทนานะครับ มี2อย่างคือรู้เฉย กับการเอาอะไรมานะครับ

สุขที่แท้จริง says:
การพิจรณาถึงความไม่เที่ยงค่ะ เช่นที่ว่าปวด ปวดเพราะอะไร ไล่ไปทีละสเตป

ooสาธุoo says:
อันนี้คือเราเอาธรรมมาคิดใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ อนุมานเอาเอง

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
จนกว่าจิตจะเห็นตามความเป้นจริง

เจ้าของ:  walaiporn [ 21 พ.ค. 2010, 21:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประสพการณ์เจ้าของร้านเกมส์ ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน


May 18



เมื่อคืนปิดร้านขื้นไปปฎิบัตคือเดินได้10นาทีนั่ง10นาที
ตอนเช้าปฎิบัตคือเดินไป1ชม นั่ง40นาที


ooสาธุoo says:
วันนี้นะครับ ผมนั่งนะครับ ผมคิดธรรมเกี่ยวกับการเกิดเวทนา เวทนาเบาลง
ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเราเอาจิตไปคิด เลยไม่ไปจับที่เวทนาอะเปล่าครับ
เลยทำให้เบาและเพลินไปดว้ย เวลาหมดไว ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ปีติเกิดน่ะค่ะ เลยเพลินกับสภาวะ ทำให้มีความรู้สึกว่าเวลาหมดไว ทั้งๆที่เวลาก็เหมือนเดิมทุกอย่าง
การพิจรณา ทำให้เราไม่ได้ไปจดจ้องที่เวทนา จะว่าหลบก็เหมือนหลบ ให้ดูที่เจตนา

ooสาธุoo says:
ครับ ผมว่าจะทำอย่างนี้ได้ไหมครับ วันไหนถ้าสมาธิจับที่ลมได้ เราก็ดูอย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อไม่ไปจดจ้อง จิตเขาไปเพลินอยู่กับการพิจรณา ทำให้รู้สึกว่าเวทนาเบาบางลงไป
จริงๆแล้ว เวทนาทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ ความปวดเมื่อย ความเจ็บปวด
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงอุปทานเท่านั้นเอง

ooสาธุoo says:
แต่วันนี้นะครับ สมาธิไม่นิ่งครับ ตอนนั่งเกิดการคุยกันในตัวเองเกี่ยวกับธรรม
ว่าเวทนาที่เกิดนะ มันก็เกิดของมันอู่ยแล้ว ร่างกายนี้ก็เหมือนกัน
เรามาอาศัยเขาอยู่มันเหมือนกับคุยกับตัวเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ ถ้าไม่มีสมาธิ พิจรณาแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ จะมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกตลอดเวลา

ooสาธุoo says:
อันนี้นะครับ มันก็คือความคิดใช่ไหมครับ วันนี้มีปัญหาเยอะ
รอพี่เลี้ยงโดยเฉพาะเลย มาถึงก็ถามอย่างเดียวเลย

สุขที่แท้จริง says:
การถาม มีหลายแบบนะคะคุณเก๊ะ
ถ้าหลังปฏิบัติแล้ว เกิดความสงสัย ความสงสัยตัวนั้นคือสภาวะ
ผู้ตอบ ย่อมตอบตามสภาวะ

แต่มีการถามอีกแบบที่เจอบ่อยคือ ไม่ได้ปฏิบัติ แต่อ่านมามาก แล้วจำมาถาม
อันนี้ยอมรับค่ะว่ารู้สึกเบื่อมากๆ

แต่ก็ต้องตอบเขาไป เพราะเข้าใจคนแต่ละคนว่าสร้างเหตุมาไม่เหมือนกัน
ให้เวลากับเขาเหล่านั้น

สุดท้าย เขาก็หันมาปฏิบัติ ทีนี้ คำถามเขาจะแคบลง
เขาจะถามแต่สภาวะที่เขาเจอ

เราก็จะตอบแค่สภาวะที่เขาเจอ ส่วนที่เขาถามล่วงหน้าในข้อเปรียบเทียบ
เราก็แนะนำว่า ให้เขาลองไปทำดู แล้วจะได้คำตอบเอง

นึกถึงคุณเก๊ะนะคะ
ตอนที่คนๆนี้ถาม ถามแบบแหลกรานเลย
ตอนนั้นเขายังไม่ได้ปฏิบัติ แต่มีความสงสัยมากมายจริงๆ
เหมือนเด็กน่ะค่ะ กระโดดไปเรื่องโน้นเรื่องนี้

ที่ว่านึกถึงคุณเก๊ะคือ ตอนที่คุณเล่าให้ฟังถึงเพื่อนของคุณเขาต่อว่าคุณน่ะค่ะ
แล้วคุณตอบว่าก็ถามแทนไง คนนั้นไงคุณเก๊ะ ที่ส่งลิงค์ของเขาให้อ่านน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับจำได้ครับ

สุขที่แท้จริง says:
สิ่งที่เขาถามมา พอดีตรงกับความสงสัยของหมูและคุณเก๊ะพอดี ตอบ 1 ได้อีก2

ooสาธุoo says:
ไม่เหนื่อยมากครับ ตอนนี้เจอแต่คนขี้สงสัยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แรกๆก็ยอมรับนะคะ ไม่มีอะไร พอเขาถามติดต่อหลายวันเข้า ความหงุดหงิดเริ่มมา
แล้วใจคิดนะคะ จะถามอะไรนักหนา ทำก็ไม่ทำ เอาแต่ถาม
แต่ พอเราสงบลง สติมา ปัญญาเกิด

เราควรเมตตาต่อเขา เขาถามเพราะความไม่รู้ ไปถามใครๆก็ตอบเขาไม่ได้
เขาจึงจ้องจะถามเราเพราะเหตุนี้ เขาคือหนึ่งสภาวะที่มาทดสอบเรา

ooสาธุoo says:
โหอนุโมทนาเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
เราสอบตก สาธุค่ะ
นี่แหละคุณเก๊ะ บททดสอบจะมาให้เราทำข้อสอบแบบไม่รู้ตัว ไม่มีการเตรียมตัวใดๆทั้งสิ้น
ตอนนี้เขามาปฏิบัติแล้วค่ะ เขาจะมาถามหลังปฏิบัติทุกวัน มีแต่แปลกๆค่ะที่เข้ามาหาแต่ละคน

ooสาธุoo says:
ดีครับ สิ่งนี้นะครับ ถ้าเข้ามาปฎิบัต แล้วมองย้อนหลังไปนะครับ
ถืงบางอ้อเลยครับ ยิ่งถามมากยิ่งวน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คือจะมีแต่ความสงสัย พอเขาได้ทำเอง เขาเข้าใจมากขึ้น

นี่เมื่อวานเขาก็ถามอีก เดินมาก เดินน้อย นั่งมาก นั่งน้อย ต่างกันยังให้ แล้วให้ผลเป็นแบบไหน
ก็บอกเขาว่า ให้ลองทำด้วยตัวเอง แล้วจะได้คำตอบ เขาก็บอกว่า ตกลง เขาจะทำ แล้วจะมาบอก

ooสาธุoo says:
ตานี้ผมถามต่อ ตอนผมนั่งนะครับ
ตาในนะครับจะไปเห็นสิ่งต่างๆๆๆๆ ผมว่าอันนี้คือจิตคิดใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
เห็นอะไรหรือคะ เห็นยังไง

ooสาธุoo says:
เห็นสิ่งทั่วไปนะครับ พอผมกับมาที่กายก็จะหาย สักพักก็มาให่ม

สุขที่แท้จริง says:
สิ่งทั่วไปคืออะไรคะ
ถ้าคุณเก๊ะ ไม่บอกมาตรงๆ ตอบไม่ได้ค่ะว่านั่นคือความคิด หรือว่านิมิต หรือว่าอะไร

ooสาธุoo says:
บอกไม่ถูกนะครับ บางทีก็เห็นมือเราที่ว่างอู่ยบนตัก
บางทีก็เห็นแมวที่เราเลี้ยง บางทีก็ร่างกายทั้งร่าง

สุขที่แท้จริง says:
อ๋อ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่ารู้ค่ะ ไม่มีอะไร มันจะเห็นสารพัดค่ะ เห็นแบบนี้ ให้กลับมารู้ที่กายน่ะถูกแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมก็จะมาจับที่ลม ครับผม

สุขที่แท้จริง says:
เห็นลมหรือคะ ถึงไปจับที่ลม ไม่ได้ไปฝืนดึงกลับไปที่ลมนะคะ

ooสาธุoo says:
ขณะที่เห็นนะก็จับลมอยู่นะครับ วันนี้ตอนเดินตอนเช้านะครับ
หรือนั่งนะครับไม่มีสมาธิเลยนะครับ ก็ดูตามความเป็นจริง ไม่มีก็ไม่มี เดินต่อไป จับได้แค่ไหนก็แค่นั้น

สุขที่แท้จริง says:
กำลังจะบอก นั่นแหละค่ะ
มีแค่รู้ว่ามี ไม่มีก็คือไม่มี ไม่ไปให้ค่าทั้งการมีและไม่มี แต่ดูตามความเป็นจริง ตามที่รู้จริงๆ

ooสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้นะครับ คุณสอนผมให้ดูตามความเป็นจริงนะครับ
ผมก็ดูตามนั้นด้วยความเต็มใจเลยนะครับ มองตามความเป็นจริง

แต่พอมาในร้านเดินนั่ง มีสมาธิดีมากครับ
การที่เรานั่งโชฟานะครับ ไม่มีเวทนาเกิดมาก จะมีก็แต่หลับอย่างเดียว
วันนี้ผมนั่งไม่หลับจับลมได้ตลอด อันนี้น่าจะมีสติและสมาธิดีใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ จะทำให้รู้ตัวได้ตลอด พร้อมๆกับสมาธิเกิดได้ตลอด เป็นการสะสมไปค่ะ
สิ่งที่เรากระทำเนืองๆในยามที่ไม่ได้ทำเต็มรูปบบ จะเป้นการสะสมไปเรื่อยๆ พอถึงเวลาทำเต็มรูปแบบ
สังเกตุได้ค่ะ สติจะทันมากขึ้น เวลาเกิดสภาวะ กำลังของสมาธิก็มีเมมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกแนบแน่นมากขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ผมปฎิบัตตามที่คุณสอนผมมาเนี่ยนะครับ ประมาณ1เดือนเนี่ย
ผมรู้ด้วยตัวเองเลยครับว่าผมมีสมาธิมากขื้นและสติก็มากขื้น

มีอะไรเกิดตอนนั่งไม่ว่าใครจะทำไรเมื่อก่อนนะครับ
จะโทษเลยว่าทำเสียงดังไม่มีสมาธิเลย

แต่เดี๋ยวนี้จะดูตัวเองเป็นหลัก แก้ตัวเองเป็นหลัก
ไม่ไปโทษสิ่งข้างนอก ต้องหาที่แก้ที่ตัวเราเอง

สุขที่แท้จริง says:
ถูกต้องเลยค่ะ แหมมโดนใจจริงๆ
เราไปแก้คนอื่นๆไม่ได้หรอกค่ะ ทุกคนต้องแก้ที่ตัวเอง

เหตุเกิดที่ไหน แก้ที่นั่น ไม่ใช่ไปแก้นอกตัว
วิธีแก้ พูดง่ายแต่จะทำง่ายหรือยากก็อยู่ที่เหตุกระทำมา และที่กำลังกระทำ
คือ ให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น รู้ลงไป โดยไม่มีความชอบหรือชัง ไม่ไปคิดแก้ไขใดๆทั้งสิ้น
ตัวเราทั้งนั้นเลยนะคะ ที่ขยันสร้างเหตุไปด้วยความไม่รู้ ไม่รู้จบ

ooสาธุoo says:
ตอนนี้ผมรู้ตัวเองเลยนะครับ ตอนปฎิบัตนะ ยังไม่ละเอียด
คือบางทีลงไปเล่นกับความคิดอะเปล่าบางทียังไม่รู้นะครับ
ผมก็ปฎิบัตไปเรื่อยๆๆๆๆ สภาวะนะครับ มันจะชัดขื้นเองใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คุณเก๊ะ อ่านของหมูสิคะ เขาสรุปสภาวะของเขาในวันนี้

viewtopic.php?f=7&t=25996&p=203044#p203044 กระทู้ล่างสุดเลยค่ะ

หลังจากที่เขาเคยคิดว่า วนๆ กลัวไม่ก้าวหน้าแต่ทำต่อเนื่อง จากที่ไม่รู้อะไเลย
เคยเลิกทำมาหลายครั้ง ก่อนที่จะมาเจอกันน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
อ่านแล้วอธิบายให้ผมได้เป็นบางข้อเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เราจะได้คำตอบที่เคยสงสัยและกำลังสงสัยด้วยการปฏิบัติของตัวเราเอง
รู้ถูกคือ รู้ไม่หลงในกิเลส

ไม่มีคำว่าดี ไม่ดี ถูก ผิด คำบัญญัติทั้งหลายไม่มี แต่จะเห็นแต่กิเลส
กิเลสที่ทำให้เราทุกข์

ooสาธุoo says:
อ่านเสร็จมีกิเลสเลย อิจฉา สอบตก

สุขที่แท้จริง says:
น่านนนน ผลัดกันอิจฉา เฮ้ออออ หมูเขาน่ะอ่านของคุณเก๊ะ เขาก็อิจฉา
อย่าอิจฉาเลยค่ะ มันแค่สภาวะ

ooสาธุoo says:
ครับ ไว้เจอหน้ากับคุณหมูเนี่ย คงต้องหัวเราะใส่กัน

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นสภาวะจริงๆค่ะ ทุกคนไม่แตกต่างเลย ที่เราเห็นว่าคนนั้นดีกว่า หรือเราดีกว่าเขา
เพราะ รู้แค่ไหน ย่อมอ่านสภาวะของแต่ละคนได้แค่นั้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเข้าใจสภาวะได้จริงๆแล้ว เวลาอ่านจะรู้เลยว่า เหมือนๆกัน
แต่แตกต่างตรงตัวกิเลสของเขา ที่เขาได้เจอกัน

ooสาธุoo says:
คือผมจะเตือนตัวเองตลอดแล้วนะ ว่าการปฎิบัตไม่ใช่การแข่งขัน

สุขที่แท้จริง says:
แบบนั้นแหละค่ ะ หมั่นเตือนตัวเอง กำหราบเอาไว้
กิเลสใคร กิเลสมัน ต่างเฝ้าดูและละมันลงไป

มีมาก มีน้อย แตกต่างกันไป ตามเหตุที่ทำมา
สติทัน ดับไวขึ้น สติไม่ทัน โดนกิเลสลากไปกิน

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ผมอ่านที่คุณเขียนมานี่3รอบ
ค่อยๆๆๆอ่าน จริงๆๆๆครับ มันคือสภาวะอย่าง1

สุขที่แท้จริง says:
กำลังจะถามว่า ที่ว่าเขียน คือ อันไหนคะที่คุณเก๊ะกำลังอ่าน

ooสาธุoo says:
ประโยคสุดท้ายนะครับ
มันเป็นสภาวะ ไม่ต้องอิจฉากันหลอก มันขื้นกับเหตุ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ตอนนี้ เรากำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้แล้วนะคะ
เพราะต่างคนต่างเข้าใจชัดเจนกับเรื่องของสภาวะมากขึ้น

แรกๆยังละล้าละลัง กล้ำๆกลึ่งๆ
ถ้าไประลึกถึงอดีต อย่าแปลกใจนะคะ เพราะจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
สภาวะเขาจะทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา
เป็นการตอกย้ำความผิดพลาดที่เราเคยทำลงไปด้วยความไม่รู้

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
และผลที่เราได้รับ แต่เราก็ยังไม่รู้ แถมยังมีการตอบโต้กลับไปด้วยความไม่รู้อีก

หน้า 1 จากทั้งหมด 4 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/