ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=24922 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ความรักดี [ 14 ส.ค. 2009, 18:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
มีใครฝึกกสิณอยู่บ้างหรอเปล่าครับ มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ![]() |
เจ้าของ: | moddam [ 14 ส.ค. 2009, 20:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
ใช้กสินอะไรครับ ผมอากาศครับ |
เจ้าของ: | ความรักดี [ 15 ส.ค. 2009, 15:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
moddam เขียน: ใช้กสินอะไรครับ ผมอากาศครับ ผมเลือกกสิณไฟครับ แต่เพิ่งลองฝึก ยากครับ ตอนนี้นั่งอยู่วันละ 1ชม. แล้ววิปัสสนาต่อเลย คิดว่าวิธีการคงไม่ต่างกัน คุณฝึกมานานยังครับ ช่วยเล่าถึงประสบการณ์หน่อยครับ ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | ตรงประเด็น [ 15 ส.ค. 2009, 16:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
เมื่อ20ปีก่อน เคยลองฝึกกสิณไฟอยู่เหมือนกัน จิตสงบง่าย จิตมีพลังดี... แต่ ยังไม่ใช่การเห็นกายในกาย (เวทนา จิต ธรรม) และ ที่สำคัญ ยังไม่เห็นครูบาอาจารย์องค์ไหน สอนวิธีการยกขึ้นวิปัสสนาแบบชัดๆ สู้ดี ภาวนาในหลักแห่งสติปัฏฐาน โดยมีเนกขัมมะ และ ศีล เป็นบาท จะดีกว่า... ก็ปรากฏฌานขึ้นเช่นกันน่ะครับ เสนออ่าน สติปัฏฐาน นำสู่ "รูปฌาน๑-๔" สัมมาสมาธิในอริยมรรค(พุทธพจน์) viewtopic.php?f=2&t=24149&start=0 |
เจ้าของ: | moddam [ 15 ส.ค. 2009, 16:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
ก็ไม่นานเท่าไหร่ครับ ยังงูๆ ปลาๆอยู่เลยครับ คือผมนั่งอยู่เฉยๆ ไม่รู้จะพิจารณาอะไร เลย มองไปที่ท้องฟ้าน่ะครับ มองแล้ว เกิดความว่างขึ้นมาในหัวหมดเลย ว่าง ไม่มีอะไรเลย สบายทั้งกายและสบายทั้งใจ ก็ลองมาเพ่ง อากาศบ้าง ก็เป็นลักษณะเดียวกัน แต่ว่างสู้มองท้องฟ้าไม่ได้ครับ แต่ว่ามองท้องฟ้านิมิตมันกำหนดยากหน่อยครับ ก็เลยมาดูใกล้ตัวดีกว่า ![]() -- แล้วของคุณที่ว่าเป็นวิปัสสนาด้วยน่ะเป็นอย่างไรครับ เล่าให้ฟังได้ไหมครับ ![]() |
เจ้าของ: | ความรักดี [ 15 ส.ค. 2009, 16:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
moddam เขียน: ก็ไม่นานเท่าไหร่ครับ ยังงูๆ ปลาๆอยู่เลยครับ คือผมนั่งอยู่เฉยๆ ไม่รู้จะพิจารณาอะไร เลย มองไปที่ท้องฟ้าน่ะครับ มองแล้ว เกิดความว่างขึ้นมาในหัวหมดเลย ว่าง ไม่มีอะไรเลย สบายทั้งกายและสบายทั้งใจ ก็ลองมาเพ่ง อากาศบ้าง ก็เป็นลักษณะเดียวกัน แต่ว่างสู้มองท้องฟ้าไม่ได้ครับ แต่ว่ามองท้องฟ้านิมิตมันกำหนดยากหน่อยครับ ก็เลยมาดูใกล้ตัวดีกว่า ![]() -- แล้วของคุณที่ว่าเป็นวิปัสสนาด้วยน่ะเป็นอย่างไรครับ เล่าให้ฟังได้ไหมครับ ![]() ลำดับการฝึกของผมนะครับ สวดมนต์ก่อนประมาณ 1 ชม. รู้สึกจิตสงบขึ้น สมถะกรรมฐาน โดยใช้กสิณไฟ ( ไม่ถนัดอาณาปาณสติ ) ประมาณ 1 ชม. วิปัสสนากรรมฐาน อีกประมาณ 1ชม. -ผมฝึกวิปัสสนาตามเวทนาที่ผมพบเจอในชีวิตจริงนะครับ เช่น จิตสำนึก กับจิตไร้สำนึก ต่างกันอย่างไร กิเลสที่เกิดขึ้นและสะสมไว้เกิดจากอะไร จะทำให้มันลดลง และหมดไปได้ยังไง ผมสมมติเอาว่า มีภูเขาไฟอยู่ 1ลูก ฐานล่างสุด (ชั้นที่ 1 ) เป็นส่วนของจิตไร้สำนึกซึ่งมีพื้นที่ในการรับรู้ถึงเวทนาต่างๆมากที่สุด ชั้นถัดไปเป็นส่วนของจิตสำนึก ซึ่งพื้นที่ในการรับรู้น้อยกว่าจิตไร้สำนึก ชั้นถัดมาเป็นส่วนของสติ ซึ่งมีพื้นที่น้อยกว่าจิตสำนึก ชั้นสุดท้ายเป็นส่วนของปัญญา และ ยอดของภูเขาไฟเป็นทางออกของความหลุดพ้น ซึ่งผมก็พิจารณาดูแล้วว่ากิจกรรมของคนเราส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้นที่ 1 เช่น รู้สึกคัน จิตไร้สำนึกรับรู้ได้ แล้วตอบโต้ทันที โดยที่จิตสำนึกและสติไม่รู้ ( สังเกตุพฤติกรรมจริง ยังไม่ทันสั่งให้มือไปเกาเลย ไปได้ไง ) ส่วนชั้นของจิตสำนึกและสติ ถ้าไม่ตั้งใจพิจารณา หรือว่าเป็นเวทนาที่รุนแรงจริงๆ มันก็จะไม่รับรู้ ในการฝึก สมถะกรรมฐานนี้ เหมือนกับอยู่ในชั้นของสติ โดยมีอุเบกขาเป็นผู้ช่วย ซึ่งสามารถระงับเวทนาหรือล้างกิเลสได้บ้าง ส่วนชั้นสุดท้ายเป็นการใช้ปัญญาเพื่อออกจากภูเขาไฟนี้ ซึ่งอยู่สูงสุดของภูเขาไฟนี้ ซึ่งวิธีคิดของผมก็คือ กิเลสที่สะสมในอดีต ผมจะชำระออกทุกวันด้วยการสวดมนต์และสมถะกรรมฐาน ส่วนกิเลสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผมจะไม่รับมันเข้ามาสะสมเพิ่ม จะไม่รับมันเข้ามาได้ยังไงคงต้องวิปัสสนาต่อครับ คงมีสักวันที่ผมได้ออกจากภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยกิเลสที่สะสมลูกนี้ได้. ปล. เรื่องจิตไร้สำนึกนี่ฟังธรรมบรรยายมาครับ ตอนแรกฟังแล้วงงว่าคืออะไร ต้องคิดถึงจะรู้ มีแนวคิดอย่างไรแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ปัจจุบัณผมเห็นคนเข้าแต่เว็บอะไรกันก็ไม่รู้ เว็บธรรมและพัฒนาจิตมีไม่กี่คน หดหู่จริงๆ ![]() |
เจ้าของ: | moddam [ 15 ส.ค. 2009, 17:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
อย่าไปหดหู่เลยครับ มันก็กิเลสตัวหนึ่งเหมือนกันครับ จิตหดหู่เนี่ย สงสัยนิดครับ วิปัสสนาโดยการเอาออกเนี่ยครับ และที่ว่า เจริญสมถะและเอาสัญญาออกเนี่ย หมายถึงเข้าไปเห็นอย่างไร เรียกว่า เอาออก ขอชัดๆนิดครับ มีตัวอย่างน้องชายผม ชอบสมถะมาก เขาก็ได้แต่กดทับกิเลสไว้ด้วย สมาธิเท่านั้น มิได้ย่อยออกด้วยปัญญา บ้าง พอกิเลสออกมาที่ ก็ภูเขาไฟยังเล็กไปครับ |
เจ้าของ: | ความรักดี [ 15 ส.ค. 2009, 18:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
moddam เขียน: อย่าไปหดหู่เลยครับ มันก็กิเลสตัวหนึ่งเหมือนกันครับ จิตหดหู่เนี่ย สงสัยนิดครับ วิปัสสนาโดยการเอาออกเนี่ยครับ และที่ว่า เจริญสมถะและเอาสัญญาออกเนี่ย หมายถึงเข้าไปเห็นอย่างไร เรียกว่า เอาออก ขอชัดๆนิดครับ มีตัวอย่างน้องชายผม ชอบสมถะมาก เขาก็ได้แต่กดทับกิเลสไว้ด้วย สมาธิเท่านั้น มิได้ย่อยออกด้วยปัญญา บ้าง พอกิเลสออกมาที่ ก็ภูเขาไฟยังเล็กไปครับ สมถะกรรมฐาน -กดทับกิเลสของน้องชายคุณกับล้างออกไปบางส่วนของผมคงต่างกันแค่ตัวอักษรครับ เช่นความโกรธ เวลาน้องชายคุณเจริญสมถะแล้วรู้สึกว่ามันหายไป แต่คุณรู้ว่ามันไม่ได้หายไปถาวรพรุ่งนี้เช้าน้องคุณทะเลาะกับเพื่อน กิเลสในความหมายที่คุณกดทับไว้มันออกมาได้อีก ส่วนในความหมายของผมเวลาเจิญสมถะแล้วรู้สึกหายโกรธแฟน ( เป็นลูกน้องความโกรธ ) วันต่อมาผมผมโกรธเพื่อน ผมถือว่าเป็นลูกน้องตัวใหม่ของความโกรธครับ ซึ่งลูกน้องตัวใหม่ความโกรธของผม เป็นตัวเดียวกับ ตัวที่ผุดขึ้นของน้องชายคุณครับ เช่น เวลาคุณอาบน้ำไปแล้ว แล้วออกไปทำกิจกรรม จนสกปรกอีก คุณก็ต้องกลับมาอาบน้ำอีก ซึ่งสาเหตุของความสกปรกก็มีหลายอย่าง แต่สุดท้ายมันก็คือความสกปรกที่มันสามารถเกิดขึ้นได้อีก วิปัสสนา -ทำอย่างไรตัวถึงสะอาดได้อย่างถาวรนะ ได้ไม่ต้องอาบน้ำอีก *ไม่ต้องทำอะไรเลยตัวได้ไม่สกปรก หรือ * อนิจจัง ในโลกนี้ไม่มีอะไรถาวร ตัวสกปรกได้ ก็ต้องสะอาดได้ และสามารถทำให้สกปรกน้อยได้ * อนัตตา คงไปสั่งให้เหงื่อไม่ไหลไม่ได้หรอก คร่าวๆครับ ส่วนการวิปัสสนาจนมีความสว่างนั้น คงต้องฝึกต่อไปครับ และผมก็ยังไม่กล้าสอนใครครับ เพราะผมยังทำไม่ได้เลยครับ ได้แค่แนวคิดนะ ผิดถูกก็ช่วยกันไป ![]() |
เจ้าของ: | moddam [ 15 ส.ค. 2009, 19:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
วิปัสสนา คือการเห็น ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา และวันหนึ่งเราเห็นอะไรบ้างที่ ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา และจะกี่ครั้ง หรือเฉพาะตอนที่ทำในเวลาทำกรรมมัฏฐานครับ ![]() |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 20 ส.ค. 2009, 19:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ |
ว่าแต่ไม่คิดจะฝึกอาโลกสิณ(กสิณแสงสว่าง) กับฝึกกสิณพระพุทธรูปบ้างหรอ หลักการทำก้เหมือนกสิณไฟที่คุณเพ่งเทียนเป็นอารมณ์แล้วจำรูปและความสว่างให้ชัดแล้วหลับตา แล้วนึกถึงเปลวไฟและขนาดความสว่างเทียนเหมือนตอนที่ลืมตาไปเรื่อยๆด้วยใจจดจ่อจนเป็นอารมณ์ กรรมฐาน ถ้าไฟ ก้ภาวนา "เตโช ๆ ๆ" แสงสว่าง ก็ "อาโล ๆ ๆ" จนจิตรวมลงไปเป็นสมาธินิ่งในระดับระดับหนึ่ง ซึ่งเวลาถ้าจิตรวมแล้วอาจเหนเป็นอุคหนิมิตรขึ้นได้ แต่ต้องนิมิตรที่เราเพ่งอยู่เท่านั้น ถ้าเปนนิมิตรอื่นที่ไม่ได้เพ่ง ถือว่าเราไม่ได้กสิณ เป็นเพียงนิมิตรอื่นที่มารบกวนหรือแว็บเข้ามาให้เหน ดังนั้นจะเหนนิมิตรได้ไม่ได้ อยู่ที่การนึกและความจำในรุปพรรณสัณฐานของนิมิตรจนเป็นภาพติดตา (ไม่ใช่เหนด้วยตาเนื้อ) ผนวกกับความเป็นสมาธิจิตเมื่อสงบลงไปมีอุเบกขาเป็นสำคัญ สมาธิจิตมีส่วนมากกับการเหนนิมิตรของกสิณที่เรานึกอยู่ให้เหนและชัดเจนละเอียดยิ่งขึ้นมากกว่าตาเนื้อที่เราเพ่งดูตอนแรกมาก ส่วนกสิณพระพุทธรูป ก็อาจใช่ พุทโธ ๆ ๆ ๆ หรือคำไหนก็ได้ที่สื่อความหมายถึงองค์พระที่เราเพ่งนั้น การเพ่งกสิณมีส่วนสำคัญมากในการเจริญฌาณ เพื่อสร้างมโนมยิทธิให้เกิด ทำให้ไปเหนและรับรู้มิติของโลกอื่นๆได้ และทำให้ระลึกชาติและเกิดอภิญญาญาณตามมาขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิที่ได้จากการเพ่งกสิณอย่างคล่องแคล่ว ผู้ที่ใช่การเพ่งกสิณเปนอารมณ์ควรมีพื้นฐานการฝึกมาค่อนข้างจะดีก่อนถึงจะฝึกแล้ว ได้ผล คือจะบอกว่าการฝึกกสิณต้องอาศัยความที่เราเคยในชาติก่อนติดตัวมาได้ ถึงจะทำให้เมื่อมาทำ ในชาตินี้ ทำแล้วสามารถฝึกแล้วเหนได้ง่ายกว่าคนอื่น แต่ถ้าหากไม่เคยก็ต้องทำไปนานเท่าไรไม่รู้ ต้องรอให้จิตสงบจิตรวมเข้าเมื่อไร นิมิตรก้เกิดขึ้นเองเมื่อนั้น อีกอย่างสิ่งที่จะมาเพ่งเป็นกสิณนั้น ต้องมัลักษณะไม่ใหญ่ ไม่เล็กจนเกินไป เห็นได้ถนัด รูปร่างดูแล้วสบายตา ไม่มีรอยตำหนิ จดจำได้ง่าย ที่สำคัญต้องไม่เป็นอันตรายหรือเป็นอุปสรรคต่อการเพ่งด้วยตาเนื้อ ก่อนที่จะหลับตาเพิ่อทำการเพ่งกสิณจริงๆ เพราะจะเอื้ออำนวยต่อการเหนนิมิตรให้ง่ายขึ้น และนิมิตร ที่เหนก็จะไม่ขัดๆตา มีความละเอียดสวยงามครบถ้วน ยิ่งเหนยิ่งดูแล้วสบายอารมณ์ ทำให้เกิดปิติสุขและ เอกัคตา ได้ง่ายตามลำดับด้วย |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 30 ส.ค. 2009, 19:53 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครฝึกกสิณอยู่บ้างครับ | ||
สวัสดีครับ ผมเจริญอิทธิบาท 4 ด้วยฌานสมาบัติ 8 และกสิณ 8 ครับ ประกอบด้วยสมาธิและปธานสังขาร 1.เข้าฌานสมาบัติ 8 เรียงตามลำดับกสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีขาว 2.เข้าฌานสมาบัติ 8 ย้อนลำดับกสิณ สีขาว สีเหลือง สีเขียว สีแดง ไฟ ลม น้ำ ดิน 3.เข้าฌานสมาบัติ 8 ทั้งเรียงตามลำดับกสิณและย้อนลำดับกสิณ 4.เข้าฌานสมาบัติ 8 เรียงตามลำดับฌานเรียงตามลำดับกสิณ จาก 1 ไป 8 5.เข้าฌานสมาบัติ 8 ย้อนลำดับฌานเรียงตามลำดับกสิณ จาก 8 มา 1 6.เข้าฌานสมาบัติ 8 ทั้งเรียงตามลำดับฌานและย้อนลำดับฌานเรียงตามลำดับกสิณจาก 1 ไป 8 และจาก 8 มา 1 ในแต่ละกสิณ 7.เข้าฌานสมาบัติ 8 เรียงตามลำดับฌาน แต่ข้ามกสิณ 8.เข้าฌานสมาบัติ 8 ข้ามฌานเรียงตามลำดับกสิณ 9.เข้าฌานสมาบัติ 8 ข้ามทั้งฌานข้ามทั้งกสิณ 10.เข้าฌานสมาบัติ 8 โดยเลื่อนองค์ฌาน 11.เข้าฌานสมาบัติ 8 โดยเลื่อนอารมณ์กสิณ 12.เข้าฌานสมาบัติ 8 โดยเลื่อนทั้งองค์ฌานและอารมณ์กสิณ 13.กำหนดรู้อารมณ์กสิณแต่ละกสิณ กลมใสสว่าง 14.กำหนดรู้องค์ฌานแต่ละฌาน เข้าฌานออกฌาน และเปลี่ยนอารมณ์ให้รวดเร็วว่องไวเท่าที่จะทำได้ แต่ผมยังไม่เร็วมากครับ 14 ข้อนี่ใช้เวลานานถึงเกือบ 30 นาที ตามที่อาจารย์สอนต้องพยายามทำให้ได้ฌานละ 1 ขณะจิต แต่ผมยังทำไม่ได้เร็วขั้นนั้นครับ ฝีมือยังอ่อนด้อยมากครับ แต่ผลที่ได้ดีมากครับทำเสร็จ 14 ข้อแล้วเป็นสุขอย่างยิ่ง จิตใจเข้มแข็ง ร่างกายกระปรี้กระเปร่า โล่งสบาย มีประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนได้อย่างนี้ครับ เจริญในธรรมครับ
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |