ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

กัมมัฏฐานสำหรับแก้นิวรณ์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=19185
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ทางเดินที่พ้นทุกข์ [ 24 พ.ย. 2008, 14:17 ]
หัวข้อกระทู้:  กัมมัฏฐานสำหรับแก้นิวรณ์

เรื่องกัมมัฏฐานสำหรับแก้นิวรณ์ เก็บจากคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจากที่มาต่าง ๆ และข้อที่ตรัสกำชับไว้ให้มีเป็นประจำในการปฏิบัติแก้นิวรณ์ทุกข้อ หรือในการปฏิบัติกัมมัฏฐานทุกคราว คือ โยนิโสมนสิการ แปลว่า การทำไว้ในใจโดยแยบคาย ได้แก่การใช้ปัญญาพิจารณาให้ทราบตระหนักแน่ถึงเหตุผลในการปฏิบัตินั้น ๆ ตามเป็นจริง เมื่อใช้ปัญญาดังนี้จึงจะไม่ปฏิบัติผิดทาง ทั้งจะไม่หลงตัวลืมตัว การใช้ปัญญาจึงเท่ากับเป็นการใช้เกราะป้องกันอันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นจากความหลงถือเอาผิดดังกล่าว และการใช้ปัญญาก็เป็นการศึกษาธรรมนั่นเอง

การฝึกหัดปฏิบัติสมาธิอย่างขาดโยนิโสมนสิการ หรือขาดการใช้ปัญญาก็เท่ากับไม่เป็นการศึกษาธรรม อาจหลงไปผิดทาง เช่น หลงติดอยู่กับนิมิตที่พบเห็นในสมาธิ หรืออำนาจบางอย่างที่ได้จากสมาธิ ทำให้กัมมัฏฐาน (ที่ถูก) หลุดหรือหลุดจากกัมมัฏฐานได้ง่าย

พระพุทธเจ้าตรัสไว้อีกด้วยว่า “ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก” การใช้ปัญญาอบรมเพิ่มเติมปัญญาให้ส่องสว่างยิ่งขึ้นโดยลำดับจึงเป็นเหตุให้มองเห็นสัจจะคือให้รู้แจ้งเห็นจริง ให้บรรลุสุขประโยชน์ตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นสูงสุด เพราะปัญญาขั้นสูงสุดคือปัญญาที่สมบูรณ์เต็มที่ ย่อมทำให้จิตปภัสสร คือผุดผ่องสว่างเต็มที่ ทำให้รู้แจ้งเห็นจริงและบรรลุสุขประโยชน์สูงสุดเหมือนดังพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสเตือนไว้ว่า “อย่าประมาทปัญญา” คือให้ใช้ปัญญานั่นเอง การที่ฝึกฝนใช้ปัญญาจนรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ย่อมปฏิบัติตนไปในทางที่ถูกที่ควรตลอดเวลา โดยปราศจากกิเลสตัณหา เป็นไปโดยอัตโนมัติ

นิวรณ์และกัมมัฏฐานสำหรับแก้

จิตที่ไม่มีสมาธิก็เพราะมีนิวรณ์ ทำให้ไม่ได้ความสงบ ไม่ใช้ปัญญา จึงจะแสดงนิวรณ์ ๕ และกัมมัฏฐานสำหรับแก้เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้

๑. ความพอใจใฝ่ถึงด้วยอำนาจกิเลสกาม เรียกว่า กามฉันทะ แก้ด้วยเจริญอสุภกัมมัฏฐาน พิจารณาซากศพ หรือเจริญกายคตาสติ พิจารณาร่างกายอันยังเป็น ให้เป็นของน่าเกลียด

๒. ความงุ่นง่านด้วยกำลังโทสะ เรียกรวมว่า พยาบาท แก้ด้วยเจริญเมตตา กรุณา ทุทิตา อุเขกขา หัดจิตให้คิดในทางเกิดเมตตา สงสาร กรุณา ช่วยเหลือเมื่อมีความสามารถ เกิดความพลอยยินดีไม่ริษยา เกิดความปล่อยวางหยุดใจที่คิดโกรธได้

๓. ความท้อแท้หรือครู้าน และความหดหู่ ง่วงงุน เรียกว่า ถีนมิทธะ แก้ด้วยเจริญอนุสสติกัมมัฏฐาน พิจารณาคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บ้าง พิจารณาความดีของตนบ้าง เพื่อให้จิตเบิกบานและมีแก่ใจหวนอุตสาหะ หรือทำอาโลกสัญญา กำหนดหมายแสงสว่างให้จิตสว่าง

๔. ความฟุ้งซ่านหรือคิดพล่าน และความจืดจางเร็วหรือความรำคาญ เรียกว่าอุทธัจจกุกกุจจะ แก้ด้วยเพ่งกสิณ กำหนดลมหายใจเข้าออก หัดผูกใจไว้ในอารมณ์เดียว หรือเจริญมรณสติ อันจะทำให้ใจสงบด้วยสังเวช

๕. ความลังเลไม่แน่ลงได้ เรียกว่า วิจิกิจฉา แก้ด้วยเจริญธาตุกัมมัฏฐาน หรือวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อกำหนดรู้สภาวธรรมที่เป็นอยู่ตามเป็นจริง อีกอย่างหนึ่ง ทำความกำหนดรู้จิตที่มีนิวรณ์ และนิวรณ์ที่มีในจิตกับทั้งโทษ เมื่อเกิดปัญญาความรู้จักนิวรณ์และโทษของนิวรณ์ขึ้น นิวรณ์ก็จะสงบหายไป

พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 28 พ.ย. 2008, 16:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กัมมัฏฐานสำหรับแก้นิวรณ์

หัวข้อกระทู้ เป็น กรรมฐาน กับ นิวรณ์


............................


เคยอ่าน ในพระสูตร เรื่อง กรรมฐาน กับ จริต

ขออนุญาต นำมาลงประกอบ


อ้างอิง : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๐ สุตตันตปิฎกที่ ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส

http://larndham.net/cgi-bin/tread.pl?st ... yte=331064


พระผู้มีพระภาคย่อมทรงทราบว่า

บุคคลนี้เป็นราคจริต
บุคคลนี้เป็นโทสจริต
บุคคลนี้เป็นโมหจริต
บุคคลนี้เป็นวิตักกจริต
บุคคลนี้เป็นศรัทธาจริต
บุคคลนี้เป็นญาณจริต.

พระผู้มีพระภาคตรัสบอกอสุภกถาแก่บุคคลผู้เป็นราคจริต.

ตรัสบอกเมตตาภาวนาแก่บุคคลผู้เป็นโทสจริต.

ทรงแนะนำบุคคลผู้เป็นโมหจริตให้ตั้งอยู่ในเพราะอุเทศและปริปุจฉา ในการฟังธรรมโดยกาล ในการสนทนาธรรมโดยกาล ในการอยู่ร่วมกับครู.

ตรัสบอกอนาปานัสสติแก่บุคคลผู้เป็นวิตักกจริต

ตรัสบอก ความตรัสรู้ดีแห่งพระพุทธเจ้า ความที่ธรรมเป็นธรรมดี ความที่สงฆ์ปฏิบัติดี และศีลทั้งหลายของตน ซึ่งเป็นนิมิต เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส แก่บุคคลผู้เป็นศรัทธาจริต.

ตรัสบอกอาการไม่เที่ยง อาการเป็นทุกข์ อาการเป็นอนัตตา อันเป็นวิปัสสนานิมิตแก่บุคคลผู้เป็นญาณจริต.




ถ้าดูจากพระสูตร

จริต ประกอบด้วย

1.ราคจริต
2.โทสจริต
3.โมหจริต
4.วิตกจริต
5.ศรัทธาจริต
6.ญาณจริต


ราคจริต ถ่วงดุลย์ด้วย อสุภกรรมฐาน

โทสจริต ถ่วงดุลย์ด้วย เมตตาภาวนา

โมหจริต ถ่วงปรับดุลย์ด้วย การฟังธรรมตามกาล หรือ อยู่กับครูบาอาจารย์

วิตกจริต ถ่วงดุลย์ด้วย อานาปานสติ

ศรัทธาจริต ส่งเสริมด้วย พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ ศีลานุสติ

ญาณจริต ส่งเสริมด้วย การพิจารณาไตรลักษณ์โดยตรง



ปล...

พึงสังเกตุว่า มีทั้ง การถ่วงดุลย์ และ การส่งเสริม ในเรื่องของจริต
หาใช่มีแต่การถ่วงดุลย์อย่างเดียวไม่

อานาปานสติเป็นกรรมฐานที่เหมาะสมกับ บุคคลวิตกจริต (น่าจะมีสักหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ในสังคมไทย) คือ อานาปานสติช่วยให้จิตไม่ฟุ่งซ่าน(อุทธธัจจะ)จนเกินไป สามารถค่อยๆพิจารณาวิปัสสนาธรรมต่างๆได้ชัดเจนขึ้น.ท่านที่เป็นวิตกจริต ถ้าจะพิจารณาไตรลักษณ์โดยตรงเลย ก็อาจเบลอร์(เพราะปกติ ก็เบลอร์อยู่แล้ว)

ส่วน การพิจารณาไตรลักษณ์โดยตรง(เจริญวิปัสสนาโดยตรง)เป็นกรรมฐานที่เหมาะสมกับ บุคคลที่เป็นญาณจริต คือ เป็นคนที่ชอบพิจารณาหาเหตุผล (ท่านเหล่านี้ จิตพื้นฐานของท่านจะมีความสงบอยู่แล้ว)

เจ้าของ:  แมวขาวมณี [ 07 ม.ค. 2009, 00:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กัมมัฏฐานสำหรับแก้นิวรณ์

:b17: :b17: :b17:

อ่านแล้วเหมือนได้เจอสิ่งที่หามานาน
รู้จริตตัวก็สามารถ แก้หรือเสริมได้เลย.....

ตรงประเด็นดีจริงๆค่ะ

:b27: :b27: :b27:

เจ้าของ:  tok [ 24 ก.พ. 2009, 14:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กัมมัฏฐานสำหรับแก้นิวรณ์

การฝึกกรรมฐานให้เหมาะสมกับจริตของตนเองนั้นมีความสำคัญมากนะครับ.....เพราะจะทำให้เราพัฒนาไปได้เร็ว...โมทนาสาธุธรรมครับ....

เจ้าของ:  O.wan [ 25 ก.พ. 2009, 06:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กัมมัฏฐานสำหรับแก้นิวรณ์

:b8: k. puy โพสต์มาทีไร อ่านแล้วใจไปตามกระแสธรรมเลยค่ะ :b4:
เรากำลังฝึกทำอานาปานสติอยู่ แล้วจะส่งผลให้ทราบนะคะ :b39: :b39:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/