ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
จิตตกภวังค์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=18948 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | Bhonprot [ 06 พ.ย. 2008, 15:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | จิตตกภวังค์ |
ผมฝึกกสิณกรรมฐาน เป็นกสิณน้ำ นั่งปฏิบัติสมาธิทุกวัน แต่ไม่มีความก้าวหน้าเนื่องจากพอบริกรรมนิมิตไปสักครู่จิตจะเข้าภวังค์เป็นเวลานาน บางครั้ง 2.5 -3.0 ชั่วโมง จิตจึงถอนออกมารับรู้อารมณ์ภายนอก เป็นแบบนี้มาแล้วเป็นปีๆ อย่างน้อย 2-3 ปีแล้ว ผมพยายามหาวิธีให้จิตขึ้นวิถี ในปัจจุบันพยายามฝึกสติปัฏฐาน ๔ ดูกายดูจิต และเดินจงกรม 1-1.5 ช.ม ยังไม่สามารถแก้การตกภวังค์ได้ ผมใคร่ขอคำปรึกษาในการปฏิบัติเพื่อทำให้นิมิตกสิณเกิดให้ ได้อุคหนิมิตและปฏิภาคนิมิต ควรปฏิบัติอย่างไร ผมใคร่ขอคำแนะนำด้วยครับ ![]() |
เจ้าของ: | Bhonprot [ 12 พ.ย. 2008, 07:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
จากการติดตามอ่านในอินเตอร์เน็ต ผมพบว่าในเว็ปไซท์นี้ มีผู้รู้ที่ตอบปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมได้ดีมาก แบบตรงใจ และเข้าใจว่าผู้ตอบปัญหาได้ปฏิบัติจนเห็นธรรมแล้ว อย่างเช่นที่ปรากฏในบอร์ด ผมขอความกรุณาจากท่านช่วยพิจารณาให้คำแนะนำหน่อยครับตามแต่จะเห็นสมควร หรือว่าการปฏิบัติของผมนั้นเหตุปัจจัยยังไม่ถึงพร้อม ผลจึงยังไม่บังเกิดขึ้น ด้วยความจริงใจจริงๆครับ ผมขอขอบคุณล่วงหน้าครับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 12 พ.ย. 2008, 19:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
คุณ Bhonprot ดูกาย ดูจิตและเดินจงกรมยังไงครับ |
เจ้าของ: | Bhonprot [ 13 พ.ย. 2008, 15:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
ขอบคุณมากครับคุณกรัชกาย ที่ให้ความสนใจ การปฏิบัติของผมนั้นเริ่มแต่ตื่นนอนขึ้นมา ประมาณตี ๓ .ครึ่งหรือตี ๔ จะเริ่มทำสติความรู้สึกตัวให้ทันปัจจุบัน ตามอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน และทำกิจวัตรระจำวัน ล้างหน้าแปรงฟันอย่างมีสติอยู่กับการกระทำนั้นๆ หลังจากนั้นผมจะเดินจงกรมภายในบ้าน ซึ่งมีระยะทางเดินประมาณ 10 เมตร กลับไปกลับมา อย่างช้าๆ ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ กำหนดความรู้สึกในการเดินอยู่ที่เท้าทุกก้าวที่เดิน และหยุด พยายามมีสติอยู่กับปัจจุปันขณะให้ต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามในขณะเดินนี้ ก็อดมีความคิดแทรกเข้ามาเสมอว่า เราเดินจงกรมนี้เพื่อให้เห็นความจริงว่า กาย ใจนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน มีเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปทุกๆย่างก้าว เดินอยู่เช่นนี้ประมาณ 1-1.30 ช.ม ก็จะไปเตรียมอาหารเพื่อใส่บาตรพระ โดยที่ขณะที่ดำเนินการนั้นก็ยังพยายามสร้างสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรอยู่ ต่อจากที่ถวายทานแล้วผมจะเปิดเน็ตหาความรู้เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติธรรม หลังจากนั้นประมาณ 8.00หรือ 8.30 น ผมจะเข้าห้องพระสวดมนต์ไหว้พระ และ ทำสมาธิกรรมฐาน เพ่งกสิณน้ำ โดยทำตามแบบที่พระวิปัสสนาจารย์ได้อธิบายไว้ในวิสุทธิมรรค และวิมุติมรรคนั้น ใช้เวลาอีกประมาณตั้งแต่ 9.00 น ถึง 11.30 หรือ12.00 น แล้วแต่จิตแต่ละวันในการปฏิบัติธรรม บางครั้งจิตตกภวังค์ยาวสั้นแตกต่างกัน ในระยะหลังนี้ผมสังเกตเห็นว่า การตกภวังค์จะเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ หายไป 1.00 ช.ม หรือ 1.30 ช.ม จะกลับมารู้สึกตัวใหม่อีกครั้ง ผมจะเริ่มปฏิบัติใหม่อีกก็จะมีอาการตกภวังค์เหมือนเดิม ผมเข้าไปค้นอ่านในลานธรรมสนทนา นำมาทดลองปฏิบัติตามที่ผู้รู้ได้พูดแนะนำกันไว้ ยังไม่ได้ผลครับ หลังจากเที่ยงผมจะเข้าเน็ตหาความรู้ต่อเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ช่วงบ่าย 15.30 น - 16.30 หรือ 17.00 น จะไปเดินจงกรมนอกบ้าน มีระยะทางเดินจงกรมประมาณ 25 ม ช่วงค่ำ ตั่งแต่ 20.00-20.30 จะสวดมนต์ไหว้พระ และนั่งสมาธิเพ่งกสิณน้ำเหมือนเดิมครับ แบบนี้จะเป็นกิจวัตรปกติถ้าไม่มีภารกิจอื่นใด การรักษาศีล มีศีล 5 ปกติครับ พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์ครับ จิตใจ ในวันหนึ่งๆจะวนเวียนอยู่กับการปฏิบัติธรรมตลอดเวลาครับ กำลังคิดว่า ถ้าต่อยังไม่สามารถแก้ไขการตกภวังค์ได้ คงต้องออกบวชแล้วละครับ หาที่ที่เป็นสัปปายะประพฤติปฏิบัติต่อไป กรุณาให้คำแนะนำค้วยครับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 13 พ.ย. 2008, 17:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
ถามหน่อยครับว่า...คุณเพ่งกสิณน้ำ (อาโปกสิณ) พร้อมกับบริกรรม อาโป กสิณังๆๆๆๆๆ แล้วจู่ๆจิตก็เงียบไม่รับรู้อารมณ์ปัจจุบันเหมือนคนนอนหลับ กะเวลาได้ประมาณดังกล่าวจึงรู้สึกตัวใช่ไหมครับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 13 พ.ย. 2008, 17:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
คุณควรเดินจงกรมระยะที่ 1 ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ ฯลฯ ให้มากกว่านั่ง (ตัวอย่าง เดิน 1 ช.ม. นั่ง 30 นาทีเป็นต้น เพราะคุณใช้กรรมฐานไม่เคลื่อนที่ จิตจึงจมดิ่งกับอารมณ์ได้ง่าย อีกอย่างหนึ่งสมาธิเกินอินทรีย์อื่นๆ) และไม่พึงเดินช้าเกินไป เดินให้เร็วนิดหนึ่ง ขณะจงกรมเป็นต้นอยู่ ความคิดดังว่าเป็นต้นเกิดแทรกขึ้น พึงกำหนดรู้ความคิดนั้นด้วย ไม่ควรปล่อยความคิดให้ผ่านไปลอยๆเฉยๆ ครับ ศึกษาจงกรมลิงค์นี้ครับ http://www.free-webboard.com/view.php?u ... d=4&topic=เดินจงกรม http://www.free-webboard.com/view.php?u ... d=5&topic=ว่าด้วย การปรับอินทรีย์ ระยะนี้คุณควรเดินจงกรมระยะที่ 1 ให้มากเข้าไว้ เพื่อเจริญสติสัมปชัญญะให้มาก ให้จิตตื่น |
เจ้าของ: | Bhonprot [ 14 พ.ย. 2008, 14:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ โดยแท้จริงแล้วผมพยายามค้นหาวิธีแก้ไขมานานแล้วครับ พอผมเพ่งกสิณน้ำ (อาโปกสิณ) พร้อมกับบริกรรม อาโป กสิณังๆๆๆๆๆ แล้วจู่ๆจิตก็เงียบไม่รับรู้อารมณ์ปัจจุบันเหมือนคนนอนหลับครับ ตามที่คุณกรัชกายว่านั่นแหละครับ ผมไม่สามารถควบคุมการที่จู่ๆจิตก็เงียบ ไม่รับรู้อารมณ์ปัจจุบันเหมือนคนนอนหลับครับ ได้พยายามตั้งสติและตั้งใจหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ไม่ประสพความสำเร็จ เมื่อพยายามหาทางแก้ไข ก็อ่านจากเน็ตนี่แหละครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง ตอนค่ำหลังจากผมไหว้พระสวดมนต์และเพ่งกสิณตามปกติ ในคืนนั้นผมสามารถควบคุมจิตรับรู้อารมณัปัจจุบันโดยสามารถเพ่งกสิณน้ำได้อย่างต่อเนื่อง ลืมตาบ้างหลับตาบ้าง ซึ่งจิตไม่ตกภวังค์เหมือนอย่างเคย ผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องฟลุคครับ รู้ได้ว่าจิตจะเป็นสมาธิมากขึ้น เห็นวงกสิณสวยงามขึ้นกว่าแต่ก่อน คมชัด เวลาในขณะนั้นดำเนินไป 3 ช.ม เหมือนชั่วแว๊ปเดียว หลังเทียงคืนแล้วผมเข้านอน ผมนอนไม่หลับครับ จิตตื่นอยู่ตลอดทั้งที่หลับตา ต้องภาวนานอนหนอๆ ๆไปเรื่อยๆ นั่นเป็นครั้งแรกครับ เมื่อคืนนี้หลังได้อ่านคำแนะนำจากคุณกรัชกาย และผมได้ปฏิบัติสมาธิตามปกติ ได้มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนั้นได้เกิดกับผมอีกครั้ง เมื่อคืนนี้เองครับ อารมณ์ปรากฎเหมือนคราวก่อนทุกอย่าง ผมไม่ทราบว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะไม่เกิดนิวรณ์ 5 ใช่ หรือไม่ แต่ผมมั่นใจว่าทุกๆครั้งที่จิตตกภวังค์ ผมไม่ง่วงนอนหรือมีนิวรณ์ หลายครั้งก่อนเพ่งกสิณผมสำรวจดูตนเองว่ามีนิวรณ์ 5 อยู่หรือไม่ แต่จะไม่พบครับ ผมเลยเข้าใจเอาว่าจิตผมหยาบเกินไปจึงไม่สามารถค้นหานิวรณ์ 5 ได้ อย่างไรก็ตามจากจิตไม่ตกภวังค์อีกครั้งในครั้งหลังนี้ ทำให้ผมรู้สึกเกิดปิติเล็กๆขึ้น ทำให้เห็นว่าน่าจะมีความหวังตามคำชี้แนะของคุณ ถ้าคุณกรัชกายจะกรุณาผมเพิ่มเติม กรุณาชี้แนะการแก้ไขนิวรณ์ 5 ในภาคปฏิบัติได้จริงๆ ทั้งที่เป็น สมถยานิก และวิปัสสนายานิก ทั้งสองแบบด้วย ขอขอบคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ ผมจะปรับการการปฏิบัติใหม่เพื่อปรับอินทรีย์ให้สมดุลย์กันครับ คงต้องเดินจงกรมให้ถูกต้องและเพิ่มเวลามากขึ้นไปอีก ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 14 พ.ย. 2008, 20:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
อ้างคำพูด: มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง ตอนค่ำหลังจากผมไหว้พระสวดมนต์และเพ่งกสิณตามปกติ ในคืนนั้นผมสามารถควบคุมจิตรับรู้อารมณัปัจจุบันโดยสามารถเพ่งกสิณน้ำได้อย่างต่อเนื่อง ลืมตาบ้างหลับตาบ้าง ซึ่งจิตไม่ตกภวังค์เหมือนอย่างเคย ผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องฟลุคครับ รู้ได้ว่าจิตจะเป็นสมาธิมากขึ้น เห็นวงกสิณสวยงามขึ้นกว่าแต่ก่อน คมชัด เวลาในขณะนั้นดำเนินไป 3 ช.ม เหมือนชั่วแว๊ปเดียว หลังเทียงคืนแล้วผมเข้านอน ผมนอนไม่หลับครับ จิตตื่นอยู่ตลอดทั้งที่หลับตา ต้องภาวนานอนหนอๆ ๆไปเรื่อยๆ นั่นเป็นครั้งแรกครับ การฝึกอบรมจิตไม่มีคำว่า ฟลุค ครับ ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเหตุปัจจัยขององค์ธรรม ปรับตัวมันเองได้สม่ำเสมอพอเหมาะแก่การ ตัวอย่างเช่น เราเพ่งกสิณมากชั่วโมงสมาธิก็เจริญมาก แล้วพักช่วงที่ผ่อนที่พักนั่นแหละ องค์ธรรมต่างๆ ได้ปรับตัว หรือจะพูดว่า สมาธิได้ลดระดับลงมาพอสมกัน เป็นช่วงนี้ จึงเป็นเช่นนั้น อ้างคำพูด: เมื่อคืนนี้หลังได้อ่านคำแนะนำจากคุณกรัชกาย และผมได้ปฏิบัติสมาธิตามปกติ ได้มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนั้นได้เกิดกับผมอีกครั้ง เมื่อคืนนี้เองครับ อารมณ์ปรากฎเหมือนคราวก่อนทุกอย่าง ผมไม่ทราบว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะไม่เกิดนิวรณ์ 5 ใช่ หรือไม่ แต่ผมมั่นใจว่าทุกๆครั้งที่จิตตกภวังค์ ผมไม่ง่วงนอนหรือมีนิวรณ์ หลายครั้งก่อนเพ่งกสิณผมสำรวจดูตนเองว่ามีนิวรณ์ 5 อยู่หรือไม่ แต่จะไม่พบครับ ผมเลยเข้าใจเอาว่าจิตผมหยาบเกินไปจึงไม่สามารถค้นหานิวรณ์ 5 ได้ โดยภาพรวม อย่างที่บอกก่อนหน้า ว่าสมาธิคุณมากล้ำเกินองค์ธรรมอื่น ควรเดินจงกรมระยะที่ 1 ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ ฯลฯ ให้มาก และเดินให้เร็วกว่าที่คุณเคยเดิน จิตจะได้ตื่นไม่จมแช่กับอารมณ์เกินไป ที่สำคัญพึงกำหนดความคิดด้วย คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ให้กำหนดจิตลงไปตามที่คิดตามที่รู้สึก สมถะกับวิปัสสนาจะเกิดคู่กันไป (ศีล สมาธิ ปัญญา=ศีลเพื่อสมาธิ สมาธิเพื่อปัญญา ปัญญาเพื่อวิมุตติ) |
เจ้าของ: | Bhonprot [ 16 พ.ย. 2008, 06:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
ผมต้องขอบคุณอย่างสูงอีกครั้งหนึ่งครับ ผมเคยอ่านเรื่องการปรับอินทรีย์ให้สมดุลย์มาหลายครั้งในเรื่องที่ผู้รู้ได้ยกหัวข้อกระทู้คุยกัน ผ่านๆไปในเน็ตนั้น แต่ผมก็ได้แต่อ่านผ่านๆไป ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจมากนักแต่เพิ่งจะเข้าใจถึงความสำคัญของการปรับอินทรีย์ให้สมดุลย์นั้นจากพุทธพจน์ที่คุณกรัชกายยกมาให้อ่านตามที่ได้กล่าวไว้แล้วนั้น ผมมั่นใจในสิ่งที่คุณกรัชกายได้ให้คำแนะนำนั้น จะได้นำพาผมไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างไม่ต้องสงสัย ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ ผมหวังว่าถ้ายังมีปัญหาบางอย่างที่ผมไม่สามารถแก้ไขได้ในกาลข้างหน้า คุณกรัชกายคงจะกรุณาผมอีกนะครับ ขอขอบคุณด้วยความจริงใจอย่างมากเลยครับ |
เจ้าของ: | Bhonprot [ 21 พ.ย. 2008, 12:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
สวัสดีครับคุณกรัชกาย และผู้อ่านกระทู้ทุกท่านครับ ผมได้ทดลองปฏิบัติธรรมโดยการปรับอินทรีย์ให้สมดุลย์ตามที่คุณกรัชกายแนะนำครับ แต่จากความอยากรู้ มีความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับอินทรีย์ให้สมดุลย์ให้ถ่องแท้ ผมได้ทดลอง เดินจงกรมเพิ่มเวลาเข้าไปเป็น 2 ชม. และหยุดพัก 1 ชม. และเดินจงกรมต่ออีก 2 ชม. หลังจากนั้นจะพักประมาณ 1.30 ชม. เริ่มอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายสวดมนต์ไหว้พระ และเพ่งกสิณน้ำต่อ จิตผมไม่รับทราบผลการปฏิบัติเดินจงกรมเลยครับ ยังคงตกภวังค์เหมือนเดิม ผมต้องกลับมาทบทวนถึงวิธีที่คุณกรัชกายได้แนะนำการปฏิบัติไว้ โดยในวันต่อมาผมเปลี่ยนเป็นเดินจงกรม 1 ชม. และรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายสวดมนต์ไหว้พระ และเพ่งกสิณน้ำต่ออีก 1 ชม. ครั้งนี้ไม่ผิดหวังครับ อินทรีย์ ๕ได้ถูกปรับโดยการเดินจงกรม ทำให้จิตไม่ตกภวังค์ดังแต่ก่อน เป็นที่น่ายินดียิ่งครับ เพราะนั่นหมายความว่าต่อไป อุคคหนิมิต และปฏิภาคนิมิตของกสิณจะเกิดขึ้นได้ตามเหตุตามปัจจัยต่อไป ขอขอบคุณคุณกรัชกายที่ให้การชี้แนะครับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 พ.ย. 2008, 12:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
พึงกำหนดตามดูรู้ทันความคิดด้วย คิดแวบไปอย่างไรกำหนดอย่างนั้น หากไม่รู้ดูไม่ทัน ประเดี๋ยวจะเงียบไปอีก จงกรมระยะที่ 1 พึงตามดูทันรู้เท้าซ้าย-ขวา ที่ก้าวสลับไปสลับมาชัด ซ้ายเป็นซ้าย ขวาเป็นขวา จิตก็จะไม่เงียบหรือตกภวังค์ลึกจนไม่รับรู้อารมณ์ปัจจุบันอีก |
เจ้าของ: | Bhonprot [ 21 พ.ย. 2008, 17:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
ขอบคุณมากๆๆๆ ครับ คุณกรัชกาย |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 11 ธ.ค. 2008, 21:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 21 ธ.ค. 2008, 22:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
เข้าอ่านแล้วก็เอาไปปฏิบัติ จขกท.ไม่สงวนลิขสิทธิ์ เลยได้ประโยชน์ไปด้วย สาธุ แมวขาวเลยหายจากสภาวะสงบๆ นิ่งๆ เฉยๆ มามีสติตามรู้กายรู้จิต คืนที่แล้วตามดูจิตตลอดคืนไม่ง่วงเลยจากเที่ยงคืนเข้านอน ก็ตามดูกายที่เริ่มนอน พอนอนก็รู้ว่าหัวใจเต้นสม่ำเสมอดี ลมหายเข้า ลมหายใจออก ก้รู้ว่าร่างกายมันทำงาน รู้ว่าจิตรู้อยู่ เพลินจากตี 1 ไปตี 2.30 ไปตี 3.45 คือไม่ได้กำหนดว่าจะหลับค่ะจนตี 5.30 น. รู้สึกจิตเบาสบายดี ไม่มีอาการมึนศรีษะจากการอดนอนเลย (ปกตินอนน้อยจะปวดมึนศรีษะทุกครั้ง) ติดใจค่ะอ้อ.หลงติดสุขอีก เฮ้อ.. |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 22 ธ.ค. 2008, 11:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตตกภวังค์ |
(คุณแมวฯ พิจารณาหลักปฏิบัติต่อความสุขของพระพุทธศาสนา) หลักการใหญ่ของพระพุทธศาสนาสำหรับปฏิบัติต่อความสุขมี ๓ หัวข้อ ดังพุทธพจน์ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ความพยายามจะมีผล ความเพียรจะมีผลได้อย่างไร ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ๑. ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่มีทุกข์ทับถม ๒. ไม่ละทิ้งความสุขที่ชอบธรรม ๓. ไม่หมกมุ่นสยบในความสุขนั้น” (ม.อุ. 14/12/13) ลิงค์แสดงเกี่ยวกับความสุข ๑๐ ระดับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=18652 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |