ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=18400
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 16 ต.ค. 2008, 11:32 ]
หัวข้อกระทู้:  ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

ในพระสูตร มีพุทธพจน์ที่ตรัส ถึง สมถะ คู่กับ วิปัสสนา มากมาย

ที่ชัดเจนมากอีกจุดหนึ่ง คือ

http://larndham.net/cgi-bin/tread.pl?st ... yte=535516


[๕๖๑] ชื่อว่าโพชฌงค์

เพราะอรรถว่า ตรัสรู้ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งสมถะ ว่าตรัสรู้ความพิจารณาเห็นแห่งวิปัสนา
ว่า ตรัสรู้ความมีกิจเป็นอันเดียวกันแห่งสมถะและวิปัสนา
ว่า ตรัสรู้ความไม่ล่วงเกินกันแห่งธรรมที่คู่กัน




ถึงแม้น สมถะ และ วิปัสสนา จะมีนัยยะที่แยกแยะความแตกต่างในความหมาย และ อานิสงส์ได้ (สมถะมีอานิสงส์คือความไม่ฟุ้งซ่าน ส่วนวิปัสสนามีอานิสงส์คือความเห็นแจ้ง)

แต่ สมถะ และ วิปัสสนา แยกขาดออกจากกันไม่ได้ครับ ต้องประชุมรวมกันเป็นอริยมรรคสมังคี ...เช่น จากพระสูตร "ความมีกิจอันเดียวกันแห่งสมถะและวิปัสสนา"... คือ ทั้งสมถะ และ วิปัสสนา ต่างรวมกันเป็นองค์อริยมรรคสมังคี เพื่อนำไปสู่การสิ้นทุกข์ นั่นเอง

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 16 ต.ค. 2008, 11:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

โอวาทธรรม หลวงพ่อ พุธ ฐานิโย



สมถะหรือวิปัสสนาต่างก็เป็นวิธีการปฏิบัติ
เพื่อจุดหมายเดียวกัน




อีกปัญหาหนึ่งมีท่านกล่าวไว้ว่า ให้ฝึกหัดทำสมาธิให้มันได้เสียก่อน
แล้วจึงค่อยเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

เฮ้อ… อันนี่ถ้าสมมติว่าใครไม่สามารถทำสมาธิขั้นสมถะได้เนี่ย
จะไปรอจนกระทั่งจิตมันสงบเป็น สมาธิขั้นสมถะ เป็นอัปปนาสมาธิ
เผื่อมันทำไม่ได้ล่ะ มันจะไม่ตายก่อนหรือ?

เพราะฉะนั้น จึงขอทำความเข้าใจกับนักปฏิบัติทั้งหลายก่อนว่า

คำว่าสมถกรรมฐาน ก็ดี คำว่า วิปัสสนากรรมฐาน ก็ดี
ขอให้ท่านทั้งหลายพึงทำความเข้าใจก่อนว่า เป็นชื่อของวิธีการ



การภาวนาพุทโธ ๆ ๆ หรือการภาวนาอย่างอื่น
หรือการภาวนาแบบเพ่งกสิณ อันนั้นปฏิบัติตามวิธีของสมถะ



แต่ถ้าเราปฏิบัติด้วยการใช้ความคิดหรือกำหนดจิตรู้ตาม
ความคิดของตัวเอง หรือจะหาเรื่องราวอันใด เช่น
เรื่องของธาตุขันธ์ อายตนะมาพิจารณา
เช่น พิจารณาว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อะไรทำนองนี้

อันนี้การน้อมจิตน้อมใจน้อมภูมิความรู้ความเข้าไปสู่
กฎพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ท่านเรียกว่าปฏิบัติตามวิธีการแห่งวิปัสสนา

แต่ทั้ง 2 อย่างนี้เราจะปฏิบัติด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้

ถ้าท่านผู้ที่บริกรรมภาวนา จิตมันไม่เคยสงบเป็นสมาธิซักที
จะไปรอให้มันสงบ มันไม่เคยสงบซักที ก็มาพิจารณาซิ
ยกเรื่องอะไรขึ้นมาพิจารณาก็ได้ ซึ่งมันเกี่ยวกับเรื่องธรรมะ

พิจารณาไปจนกระทั่งจิตมันคล่องตัว
พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อันนั้นก็ไม่เที่ยง อันนี้ก็เป็นทุกข์ อันนั้นก็เป็นอนัตตา
คิดเอาตามสติปัญญาที่เราจะคิดได้
คิดย้อนกลับไปกลับมา กลับไปกลับมา กลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้

คิดจนกระทั่งมันคล่องตัว จนกระทั่งเราไม่ได้ตั้งใจคิด

จิตมันคิดของมันเอง ซึ่งมันอาจจะเอาเรื่องอื่นมาคิดอยู่ไม่หยุดก็ได้

เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็เข้าลักษณะเหมือนกันกับภาวนา

ถ้าจิตมันคิดของมันเอง สติรู้พร้อมอยู่เอง มันก็ได้วิตก วิจาร
ในเมื่อจิตมีวิตก วิจาร เพราะความคิดอ่านอันนี้
มันก็เกิดมีปีติ มีความสุข มีเอกัคตา
มันจะสงบลงไปเป็น อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ

หรือบางทีมันอาจจะไม่สงบถึงอัปปนาสมาธิ
พอถึงอุปจารสมาธิ มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคตา
มันก็จะทำหน้าที่พิจารณาวิปัสสนาของมันตลอดวันยันค่ำ
ตลอดคืนยันรุ่ง เพราะฉะนั้นอย่าไปติดวิธีการ

ถ้าใครไม่เหมาะกับการบริกรรมภาวนา ก็ไม่ต้องไปบริกรรมภาวนา
ถ้าจิตของท่านผู้ใดไปเหมาะสมกับการกำหนดรู้จิตเฉยอยู่
โดยไม่ต้องนึกคิดอะไร เป็นแต่เพียงตั้งหน้าตั้งตาคอย
จ้องดูความคิดว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นแค่นั้น
อะไรเกิดขึ้นรู้ อะไรเกิดขึ้นรู้ รู้ ๆ ๆ เอาตัวรู้อย่างเดียว

หรือบางทีบางท่านอาจจะใช้ความคิดอยู่ไม่หยุด

หรือบางท่านอาจจะฝึกหัดสมาธิ โดยวิธีการทำสติตามรู้
การยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม ทำ พูด คิด ทุกขณะจิต
ทุกลมหายใจ ก็สามารถทำจิตให้เป็นสมาธิได้เหมือนกัน

เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะเป็นนักปฏิบัติ
เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริงกันจริง ๆ แล้ว
อย่าไปติดวิธีการ

ให้กำหนดหมายว่าสมถะก็ดี วิปัสสนาก็ดี เป็นวิธีการปฏิบัติ

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 16 ต.ค. 2008, 11:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

ภาวนาก็เหมือนกับไม้ท่อนเดียว
วิปัสสนาอยู่ปลายท่อนทางนี้ สมถะอยู่ปลายท่อนทางนั้น
ถ้าเรายกไม้ท่อนนี้ขึ้น ปลายไม้จะขึ้นข้างเดียวหรือสองข้าง
ถ้าเรายกไม้ท่อนนี้ขึ้น ปลายทั้งสองข้างจะขึ้นด้วย


หลวงพ่อชา สุภทฺโท

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 16 ต.ค. 2008, 11:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

สมถะในอริยมรรคสมังคี



พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๑ สุตตันตปิฎกที่ ๒๓ ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค

http://larndham.net/cgi-bin/tread.pl?st ... yte=109458


[๑๔๗] อริยมรรคสมังคีบุคคล ย่อมเผาสังกิเลสที่ยังไม่เกิด ด้วยโลกุตตรฌานที่เกิดแล้ว

เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวโลกุตตรฌานว่าเป็นฌาน

บุคคลนั้นย่อมไม่หวั่นไหวเพราะทิฐิต่างๆ เพราะความเป็นผู้ฉลาดในฌานและวิโมกข์

ถ้าพระโยคาวจรตั้งใจมั่นดีแล้ว ย่อมเห็นแจ้ง ฉันใด
ถ้าเมื่อเห็นแจ้ง ก็พึงตั้งใจไว้ให้มั่นคงดี ฉันนั้น

สมถะและวิปัสสนาได้มีแล้วในขณะนั้น ย่อมเป็นคู่ที่มีส่วนเสมอกันเป็นไปอยู่



.....................................


พระสูตรนี้ ระบุชัดเจนว่า
ในขณะ ที่บังเกิดอริยมรรคสมังคี นั้น

สมถะและวิปัสสนาได้มีแล้วในขณะนั้น ย่อมเป็นคู่ที่มีส่วนเสมอกันเป็นไปอยู่


คือ ต้องไม่มีการ"แยกขาด" สมถะ ออกจาก วิปัสสนา ...จึง จะบังเกิดมรรคสมังคี ขึ้นได้




ปล...

คำว่า "ตั้งใจมั่นดีแล้ว" คือ สัมมาสมาธิ

คำว่า"เห็นแจ้ง" คือ สัมมาญาณะ

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 16 ต.ค. 2008, 11:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

บทธรรมมาจาก พระไตรปิฎก

กล่าวถึง สมถะ และ วิปัสสนา ที่เป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค

และ สามารถอธิบาย-ขยายความ ความเห็นข้างต้นได้ดี



[๒๕๓] สมถะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?

ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นคงแห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต
ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบ สมาธินทรีย์ สมาธิพละ ความตั้งใจชอบ สมาธิสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค ในสมัยนั้น
อันใด นี้ชื่อว่า สมถะ มีในสมัยนั้น.



๒๕๔] วิปัสสนา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?

ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความวิจัย ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม ความกำหนดหมาย
ความเข้าไปกำหนด ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ภาวะที่รู้ ภาวะที่ฉลาด ภาวะที่รู้ละเอียด ความ รู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด ความใคร่ครวญ ปัญญาเหมือนแผ่นดิน ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส ปัญญาเครื่องนำทาง ความเห็นแจ้ง ความรู้ชัด ปัญญาเหมือนปฏัก ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ปัญญาเหมือนศาตรา ปัญญาเหมือนปราสาท ความสว่างคือปัญญา แสงสว่างคือปัญญา ปัญญาเหมือนประทีป ปัญญาเหมือนดวงแก้ว ความไม่หลง ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค ในสมัยนั้น
อันใด นี้ชื่อว่า วิปัสสนามีในสมัยนั้น.



พึงสังเกตุ....

คำว่า"สมถะ"ในพระสูตรนี้(และ อีกหลายๆพระสูตร)
เป็นองค์ประกอบแห่งอริยมรรค....
ซึ่งตรงกับคำว่า สัมมาสมาธิ หรือ โลกุตรฌาน นั่นเอง

เจ้าของ:  ฌาณ [ 16 ต.ค. 2008, 13:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  บุญชัย [ 16 ต.ค. 2008, 14:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

:b8: :b20: ขอบพระคุณท่านๆ

เจ้าของ:  สุนันท์ [ 02 พ.ย. 2008, 00:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

:b8: :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  บุญชัย [ 06 พ.ย. 2008, 14:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความมีกิจอันเดียวกัน แห่ง สมถะ และ วิปัสสนา

ภาวนาก็เหมือนกับไม้ท่อนเดียว
วิปัสสนาอยู่ปลายท่อนทางนี้ สมถะอยู่ปลายท่อนทางนั้น
ถ้าเรายกไม้ท่อนนี้ขึ้น ปลายไม้จะขึ้นข้างเดียวหรือสองข้าง
ถ้าเรายกไม้ท่อนนี้ขึ้น ปลายทั้งสองข้างจะขึ้นด้วย

แล้วสมถะก็อยู่อีกปลายไหมท่าน

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/