| ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
| เลือกบริโภคน้ำมันพืชอย่างชาญฉลาดต่อสุขภาพ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=44741 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
| เจ้าของ: | ฟ้าใสใส [ 24 ก.พ. 2013, 23:51 ] | ||
| หัวข้อกระทู้: | เลือกบริโภคน้ำมันพืชอย่างชาญฉลาดต่อสุขภาพ | ||
เลือกบริโภคน้ำมันพืชอย่างชาญฉลาดต่อสุขภาพ เมื่อกระแสของการดูแลรักษาแนวธรรมชาติบำบัด หรือการแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์ทางเลือก ที่แล้วแต่จะเรียก เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนต่างแสวงหาหนทางและวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมสอดคล้องกับวิถีชีวิตและโรคภัยไข้เจ็บของตนเอง แน่นอนว่าอันดับแรกคือการหาทางเลือกในเรื่องอาหารการกิน มีการคัดสรรคุณภาพตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก การปรุง การแปรรูป และเครื่องปรุงต่างๆ ที่นำมาใช้ในการดูแลตนเอง และน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการคัดเลือกเหล่านั้นด้วยน้ำมันพืชมีกระบวนการผลิต แบบที่เรียกว่าน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ใช้สารเคมีในการสกัดและผ่านกระบวนการกลั่น ซึ่งจะผ่านความร้อนสูง ท้ายที่สุดจะมีคุณค่าทางอาหารต่ำ เหลือเพียงไขมันเป็นหลัก เมื่อเรานำมาประกอบอาหารก็ได้เพียงน้ำมันทำหน้าที่เป็นตัวกลางทำให้อาหารสุก คือน้ำมันยี่ห้อต่างๆ ที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งจะแตกต่างจากน้ำมันที่สกัดด้วยวิธีธรรมชาติ ทำเองด้วยวิธีการเคี่ยว คั้น หมัก หรือการนำเครื่องจักรมาใช้ในการบีบอัด คือการสกัดด้วยโดยเครื่องไฮโดรลิก และเครื่องสกรูเพรส ในกระบวนการนี้เรียกว่าน้ำมันไม่ผ่านกรรมวิธีหรือน้ำมันบีบเย็น น้ำมันที่ได้เป็นน้ำมันพืชบริสุทธิ์ มีสารอาหารครบถ้วน และยังนิยมนำไปใช้ในการปรุงยา และใช้นวดสปาอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันเราจะพบว่าน้ำมันบีบเย็นมีจำหน่ายตามท้องตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในงานโอท็อป งานแสดงสินค้าเพื่อสุขภาพต่างๆ ถ้าเปรียบเทียบสนนราคาแล้วจะพบว่าราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะน้ำมันอินทรีย์ที่ผ่านการเพาะปลูกจากกระบวนการไม่ใช้สารเคมี การบีบน้ำมันแต่ละชนิดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องหาวัตถุดิบที่ได้คุณภาพและต้องบีบทันที อย่างน้ำมันรำข้าว ต้องรีบบีบหลังจากสีเอารำข้าวแล้ว เพราะคุณภาพจะเสื่อมเร็ว หรือน้ำมันถั่วเหลือง ถั่วลิสง น้ำมันงา ต้องรีบบีบ เพราะถ้านานไปหรือเกิน 1 ปี น้ำมันที่ได้จะน้อย สำหรับการใช้น้ำมันพืชประกอบอาหารนั้น แนะนำว่าถ้าใช้ทอดซึ่งต้องถูกความร้อนเป็นเวลานานๆ ควรใช้น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว ส่วนอาหารประเภทผัดหรือถูกความร้อนไม่นาน ใช้น้ำมันมะกอก ทานตะวัน ถั่วเหลือง งาหรืออื่นๆ จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างดียิ่ง น้ำมันงา เป็นน้ำมันที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทยมาช้านาน ใช้ปรุงอาหารและทำยา น้ำมันงาอุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด มีธาตุไอโอดีนป้องกันคอพอก มีแคลเซียมสูง มีวิตามินบีชนิดต่างๆ ครบถ้วน ที่ช่วยบำรุงประสาท ช่วยให้นอนหลับ ป้องกันโรคเหน็บชา รักษาอาการปวดเมื่อย ปวดตามเส้นในแขนขา จึงนำมาใช้นวดหรือเข้ายานวด จะได้ยาคุณภาพดี น้ำมันงาเป็นน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล จึงมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เนื่องจากมีวิตามินอีสูงจึงนิยมนำมาทำน้ำมันบำรุงผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นไม่เหี่ยวย่นง่าย ใช้หมักผมช่วยให้ผมนุ่มสวย น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันบีบเย็นที่พบมากที่สุดในเวลานี้ ส่วนมากนำไปใช้เพื่อสุขภาพความงาม ใช้หมักผม น้ำมันทาผิว ใช้นวดเพื่อบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและบำรุงกระดูกให้แข็งแรง รักษาสิวอักเสบได้ผล ปัจจุบันมะพร้าวไม่ได้เป็นผู้ร้ายที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจตามความเชื่อเดิมในรอบ 30 ปีแล้ว แต่การรับประทานน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลเป็นกรดไขมันสายปานกลาง จะถูกเผาผลาญเปลี่ยนเป็นพลังงานได้หมด ไม่ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน จึงไม่ทำให้อ้วน ช่วยปรับสมดุลของระดับคอเลสเตอรอล เพิ่มคอเลสเตอรอล HDL และลดคอเลสเตอรอล LDL และเป็นน้ำมันที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง น้ำมันรำข้าว เป็นน้ำมันที่อ่อนโยนต่อผิวพรรณ ถ้าจะทำสบู่สำหรับผิวเด็ก จะนิยมนำน้ำมันรำข้าวทำ มีวิตามินอีสูง ซึมซาบสู่ผิวได้ง่าย ไม่เหนอะหนะ และนำไปทำอาหารเสริมบรรจุแคปซูลคล้ายๆ น้ำมันตับปลา เพื่อช่วยบำรุงร่างกาย มีวิตามินต่างๆ สูง ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา บำรุงสมอง บำรุงประสาท กรดไขมันไลโนเลอิกสูง เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ลดภาวะเสี่ยงต่อโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดและหัวใจ น้ำมันมะรุม ในช่วงนี้กระแสมะรุมมาแรงอย่างต่อเนื่อง ทุกส่วนของมะรุมใช้ประโยชน์ได้หมด และน้ำมันมะรุมยังเป็นน้ำมันยอดฮิตติดอันดับ คนที่นำไปใช้ส่วนใหญ่มักนำไปใช้เป็นยารักษาโรคและบำรุงผิว ใช้น้ำมันมะรุมนวดรักษาโรคเกาต์ โรคตูมาติซึ่ม ปวดข้อ ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค ใช้รักษาโรคเชื้อรา โรคน้ำกัดเท้า แผลจากเบาหวาน แผลเรื้อรังต่างๆ รับประทานแก้อาการเจ็บคอ ทอลซิลอักเสบ และเป็นน้ำมันที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ใช้บำรุงผิว ลดริ้วรอยและจุดต่างดำ เป็นน้ำมันที่มีคุณภาพดีเยี่ยม น้ำมันเมล็ดองุ่น เป็นน้ำมันที่ได้ชื่อว่าช่วยชะลอความชรา มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง นิยมใช้บำรุงผิว ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ในผิวพรรณ ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ดี น้ำมันเมล็ดทานตะวัน เป็นน้ำมันที่มีคุณภาพสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงช้อนถึง 70% ซึ่งเป็นน้ำมันที่จำเป็นต่อร่างกายที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้จากน้ำมัน จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและการป้องกันโรคหัวใจ น้ำมันถั่วลิสง ปัจจุบันเราไม่ได้พบน้ำมันชนิดนี้กันแล้วนับตั้งแต่มีน้ำมันถั่วลิสงเข้ามาแทนที่ การบริโภคน้ำมันถั่วลิสงเริ่มมาจากชาวไทยเชื้อสายจีน นิยมทำใช้เองในช่วงเทศกาลกินเจ เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติที่ดีมาก ซึมซาบเข้าผิวหนังได้ดี มีวิตามินอีสูง และรวมถึงแคลเซียม เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม โปแตสเซียมสูง ถ้านำมาใช้ในการบำรุงผิวจะมีสรรพรคุณรักษาผิวที่แพ้แดด รักษาอาการไขข้ออักเสบ ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น ถ้าครอบครัวไหนมีความรู้เรื่องการทำน้ำมันถั่วลิสงใช้เองได้น่าจะทำไว้ใช้ เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายสูงมาก นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกหลายตัว เช่น น้ำมันเมล็ดแตงโม เป็นน้ำมันที่เหมาะสำหรับใช้ทำเครื่องสำอางเพราะมีความอ่อนโยนต่อผิวสูง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายบ้านเรา ยังไม่มีจำหน่ายพบในต่างประเทศ น้ำมันเมล็ดฟักทอง มีแมงกานีสและสังกะสีสูง ในเมล็ดฟักทองนั้นมีสรรพคุณป้องกันโรคต่อมลูกหมากโต จึงแนะนำบุรุษบริโภคน้ำมันนี้เพื่อสร้างภูมิป้องกันโรคนี้ไว้แต่เนิ่นๆ และยังช่วยรักษาฝ้า แก้อาการแพ้แสงแดด รักษาลำไส้ ช่วยขับพยาธิ และใช้ในเครื่องสำอางบำรุงผิวและน้ำมันนวดได้ คุณภาพดีไม่แพ้น้ำมันอื่น ๆ คุณประโยชน์ของน้ำมันบีบเย็นจะมีผลต่อสุขภาพทั้งในแง่ของการป้องกันและรักษา แม้จะราคาแพงไปบ้าง แต่ก็คุ้มกับการลงทุนต่อสุขภาพร่างกายของเรา ดีกว่าบริโภคอย่างสะเปะสะปะ แล้วต้องเสียเงินรักษาสุขภาพราคาแพงขอบคุณที่มา :: ไทยโพสต์ http://www.thaipost.net/tabloid/240213/70016
|
|||
| เจ้าของ: | sirinpho [ 27 ก.พ. 2013, 12:37 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: เลือกบริโภคน้ำมันพืชอย่างชาญฉลาดต่อสุขภาพ |
ขอบคุณมากคะสำหรับบทความนี้
|
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|