ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
กลิ่นใดไหนเล่าจะหอมเท่ากลิ่นความดี http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=37705 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 09 เม.ย. 2011, 02:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | กลิ่นใดไหนเล่าจะหอมเท่ากลิ่นความดี |
![]() เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ผม (ศาสตราจารย์ระพี สาคริก) ได้รับเชิญให้เดินทางไปพูดที่งานประชุมพืชสวนโลกที่ประเทศญี่ปุ่น ในหัวข้อ Man and Nature ครั้งนั้นสมเด็จพระจักรพรรดิประทับฟังอยู่ด้วย ใจความสำคัญที่ผมพูดกับทุกท่านในที่นั้นมีอยู่ว่า “ผมปลูกกล้วยไม้ต้นนี้ (ชี้ที่ตนเอง) ตั้งแต่ยังจำความได้ เฝ้ารดน้ำบำรุงรักษา จนกระทั่งออกดอกให้คนทั้งโลกได้ชื่นชมสมใจ แต่กล้วยไม้ที่ผมปลูกเป็นคนละพันธุ์กับที่ท่านปลูก พันธุ์ที่ท่านปลูกนั้น ออกดอกมาสวยแค่ไหนก็ต้องโรย แต่พันธุ์นี้ดอกไม่โรย นอกจากดอกไม้ไม่โรยแล้วยังสืบต่อไปให้คนรุ่นหลังได้อีก เพราะฉะนั้นผมของตั้งชื่อกล้วยไม้พันธุ์ใหม่นี้ว่า ความรักในเพื่อนมนุษย์” เพราะสิ่งที่ผมทำมาจนถึงปีที่ ๘๗ ของชีวิต จริงๆ แล้วไม่ใช่การปลูก กล้วยไม้ แต่ผมปลูกคุณธรรมต่างหาก กลิ่นของคุณธรรมหรือกลิ่นของความดีงาม มีความหอมกว่าดอกไม้ชนิดไหนๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังหอมทน หอมไกล และหอมนานอย่างยิ่ง หากจะถามว่าความดีทำยากหรือง่าย ก็ต้องดูว่าตัวเราเองเป็นคนเช่นไร เพราะที่จริงแล้ว ความยากหรือง่ายไม่มีในโลกแห่งความจริง กล่าวคือ หากคิดว่ายาก เราก็ไม่อยากทำ หากคิดว่าง่าย เราก็ประมาท แต่ถ้าตั้งหลักคิดว่า ไม่ว่ายากหรือง่าย เราจะใช้ความวิริยะอุตสาหะคิดค้นหาวิธีการทำมันจนสำเร็จให้จงได้ เราก็จะมีอิสระ และอันที่จริง คนเราถ้าไม่เจอความยาก จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ความยากจึงมีคุณกับชีวิตมากทีเดียว เป็นโชคดีของผมที่ได้เรียน วิชาลำบาก จากพ่อ (ขุนตำรวจเอกพระมหาเทพกษัตริยสมุห-เนื่อง สาคริก) ตั้งแต่เล็ก พ่อเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร พ่อคนอื่นถ้าตัวลำบาก ก็ไม่อยากให้ลูกลำบาก จะพยายามทำทุกอย่างให้ลูกสบาย แต่พ่อผมนี่ตรงกันข้าม พ่อลำบากมาอย่างไร กลับเลี้ยงลูกให้ลำบากยิ่งกว่านั้น พ่อ ลูกกับแม่ (นางสนิท ภมรสูตร) ๕ คน เป็นผู้ชายทั้งหมด ผมเป็นคนโต พ่ออยากเลี้ยงให้ผมเป็นคนแกร่ง เพื่อให้เป็นที่พึ่งแก่น้องๆ จึงฝากผมเข้าโรงเรียนประจำ ตั้งแต่อายุเพียง ๗ ขวบ ขณะนั้นโรงเรียนใช้ระบบพี่ปกครองน้อง นักเรียนโตๆ มักรังแกนักเรียนรุ่นเล็กกว่าตามใจชอบ นักเรียนรุ่นเล็กสุดอย่างผม บางครั้งจึงต้องอดๆอยากๆ แม้จะร้องเรียนครู ก็ไม่ได้ผล หนึ่งปีถัดมา พ่อนำผมไปฝากไว้กับครูของพ่อคนหนึ่ง ซึ่งทำให้ผมต้องเผชิญชีวิตที่ยากลำบากกว่าเดิม เพราะต้องทำงานหนักเพื่อแลกกับที่พักอาศัย ตอนเช้าต้องตื่นแต่มืดเพื่อตักน้ำใส่โอ่งใหญ่ๆ ให้เต็มสามโอ่ง จากนั้นยังต้องกวาดถูบ้านไม้สองชั้น โดยไม่เปิดไฟ เสร็จงานแล้วจึงอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียน และเมื่ออยู่ที่โรงเรียน บางวันผมต้องคุ้ยหาเศษอาหารในถังขยะเพื่อนำมาบริโภค แม้กระทั่งเศษอาหารที่ติดใบตองก็เคยเก็บมากินเพื่อบรรเทาความหิวโหย แม้ว่าจะมีชีวิตที่ลำบากยากแค้นเช่นนี้ ผมก็ไม่เคยรู้สึกโกรธเคือง กลับจะยิ่งขอบคุณท่านเหล่านั้นโดยเฉพาะพ่อ เพราะพ่อได้ให้เคล็ดลับในการดำเนินชีวิตที่สำคัญ นั่นคือ คนเราต้องมีความสุขในความทุกข์ของตัวเองให้ได้ หากเราสามารถทำได้เช่นนี้ แม้ว่าภายภาคหน้าจะต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคมากมายเพียงใด เราก็จะรักษาความดีงามที่อยู่ในรากฐานเดิมของตัวเราเองไว้ได้ ทั้งนี้เพราะโลกภายนอกเป็นที่ที่เรามาอาศัยเพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น ไม่นานเราก็ต้องจากไป โลกใบจริงอยู่ที่ใจของเราเองต่างหาก แม้แต่คนที่ว่าร้ายยิ่งกว่าเสือ ผมก็ยังมองว่าเขาทำคุณให้ผมยิ่งกว่าคนที่ชื่นชมผมเสียอีก เวลาที่มีคนร้ายต่อเรา แล้วเราไม่โกรธตอบ ได้แต่ตั้งหน้าทำความดี ทำในสิ่งที่คนทั้งผองได้รับประโยชน์ วันหนึ่งข้างหน้า เขาก็จะกลับมาดีกับเรา หรือเมื่อเราเอาชนะใจตัวเองได้แล้ว ก็จะสามารถชนะใจผู้อื่นได้นั่นเอง เรื่องที่เล่ามานี้ ผมได้เห็นข้อพิสูจน์มาแล้วทั้งสิ้น ยกตัวอย่างในเรื่องกล้วยไม้ กว่าที่ผมจะทำให้กล้วยไม้งอกงามแพร่หลายในเมืองไทย ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมานับไม่ถ้วน สมัยที่เริ่มปลูกกล้วยไม้ตรงกับช่วงพุทธศักราช ๒๔๐๙ กว่า ๆ คนไทยที่เล่นกล้วยไม้มักจะเป็นคหบดีหรือผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงๆเท่านั้น คนเหล่านี้มักนำกล้วยไม้มาเป็นเครื่องกีดกันคนจนและผู้เยาว์ ขัดขวางไม่ให้เกิดตลาดกล้วยไม้ ส่วนชาวบ้านบางกลุ่มก็มีพฤติกรรมชอบเก็บกล้วยไม้ป่าซึ่งเป็นสมบัติติดพื้นดินของชาติส่งมายังกรุงเทพฯ จากนั้นพ่อค้ากล้วยไม้ก็จะจัดส่งต่อไปให้ต่างประเทศ โดยเฉพาะส่งไปยังฮาวาย ซึ่งนำกล้วยไม้ป่าของไทยเข้าระบบการผลิตแบบอุตสาหกรรม คือนำไปผสมแล้วส่งกลับมาขายคนไทยอีกต่อหนึ่ง ทำให้ประเทศไทยต้องตกเป็นทาสเงินตราของต่างประเทศ ผมจึงตั้งปณิธานไว้ว่า “จะกู้อิสรภาพทางเศรษฐกิจให้แผ่นดินเกิดในเรื่องนี้ โดยใช้กล้วยไม้เป็นเครื่องมือ หากทำสำเร็จ ก็จะได้ความรู้ซึ่งสามารถนำไปใช้กู้อิสรภาพทางเศรษฐกิจให้เกษตรกรไทยที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับพืชผลชนิดอื่นๆ อีกหลายอย่าง” แน่นอนว่าผมต้องเผชิญกับคนที่ต่อว่าและทำร้ายทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพราะถ้าผมทำสำเร็จ เมืองไทยกลายเป็นตลาดกล้วยไม้ คนบางกลุ่มจะเสียผลประโยชน์มหาศาล แต่ผมไม่ย่อท้อ ไม่กล่าวโทษคนเหล่านั้น แต่ได้พยายามทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้ พยายามสู้กับกิเลส ความโลภ โกรธ หลงในจิตใจ ในเวลาเพียงสิบปีเศษ ผลงานก็ปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างชาติ และทำให้ผมได้รับการยกย่องว่า เป็นบิดากล้วยไม้ของไทยจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ดี คนที่มาเยี่ยมเยือนผมที่บ้านมักคิดว่า อาจารย์ระพี ต้องปลูกกล้วยไม้ไว้มากมายแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วตรงกันข้าม เพราะผมเก็บกล้วยไม้ไว้ที่บ้านเพียงเล็กน้อย วันใดที่ผมอยากชมดอกกล้วยไม้งามๆ ได้สูดกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ชนิดนี้ ผมก็จะได้ดูกล้วยไม้ที่คนอื่นปลูกไว้ เพราะผมเชื่อว่า ทุกพื้นที่ในประเทศไทยคือบ้านของผม เรื่องโดย นภ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 09 เม.ย. 2011, 06:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กลิ่นใดไหนเล่าจะหอมเท่ากลิ่นความดี |
![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สุดปลายฟ้า [ 09 เม.ย. 2011, 09:49 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กลิ่นใดไหนเล่าจะหอมเท่ากลิ่นความดี | ||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | O.wan [ 09 เม.ย. 2011, 10:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กลิ่นใดไหนเล่าจะหอมเท่ากลิ่นความดี |
![]() ![]() สงกรานต์นี้ไปทำบุญที่ไหน อย่าลืมนำมาแบ่งปันกันด้วยนะคะ O.wan ก็ว่าจะไปทำบุญแถวๆไม่ไกลกรุงเทพ....และจะนำบุญมาฝากนะคะ ![]() |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 09 เม.ย. 2011, 11:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กลิ่นใดไหนเล่าจะหอมเท่ากลิ่นความดี |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 10 เม.ย. 2011, 05:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กลิ่นใดไหนเล่าจะหอมเท่ากลิ่นความดี |
O.wan เขียน: ![]() ![]() สงกรานต์นี้ไปทำบุญที่ไหน อย่าลืมนำมาแบ่งปันกันด้วยนะคะ O.wan ก็ว่าจะไปทำบุญแถวๆไม่ไกลกรุงเทพ....และจะนำบุญมาฝากนะคะ ![]() สวัสดีครับคุณO.wan สบายดีหรือเปล่าครับ.. คิดถึงญาติธรรมทุกๆท่าน..ผมสบายดีครับ.. บุญทำทุกวัน..สวดมนต์ทุกๆวัน.. ส่วนวันศีลใหญ่ก็จะไปทำบุญร่วมสวดที่วัดกับพระในอุโบสถเนืองๆ ึคงทำบุญวัดแถวเชียงใหม่ครับ..น่าจะเป็นวัดพันเตา แล้วจะนำบุญมาฝากนะครับ.. อนุโมทนา..แผ่เมตตาให้กับญาติธรรมในธรรมจักรทุกท่านครับ.. ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | bluebird [ 10 เม.ย. 2011, 05:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กลิ่นใดไหนเล่าจะหอมเท่ากลิ่นความดี |
หอมจริงๆค่ะ กลิ่นความดี ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |