ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ข่าวสารผ่านโลก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=33590 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | wincha [ 03 ส.ค. 2010, 14:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | ข่าวสารผ่านโลก |
สถูปเก่าแก่ของเนปาล “สวายัมภูนาถ” บูรณะเสร็จแล้ว • เนปาล : โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถูปในพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของ เนปาล “สวายัมภูนาถ” (แปลว่า พระพุทธเจ้าที่มีอยู่จริง) ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขากาฐมาณฑุ อันเป็นมรดกโลก ภายใต้การอุปถัมภ์ของศูนย์วิปัสสนานิงมะแห่งทิเบต (นิกายหมวกแดง) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้เสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2010 ซึ่งถือเป็นการบูรณะครั้งแรกในรอบ 90 ปี และเป็นครั้งที่ 15 ในรอบ 1,500 ปี โดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญของเนปาล 70 คน ใช้เวลา 2 ปี ในการซ่อมแซมองค์สถูปที่กล่าวกันว่ามีอายุกว่า 2,000 ปี การบูรณะครั้งนี้ใช้วิธีศึกษาจากเอกสารบันทึกการบูรณะครั้งก่อนๆที่มีอยู่ มากมาย จึงช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน “ไม่เหมือนกับการสร้างปูชนียสถานขึ้นใหม่ เพราะไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่เป้าหมายคือ การบูรณะสถูปสวายัมภูนาถให้กลับไปยิ่งใหญ่เหมือนเดิม” เชอริง พัลโม เกลเล็ค ผู้อำนวยการโครงการฯกล่าว ช่างต้องแกะชิ้นส่วนองค์สถูปกว่า 30,000 ชิ้น ออกมาซ่อมแซม ทำความสะอาด และนำกลับไปประกอบไว้ที่เดิม สำหรับส่วนที่เป็นโลหะก็นำมาเคลือบทอง ซึ่งต้องใช้ทองคำทั้งสิ้น 20 กก. นับเป็นหนึ่งในงานปฏิสังขรณ์ด้วยทองคำทิ่ยิ่งใหญ่ที่สุด “การเคลือบทองใหม่นี้ ทำตามแบบดั้งเดิมของเนปาล โดยนำส่วนผสมของทอง และสารปรอท ทาบนแผ่นทองแดง แล้วใช้ความร้อน เพื่อให้กลายเป็นสีทอง” ปัทมะ ดอร์เจ เมทแลนด์ ผู้อำนวยการร่วมของโครงการฯ กล่าวเสริม ในการบูรณะครั้งล่าสุดนี้ ได้มีการจัดเก็บรายละเอียดการทำงานทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ พร้อมภาพถ่ายขององค์สถูปทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการบูรณะ จำนวนกว่า 40,000 ภาพ เพื่อช่วยให้การบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งต่อไปสามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น (จาก Hindustan Times) [img] http://pics.manager.co.th/Images/553000011083901.JPEG[/img] เตรียมเปิดมหาวิทยาลัยพุทธ แห่งแรกในออสเตรเลีย • ออสเตรเลีย : “หนานเทียน” มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งแรกในประเทศออสเตรเลีย เตรียมเปิดสอนวิชาความรู้ทางจิตวิญญาณ ผสมผสานกับวิชาบัญชีและเศรษฐศาสตร์การพาณิชย์ โดยผู้สนับสนุนวัดหนานเทียน พยายามระดมเงิน 30 ล้านดอลลาร์ (ราว 900 ล้านบาท) เพื่อใช้ในการก่อสร้างมหาวิทยาลัยขั้นแรก โดยในปี 2001 สภาเมืองโวลลองกองได้บริจาคที่ดินเพื่อใช้ก่อสร้าง และต่อมา ได้อนุมัติการก่อสร้างมหาวิทยาลัยขั้นที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยสะพานคนเดินยาว 200 เมตร เชื่อมต่อบริเวณมหาวิทยาลัยกับวัด พิพิธภัณฑ์ ห้องจัดแสดงงานศิลปะ ห้องสมุด ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อาคารเรียนและอาคารธุรการ โดยเริ่มก่อสร้าง เมื่อเดือนตุลาคม 2007 คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในเดือนมกราคม 2013 ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะเริ่มเปิดสอนระดับปริญญาโทในเดือนมีนาคม 2011 วิชาที่สอนมีทั้งพุทธศาสนากับจิตวิเคราะห์ และพุทธศาสนากับสังคมสมัยใหม่ โดยจะเน้นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะได้รับปริญญาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิตทางการศึกษาพุทธศาสนาเชิงประยุกต์ ทางมหาวิทยาลัยคาดว่าจะมีนักศึกษาเข้าเรียน 3,000 คน และเตรียมขยายโปรแกรมการศึกษาระดับปริญญาโททางด้านธุรกิจ การศึกษาสภาพแวดล้อม ศึกษาศาสตร์ และการให้บริการชุมชน ทั้งนี้ ภิกษุณีเมียว ยู้ แห่งวัดหนานเทียน กล่าวว่า นักศึกษาจะได้เรียนรู้ที่จะนำแนวความคิดทางจิตวิญญาณไปใช้ในชีวิตประจำวัน “เราจะสอนให้นักศึกษานำหลักปรัชญาทางพุทธศาสนาไปใช้ได้จริงในชีวิต ประจำวัน ทั้งในเรื่องงานและครอบครัว ให้ผสานกลมกลืนไปในสังคม เราไม่ได้บอกว่า ศาสนาพุทธจะให้คำตอบในทุกๆเรื่อง แต่พวกเขาจะมีมุมมองที่กว้างไกลขึ้น เข้าใจความหมายของชีวิต ถ้าเราเริ่มจากเมล็ดพันธุ์เล็กๆ 1 เมล็ด มันก็จะเติบโตขยายกิ่งก้านสาขาในอนาคต จะทำให้มนุษย์รู้จักพึ่งพาอาศัยกันและกัน ความเห็นแก่ตัวก็จะลดน้อยลง ซึ่งจะเกิดผลดีต่อชุนชนโลก และมวลมนุษยชาติในที่สุด มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อวัดหนานเทียน แต่สร้างขึ้นเพื่อประเทศออสเตรเลียทั้งหมด” อนึ่ง วัดหนานเทียนเป็นวัดพุทธในนิกายมหายาน ตั้งอยู่ในเมืองโวลลองกอง สร้างเสร็จในปี 1995 เป็นสาขาของวัดโฝวกวงซัน ในไต้หวัน (จาก Illawarra Mercury) เวียดนามเตรียมสร้างวัดใหญ่อันดับ 4 ของปท. เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงพุทธที่ใหญ่ที่สุด • เวียดนาม : เมื่อวันที่ 15-17 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีพิธีเฉลิมฉลอง การวางเสาเข็มเพื่อก่อสร้างวัดฟัตกว่างเซิน ในจังหวัดหลั่งเซิน ทางตอนเหนือของเวียดนาม ซึ่งเป็นวัดแรกที่อยู่ติดพรมแดนจีนและใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยมีคณะกรรมการภาคประชาชนจังหวัด ร่วมกับศูนย์กลางบริหารสภาสงฆ์แห่งเวียดนามเป็นเจ้าภาพ วัดดังกล่าวมีเนื้อที่ราว 130 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาฮานาน ประเมินค่าก่อสร้างราว 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,060 ล้านบาท) สร้างด้วยเงินบริจาคของพุทธศาสนิกชน ชาวเวียดนามทั้งในและนอกประเทศ โดยพระติช เถี่ยน งอน รักษาการประธานและเลขาธิการบริหารสภาสงฆ์เวียดนามเปิดเผยว่า เมื่อสร้างแล้วเสร็จ วัดฟัตกว่างเซินจะกลาย เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดหลั่งเซินราว 2 ล้านคน ในจำนวนนี้ 70% เป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ สามารถสร้างกระแสเงินหมุนเวียนในจังหวัดเกือบ 47 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ (1,550 ล้านบาท) และคาดว่า เมื่อการก่อสร้างวัดแล้วเสร็จ จำนวนนักท่องเที่ยว จะพุ่งขึ้น 3-4 เท่าของปัจจุบัน (จาก Saigon-gpdaily) ศรีลังกาหวังเป็นศูนย์กลาง ภาพยนตร์พุทธศาสนาปี 2011 • ศรีลังกา : เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา นายมหินธา ราชปักษา ประธานาธิบดีศรีลังกา ได้เป็นประธานในการมอบรางวัลให้แก่ผู้สร้างภาพยนตร์จากประเทศมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เยอรมนี เบลเยียม อินเดีย แคนาดา อิหร่าน ญี่ปุ่น สวิสเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ที่ชนะการประกวดเทศกาลภาพยนตร์พุทธศาสนา ประจำปี 2010 ณ สำนักงานเลขาธิการประธานาธิบดี กรุงโคลัมโบ โดยในงานเดียวกันนี้ก็ได้มีพิธีเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์ พุทธศาสนา ประจำปี 2011 อย่างเป็นทางการ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ ประธานาธิบดีแห่งศรีลังกา ชามาล ราชปักษา โฆษกรัฐสภา ซึ่งเข้าร่วมงานนี้ กล่าวว่า “เราหวังที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปตามชุมชนต่างๆทั่วโลก ผ่านทางสื่อสารมวลชน หนึ่งในความตั้งใจหลักคือ บอกกล่าวเรื่องราวของพุทธศาสนาผ่านทางสื่อออดิโอและวิดีโอ และเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่มีหลายประเทศเริ่มสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับพุทธศาสนา เพื่อเตรียมส่งเข้าร่วมประกวดในงานเทศกาลภาพยนตร์พุทธศาสนา 2011 แล้ว เราคาดหวังให้ศรีลังกาเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์พุทธศาสนาในปี 2011 และจะจัดงานเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งจะทำให้ศรีลังกาเป็นจุดเด่นของโลก” (จาก Daily News) สมโภชเจดีย์เขมรองค์แรกในสหรัฐฯ • กัมพูชา : เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา พุทธศาสนิกชนผู้อพยพชาวลาว ศรีลังกา เนปาล และอื่นๆ หลายร้อยคนจากทั่วสหรัฐอเมริกา ได้เข้าร่วมพิธีสมโภชพระเจดีย์องค์ใหม่ในเขตสปาร์แทนเบิร์ก โดยเจดีย์ดังกล่าวแบ่งเป็น 3 ชั้น นับเป็นเจดีย์ของกัมพูชาแห่งแรกในสหรัฐฯ เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2010 ประดิษฐานอยู่ในวัดเซาซกซัน นอกเมืองเวลฟอร์ด รัฐเซาท์แคโรไลนา มายา เมน อุบาสิกาผู้มีจิตศรัทธาซึ่งได้ร่วมจัดพิธีสมโภชขึ้นเป็นเวลา 3 วันในช่วงวันหยุดฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา (4 กรกฎาคม 2010) ระบุว่า ที่ชาวชุมชนเลือกจัดพิธีในช่วงวันหยุดดังกล่าว เพราะเป็นวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ และถือเป็นฤกษ์ดีในการสมโภชองค์พระเจดีย์และพระบรมสารีริกธาตุ โดยในพิธีมีพระสงฆ์และแม่ชีนำขบวนพระบรมสารีริกธาตุแห่ไปรอบๆพระเจดีย์ แล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนยอดสุด ส่วนชั้นที่สองเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระเจ้า ชัยวรมันที่ 7 อดีตกษัตริย์ของกัมพูชา ซึ่งทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและนำพาชาวเขมรให้รอดพ้นจากความทุกข์ยาก ส่วนชั้นล่างสุดเป็นสถานที่เก็บอัฐิของพุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศ พระเจดีย์องค์นี้จะเปิดให้ชาวพุทธและนักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าสักการบูชา ด้วย (จาก WYFF News) อินเดียพบพุทธศาสนสถาน อายุราวศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล • อินเดีย : เมื่อเร็วๆนี้ ระหว่างการปฏิสังขรณ์วัดมัธวสวามี เขตมัธวธารา ในเมืองวิสาขปัตนัม รัฐอานธรประเทศของอินเดีย ซึ่งสร้างในยุคชาลุคยาน ไม่เพียงเผยให้เห็นมรดกการปั้นแกะสลักชั้นยอดของศตวรรษที่ 14 แต่ยังได้พบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับการก่อสร้าง วัดเมื่อเริ่มแรก เค จิตติ บาบู ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกโบราณคดีเล่าว่า หลังจากกระเทาะ ปูนขาวที่เคลือบบนหินที่ใช้ก่อสร้างวัดออกมา ก็เผยให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมในยุคชาลุคยานอย่างเด่นชัด โดยหินดังกล่าว มีอยู่ทั่วไปตามแนวเทือกเขาด้านตะวันออก ของอินเดีย และส่วนสำคัญที่เป็นยอดสูงของวัด สร้างด้วยหินก้อนใหญ่เหล่านี้ ซึ่งมีขนาด 52 x 28 x 8 ซม. มีลักษณะเหมือน หินที่ใช้ก่อสร้างพุทธสถานภายในและรอบบริเวณชายฝั่งวิสาขปัตนัม ซึ่งนักวิจัยพุทธสถานทางตอนเหนือของรัฐอานธรประเทศคนหนึ่งบอกว่า บริเวณใกล้เคียงนี้ มีฐานกำแพงวิหารในพุทธศาสนาฝังอยู่ นอกจากนี้ ยังพบกุฏิพระสงฆ์ตั้งอยู่ระหว่างวัดมัลลิการ์ชูนาสวามี และวัดมัธวสวามี ซึ่งปัจจุบันยังมิได้เปิดสู่สายตาชาวโลก ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ขาดแรงงานและความยินยอมของเจ้าหน้าที่ ปกครองท้องถิ่นที่จะอนุมัติการขุดค้น คาดว่า หินเหล่านี้มีอายุราวศตวรรษ ที่ 3 ก่อนคริสตกาล และขณะนี้ถูกวางเป็นกองๆ อยู่ข้างวัด เนื่องจากจะใช้คอนกรีตก่อสร้างส่วนที่เป็นยอดสูงขึ้นใหม่ (จาก The Hindu) พบแหล่งอารยธรรมฮินดู-พุทธ ที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย • มาเลเซีย : การขุดค้นรอบบริเวณแหล่งอารยธรรม ฮินดู-พุทธในมาเลเซีย ซึ่งมีอายุย้อนหลังไปในศตวรรษที่ 5 ชี้ให้เห็นว่า มีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางกม. ไม่ใช่ 400 ตารางกม.ตามที่เคยเข้าใจกัน ทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเซนส์แห่งมาเลเซีย ได้ขุดพบเตาถลุงเหล็กโบราณที่เมืองเจเนียง รัฐเกดะห์ ห่างจากหุบเขาบูจัง ราว 30 กม. ดร.มอคตาร์ ไซดิน หัวหน้าทีม กล่าวว่า “นี่แสดงให้เห็นว่า แหล่งอารยธรรมหุบเขาบูจัง กินเนื้อที่ราว 1,000 ตารางกม. หรือประมาณ 3 เท่าของเกาะปีนัง และไม่ใช่แค่ 400 ตารางกม.ตามที่เคยเข้าใจกัน” โดยได้หยิบยกเรื่องนี้ไปอภิปรายในการประชุมนานาชาติ หัวข้อเรื่อง “หุบเขาบูจังและอารยธรรมแรกเริ่มในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้” ที่จัดขึ้น 3 วันเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ณ หุบเขาบูจัง ซึ่งมีนักโบราณคดีจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน อินเดีย สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ร่วมกันเสนอเอกสารเชิงวิชาการ 28 ชุด หุบเขาบูจัง หรือเลมบาห์ บูจัง แปลว่า “หุบเขามังกร” ตั้งอยู่ใกล้เมืองเมอร์บอค ในรัฐเกดะห์ เป็นแหล่งโบราณคดีที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย เพราะเต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปี โดยการขุดค้นระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 ถึงเดือนพฤษภาคม 2010 พบส่วนบริเวณที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและการทำอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งเจริญรุ่งเรืองในแหล่งอารยธรรมหุบเขาบูจัง นอกจากนี้ยังขุดพบเจดีย์ที่ใช้เป็นสุสานโบราณมากกว่า 50 แห่ง “เราได้ทำการขุดพื้นที่ 10 แห่ง และพบหลักฐานชี้ชัดว่า มีการใช้เตาถลุงเหล็กกันในสมัยนั้น” หัวหน้าทีมฯกล่าว และเสริมต่ออีกว่า หลังจากได้ตรวจสอบชิ้นส่วนตัวอย่าง คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 1-5 และตั้งแต่ศตวรรษที่ 5-14 บริเวณนี้ก็ถูกปกคลุมด้วยอารยธรรมฮินดูและพุทธ (จาก Sify News) (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 117 สิงหาคม 2553 โดย เภตรา) ที่มาhttp://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9530000106311 |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 04 ส.ค. 2010, 05:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ข่าวสารผ่านโลก |
อนุโมทนาสาธุค่ะ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |