ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ข่าวสารผ่านโลก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=32964
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  wincha [ 03 ก.ค. 2010, 01:23 ]
หัวข้อกระทู้:  ข่าวสารผ่านโลก

รูปภาพ

โพลชี้ ‘องค์ทะไล ลามะ’ ครองตำแหน่งผู้นำยอดนิยม อันดับ 2 ของโลก

• ฝรั่งเศส : ผลสำรวจจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 6,135 คน ที่มีอายุระหว่าง 16-64 ปี ใน 6 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดทำขึ้นโดย “แฮริส อินเตอร์แอคทีฟ ฟอร์ ฟรานซ์ 24” และ “เรดิโอ ฟรานซ์อินเตอร์เนชั่นแนล” ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 12 เมษายน 2010 ระบุว่า นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และองค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณแห่งทิเบต เป็นผู้นำที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก 2 อันดับแรก

โดยประธานาธิบดีโอบามา ได้รับเสียงโหวต 77% มาเป็นอันดับ 1 ขณะที่องค์ทะไล ลามะ ได้รับคะแนน 75% มาเป็นอันดับ 2 นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา ตามมาเป็นอันดับ 3 ด้วยคะแนน 62% นางอันเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี คะแนน 54% เป็นอันดับ 4 นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ครองอันดับ 5 ร่วมกันด้วยคะแนน 37% และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ครองอันดับ 7 ด้วยคะแนน 36%

นอกจากนี้โพลยังระบุชื่อผู้นำที่คนไม่ชอบมากที่สุดคือ ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดิเนจาด แห่งอิหร่าน ผู้นำลิเบีย นายมูอัมมาร์ อัลกัดดาฟี และประธานาธิบดีจีน นายหู จิ่นเทา

(จาก France 24 International news)


รูปภาพ

พระญี่ปุ่นตั้งทีม ให้คำปรึกษาคนมีทุกข์ หวังลดอัตราฆ่าตัวตายที่พุ่งไม่หยุด

• ญี่ปุ่น : พระไออิชิ ชิโนฮารา วัย 65 ปี แห่งวัดโชจูอิน ในเมืองนาริตะ จังหวัดจิบะ ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำเครือข่าย “จิซัตสุ โบอุชิ” หรือเครือข่ายป้องกันการฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นกลุ่มไม่แสวงหากำไร จัดตั้งโดยพระสงฆ์นิกายต่างๆ เมื่อเดือนมีนาคม 2009 ได้จัดรณรงค์ป้องกันการฆ่าตัวตายทั่วประเทศ อันเนื่องมาจากการเปิดเผยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ระบุว่า ในปีที่แล้ว จำนวนคนที่กระทำอัตวินิตบาตกรรมพุ่งเกินกว่า 30,000 คน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 แล้ว นับตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา

ปัจจุบัน เครือข่ายฯ เปิดให้บริการใน 37 พื้นที่ ครอบคลุม 22 จังหวัด รวมทั้งกรุงโตเกียว เกาะฮอกไกโด และฮาวาย โดยให้คำปรึกษาช่วยเหลือในลักษณะเดียวกับบ้านพักพิงเหยื่อความรุนแรงในครอบ ครัว และวางเป้าก่อสร้างศูนย์เพิ่มขึ้นอีกใน 47 จังหวัด จังหวัดละ 2 แห่งเป็นอย่างต่ำ

พระชิโนฮารากล่าวว่า บริการให้คำปรึกษาที่มีอยู่ขณะนี้ ไม่เพียงพอกับจำนวนคนที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยท่านเองเริ่มให้คำปรึกษาแก่ผู้มีปัญหามาตั้งแต่ปี 1992 และทำงานอย่างไม่มีวันหยุดตลอด 365 วัน ช่วยผู้มีปัญหาได้มากกว่า 6,000 คนแล้ว โดยยึดหลักให้บริการว่า จะไม่กำหนดระยะเวลาให้คำปรึกษา และจะเป็นฝ่ายรับฟัง แทนที่จะซักถาม

“โยมที่มาหาอาตมา แรกๆจะนั่งสงบนิ่ง ไม่พูดไม่จา เพราะสภาพจิตใจเป็นทุกข์แสนสาหัส มีอยู่คนหนึ่งเอาแต่นั่งนิ่ง จ้องมองต้นไม้นอกหน้าต่างอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ในที่สุด ก็พูดออกมาว่า ตอนนี้รู้สึกปลอดโปร่งแล้ว หลังจากเวลาผ่านไป 11 ชม.

มีบางรายโทรมากลางดึกเล่าว่า แขวนคอตายไม่สำเร็จ รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะลูกๆทอดทิ้ง ไม่เคยมาเยี่ยมเยียน ทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

พระต้องทำหน้าที่เป็นเข็มทิศชี้ทางให้คนที่มีทุกข์ ได้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ และขอให้สาธุชนทั้งหลายหันหน้าเข้าวัดบ้าง ในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่” พระชิโนฮารากล่าว

(จาก Kyodo News)

อินเดียสร้างวิหารสไตล์สถูปสาญจี เป็นของขวัญจีน เฉลิมฉลอง 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต

• จีน : เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2010 ประธานาธิบดีอินเดีย นางประติภา เทวีสิงห์ ปาติล ได้เดินทางมาที่วัดไป๋หม่าซื่อหรือวัดม้าขาว ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เพื่อทำพิธีเปิดวิหารที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัด ซึ่งเป็นของขวัญที่อินเดียมอบให้แก่จีน โดยมีนางหวัง ซิเซน รองประธานกรรมาธิการที่ปรึกษาด้านการเมืองแห่งชาติ และที่ปรึกษาด้านการเมืองระดับสูงของจีน เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ในขณะที่พระ ชิ หยินเล เจ้าอาวาส เป็นผู้นำชมบริเวณวัด

“วิหารนี้ เป็นของขวัญจากประชาชนอินเดียที่มอบให้แก่เมืองพี่เมืองน้องทางอารยธรรม ซึ่งต่างร่วมแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมอันมีค่ามาช้านาน จึงเห็นสมควรให้เปิดวิหารอย่างเป็นทางการในวาระเฉลิมฉลอง 60 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐอินเดียและสาธารณรัฐประชาชนจีน” ประธานาธิบดีอินเดียกล่าว

วิหารดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากสถูปสาญจี โดยการก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อปี 2005 รัฐบาลอินเดียได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิก ค่าใช้จ่าย และอื่นๆ รวมทั้งทีมสถาปนิกจากกรุงนิวเดลี ในการ สร้างวิหารนี้ บนเนื้อที่ 6,000 ตารางเมตรทางด้านตะวันตกของบริเวณวัดม้าขาว ซึ่งรัฐบาลจีนเป็นผู้จัดหาให้ โดยห้องโถงของวิหารหรือองค์สถูปมีเนื้อที่ 3,450 ตารางเมตร ถือเป็นวิหารสไตล์สาญจีแห่งแรกของจีน

อนึ่ง วัดม้าขาว สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 สมัยราชวงค์ฮั่น เพื่อเป็นเกียรติแก่พระภิกษุอินเดีย 2 รูป ซึ่งเดินทางบนหลังม้า นำพระคัมภีร์และพระพุทธรูปจากอินเดียเข้ามาเผยแพร่ยังเมืองลั่วหยาง เมืองหลวงสมัยโบราณของมณฑลเหอหนานในจีน เมื่อปีค.ศ. 67 ถือเป็นวัดแห่งแรกของจีน และเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมโบราณระหว่างอินเดียและจีน

(จาก Xinhua /Newssofar.com)

รูปภาพ

ภูฏานจัดประชุมแม่ชี ทั่วประเทศเป็นครั้งแรก

• ภูฏาน : นับเป็นครั้งแรกของประเทศภูฏานที่มีการจัดประชุมแม่ชี ทั่วประเทศขึ้นเป็นเวลา 3 วัน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ณ เขตบัมถัง จัดโดยศูนย์แม่ชีแห่งสถาบันเปมา โชลิง แห่งหุบเขาตัง ร่วมกับมูลนิธิแม่ชีภูฏาน มีแม่ชี 140 คน อายุระหว่าง 14-50 ปี จาก 16 สำนักชี (ภูฏานมีสำนักชีทั้งหมด 22 แห่ง) เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีพ

ทาชิ ซังโม ผู้อำนวยการบริหารของมูลนิธิฯ กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการนี้ ถือเป็นครั้งแรกของภูฏาน ที่มีการนำแม่ชีจากทั่วประเทศมาอยู่รวมกัน และยังนับเป็นครั้งแรกที่บรรดาแม่ชีได้เรียนรู้สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากหลัก ธรรมคำสอน เช่น เรื่องสุขภาพอนามัย โภชนาการ และสิ่งแวดล้อม

โดยในการประชุมวันแรก เป็นเรื่องสุขภาพ สุขอนามัย และโภชนาการ ซึ่งบรรดาแม่ชีต่างให้ความสนใจซักถามเกี่ยวกับเรื่องอาหาร เพราะที่ผ่ามา พวกเธอเข้าใจว่า ผักขมและผักสีเขียวเท่านั้นที่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่หลังจากเข้าสัมมนา จึงรู้ว่าผักสีอื่นๆ ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นกัน ในวันที่สองพวกแม่ชีช่วยกันทำความสะอาดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และบริเวณโดยรอบ จัดระเบียบการทิ้งขยะ เพื่อช่วยรักษาสภาพแวดล้อม และวันสุดท้ายได้ร่วมกันสวดมนต์ภาวนา เนื่องในวันวิสาขบูชา(ตามปฏิทินของภูฏาน)

แม่ชีส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมประชุม กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่มีโอกาส พบปะแม่ชีจากทั่วประเทศ เพราะไม่คิดว่า จะมีสำนักชีมากมายหลายแห่ง และการรวมตัวกันครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เหล่าแม่ชีอีกด้วย

อนึ่ง มูลนิธิแม่ชีภูฏาน ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2009 ภายใต้พระบรมราชินูปถัมภ์ของสมเด็จย่าแห่งภูฏาน “อาชิ เชอริง ยางดัน วังชุก” โดยมีวัตถุประสงค์ให้การช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่แม่ชี ยกมาตรฐานการดำรงชีพ และสนับสนุนให้พึ่งพาตนเองได้

“เราต้องการให้แม่ชีเข้ามามีส่วนร่วมในสังคม และเป็นพุทธศาสนิกชน ที่มีบทบาทในสังคมด้วย” ผู้อำนวยการมูลนิธิฯกล่าว

(จาก Bhutan Observer)

นครโฮจิมินห์เปิด “ซูเปอร์มาร์เก็ตพุทธ” แห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

• เวียดนาม : เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา “ฟัพ ฮว่า” (Phap Hoa) ซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับพุทธศาสนิกชน ได้เปิดตัวขึ้นภายในบริเวณวัดเฝอ กวง ในนครโฮจิมินห์ โดยตัวแทนจากภาครัฐระบุว่า เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตพุทธแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

ฮวน ลอง งอก เดียพ ผู้อำนวยการของร้านดังกล่าวเผยว่า ทางร้านจำหน่ายอาหารมังสวิรัติ เครื่องนุ่งห่ม ของพุทธศาสนิกชน ดอกไม้ และเครื่องสังฆภัณฑ์ ซึ่งผลิตโดยวัดหลายแห่งในนครโฮจิมินห์ จึงมีราคาถูกกว่าหรือเท่ากับร้านค้าทั่วไป ซึ่งผลกำไรที่ได้ จะนำไปใช้ในกิจกรรมการกุศล

นอกจากนี้ ยังมีสตูดิโอที่ชื่อว่า “Mani Media Buddhism” สำหรับใช้บันทึกเสียงและถ่ายทำภาพยนตร์ ที่เกี่ยวกับกิจกรรมทางพุทธศาสนา โดยมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้บรรยาย

(โดย VietNamNet Bridge)

วัดจีนสั่งสร้างระฆังยักษ์

• จีน : เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา บรรดาคนงานโรงงานแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ซึ่งอยู่ตอนกลางของประเทศจีน กำลังเก็บรายละเอียดครั้งสุดท้ายบนระฆังยักษ์ ขนาดความสูง 9 เมตร เส้นผ่าศุนย์กลาง 6.06 เมตร หนัก 109 ตัน โดยระฆังใบนี้ถูกสั่งทำจากวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีน

(จาก Xinhua)

‘พิพิธภัณฑ์นครวัด’ ร้าง ไร้เงานักท่องเที่ยวเข้าชม

• กัมพูชา : พิพิธภัณฑ์พระเจ้า นโรดม สีหนุ-นครวัด ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2007 โดยมุ่งหวังให้เป็นจุดเสริมการท่องเที่ยวนั้น ดูจะไม่บรรลุผล เพราะแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม เนื่องจากบรรยากาศโดยรวมดูเหงียบเหงา สวนถูกปล่อยให้รกร้าง ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ก็เริ่มชำรุดทรุดโทรม ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นละออง ขาดการดูแลรักษา และการจัดแสดงศิลปะวัตถุก็ดูไม่น่าสนใจ

ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวสร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานอัปสรา (หน่วยงานรัฐซึ่งมีหน้าที่ดูแลบริหารจัดการนครวัดและเสียมราฐ) มหาวิทยาลัยโซเฟียแห่งญี่ปุ่น และคลับอิออน 1% ของญี่ปุ่น ด้วยเงินบริจาคจากญี่ปุ่น 1.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นสถานที่เก็บรักษาพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณ 247 องค์ ซึ่งขุดพบที่ปราสาทบันทายกุฎี โดยบางองค์มีอายุย้อนหลังไปในศตวรรษที่ 12 การขุดพบครั้งนั้น ถือเป็นการค้นพบทางประวัติศาสตร์ที่มีค่ายิ่ง ชี้ให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนา ณ บริเวณดังกล่าวในสมัยนั้น

โดยสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา ได้บริจาคที่ดินและเริ่มก่อสร้างในปี 2004 เมื่อแล้วเสร็จ ใช้ชื่อว่า พิพิธภัณฑ์สีหนุ-อิออน ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

ปัญหาของพิพิธภัณฑ์ นอกจากเรื่องขาดงบประมาณในการดูแลรักษา เพราะขาดผู้อุปถัมภ์แล้ว ยังมีเรื่องวัตถุโบราณที่ตั้งแสดงภายใน ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปที่ชำรุด บางองค์ไม่มีพระเศียร ซึ่งแม้จะดึงดูดความสนใจของนักวิชาการ แต่กลับดูน่าเบื่อในสายตานักท่องเที่ยวทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น การจัดตั้งแสดงก็ไม่น่าสนใจ และไม่มีข้อมูลแสดงให้ทราบอีกด้วย

(จาก The Phnom Penh Post)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 116 กรกฎาคม 2553 โดย เภตรา)

ที่มาhttp://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9530000090085

เจ้าของ:  ทักทาย [ 03 ก.ค. 2010, 02:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ข่าวสารผ่านโลก

ได้รับทราบข่าวสารที่บางเรื่องก็ไม่เคยรู้มาก่อน

อนุโมทนาค่ะ :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/