การแพทย์แบบใหม่รักษามะเร็งได้ดียิ่งขึ้น
โรคมะเร็ง ถือว่าเป็นโรคร้ายแรงอันดับหนึ่ง
ที่คร่าชีวิตของประชาชนชาวไทยไปมากทีเดียว
ในแต่ละปี จนหลายคนที่เป็นผู้ป่วยในโรคนี้
ถึงกับท้อแท้สิ้นหวังในการที่จะต้อสู้ เพื่อรักษาให้หายขาด
เพราะโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย
และต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะพอสมควร
บางครั้งในการรักษาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ
หรือในบางรายก็ให้ผลการรักษาที่ไม่ดี
ซึ่งด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการศึกษาค้นคว้าการรักษาในรูปแบบใหม่
เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี และให้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นน้อยที่สุด
เป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาในปัจจุบัน
จนมีโรงพยาบาลบางแห่งสามารถใช้เทคนิคการแพทย์แบบองค์รวม
(Holistic Medicine) นำมารักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ซึ่งวิธีการนี้คือการใช้การแพทย์แผนปัจจุบัน
ได้แก่ การผ่าตัด การฉายรังสี เคมีบำบัด
ร่วมกับการแพทย์ทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็ง เช่น สมุนไพร เป็นต้น
เพราะการแพทย์แผนปัจจุบันมีความสามารถในการทำลายก้อนมะเร็งค่อนข้างสูง
แต่ขณะเดียวกันก็ทำลายเซลล์ปกติของร่างกายไปด้วย
จึงก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นการประยุกต์ใช้แพทย์ทางเลือกดังกล่าว
นอกจากจะเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้ดีขึ้นแล้ว
ยังช่วยลดความทรมานจากผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น
ส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ครบสมบูรณ์โดยไม่ต้องหยุดหรือเลื่อนการรักษา
นอกจากนี้เพื่อให้การรักษาต่างๆ มีประสิทธิผลสูงสุด
อีกทั้งในผู้ป่วยที่ไม่สามารถมารับการรักษาแบบแผนปัจจุบันได้ก็สามารถรับยา
หรือการรักษาแบบเสริมเข้าไปช่วยได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามสมุนไพรรักษาโรคมะเร็งก็ยังมีข้อเสียตรงที่ออกฤทธิ์ช้า
จะไม่เห็นผลทันที แต่จะค่อยๆ ออกฤทธิ์โดยไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย
เมื่อมีการผสมผสานการรักษาทั้งสองแบบใช้ควบคู่กันแบบนี้
ซึ่งได้ผลออกมามีปะสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง
ดังนั้นการรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรคมะเร็งนี้ก็คงไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
และอีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญก็คือคุณภาพชีวิตที่ผู้ป่วยควรได้รับ
ซึ่งในปัจจุบันก็มีการให้ความสนใจในเรื่องกันมากขึ้น
เพราะไม่ได้มุ่งประเด็นไปที่การรักษาเพียงอย่างเดียวแล้ว
คุณภาพชีวิต ภูมิคุ้มกัน การฟื้นฟูร่างกายและจิตใจก็ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถทนต่ออาการข้างเคียงของการรักษาที่มีผลรุนแรง
แต่ผู้ป่วยยังคงสามารถทนได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
ที่มา...womanstoryonline.com
