ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สร้างดุลยภาพร่างกาย ‘บำบัด’ โรค http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=31296 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 03 พ.ค. 2010, 12:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | สร้างดุลยภาพร่างกาย ‘บำบัด’ โรค |
![]() สร้างดุลยภาพร่างกาย ‘บำบัด’ โรค ฟังเสียงร่างกายปรับพฤติกรรมใช้ชีวิต เวลาปวดหัวหนักๆ หรือตอนเป็นหวัดไม่สบาย คนส่วนใหญ่มักหันไปพึ่งยาสามัญประจำบ้าน อย่างพาราเซตามอน500 มิลลิกรัม 1-2 เม็ด ที่ห้ามกินตอนขับรถเพราะจะทำให้ง่วงนอน ยาธาตุน้ำขาวหรือยาลดกรดในกระเพาะ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น หลายคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อกินยาถูกต้องตามอาการแล้ว ทำไมอาการไม่หายขาดไปสักที ซึ่งหลายคนอาจกำลังหยุดสำรวจตัวเอง ไม่ต้องตกใจอาการเหล่านี้สามารถป้องกัน แล้วรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งยา โดยเริ่มรักษาจากต้นเหตุของร่างกายที่ทุกคนเป็นหมอได้ด้วยตนเอง ถ้อยคำยืนยันจากผู้ป่วยที่ ฟื้นฟูตัวเอง ด้วย “ดุลยภาพบำบัด” ในงานระพีเสวนาครั้งที่ 3 ซึ่งมูลนิธิระพี – กัลยา สาคริก มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สถาบันอาศรมศิลป์ ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รศ.พญ. ลดาวัลย์ สุวรรณกิตติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชกรรมฝังเข็ม แนวทางดุลยภาพบำบัด บอกว่าครงสร้างร่างกายของทุกคนเสียสมดุลได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง ทำให้เกิดอาการป่วยลักษณะต่างๆ วันนี้แค่ปวดหัว ปวดแขน ปวดคอ ข้อเท้าแพลง แต่อนาคตอาการเหล่านี้ อาจลุกลามเป็นสาเหตุของ โรคภูมิแพ้ ไมเกรน ปวดกระดูกเรื้อรัง ไปถึง อัมพฤต อัมพาต แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการสร้างดุลยภาพบำบัดที่ทำได้ง่ายๆที่บ้าน ด้วยท่าบริหารร่างกายเบื้องต้น 4 ท่า รวมถึงการฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างถูกวิธี ฝึกสังเกต และทำความเข้าใจร่างกายตัวเอง สังเกตตั้งแต่การกิน การขับถ่าย และอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งหลักดุลยภาพศาสตร์ไม่เพียงควรเรียนรู้ แต่ทุกคนจำเป็นต้องรู้เอาไว้ว่าโครงสร้างของมนุษย์สมดุลอย่างไร แล้วจะเสียสมดุลเมื่อไร โครงสร้างร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่อยู่ในท้อง ตอนคลอด หรือตามสิ่งแวดล้อมและอาชีพ หลายคนคิดว่าต้องประสบอุบัติเหตุเท่านั้นโครงสร้างถึงจะเสียสมดุล แต่ไม่ใช่ใครเคยข้อเท้าแพลง สังเกตให้ดีว่าเคยแพลงเท้าไหนก็จะเป็นซ้ำๆ ที่เท้านั้น แสดงว่าตรงนั้นคือ จุดอ่อนของเรา บางคนไม่สนใจปล่อยให้หายไปเอง จากแพลงปวดที่ข้อเท้า จะไปปวดที่หัวเข่า สะโพก ลามไปถึงหลัง หัวไหล่โดยไม่รู้ตัว ถ้าอาการลามมาที่สะโพก เวลามีลูกผู้หญิงจะคลอดลำบาก ส่วนคนที่ต้องสะพายกล่อง สะพายกระเป๋าจนปวดคอ จะตามมาด้วยอาการปวดหัว หูอื้อ ตาพร่า ตาลาย หรือบางคนไม่รู้ว่าตัวเองหน้าเบี้ยว คางเบี้ยว ทั้งที่โครงสร้างผิดรูปเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคภูมิแพ้ เพราะทำให้ระบบทางเดินหายใจติดขัด เป็นที่หมักหมมของเชื้อโรคในโพรงจมูก ถึงตอนอาการกำเริบแล้วถึงค่อยมาหาหมอ แบบนี้เงินเท่าไรก็ไม่พอ” รศ.พญ.ลดาวัลย์ เน้นให้คิด แล้วจะทำอย่างไร ในเมื่อมนุษย์ต้องใช้ชีวิต แล้วไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนวทางดุลยภาพบำบัด บอกว่า มนุษย์ต้องทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ตามธรรมชาติ จะห้ามไม่ให้เด็กคลอดออกมา ไม่ให้หัดเดิน ไม่ให้เล่นกีฬาได้ไหมก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่ต้องรู้คือ เมื่อเกิดอาการบาดเจ็บตรงนี้ ปวดตรงนั้น เราจะรักษาอาการเหล่านั้นด้วยตัวเองได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มารองรับตามหลักกายวิภาคศาสตร์ ดุลยภาพบำบัดจึงเป็นทั้ง ศาสตร์และศิลป์ในการดำรงชีวิต สอนให้รู้ว่าจะดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้ป่วย แล้วถ้าป่วยจะทำอย่างไรให้อาการดีขึ้นด้วยตัวเอง หรืออาศัยการดูแลจากคนในครอบครัว โดยไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์” รศ.พญ.ลดาวัลย์ ย้ำว่า ศาสตร์แขนงนี้ไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อต้านการแพทย์แผนปัจจุบัน สิ่งที่การแพทย์ตะวันตกทิ้งไป หมอจับเอามาใส่ ทุกวันนี้การแพทย์ทั่วไปแก้ไขที่ปลายเหตุ และแยกส่วนอวัยวะแขนขา กล้ามเนื้อ ระบบภายในออกจากกัน เช่น ระบบขับถ่ายตรวจแค่ปัสสาวะออกมาเป็นอย่างไร ตรวจไทรอยด์ก็ดูแค่ฮอร์โมน แล้วก็รักษาไปตามอาการนั้น ทั้งที่สาเหตุอาจมาจากส่วนอื่น ดังนั้นการรักษาต้องเข้าใจทั้งระบบโครงสร้าง ไม่ใช่เฉพาะส่วนที่ผิดปกติ ถ้ารักษาแบบนี้หายแล้วก็เป็นใหม่อีก แล้วต้องไปหาหมอรับยามาเพิ่ม ไม่หายขาดสักที แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนวทาง ดุลยภาพบำบัด แนะนำว่า ผู้ป่วยคนใดที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มดูแลตัวเองอย่างไรดี ขอให้มั่นใจว่า ไม่มีคำว่าสายเกินไป เพียงเริ่มฟังเสียงร่างกายตนเอง เริ่มจากสนใจเรียนรู้ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ออกกำลังกายโดยดูว่าโครงสร้างร่างกายของเราเหมาะกับกีฬาประเภทไหน เลือกรับประทานอาหาร สังเกตการขับถ่าย ควบคุมอารมณ์ และดูแลสิ่งรอบตัว ตั้งแต่ความสะอาดของร่างกายตัวเอง เสื้อผ้า ห้องนอน และพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน คุณหมอ เน้นว่า การรู้ทันเริ่มเมื่อไร ดีกว่าไม่เริ่มทำอะไรเลย “หัวใจของดุลยภาพศาสตร์ คือ การดูแลรักษาตนเอง แบบค่อยๆ ใช้เวลา แน่นอนว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตายต้องมีทุกคน แต่ถ้าเรารู้ทัน และเข้าใจจะเป็นประโยชน์กับตัวเองมาก เพราะจะทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ที่มา... สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 03 พ.ค. 2010, 12:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างดุลยภาพร่างกาย ‘บำบัด’ โรค |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ช่วงนี้ตัวเองก็ให้ต้องใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษเหมือนกันจ้า |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 03 พ.ค. 2010, 17:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างดุลยภาพร่างกาย ‘บำบัด’ โรค |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 03 พ.ค. 2010, 17:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างดุลยภาพร่างกาย ‘บำบัด’ โรค |
![]() ![]() ![]() อนุโมทนาสาธุด้วยครับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |