ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สมุนไพรไม่ปลอดภัยเสมอไป http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=31027 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 22 เม.ย. 2010, 13:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | สมุนไพรไม่ปลอดภัยเสมอไป |
![]() สมุนไพรไม่ปลอดภัยเสมอไป พล.ต.ต.นพ.นริศ เจนวิริยะ ศัลยแพทย์ เราทราบกันอยู่แล้วว่าสมุนไพรหลายตัวมีประโยชน์อย่างมากในการรักษาโรค บางตัวอาจใช้แทนยาแผนปัจจุบันเลยก็มี สมุนไพรบางตัวอาจใช้เสริมให้การรักษาได้ผลดีขึ้น แต่สมุนไพรบางตัวก็อาจไม่ดีต่อโรคที่คุณเป็นอยู่ หรือมีฤทธิ์ตีกันกับยาที่ใช้อยู่ หากคุณไม่พิจารณาให้ดีก่อนใช้ ปัจจุบันนี้มีสมุนไพรบรรจุขวดวางขายอยู่มากมายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นที่ตลาดนัด ตามร้านรวง หรือศูนย์การค้า โดยไม่มีการควบคุมเหมือนเภสัชภัณฑ์อื่นๆ หลายคนได้ยินคำว่า “สมุนไพร” แล้วมีความรู้สึกว่า มันเป็นสาร “ธรรมชาติ” คงไม่มิพิษมีภัยอะไร แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป สมุนไพรมีสารที่มีผลต่อการทำงานของร่างกายเหมือนยาที่เขาขายอยู่ทั่วไป ถ้าใช้ถูกต้องอาจจะมีผลดีมีประโยชน์ต่อผู้ใช้ แต่มีสมุนไพรหลายตัวที่ต้องระวัง เนื่องจากสามารถทำให้เกิดพิษภัยต่อชีวิตได้ เช่น เป็นพิษต่อตับ ไต เลือดออกไม่หยุด หัวเต้นผิดจังหวะ นอกจากนี้สมุนไพรที่รู้จักและใช้กันอยู่ทั่วไปบางตัว สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงฤทธิ์ของยาที่หมอจ่ายจากโรงพยาบาลหรือคลินิก หรืออาจจะมีผลเสียต่อการผ่าตัดก็ได้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของเรื่องนี้คือควรจะเปิดเผยการใช้สมุนไพรต่อแพทย์ อย่าไปคิดว่าสมุนไพรไม่ใช่ยา หรือคิดผิดว่ามันเป็นแค่อาหารเสริม เพราะอาจมีผลเสียต่อยาที่คุณกินอยู่หรือมีผลเสียต่อการผ่าตัด หรือทำให้การดมยาผ่าตัดไม่ปลอดภัยได้ มีสมุนไพรหลายตัวที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยาจากแพทย์ที่เรากำลังกินอยู่หลายตัว สมุนไพรบางตัวมีผลต่อการเผาผลาญยาในร่างการทำให้ยานั้นมีฤทธิ์น้อยลง สมุนไพรบางตัวมีฤทธิ์เสริมต่อยาบางตัว บางอย่างมีฤทธิ์ต้านยาที่เรากำลังกิน ตัวอย่างเช่น ![]() สมุนไพรตัวนี้สามารถเพิ่มหรือลดฤทธิ์ยาหลายตัว และสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ คุณไม่ควรใช้สมุนไพรตัวนี้ถ้าคุณกำลังกินยาต่อไปนี้คือ ยาต้านความเศร้า ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแก้หอบหืด ยากดภูมิต้านทาน หรือยาเสตียรอยด์ทั้งหลาย ![]() หรือเลือดออกในคนที่กินยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วอร์ฟาริน และ คลอปิโดเกรล สารเสริมอาหารเช่น chondroitin และ glucosamine มีผลต่อยา วอร์ฟารินเช่นกัน ![]() เมื่อใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ยังเสริมฤทธิ์กับยาขับปัสสาวะชนิดไธอาไซด์ในการลดความดันเลือด และถ้าคุณเป็นโรคลมชัก มันอาจจะทำให้คุณชัก เพราะมันมีฤทธิ์ต้านยาแก้ชักที่คุณกินอยู่ ![]() แต่อาจจะมีพิษต่อตับแม้จะใช้ไม่นาน ถ้าเอาไปใช้ร่วมกับยาที่มีศักยภาพในการทำลายตับ เช่น ยาลดโคเลสเตอรอล ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงพิษต่อตับมากขึ้น ยาบางอย่างมีขอบเขตของขนาดยาในการรักษาจำกัด หมายความว่าถ้าเปลี่ยนแปลงขนาดยาแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะเกิดผลเสียมาก เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ถ้าให้น้อยไปเลือดก็จะแข็งตัวง่าย อาจจะเป็นอันตราย เช่น หลอดเลือดหัวใจตัน ถ้าให้มากไปก็อาจจะมีเลือดออกมากเป็นอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อใช้ยาต่อไปนี้ก็ไม่ควรใช้สมุนไพร นอกจากได้บอกกล่าวขออนุญาตกับแพทย์เสียก่อน ยาที่มีขอบเขตการใช้จำกัดนี้มีหลายตัว เช่น * ยาโรคหัวใจ อย่างเช่น digoxin (ดิจอกซิน) * ยาควบคุมการเต้นผิดปกติของหัวใจ * ยาต้านการชัก * ยากดภูมิต้านทาน เช่น ยาที่คนได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะต้องใช้กัน หรือยาต้านโรครูมาตอยด์ไขข้อ เป็นต้น นอกจากนี้คนที่จะต้องได้รับการผ่าตัดต้องบอกศัลยแพทย์ และวิสัญญีแพทย์ด้วยว่ากินสมุนไพรอะไรอยู่หรือไม่ สมุนไพรบางตัวจำเป็นต้องงดก่อนผ่าตัด 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าจะมีผล… ![]() แปะก๊วย หรือ feverfew (แก้ปวดแก้ไข้) fenugreek น้ำมันปลา ชาเขียว resveratrol และ saw palmetto มีฤทธิ์ทำให้เลือดไม่แข็งตัว เวลาผ่าตัดอาจจะทำให้เลือดออกมาก ทำให้หยุดยาก หรือทำให้เกิดแผลบวมเพราะเลือดออกมาคั่งบริเวณผ่าตัด ![]() melatonin และ valerian อาจมีฤทธิ์เสริมการหลับของยาสลบ หรือยาแก้ปวดหลายอย่าง ![]() coenzyme Q10, L-arginine และ licorice สมุนไพรบางตัวเช่น bitter orange, ephedra (มาฮวง) โสม สารสกัดชาเขียว อาจจะทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น หรือทำให้การเต้นของหัวใจผิดจังหวะ สารพวกนี้อาจจะอยู่ในสูตรยาลดน้ำหนัก ที่บางสำนักรักษาโรคอ้วนหรือหมอพระหมอตี๋ปิดเป็นความลับ การใช้สมุนไพรให้ปลอดภัยนั้น จำเป็นต้องแจ้งแก่แพทย์ที่รักษาโรคของเรา ด้วยว่ากินสมุนไพรตัวใดเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงปฎิกิริยาระหว่างยาดังกล่าว และควรเพิ่มความระมัดระวังดังนี้ ควรปฎิบัติตามคำอธิบายในฉลากข้างซอง (ในกรณีที่ซื้อจากบริษัทที่มีมาตรฐานสูง) ไม่ควรใช้มากกว่าที่เขาแนะนำ และถ้าอายุมาก (เช่น 65 ปี) ควรปรึกษาแพทย์ว่าขนาดยาที่ใช้นั้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะร่างกายผู้สูงอายุอาจจะจัดการกับยาได้น้อยลง ผลผลิตบรรจุขวดที่วางขายมีคุณภาพแตกต่างกันแล้วแต่ว่าผลิตโดยใคร น่าเชื่อถือแค่ไหน ในประเทศพัฒนาเช่น สหรัฐฯ เยอรมัน มีการควบคุมจากรัฐบาลเข้มงวด ผลผลิตจึงมีมาตรฐานในแง่ความสะอาด บริสุทธิ์ ขนาดการใช้ แต่ในประเทศกำลังพัฒนาการควบคุมคุณภาพ มาตรฐานของผลผลิตและการผลิตเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา ผู้ผลิตบางรายอาจควบคุมมาตรฐานได้ไม่ดีมีสารพิษเจือปน หรือมียาอย่างอื่นผสมปนเปเข้ามาอยู่ในสมุนไพร นอกจากนี้ฉลากข้างขวดที่อธิบายส่วนผสมและการใช้ ในประเทศกำลังพัฒนายังไม่เข้มงวดในเรื่องนี้ ฉลากข้างขวดอาจจะเป็นแค่โฆษณา บอกแต่สรรพคุณ ไม่กล่าวถึงสรรพโทษ อย่างเช่น ผลผลิตสมุนไพรจากเม็กซิโก อินเดีย จีน หรือแม้แต่ไทยแลนด์ก็เถอะ ผู้บริโภคพึงระวัง ข้อเสียของยาสมุนไพรอีกอย่าง คือ อาจจะมีตัวยา(สารเคมี)หลายตัวปนเปกัน ซึ่งผู้บริโภครวมทั้งแพทย์หรือเภสัชกรเองไม่มีทางรู้ได้ เนื่องจากการผลิตไม่มีมาตรฐาน หาเอกสารอ้างอิงไม่ได้ แม้แต่ Google ยังงง ถ้าท่านจะใช้ก็พึงระลึกไว้เป็นคติเตือนใจเสมอว่า คำว่า “สมุนไพร” ไม่ได้หมายความว่า “ปลอดภัย” เสมอไป (สมุนไพรบางตัวเป็นสมุนไพรต่างประเทศไม่มีชื่อไทย ชื่อที่ให้ไว้ในที่นี้ก็เพื่อท่านจะได้มีความรู้พื้นฐาน เอาไปอ่านฉลากหรือ ค้นคว้าหาความจริงต่อไป) ที่มา...นิตยสาร Health Today ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |