ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
จะเลือกเงินหรือชีวิต http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=30500 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 01 เม.ย. 2010, 11:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | จะเลือกเงินหรือชีวิต |
![]() เงินเป็นสื่อกลางสำหรับการแลกเปลี่ยน ตำราทุกเล่มบอกเราเช่นนั้น แต่ในปัจจุบัน เงินเป็นมากกว่านั้น มันได้ยกระดับจน กลายเป็นสินค้าที่คนทั้งโลกพากันซื้อขายเพื่อหากำไรจากส่วนต่าง ทุกวันนี้ตลาดเงินตราระหว่างประเทศมีอิทธิพลอย่างมาก ต่อเศรษฐกิจโลกและสามารถสร้างความวิบัติให้แก่ประเทศใดประเทศหนึ่งก็ได้ ดังประเทศไทยได้ประสบมาแล้ว เงินถูกสถาปนาให้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของสรรพสิ่ง ตั้งแต่บุคคล ครอบครัว ซุมชน องค์กร ไปจนถึงประเทศ แม้แต่ความสำเร็จของรัฐบาลก็ดูกันที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศยิ่งกว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมหรือ ดัชนีวัดคุณภาพชีวิตของประชากร ในระดับบุคคล เงินได้กลายเป็นเครื่องวัดคุณค่าชีวิตไปแล้ว คนรวยจึงถือว่ามีคุณค่ามากกว่าคนจน ใครที่มีเงินเดือนน้อยก็รู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่าด้อยกว่าเศรษฐี เมื่อเป็นเช่นนี้ เงินจึงกลายมาเป็นจุดหมายของชีวิตไปในที่สุด ผลก็คือ ชีวิตของเราถูกเงินครอบงำและผลักดันในแทบทุกด้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือทัศนะต่อตนเอง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในนามความเจริญก้าวหน้าของชีวิตและการพัฒนาประเทศ ............................................. เมื่อเราตั้งคำถามกับอิทธิพลของเงินในชีวิตของเรา... คำถามพื้นฐานก็คือ... เงินทำให้เรามีความสุขจริงหรือ... การตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน ช่วยให้เราสมหวังกับชีวิตเพียงใด และสิ่งที่เราสูญเสียไปกับการทำมาหาเงินนั้น คุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้มาหรือไม่ เมื่อเราบวกลบคูณหารด้วยตัวเองแล้ว เมื่อเราพบว่า สิ่งที่เราได้มานั้นน้อยกว่าที่คิด และสิ่งที่เราเสียไปนั้นมากเกินกว่าที่นึกเสียอีก ที่สำคัญก็คือ สิ่งที่เราเสียไปนั้น เราเอาคืนมาไม่ได้ แม้จะมีเงินมากมายเพียงใด เพราะสิ่งที่เสียไปนั้น คือเวลาที่เรามีอยู่อย่างจำกัดในโลกนี้ หากเงินทำให้เรามีความสุข ผู้คนทุกวันนี้ย่อมมีความสุขกันถ้วนหน้า เพราะมีเงินมากกว่าแต่ก่อน แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ ............................................. การสำรวจของศูนย์วิจัยทัศนคติแห่งชาติของมหาวิทยาลัยชิคาโกระบุว่า นับแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง พ.ศ.2541 ชาวอเมริกันที่ยอมรับว่าตนมี "ความสุขมาก" ได้ลดลงจากร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 30 ทั้งๆที่รายได้เฉลี่ยของประชาชนได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว รายงานดังกล่าวบอกเราว่า แม้ผู้คนรวยขึ้นเป็น 2 เท่า แต่กลับเป็นสุขน้อยลง ................................................... ผู้คนมีความสุขน้อยลง ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเวลาว่างน้อยลงที่จะแสวงหาความสุข นับวันเราจะหมดเวลาไปกับการหาเงินมากขึ้นเรือยๆ จนไม่มีเวลา แม้แต่จะใช้เงินที่ได้มาด้วยซ้ำ มิพักต้องพูดถึงการมีความสุขโดยไม่ต้องใช้เงิน เช่น การนอน หรือ การสังสรรค์กับคนในครอบครัว ซึ่งผู้คนสมัยนี้ให้เวลาน้อยลง ... เพราะยิ่งมีเงินมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่า เวลามีค่ามากเท่านั้น ดั้งนั้นจึงต้องใช้เวลาให้ "คุ้มค่า" มากที่สุด ซึ่งก็มักจะหมายถึงการมีผลตอบแทนเป็นตัวเงินเยอะๆ ในขณะที่การพักผ่อนอยู่กับบ้าน หรือกับคนในครอบครัว ถือเป็นการใช้เวลาที่ไม่คุ้มค่า หรือ "ไม่สมเหตุสมผล" ด้วยเหตุนี้ เราจึงตั้งหน้าตั้งตา "หาเงิน" กันไม่เลิกราเสียที... ------------------------------------------------------ โดย พระไพศาล วิสาโล. บทนำจากหนังสือ "เงินหรือชีวิต". โดมิงเกซ, โจ. "จะเลือกเงินหรือชีวิต : เปลี่ยนทัศนคติต่อเงินสู่อิสรภาพของชีวิต". กรุงเทพฯ : มูลนิธิโกมลคีมทอง, 2546. ที่มา...บ้านใส่ใจ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |