ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ทำงาน-ทำใจ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=28844 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 21 ม.ค. 2010, 16:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทำงาน-ทำใจ |
ทำงาน-ทำใจ เรื่องโดย พระอาจารย์ชาญชัย อธิปปัญโญ ทุกคนเกิดมาต่างก็มีหน้าที่หรือมีงานที่จะต้องทำ อย่างน้อยก็มีหน้าที่ในการดูแลตัวเอง เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ นอกจากนี้ยังต้องมีหน้าที่ต่อคนอื่นๆ สิ่งอื่น เป็นต้นว่า เมื่อเราเป็นลูกก็ต้องเคารพเชื่อฟังพ่อแม่ กตัญญูรู้คุณท่าน เลี้ยงดูท่านเมื่อท่านชรา หากเป็นสามีหรือภรรยา เป็นหัวหน้าหรือลูกน้อง เป็นเพื่อนก็ต้องมีหน้าที่ต่อกันตามขนบธรรมเนียม ประเพณี และค่านิยมของสังคม เช่นเดียวกัน เมื่อเราทำงานในองค์กรก็ต้องมีหน้าที่ตามที่องค์กรกำหนด เมื่อมีของใช้ต่างๆ ก็ต้องดูแลรักษาไม่ให้ชำรุดทรุดโทรมก่อนเวลาอันสมควร หากเป็นผู้เลี้ยงสัตว์ก็ต้องมีหน้าที่ต่อสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย ก็หาอาหารให้มันกิน แม้กับธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอากาศ น้ำ ดิน ป่าไม้ ภูเขา ทะเล กล่าวได้ว่า ธรรมชาติให้ชีวิตและเกื้อกูลต่อความเป็นอยู่ของเรา เราก็ควรมีหน้าที่ในการบำรุงรักษา มิใช่ทำลายธรรมชาติ นอกจากนี้เรายังมีหน้าที่ต่อตัวเอง ซึ่งมีร่างกายกับจิตใจ การเลี้ยงดูร่างกายต้องอาศัยวัตถุสิ่งของ เพราะร่างกายต้องการอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค การดำเนินชีวิตของเราก็ยังต้องการของใช้ต่างๆ สิ่งเหล่านี้ใช้เงินซื้อมา เราจึงต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเรา รวมถึงผู้ที่เราจะต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเขาด้วย การทำหน้าที่หรือทำงานของเรามักจะนำความทุกข์ใจมาให้เราเสมอ เช่น อาชีพการงานที่เราทำอยู่ทำให้เราเครียด เป็นทุกข์ หากเราเป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อความสำเร็จขององค์กร ทุกข์ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายที่ตกต่ำไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หรือกำไรลดลงจนถึงขั้นขาดทุน หากเป็นหัวหน้า ทุกข์มาจากลูกน้องที่ทำงานไม่ได้ดังใจ ขาดประสิทธิภาพ ขาดวินัย ขาดความสามัคคี ชอบนินทากัน (รวมถึงนินทาหัวหน้า) ทุจริตต่อหน้าที่ นอกจากนี้ยังทุกข์เพราะงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ถูกกดดันจากระดับสูง หากเป็นลูกน้อง ทุกข์มาจากหัวหน้าลำเอียง ไม่ยุติธรรม ไม่เห็นคุณค่าเรา ไม่เข้าใจเรา ใช้คำพูดและท่าทีไม่ดีกับเรา หรือทำงานมากเงินเดือนน้อย ไม่ก้าวหน้า เพื่อนร่วมงานคอยอิจฉานินทาว่าร้าย ไม่ให้ความร่วมมือ งานไม่จูงใจ หากเป็นพ่อแม่ ทุกข์ส่วนหนึ่งมาจากลูก เลี้ยงลูกไม่ได้ดังใจ ลูกไม่เชื่อฟัง ชอบเถียง ไม่รับผิดชอบ เอาแต่เที่ยว กลับบ้านดึก ใช้เงินเปลือง หมกมุ่นใจในอบายมุข เสื่อมเสียในเรื่องเพศ บางคนติดยาเสพติด หรือหากลูกไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าว แม้ลูกเป็นคนดีแต่พ่อแม่ก็ยังทุกข์เพราะห่วงใยในความปลอดภัยของลูก ทุกข์เพราะกลัวลูกจะสู้เขาไม่ได้ ไม่เทียมหน้าเทียมตาเขา เป็นห่วงในเรื่องอนาคตกลัวจะลำบาก สารพัดสารพันสรรหาความทุกข์มาใส่ตัว หากเป็นลูก ทุกข์ส่วนหนึ่งมาจากพ่อแม่ หาว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ พ่อแม่ลำเอียง ไม่ยุติธรรม พ่อแม่ไม่ตามใจ พ่อแม่เอาแต่ดุด่าว่ากล่าว พ่อแม่ชอบใช้ความรุนแรงก้าวร้าวใส่ แม้พ่อแม่จะดีเพียงใด แต่ก็ยังอดน้อยใจและรำคาญพ่อแม่ไม่ได้ หาว่าพ่อแม่ไม่ไว้วางใจ ทั้งๆ ที่ตนเองโตแล้ว คิดเองได้ รับผิดชอบเองได้ พ่อแม่พร่ำสอนห่วงใยจนน่ารำคาญ หากเป็นสามีหรือภรรยา ทุกข์ที่ยิ่งใหญ่มาจากความไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ฝ่ายหนึ่งปันใจไปให้คนอื่น นอกจากนี้ก็ยังทุกข์กับพฤติกรรมของอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ได้ดังใจ เช่น เอาแต่ใจตัว ชอบใช้อารมณ์ พูดจาก้าวร้าว ไม่รับผิดชอบ เห็นแก่ตัว มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี น่าเบื่อหน่าย ไม่แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง ไม่เข้าใจเรา ไม่เห็นใจเรา หากมีทรัพย์สิ่งของไว้ในครอบครองก็ยังเป็นทุกข์กับของที่มีอยู่ กลัวว่าจะถูกลักขโมย เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ชำรุดทรุดโทรมหรือเสียไปก่อนเวลาอันควร อยู่ในสภาพที่ใช้งานไม่ได้ดี เป็นต้น ในการเลี้ยงดูร่างกายก็ทุกข์กับร่างกาย บางคนทุกข์กับน้ำหนักของตัวเองที่มากไปบ้าง น้อยไปบ้าง ทุกข์กับความเจ็บไข้ได้ป่วย ความแก่ ทุกข์กับความเสื่อมของร่างกายบางส่วน ไม่สามารถใช้งานได้อย่างไร กับจิตใจก็ทุกข์ไม่เว้นวัน ทุกข์เพราะมีความรู้สึกไม่ดีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทุกข์เพราะความจำที่ไม่ยอมลืมสิ่งที่ไม่ดีซึ่งคอยผุดขึ้นมาบ่อยๆ หรือบางเรื่องอยากจำแต่กลับลืม บางเรื่องอยากลืมแต่กลับจำ ทุกข์เพราะความคิดของตนที่ชอบคิดถึงเรื่องบางเรื่องที่ทำให้เครียด ให้ขุ่นให้โกรธ ให้อาฆาตแค้น ให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี ให้วิตกกังวล ให้หวงห่วงใย ให้หดหู่ซึมเซาเศร้าหมอง นอกจากนี้ยังทุกข์เพราะไปสัมผัสสัมพันธ์กับสิ่งที่ไม่ดีทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาสู่ใจเป็นความรู้สึก ความจำ และความคิด ซึ่งสิ่งไม่ดีดังกล่าวคอยทำร้ายตนอยู่เสมอ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงดูเหมือนว่าสิ่งที่เราทำ เราได้ เรามี เราเป็น ตลอดจนสัมผัสสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ล้วนเป็นเหตุที่ทำให้เราทุกข์... เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ความจริงแล้วสิ่งต่างๆ ดังกล่าวไม่ใช่เหตุอันแท้จริงที่ทำให้เราทุกข์ ความทุกข์ของทุกชีวิตมาจากใจที่เห็นผิดเมื่อเข้าไปสัมผัสสัมพันธ์กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะไม่รู้ธรรมชาติความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ ว่าเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย ดำรงอยู่ และแปรปรวนไปตามเหตุปัจจัย ที่สุดก็ดับไปตามเหตุปัจจัย เป็นเช่นนั้นเอง จึงทำให้ทุกข์ เมื่ออยากได้ดีมีความสุขก็ต้องสร้างเหตุปัจจัยที่ดี โดยไม่ท้อ พร้อมกับทำใจที่จะรับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง มีความแปรแปรเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา เป็นของชั่วคราว (อนิจจัง) มีความขัดแย้งกดดันกันอยู่ในตัว ไม่สามารถคงทนอยู่ในสภาพเดิมได้ เป็นของปรุงแต่งขึ้นมาไม่มีความสมบูรณ์ในตัว เนื้อแท้ของมันเป็นทุกข์ (ทุกขัง) ไม่สามารถบังคับได้ดังปรารถนาว่าขอจงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะสิ่งทั้งหลายไม่เป็นของใครจริง (อนัตตา) ใจที่ไม่รู้ธรรมชาติของความเป็นจริงดังกล่าวจึงอยากเสพ อยากได้ในสิ่งต่างๆ ให้ได้อย่างใจ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นวัตถุสิ่งของหรือบุคคลที่เราสัมพันธ์ด้วย แม้ตัวของเราเอง ครั้นไม่ได้อย่างใจก็ทุกข์ใจ หากเข้าใจและทำใจได้ ก็จะอยู่กับสภาวะของทุกข์ได้โดยใจไม่ทุกข์เมื่อเราเกิดมามีหน้าที่หรือมีงานที่ต้องทำ จึงต้องทำงานไปด้วยทำใจไปด้วยงานนั้นจะต้องทำให้ดี ทำให้เต็มที่ตามความรับผิดชอบที่มีอยู่ ใจนั้นจะต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น หากไม่ดีก็ไม่ทุกข์ท้อ แต่หาวิธีที่จะปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นในคราวต่อไปไม่เป็นไร ทำใหม่ได้... |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |