สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ที่ผ่านมา บางคนอาจมีความเชื่อว่า
คนที่ทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันเป็นคนแยกประสาทได้เก่ง
แต่ผลวิจัยล่าสุดจากสหรัฐอเมริกาออกมาตรงข้าม
โดยชี้ว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่ทำกิจกรรม
หรือทำงานออกมาแย่ที่สุด และขาดสมาธิ
ข้อสรุปดังกล่าวได้มาจากการศึกษาของศาสตราจารย์คลิฟฟอร์ส แนส
อาจารย์ภาควิชาสื่อสาร มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา
ซึ่งติดตามพฤติกรรมนักศึกษา 262 คน และแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
คือ กลุ่มทำกิจกรรมหรือทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน
กับกลุ่มทำกิจกรรมหรือทำงานเพียงไม่กี่ชนิด
ต่อมาเริ่มทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพของความจำ
ความสามารถในการเปลี่ยนไปทำกิจกรรมชนิดอื่นๆ
และสมาธิในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
"ในหมวดทดสอบทักษะ
เราพบว่ากลุ่มอาสาสมัครที่ทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง
ทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับอีกกลุ่ม
เราทดลองให้อาสาสมัครใช้สื่อหลายๆ ชนิดในขณะเดียวกัน
และผลลัพธ์ปรากฏว่าน่าตกใจ
เนื่องจากยิ่งพวกเขาใช้สื่อมากชนิดเท่าไหร่
ความสามารถในการใช้สื่อแต่ละชนิด
ก็ด้อยประสิทธิภาพลงมากเท่านั้น" แนส กล่าว
สำหรับตัวอย่างวิธีการทดลอง
เช่น คณะนักวิจัยจะกำหนดให้นักศึกษาทั้ง 2 กลุ่ม
จดจำภาพสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดงและสีน้ำเงิน
จากนั้นปิดไม่ให้มองเห็นชั่วคราวและเปิดภาพขึ้นอีกครั้งเพื่อให้ชี้ว่า
สี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดงถูกย้ายตำแหน่งหรือไม่
ในเบื้องต้นนักวิจัยตั้งสมมติฐานว่า
นักศึกษากลุ่มที่มีความสามารถทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน
น่าจะแยกประสาทจดจำได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์พบว่านักศึกษากลุ่มนี้
ทำคะแนนแย่กว่ากลุ่มที่ 2
เอยอล โอเฟียร์ หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า
จุดอ่อนของคนที่ชอบหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกันก็คือ
แยกแยะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่ค่อยได้
และใจไม่จดจ่อ หรือบางทีถ้าทำอะไรบางอย่างอยู่
แต่ใจกลับไปคิดถึงอีกสิ่งหนึ่ง และยังพบว่า
คนกลุ่มนี้ชอบยัดข้อมูลข่าวสารจำนวนมากเข้ามาในชีวิตของตัวเอง
ที่มา..หนังสือพิมพ์ข่าวสด
