ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

คุณมีสิทธิ์เลือกนะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=26135
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  เจ้านาง [ 08 ต.ค. 2009, 22:49 ]
หัวข้อกระทู้:  คุณมีสิทธิ์เลือกนะ

ในระหว่างทานข้าวกลางวัน วนิดาซึ่งเป็น CEO ถามกิตติผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งที่รายงานตรงต่อเธอว่า “ กิตติ พี่สังเกตว่าคุณไม่เคยปิดมือถือเลย แม้กระทั่งเวลาประชุม แล้วพี่ก็เห็นคุณขอตัวออกไปจากที่ประชุมกลางคันเพื่อรับโทรศัพท์ พี่อยากรู้ว่าเป็นโทรศัพท์ของใครหรือ ทำไมมันสำคัญขนาดรอจนจบประชุมไม่ได้ พี่เห็นเป็นประจำเลยนะ ”

กิตติมีท่าทีอึดอัด เขาตอบว่า
“ ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องส่วนตัวนะครับ ผมขอโทษ ”

วนิดายิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดี เธอเงียบไปสักครู่จึงพูดต่อ
“ กิตติ เราสองคนทำงานด้วยกันมาพอสมควร คิดว่าพี่เป็นพี่สาวของคุณก็ละกัน เพราะพี่อายุมากกว่าคุณสองสามปี มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังซิคะ เผื่อว่าพี่อาจจะแนะนำอะไรให้ได้บ้าง ”
วนิดาเลือกใช้แนวทางพี่น้อง แทนที่เธอจะตำหนิเขาโดยตรง ในเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในที่ประชุมแบบเจ้านายกับลูกน้อง

วิธีนี้ได้ผล ! กิตติสารภาพออกมาแบบกระอักกระอ่วน
“ ก็ ... คือว่า ... พี่อย่าโกรธผมนะครับ มันเป็นโทรศัพท์มาจากลูกสาวผมเอง เธอเพิ่งไปเรียนไฮสคูลที่ออสเตรเลียเมื่อไม่กี่เดือน โรงเรียนที่ลูกสาวผมเรียนนี้ค่อนข้างจะเข้มงวด แถมมีการบ้านจมเลย ตอนลูกสาวผมเรียนที่นี่ ผมช่วยติวและทำการบ้านร่วมกับเธอบ่อยๆ ลูกคนเดียวเธอคือดวงใจของผมเลยครับ ผมบอกเธอว่าไปอยู่นั่น ติดขัดเรื่องการบ้านละก็โทรมาหาผมได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ผมจะคอยช่วยเหลือเธอผมไม่ต้องการเห็นเธอล้มเหลว ตอนค่ำเมื่อกลับบ้านผมก็แทบจะไม่ได้พักผ่อน แต่จะไปช่วยเธอทำการบ้านแล้วก็แฟ็กซ์ส่งไปเรื่องคณิตศาสตร์บ้าง ภาษาอังกฤษบ้าง ผมอยากให้เธอประสบความสำเร็จ ผมต้องขอโทษที่บริหารเวลาไม่ค่อยได้เรื่อง ”
กิตติจบเรื่องลงด้วยท่าทีละอายใจ วนิดาแสดงความเห็นใจ

“ เรื่องของคุณมันฟังแล้วคุ้นๆมากเลย พี่พอจะจินตนาการออกถึงความลำบากใจของเธอ พี่เองก็มีลูกสาวเรียนปริญญาโทอยู่ที่อเมริกา พี่เคยทำแบบคุณเหมือนกัน เพราะลูกสาวพี่จบตรี แล้วไปต่อโทเลย
จึงไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ดังนั้นพอทำกรณีศึกษาก็มักจะไม่ทันเพื่อนเขา หรือไม่เข้าใจ แถมยังไม่กล้าถามอาจารย์อีก พี่เลยต้องช่วยทำเคส แล้วก็อีเมล์ไปให้เธอ แต่ว่าตอนนี้พี่หยุดช่วยเธอแบบนั้นแล้วล่ะค่ะ ”

กิตติถามด้วยความประหลาดใจ
“ ทำไมล่ะครับ พี่ไม่รักเธอแล้วหรือว่าพี่เห็นว่างานมีความสำคัญกว่าครอบครัวครับ ”

วนิดาตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดีว่า
“ พี่ยังรักลูก และเห็นคุณค่าของครอบครัวและงานเหมือนเดิม พี่โชคดีที่มีเพื่อนชาวอเมริกันคนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นวิธีที่พี่ช่วยลูกสาว แล้ววันหนึ่งเขาก็ให้หนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Power of Failure โดย Charles C. Manz และมีการแปลเป็นไทยในชื่อ วิกฤติคือโอกาส โดยพสุมดี กุลมา เรียบเรียงโดย นราทิป นัยนา เพื่อนอเมริกันเขาคั่นเรื่องๆหนึ่งให้พี่อ่านโดยเฉพาะเลย พี่จะเล่าให้เธอฟัง ”

.........

มีชายคนหนึ่งนั่งมองผีเสื้อที่กำลังดิ้นรนจะออกจากรังไหม เจ้าผีเสื้อดิ้นรนไปซักพัก จนกระทั่งใยรังไหมเริ่มขาดเป็นรูเล็กๆ ชายคนนั้นมองด้วยความสนใจ เจ้าผีเสื้อดูเหมือนจะหยุดไป ที่จริงผีเสื้อมันพักเพื่อที่จะดิ้นรนต่อไป แต่ว่าชายคนนั้นคิดไปเองว่าผีเสื้อคงติดใยรัง ไหม ไม่สามารถจะออกมาได้ด้วยตนเอง ด้วยความหวังดี เขาจึงนำกรรไกรขนาดเล็กมาตัดใยรังไหมนั้น ทำให้รูมันขยายใหญ่ขึ้น เจ้าผีเสื้อเห็นรูขยายใหญ่ขึ้นมันก็คลานต้วมเตี้ยมออกมา แต่เขาสังเกตว่าตัวมันมีขนาดเล็กกว่าปกติ ปีกเหี่ยวย่น แถมลำตัวของเจ้าผีเสื้อก็มีลักษณะบวมผิดปกติ กลายเป็นว่าในขณะที่ผีเสื้อต้องดิ้นรนออกแรงตะเกียกตะกาย เพื่อพยายามจะดันตัวมันออกจากรังไหมนั้น เป็นกระบวนการธรรมชาติที่จะกระตุ้นให้ของเหลวชนิดหนึ่งที่อยู่ในลำตัวผีเสื้อเคลื่อนที่มาสู่ปีก เพื่อทำให้ปีกแข็งแรงเพียงพอจะบินได้

ด้วยความปรารถนาดีของชายคนนั้น ผีเสื้อตัวนี้ปีกจึงเหี่ยวย่นไม่แข็งแรงเพียงพอจะบินได้ แถมยังมีรูปร่างพิกลพิการ เพราะของเหลวที่ควรจะอยู่ที่ปีก ดันไปติดคั่งค้างอยู่ที่ลำตัว เจ้าผีเสื้อตัวนี้ออกจากใยมาได้ด้วยความสบาย แต่ต้องพิกลพิการ และบินไม่ได้ไปชั่วชีวิตของมัน .......

อุปสรรคและความล้มเหลวในชีวิตของคน ก็คล้ายๆกันกับสิ่งที่เจ้าผีเสื้อเผชิญ
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ ความก้าวหน้าในชีวิต การพัฒนาทักษะ ความกล้าหาญ
ความมุ่งมั่น ล้วนแล้วแต่น่าสงสารและน่าเห็นใจ
แต่จะได้คุณค่ามาก็ด้วยการล้มเหลวอย่างถูกวิธี

เราจะคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต
โดยไม่มีความล้มเหลวนั้นเป็นไปไม่ได้

เมื่อเราเผชิญอุปสรรค แล้วเราหลีกเลี่ยงที่จะแก้ไขหรือต่อสู้กับมัน
เท่ากับว่าเรากำลังเสียโอกาสสำคัญในการเรียนรู้บทเรียนที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในชีวิตของคน
........
กิตติฟังด้วยความสนใจ
“ โอ้โฮ เรื่องนี้จุดประกายน่าดูครับ แต่ผมกลัวว่าลูกผมจะเกลียดผมนะซีครับ ”

วนิดาเสริมต่อ
“ มีคำพูดที่ว่า 'No pain No gain' "ไม่เจ็บ ไม่ได้เรียนรู้"
ที่จริงพวกเรานะผิดเองที่ป้อนลูกๆ เรามากไป
สำหรับกรณีของพี่ พี่อธิบายให้ลูกเขาเข้าใจด้วยการเล่าเรื่องนี้แหละ
หลังจากนั้น พี่ก็ขอโทษสำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกแบบผิดๆในอดีต
ลูกๆ ของเราเขาฉลาดพอจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้นะ ...

กิตติ คุณลองมองไปรอบๆตัวเราสิ
เรามีพนักงานที่มีความรู้ มาจากครอบครัวที่มีฐานะ
หลายคนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
พวกเขาไม่อดทนต่อปัญหาและอุปสรรค
คนที่ควรถูกตำหนิคือ พ่อแม่ของเขา

คุณอยากถูกคนอื่นเขาต่อว่าแบบนี้ในอนาคตไหมล่ะ
แถมลูกๆ ของเรายังอ่อนแอไม่สามารถจะฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคได้ ..

... คุณมีสิทธิ์เลือกนะ … ”

เจ้าของ:  sasikarn [ 08 ต.ค. 2009, 23:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณมีสิทธิ์เลือกนะ

:b35: :b35: :b35: คุณพ่อคุณแม่หลายท่านควรได้อ่านบทความนี้นะคะ ดีมากกกกกกกกก:b4: :b4: :b4:

:b20: :b20: :b20: นู๋เอค่ะ

เจ้าของ:  น้ำใส [ 09 ต.ค. 2009, 10:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณมีสิทธิ์เลือกนะ

เรื่องนี้ดีครับ จะจดจำนำไปใช้ :b8:

ไฟล์แนป:
05.gif
05.gif [ 3.73 KiB | เปิดดู 3477 ครั้ง ]

เจ้าของ:  คนเดินทาง [ 09 ต.ค. 2009, 12:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณมีสิทธิ์เลือกนะ

อนุโมทนาสาธุ กับบทความดีๆ ที่นำมาโพสต์ค่ะ :b8:
ได้ข้อคิดสะกิดเตือนใจเยอะเลยค่ะ :b17:

เจ้าของ:  รัตนมณี [ 09 ต.ค. 2009, 12:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณมีสิทธิ์เลือกนะ

:b35: :b35: :b35: :b35: :b35:

:b35: :b35: :b35: :b35: :b35:

:b35: :b35: :b35: :b35: :b35:

เจ้าของ:  น้ำใสในบึง [ 09 ต.ค. 2009, 12:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณมีสิทธิ์เลือกนะ

:b35: :b35: :b35: :b35:
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมเรา จะจำไว้ใช้ค่ะ
อนุโมทนาด้วยค่ะ

เจ้าของ:  bbb [ 30 ต.ค. 2009, 13:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณมีสิทธิ์เลือกนะ

อนุโมทนาครับ

:b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/