ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
...ทำบุญบำบัดป่วย... http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=20577 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 13 ก.พ. 2009, 16:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | ...ทำบุญบำบัดป่วย... |
นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 247 ![]() ทำบุญบำบัดป่วย บุญคืออะไร ..ท่านพระครูสุจินต์วรคุณ เจ้าคณะตำบลศรีดอนชัย เขต 1 จังหวัดเชียงราย จึงได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า บุญคือความปลอดโปร่งโล่งสบายของใจ และความปลื้มปีติอิ่มเต็มในความรู้สึก โดยตามหลักพุทธศาสนา บุญสามารถเกิดขึ้นได้สามทางด้วยกันดังนี้ คือ * การให้ทาน การให้ (ให้โอกาส ทุนทรัพย์ สิ่งของ กำลังใจ ความช่วยเหลือ ฯลฯ) ด้วยความตั้งใจบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ให้ได้บุญ ยิ่งถ้าทั้งผู้รับและผู้ให้มีใจบริสุทธิ์ทั้งคู่ ก็จะยิ่งได้อานิสงส์ * การถือศีล ศีลเป็นเหมือนกฎหมายที่คอยควบคุมความประพฤติ ทางกาย วาจา และใจของเรา ให้อยู่ในกรอบเกณฑ์แห่งความดี การรักษาศีลทั้งห้าข้อให้บริสุทธิ์ สามารถทำให้ร่างกายอิ่มเอิบเป็นสุข รู้สึกจิตใจสะอาด และได้บุญ * การเจริญภาวนา การทำใจให้รู้เท่าทันปัจจุบันขณะ มีสติสมาธิในการคิดตรึกตรองกับทุกเรื่อง ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างรอบคอบและ ไม่ประมาท (วิธีภาวนาให้เกิดความเจริญงอกงามทางใจตามหลักพุททธศาสนา มี 3 เรื่องด้วยกันคือ การศึกษาศิลปวิทยาการต่างๆ ที่ส่งเสริมคามฉลาดของตน การทำงานที่สุจริตด้วยเหตุผลอย่างตั้งใจอุทิศตนเต็มที่ และการรู้จักหาวิธีสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน เพื่อลดความยึดมั่นถือมั่นใจตัว) ก็ทำให้ผู้ปฎิบัติได้บุญเช่นเดียวกัน ในทางศาสนา “บุญ” เป็นเหมือนยาทิพย์ ที่แม้จะไม่ช่วยรักษาอาการของโรคทางกายต่างๆให้หายได้ทันที แต่ก็สามารถบำบัดความป่วยไข้ได้ แล้วในทางการแพทย์สมัยปัจจุบันล่ะ คุณหมอจะว่าอย่างไร บุญช่วยกาย แพทย์หญิงอมรา มลิลา คุณหมอนักปฎิบัติธรรมจากชมรมพุทธธรรมจุฬา กรุณาตอบคำถามชวนสงสัยของพิมพ์พลอยให้ฟังว่า การทำบุญทั้งสามประเภทคือ การให้ทาน การถือศีล การเจริญภาวนา มีส่วนช่วยให้โรคภัยไข้เจ็บที่ผู้ป่วยเผชิญอยู่มีอาการดีขึ้นจริง กล่าวคือ “เดี๋ยวนี้มีองค์ความรู้ที่เรียกว่าโรคนามรูป คือใจที่เครียดเป็นกังวลจะทำให้ร่างกายของเราวิปริตแปรปรวน โรคชนิดนี้รักษายังไงก็ไม่หายจะมีแต่ทรงกับทรุด แต่พอได้รักษาด้วยการทำบุญ จิตใจจะเบิกบาน ได้ปิติอิ่มเอิบ อาการเจ็บป่วยจะดีขึ้น ซึ่งตรงนี้เองที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าหายป่วยด้วยปาฎิหาริย์ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เขาหายเพราะใจสงบหรือเรียกง่ายๆว่า ทำบุญนั่นเอง เพราะในขณะที่เราทำบุญ เช่น การให้ทาน เป็นต้น ใจของเราจะเกิดความเมตตา มีความสบายใจ หรือที่เราเรียกว่าเกิดความปิติอิ่มเอมใจขึ้นในทันที ทำให้สมองส่วนไฮโปธาลามัส (Hypothalamus) และต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) หลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข หรือเอ็นโดรฟิน (Endorphin) ออกมา ส่งผลให้หลอดเลือดแดงขยายตัวได้ดีขึ้น ปริมาณแล็คเตสในเลือดลดต่ำลง (ทำให้ความวิตกกังวลน้อยลง) ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานช้าลง” “ที่สำคัญยังทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิชีวิต ซึ่งทำหน้าที่คอยป้องกันและตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น ไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อมะเร็ง เป็นต้น มีการเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกาย (Immune system) ของเราแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งทำให้ความเจ็บปวดทางกายลดน้อยลง และหายจากโรคร้ายได้เร็วขึ้น” เช่นเดียวกับการทำบุญด้วย การถือศีล นั่งสมาธิเจริญวิปัสสนา ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพกาย เช่นเดียวกัน ดังที่คุณหมออมราได้อธิบายเพิ่มเติมไว้ว่า “จากการศึกษาระบบการเปลี่ยนแปลงของระดับสารเคมีในร่างกายพบว่า การนั่งสมาธิช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง จากประมาณ 75 -100 ครั้ง/นาที เหลือเพียง 65 ครั้ง/นาทีหรือน้อยกว่านั้น การหายใจช้าลงจะทำให้การหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลิน (Adrenaline) (ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการกระตุ้นไกลโคเจนในตับให้สลายตัวเป็นกลูโคส ทำให้ระดับกลูโคสในเลือดเพิ่มสูงขึ้น กระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขึ้นทำให้ กระบวนการเมแทบอลิซึมของร่างกายเพิ่มขึ้นมากขึ้น) ในร่างกายของเราลดลง” “ส่งผลให้คลื่นสมองมีการเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ เกิดเป็นความนิ่งสงบ ความเครียดความดันโลหิตลดลง อีกทั้งยังทำให้ผนังของถุงลม และหลอดเลือดฝอยในปอดมีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดีขึ้น ร่างกายมีเวลาในการใช้ออกซิเจนเพื่อเผาผลาญพลังงานมากขึ้น และถ่ายเทคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากกว่าภาวะที่เราหายใจปกติ และช่วยให้กล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อลาย ซึ่งทำงานภายใต้การควบคุมของ จิตใจ และใช้ในการขยับเคลื่อนไหวกระดูกในร่างกาย เกิดการคลายตัว ทำให้หายเกร็ง” คุณหมออมรายังกล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้คนที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคหืด โรคเครียด หรือแม้กระทั่งมะเร็ง ควรทำบุญเพราะจะสามารถทำให้อาการของโรคทุเลาลงได้ บุญช่วยใจ สอดคล้องกับที่ท่านพระครูสุจินต์วรคุณ บอกไว้เช่นกันว่า “ถ้าพูดถึงความป่วยทางใจ จะรุนแรงกว่าป่วยกาย เพราะถ้าใจเราป่วยก็จะส่งผลมาถึงกายได้ เช่น คนที่ร่างกายแข็งแรงดี แต่ถ้าไม่สบายใจก็จะรู้สึกว่าตัวเองป่วยไม่อยากกินข้าวดื่มน้ำ ซึ่งที่สุดก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้ คนที่ทำบุญจึงรู้สึกสบาย เพราะเวลาที่เราทำบุญก็จะส่งผลให้จิตดี แล้วก็เหมือนกายดีไปด้วย นี่คือเหตุผลว่าทำไปไปทำบุญแล้วสุขภาพร่างกายเราถึงดีขึ้น โรคภัยไข้เจ็บทุเลา ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้หมายความว่า เราทำบุญแล้วความป่วยไข้ที่เป็นอยู่จะหายไปนะ มันอาจจะยังอยู่ แต่อาจจะทำให้เราเจ็บปวดน้อยลง” นอกจากนี้ ท่านพระครูสุจินต์วรคุณยังบอกอีกว่า หากอยากให้อานิสงส์ของบุญส่งผลสูงสุด ควรทำบุญให้ครบทั้งสามอย่างดังกล่าว เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วย เพราะจะยิ่งช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันทางใจ อันจะนำไปสู่กายที่เข้มแข็งได้ในเร็ววัน คัดลอกจาก...http://www.cheewajit.com/articleView.as ... cleId=1680 ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ฌาณ [ 21 ก.พ. 2009, 22:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...ทำบุญบำบัดป่วย... |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | อุบาสกน้อย [ 02 ต.ค. 2020, 10:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...ทำบุญบำบัดป่วย... |
ขออนุโมทนานะครับ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |