วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 04:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2023, 05:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


..เวลาจิตเกิดความว้าวุ่นขุ่นมัว
ก็ให้ถามว่า..กำลังอยากอะไร

..อยากจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ใช่ไหม
ใจถึงว้าวุ่นขุ่นมัว
ถ้าไม่อยาก..จะไม่ว้าวุ่นขุ่นมัว

..พอตัดความอยากไป
ความว้าวุ่นขุ่นมัวนั้นก็จะหายไป
“ นี่ก็คือ การเจริญสติในธรรม ”.
…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๓ กัณฑ์ที่ ๔๑๖
วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๓






"... ใจเป็นเปรต.. คือใจที่มีโมโห โทโส
ริษยา พยาบาท
... ใจนรก.. คือใจทุกข์ กลุ้มอกกลุ้มใจ
... ใจเป็นมนุษย์.. คือใจที่มีศีล ๕ มีทาน
มีภาวนา
... ใจเป็นเศรษฐี ท้าวพระยา มหากษัตริย์
คือ ใจดี
... ใจเป็นเทวดา.. คือ มีเทวธรรม มีหิริ
ความละอายต่อบาป.โอตตัปปะ ความ
เกรงกลัวต่อบาป น้อยหนึ่งไม่อยากกระทำ
... ใจเป็นพรหม มีพรหมวิหารธรรม
... ใจว่างเหมือนอากาศ
... ใจพระอรหันต์.. คือ ท่านพิจารณา
ความว่างนั้น จนรู้เท่าแล้วปล่อย เหลือแต่รู้
... ใจพระพุทธเจ้า รู้แจ้งแทงตลอดหมดทุกอย่าง ..."

#หลวงปู่ฝั้น_อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร






"..การปฏิบัติ ให้มุ่งปฏิบัติเพื่อสำรวม เพื่อความละ เพื่อคลายความกำหนัด ยินดี เพื่อความดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเห็นสวรรค์วิมาน หรือแม้พระนิพพาน ก็ไม่ต้องตั้งเป้าหมายเพื่อจะเห็นทั้งนั้น ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ต้องอยากเห็นอะไร เพราะนิพพานมันเป็นของว่าง ไม่มีตัวตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง.."

พระธรรมคำสอนโดย
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์(พ.ศ.๒๔๓๑–๒๕๒๖)






"..พระอรหันต์ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากไหน ก็มาจากหัวใจของปุถุชน มาจาก ราคะ โทสะ โมหะ ถ้าหากใจปุถุชนนั้นพยายามบากบั่นฝึกปรือตนให้เดินตามมรรคาสัมมาปฏิบัติ พระอรหันต์ก็มาจากที่นั่น กลั่นกรองมาจากที่นั่น เหมือนดอกบัวมาจากขี้ตม ขี้โคลนเน่า ๆ เหม็น ๆ แต่พอพ้นน้ำ รับแสงอาทิตย์แย้มบานเต็มที่ มีสง่าราศี ใครก็อยากได้อยากชม.."

โอวาทธรรมโดย
พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







"..จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร ตรวจดูจิตว่า มีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต นั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือ ความคิดปรุงแต่งของจิตว่า คิดอะไรบ้าง มีสาระประโยชน์ไหม คิดแส่หาเรื่อง หาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิด-ถูกของตัวบ้างไหม พิจารณาสังขารภายนอกว่า มีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการให้ท่องในใจอยู่เสมอว่า เรามีความแก่-เจ็บ-ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน.."

โอวาทธรรม
พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 191 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร