ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
อย่าประมาท http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=64544 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 07 ธ.ค. 2023, 07:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | อย่าประมาท |
"..ผู้มีปัญญาพอประมาณ เตรียมเสบียงสำหรับภพชาติหน้าด้วยการทำทานการกุศล เพื่อได้ชีวิตใหม่ในภพชาติข้างหน้าอย่างไม่ขาดแคลน บางคนก็ทำบุญทำกุศลปรารถนาสวรรค์ บางคนก็ปรารถนาความมั่งมีในภพภูมิของมนุษย์ ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่ถูก เป็นการเชื่อกรรม ว่ากรรมดีจักให้ผลดี จึงเมื่อหวังผลดีก็ทำกรรมดี ผู้มีปัญญามาก เล็งรู้ว่าความไม่เที่ยงมีอยู่ แม้เกิดดีในภพใหม่ ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าสมปรารถนา แต่ด้วยความไม่เที่ยงก็ย่อมสามารถพ้นจากฐานะนั้นมาได้ รับผลของกรรมเป็นความทุกข์ยากในภพภูมิอื่นได้ ดังนั้นผู้มีปัญญาจึงไม่มุ่งปรารถนาความเกิด ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม สูงส่งเป็นสุขเพียงใดก็ตาม เพราะมีปัญญาทำให้รู้ว่าความสุขนั้นไม่ยั่งยืน และทำให้รู้ด้วยว่าแม้ปรารถนาความไม่ต้องพ้นจากความสุขไปสู่ความทุกข์ ก็ต้องปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์คือละจากกิเลสให้ไกลจริงเท่านั้น.." พระนิพนธ์ แสงส่องใจให้เพียงพรหม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร "..อย่าพากันประมาทนอนใจว่ากิเลสคือเชื้อแห่งภพความเกิดตายไม่มีทางสิ้นสุด เป็นของเล็กน้อยไม่เป็นภัยแก่ตน แล้วไม่กระตือรือร้นเพื่อแก้ไขถอดถอนเสียแต่กาลที่ยังควรอยู่ เมื่อถึงกาลที่สุดวิสัยแล้ว จะทำอะไรกับกิเลสเหล่านี้ไม่ได้นะ จะว่าไม่บอกไม่เตือน คนและสัตว์ทุกข์ทรมานมาประจำโลก อย่าเข้าใจว่าเป็นมาจากอะไร แต่เป็นมาจากกิเลสตัณหาที่เห็นว่าไม่สำคัญและไม่เป็นภัยนั่นแล ผมค้นดูทางมาของการเกิดตาย และการมาของกองทุกข์มากน้อยจนเต็มความสามารถของสติปัญญาที่มีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรเป็นตัวเหตุชักจูงจิตใจให้มาหาที่เกิดตายและรับความทุกข์ทรมานมากน้อยเลย มีแต่กิเลสตัวที่สัตว์โลกเห็นว่าไม่สำคัญและมองข้ามไปมาอยู่นี้ทั้งสิ้นเป็นตัวการสำคัญ.." โอวาทธรรม พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)ที่มาอ้างอิงหนังสือชีวประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระโดยท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน "..พระธุดงคกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นมาดั้งเดิมนั่น ท่านเป็นธรรมไม่มีโลกเข้าแฝงเลย ไม่พูดพล่ามเรื่องอะไรๆ เกี่ยวกับอรรถ กับธรรมอย่างง่ายดาย ท่านพูดเฉพาะพวกเดียวกันที่มีความรู้ทางจิตภาวนา คล้ายคลึงกันและไว้ใจกัน ท่านจะพูดเรื่องธรรมปฏิบัติล้วน ๆ ต่อกัน ใครรู้เห็น อย่างไรจากการปฏิบัติจิตภาวนา ท่านคุยธรรมปฏิบัติกันอย่างเอาจริงเอาจัง ฟังแล้วเพลินไม่อยากให้จบลงอย่างง่ายๆ เรื่องที่ท่านจะพูดธรรมภายในใจ เช่น สมถะ - วิปัสสนา สมาธิ สมาบัติ มรรคผลนิพพาน ที่ตนรู้ตนเห็นให้ ใคร ๆ ฟังแบบพล่ามๆ นั้น อย่าฝันลมฝันแล้งว่าจะได้ยินจากท่านง่ายๆ ก็ท่านไม่พูดนี่ ท่านทำตัวราวกับพระเซ่อบัดซบนั่นแล ถ้ายังไม่สนิทกัน สมมุติมีใครไปตีสนิทในขณะที่ไปพบเห็นท่านครั้งแรก ปากบอนอวดรู้ ตู้พระไตรปิฎกเต็มพุง พูดคุยอวดท่านเรื่องสมาธิ สมาบัติ มรรคผลนิพพาน ทิพยโสต ทิพยจักษุ ตลอดอภิญญาพิสดารต่าง ๆ ท่านจะปิดปากอย่าง สนิทเลย แต่จะคอยฟังแง่หนักเบาแห่งธรรมจากผู้มาคุยด้วยทุก ๆ ระยะ ไม่คลาดเคลื่อนเลื่อนลอยจนจบ หากเป็นธรรมเกิดจากภาคปฏิบัติจริง ๆ และเจตนาเป็นธรรมของผู้มาคุยด้วย ท่านจะช่วยแนะให้ตามลำดับแห่ง จุดที่ผู้นั้นยังบกพร่องโดยที่ตนไม่รู้ไม่เข้าใจ แต่จะถามท่านสุ่มสี่สุ่มห้านั้น ท่านไม่เล่นด้วย และหาทางออกตัวโดยอุบายต่าง ๆ เช่น ผมหรืออาตมา ไม่รู้ไม่เข้าใจ เป็นต้น และปิดปากเงียบ นี่คือนิสัยของพระธุดงคกรรมฐานที่ท่านเป็นธรรมและรักสงวนธรรม โดยมากท่านปฏิบัติกันอย่างนี้ แม้จะรู้เห็นธรรมมากน้อยลึกตื้น หยาบละเอียดเพียงไร ท่านจะพูดคุยในวงและคณะของท่านโดยเฉพาะ ท่านไม่ประกาศโฆษณาตนและธรรมแบบโลกๆ เพราะท่านทราบว่า โลกกับธรรมนั้นต่างกันแม้จะอยู่ด้วยกัน ท่านจึงรักสงวนธรรม ส่วนพวกเราประเภทขายก่อนซื้อ เน่าก่อนสุก สุกก่อนห่าม พล่ามก่อนรู้ พอมาเจอกัน เป็นยังไงจิตถึงไหนแล้ว ถึงพรหมโลกหรือยัง ได้ไปเที่ยวสวรรค์ไหมคืนนี้ได้ไปดูสัตว์นรกบ้างไหมคืนนี้ ได้ตรวจดูจิตผมไหมคืนนี้ ได้ตรวจดูจิตคน.....นั้นไหม ที่เขามาขอให้ตรวจดูให้น่ะ ผมเองยัง เลยเพราะยุ่งกับการตรวจดูกรรมของ.....เขา เขามาให้ตรวจดูให้ คืนนี้ยังจะต้องตรวจดูกรรมเวรของ.....เขา คนนี้กรรมหนามาก ระโยงระยางด้วยสายกรรมสายเวรจนแทบมองไม่เห็นตัวจริง คุ้ยเขี่ยตัดฟันกันยกใหญ่กว่าจะได้ความจริงออกมาบอกเขา คนนี้ต้องให้เขาทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร โรคเขาจึงจะบรรเทา แต่หายนั้นไม่หายแน่เพราะเขายังมีกรรมหนักมาก ปกติผมหรืออาตมาไม่ว่าง ต้องช่วยเพื่อนมนุษย์ตลอดทั้งวันทั้งคืน ต้องแนะต้องบอกให้เขาสะเดาะเคราะห์เพราะระยะนี้ดวงเขาไม่ดีเลยดาวอะไรต่อดาวอะไรทับกันยุ่งหมด และต้องแนะต้องบอกหลายด้านหลายทางเพราะคนหนึ่งๆ ล้วนหาบเคราะห์หาบกรรมมาให้เราดู เราช่วยแทบเป็นแทบตายท่านไม่ได้เหมือนพวกเราชาวฉลาดก่อนโง่ดังที่กล่าวมา พระธุดงคกรรมฐานองค์ใดรายใดก็ตามแสดงออก จะเป็นสมัยหลวงปู่มั่น ยังอยู่หรือปัจจุบันนี้ก็ตาม องค์นั้นรายนั้นจะอยู่กับหมู่คณะไม่ได้ พระท่าน รังเกียจ อย่างน้อยท่านก็ซุบซิบกัน มากกว่านั้นก็ทำเรื่องขึ้นหาครูอาจารย์ เพื่อเรียกมาชำระอธิกรณ์ นรก - สวรรค์ ให้สิ้นไปจากวัดจากหมู่คณะ เพราะแบบนี้มันแบบหากิน มิใช่แบบหาอรรถหาธรรมดังพระพุทธองค์แล สาวกพาหา เข้าใจไหม อย่าว่าปู่ดุนะ เราพูดตามความจริงของวงกรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่าน..'" หลวงปู่ขาวอ นาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ที่มา จากหนังสือ อนาลโย ผู้ไม่มีความอาลัย ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ขาว อนาลโย ช่วง ถาม-ตอบ หน้า ๓๑๓ ” พวกใกล้เกลือกินด่าง “ ..พระพุทธเจ้าก็เคยตรัสไว้ว่า ถึงแม้เธอจะเกาะชายผ้าเหลืองเรา แต่เธอไม่ปฏิบัติเลย เธอก็ห่างไกลจากเราเป็นโยชน์ .ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้เธอจะห่างไกลจากเราเป็นโยชน์ แต่เธอปฏิบัติอยู่ทุกขณะ เธอก็ไม่ห่างไกลจากเราเลย .ทรงตรัสต่อไปว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้เห็นตถาคตก็คือผู้เห็นธรรม ผู้ที่จะเห็นธรรมก็คือผู้ที่ปฏิบัติธรรม .จึงอย่าไปคิดว่าได้เกาะ ชายผ้าเหลืองแล้วจะได้ดีเสมอไป เป็นพวกใกล้เกลือกินด่างก็ได้ เกาะตัวท่าน แต่ไม่ได้เกาะธรรมะ ไม่ได้ปฏิบัติธรรม .เหมือนกับดูการแสดง ของดาราคนโปรดของเรา หรือดูคอนเสิร์ต ได้เห็นหน้าท่านแล้วก็มีความสุข ได้ยินท่านพูดก็มีความสุข .แต่ไม่เคย เอาธรรมะที่ท่านสอนมาปฏิบัติเลย เป็นพวกติดครูบาอาจารย์ ต้องเห็นหน้าเห็นตาท่านทุกวัน ทุกเช้าทุกเย็น. ………………………………………… พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี จุลธรรมนำใจ ๖ กัณฑ์ที่ ๒๕๒ วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๙ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |