วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 21:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ย. 2023, 07:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


” ศรัทธาที่ไม่สั่นคลอน “

…เป้าหมายแรกคือการทำจิตให้รวมลงให้ได้
เจริญสตินั่งสมาธิให้มาก
นั่งแล้วเจ็บปวดก็อย่าลุก บริกรรมพุทโธไป
ถ้าผ่านตรงนี้ได้ จะเกิดศรัทธาอย่างมากเลย

.พอจิตรวมลงแล้ว
ถึงแม้เวทนาจะไม่หายก็ตาม
แต่จิตจะสงบเย็นสบาย
ไม่วุ่นวายกับความเจ็บปวดของร่างกาย

.ทีนี้จะมีกำลังใจมีศรัทธาจริงๆ
เป็นศรัทธาที่ไม่สั่นคลอน
ไม่มีใครมาโน้นน้าว
ให้กลับไปทำแบบเดิมๆได้อีกแล้ว

.เพราะรู้แล้วว่าทางนี้เป็นทางเดียวเท่านั้น
ที่จะพาไปสู่ความสุขที่แท้จริง
เพราะได้เห็นหนังตัวอย่างแล้ว
ได้พบกับความสุขที่เกิดจากความสงบ

“แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะเดียว”.
…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๐ กัณฑ์ที่ ๔๐๘
วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๓






"ให้เราพิจารณาดู ทุกสิ่งทุกอย่าง
ถ้าเราไม่หนีมัน มันก็หนีเรา

คนก็เหมือนกัน
เราไม่จากเขา เขาก็จากเรา
มันอยู่ที่ใครไปก่อนใคร เท่านั้นเอง

บางที.. วัตถุก็ไปก่อนเรา
บางที.. เราก็ไปก่อนวัตถุ
บางที.. คนใกล้ชิดเรา เขาก็ไปก่อน
บางที.. เราไปก่อนเขา

มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ของกรรม"

หลวงปู่ชา สุภทฺโท






“ อันอภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ
เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน
คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้
เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด
จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ

โกรธแล้วหายโกรธเอง
กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน

โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา
ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ
ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด
แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย
เป็นการบริหารจิตโดยตรง
จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น ”

ธรรมเทศนา
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก







ความเป็นของใจก็เหมือนกับผลไม้ เมื่อมันยังอ่อนยังดิบอยู่ก็รสหนึ่ง
เมื่อมันสุกแล้ว ไม่ต้องไปหาน้ำอ้อยน้ำตาลจากที่ไหนมาใส่ มันก็หวานขึ้นเอง
ความหวานของมันเกิดขึ้นจากที่ฝาดๆ เปรี้ยวๆ นั่นแหละ

จิตใจของเราท่านก็ทำนองเดียวกัน
ความบริสุทธิ์เป็นอย่างไร ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้เอง ขอให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ อย่าทอดธุระ อย่าท้อถอย

อย่าไปตะครุบเรื่องเสื่อม เรื่องเจริญต่างๆ มีหน้าที่ปฏิบัติก็ปฏิบัติเรื่อยไป
เมื่อถึงที่สุดแห่งความหลุดพ้นเป็นอย่างไร ก็ไม่มีทางสงสัยในตนเอง

ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องประพฤติปฏิบัติ ให้รู้ ให้เห็น ให้เป็นในตัว เพราะธรรมะเท่านั้นที่จะให้ความสุขอย่างประเสริฐ ไม่มีสุขใดจะสุขเลิศเท่ากับจิตหลุดพ้นจากกิเลสถึงธรรมะ ธรรมทำคนให้บริสุทธิ์ได้อย่างนั้น

คำสอนหลวงปู่สิงห์ทอง ธมมวโร
วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 212 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร