วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 06:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2023, 06:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"..พลังจิต คือ บารมี.."

"..พุทโธให้อยู่ที่ใจ คือ หัวอกเบื้องซ้าย
กำหนดใจของเราไว้ที่ใจ
อย่าให้ใจนี้ส่ายแส่ไปตามอารมณ์ต่างๆ
อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เกิดจาก "อุปาทาน"

อุปาทานนั้นได้แก่ ความยึดถือ
ยึดถือว่า เป็นต้วตนบุคคล
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ทำให้จิตนี้ต้องฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์
เมื่อฟุ้งซ่านจิตไม่เป็นสมาธิ ตัดความฟุ้งซ่านได้แล้วจิตเป็นสมาธิ
จิตเป็นสมาธิหลายครั้ง หลายครั้ง...เกิด "พลัง"

การเกิดพลังจิตนั้นเป็นสิ่งที่ประสงค์
การทำสมาธิจุดประสงค์อยู่ตรงไหน
การทำสมาธิ จุดประสงค์อยู่ตรง "พลังจิต"
ส่วนการกระทำนั้นก็คือ การนั่งสมาธิ
และเราก็ทำให้จิตสงบไปเรื่อยๆ
เมื่อจิตสงบแล้วก็กลับกลายมาเป็นพลังจิต
พลังจิตนั้น คือ "บารมี"
หรือเรียกว่า เป็นส่วนที่สะสมอบรมซึ่งบารมี

เพราะเหตุใด เพราะเหตุว่า
พลังจิตนี้จะสะสมด้วยอย่างอื่นไม่ได้
เราจะไปเที่ยวเอา หรือจะไปซื้อเอา
หรือจะไปหาอุบายวิธีเอา
อย่างไหนๆ ไม่ได้ทั้งนั้น ที่จะมาเสริมพลังจิต
มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือ การทำจิตให้เป็นหนึ่ง.."

สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
วัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร
แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ






“ลูกหลานพากันมากราบหลวงปู่แล้ว ก่อนกลับบ้านอย่าพากันลืมหอบเอาพุทโธกลับไปบ้านด้วยน่ะ”

โอวาทธรรม
หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร
วัดป่าดานวิเวก ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ





"..ธรรมทั้งหลายไหลมาจากเหตุ กายก็เป็นเหตุอันหนึ่ง วาจาก็เป็นเหตุอันหนึ่ง ใจก็เป็นเหตุ อันหนึ่ง กายทุจริตเป็นเหตุแห่งบาปอย่างหนึ่ง วจีทุจริตก็เป็นเหตุแห่งบาปอย่างหนึ่ง มโนทุจริตก็เป็น เหตุแห่งบาปอย่างหนึ่ง การละกายทุจริตก็เป็นเหตุแห่งบุญอย่างหนึ่ง การละวจีทุจริตก็เป็นเหตุแห่งบุญอย่างหนึ่ง การละมโนทุจริต ก็เป็นเหตุแห่งบุญอย่างหนึ่ง ทางของบุญของบาปเหล่านี้มีอยู่ในตัวของเรานี้เอง ไม่ได้อยู่ที่ไหน เราก็ทำเอา สร้างสมเอา อย่ามัวเมาเป็นอดีตเป็นอนาคต อดีตก็เป็นธรรมเมา อนาคตก็เป็นธรรมเมา มีแต่ปัจจุบัน เท่านั้นที่เป็นธรรมา สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว เลยมาแล้ว เราไม่สามารถจะไปตัดไปแปลงมันได้อีกแล้ว สิ่งที่เราทำไปนั้น ถ้ามันดี มันก็ดีไปแล้ว ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว ถ้ามันชั่ว มันก็ชั่วไปแล้ว พ้นไปแล้วเช่นกัน อนาคตก็ยังไม่มาถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง เราก็ยังไม่รู้ ไม่เห็นว่า มันจะเป็นอย่างไร อย่างมากก็ เป็นแต่เพียงการเดา การคาดคะเนเอาว่า ควรเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เรา คาดคะเนก็ได้ ปัจจุบันคือสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริงได้สัมผัสจริง เพราะฉะนั้น ความดีต้องทำในปัจจุบัน.."

ธรรมโอวาทโดย
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่(พ.ศ.๒๔๓๐–๒๕๒๘)






ถาม : คุณแม่ของเพื่อนตอนนี้ป่วยอยู่
หมอแนะนำให้บริหารร่างกาย
เพื่อนก็พยายามจะให้แม่ทำ
แต่แม่ไม่ยอมทำ เพื่อนจะบังคับแม่ตลอด
ก็เลยกลุ้มใจ ฝากกราบเรียนถามว่า
ควรจะทำตัวอย่างไร
พระอาจารย์ : ควรทำตามใจแม่
“ อย่าทำตามใจเรา “

ถาม : แต่เพื่อนอยากให้คุณแม่หาย
พระอาจารย์ : อย่าไปอยาก
ทำตามเหตุตามผล
บอกให้แม่ทำแล้ว ถ้าไม่ทำก็จบ
เป็นเรื่องของแม่ ไม่ใช่เรื่องของเรา

ถาม : จะเป็นกรรมกับแม่ไหมคะ
พระอาจารย์ : ถ้าบังคับแม่ มีเรื่องกับแม่
ก็เป็นเวรเป็นกรรมกัน
ควรจะรับใช้แม่ตามใจแม่
.บอกแม่แล้ว ถ้าไม่ทำก็เรื่องของแม่
ถ้าเคี่ยวเข็ญแม่จะเป็นเวรเป็นกรรม
ถึงแม้จะอยากให้ท่านหาย
แต่ความอยากเป็นกิเลส
เรามีหน้าที่เลี้ยงดูท่าน รับใช้ท่าน
ต้องเอาใจท่าน เอาตัวท่านเป็นใหญ่
ไม่ใช่เอาความอยากของเราเป็นใหญ่
ต้องเอาความสบายใจของท่านเป็นใหญ่

ถาม : แต่คุณแม่จะเคียดแค้นเขา
พระอาจารย์ : เพราะต่างคนต่างจะเอาชนะกัน
ก็เลยโกรธกันเกลียดกัน ถ้าต่างคนต่างถอย
ต่างคนต่างอยู่ ไม่เคี่ยวเข็ญบังคับกัน
ก็จะไม่มีปัญหาต่อกัน
แทนที่จะทำตัวเป็นลูกกลับทำตัวเป็นแม่
จะสอนแม่บังคับแม่ ให้ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้
ไม่ใช่หน้าที่ของเรา
หน้าที่ของเราเป็นคนรับใช้ ..แม่เป็นเจ้านาย
แม่ต้องการอะไร ถ้าไม่ผิดศีลผิดธรรม
ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ก็เอามาให้ท่าน
ถ้าผิดศีลผิดธรรม
เช่นเอาเบียร์มาสักขวด ก็ไม่ต้องเอามาให้
ทำให้ท่านมีความสุขถึงจะเป็นบุญ
ทำให้ท่านมีความทุกข์ ถึงแม้จะถูกใจเรา
“ ก็เป็นบาป “
……………………………………………

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๖๑ กัณฑ์ที่ ๔๕๗
๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖





"..ท่านทั้งหลายอย่าไปคาดโลกนั้นโลกนี้ว่าน่าสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจ เวลาตายไปอยากไปอยู่โลกนั้นโลกนี้ อันความอยากความไม่เพียงพอกวนใจอยู่ก่อนที่ยังไม่ตาย ท่านทั้งหลายยังไม่มองดูมันว่าเป็นข้าศึกเครื่องรบกวนใจ แล้วพวกท่านจะไปหาเอาความสุขจากอะไรที่ไหนกัน ถ้าท่านทั้งหลายไม่หมดความหวังว่าจะไปโลกนั้นโลกนี้อยู่อย่างนี้แล้ว ผมเองก็หมดปัญญาไปด้วยท่านทั้งหลายแล้วเวลานี้.."

โอวาทธรรม
พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)ที่มาหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ






"..บุคคลผู้มีสติปัญญาดี เมื่อได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังพระสัจธรรมอันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เขาย่อมเป็นผู้มีจิตแสนฉลาด รู้ความหมายมีศรัทธาเลื่อมใส เข้าใจในอรรถในธรรม เขาทำแต่กรรมดี ละกายทุจริต ดังจิตเจตนา เว้นห่างจากบาป เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมยเอาข้าวของของผู้อื่น ไม่ประพฤติผิดมิจฉาทางกาม ไม่พูดความเท็จ พูดแต่ความจริง ไม่พูดส่อเสียดให้เกิดความทะเลาะแตกความสามัคคีต่อกันไม่พูดคำหยาบ ไม่แสลงหู ทำให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจดี ไม่มีภัยในคำพูด พูดมั่นคงมีหลักฐาน ไม่เป็นคำเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้ประโยชน์ เป็นวาจาสะอาด นักปราชญ์นิยมชมชอบ.."

ภูริทตฺตวาท
พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 213 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร