วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 20:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2023, 04:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ศรัทธามีมากเกินไป ขาดปัญญากลายเป็น “งมงาย”
ปัญญามีมากเกินไป ขาดศรัทธากลายเป็น “ทิฏฐิมานะ”
สมาธิมีมากเกินไป ขาดปัญญากลายเป็น “โมหะ”
ปัญญามีมากเกินไป ขาดสมาธิกลายเป็น “ฟุ้งซ่าน”
วิริยะมีมากเกินไป ขาดสมาธิกลายเป็น “เหน็ดเหนื่อย”
สมาธิมีมากเกินไป ขาดวิริยะกลายเป็น “เกียจคร้าน”
สติ มีมากเท่าไหร่ยิ่งดี มีแต่คุณ ไม่มีโทษ

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี






#คำถามจากทางบ้าน คนทำไม่ดีกับเราแล้วทำไมมันยังอยู่ดีอยู่ครับผม

#พระอาจารย์ตะวัน ถ้าเราดูดีๆ เขาไม่ได้อยู่ดีหรอก พอๆกัน ที่เขาทำไม่ดีกับคนอื่น เพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีหรือเปล่า หรือบางทีก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา

แต่ถ้าเรามองดูดีๆ จริงๆแล้วไม่มีใครอยากจะทำชั่ว เพียงแค่เขาไม่รู้ตัวเฉยๆ ว่าการกระทำมันกระเทือนต่อคนอื่น โดยธรรมชาติแล้วไม่มีใครอยากเป็นคนชั่ว ให้คนอื่นด่าหรอก ให้คนอื่นตำหนิหรอก แต่เพราะความไม่รู้ เพราะรู้ไม่เท่าทันในกรรม เหตุแห่งกรรม และผลของกรรม หรือไม่ก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรคือหมายกันเอาไว้ สักวันหนึ่งเราจะต้องเอาคืนให้ได้ บางทีเราอาจไปทำให้เขาแค้นใจอย่างเงี้ย เราอาจจะเคยไปแย่งขนมเขาตอนเด็กๆ เขาไม่ลืมอย่างเนี้ย มันเป็นความอาฆาตพยาบาทผูกโกรธที่ติดมา

แต่จริงๆแล้วไม่มีใครอยากจะทำชั่ว บางทีเขาก็ไม่รู้ตัว เมื่อเราเห็นตามความเป็นจริงแล้ว เราก็จะรู้ว่าชีวิตของทุกคนน่ะ มันอัดอั้นอยู่ด้วยทุกข์ คนที่เขาพูดไม่ดีกับเรา คนที่เขามาด่าเราอย่างเงี้ย ถ้าเรามองดูชีวิตเขาจริงๆ เราก็ไม่เชื่อว่าเขาจะรู้จักความสุข

เพราะคนที่เขามีความสุข เขาจะไม่พูดอย่างงี้ คนที่มีความสุขเขาจะไม่ไปว่าใคร เขาจะไม่ไปกระทบกระเทียบไม่ไปส่อเสียดไม่ไปโอ้อวดใคร คนที่มีความสุขเขาจะอยู่ได้ ด้วยความเย็นใจ แล้วก็มีใจที่จะแบ่งปันต่อคนอื่นได้

เพราะฉะนั้นเวลาที่เราไปเจอคนที่เขาพูดให้เราไม่ดี พูดกระทบกระเทียบเรา ด่าเรา นินทาให้ร้ายเรา จริงๆแล้วมาจากใจที่ทุกข์นั่นเอง

ถ้าคนที่เขามีความสุขเขาไม่ทำอย่างงั้น จริงๆแล้วมันทุกข์ บางทีเขาอาจจะเห็นว่าเราดีกว่า เขาอยากจะมีความสุขแบบเนี้ย เขาก็เลยกดคนอื่นไว้ เพื่อที่จะให้ตัวเองพ้นจากความทุกข์ภายในใจ

คนที่มีความสุขนี่นั่งยิ้มอยู่ในป่า ไม่มีอะไรก็ไม่ทุกข์ คนที่มีความทุกข์ก็แสดงออกอยู่แล้ว นี่แหละคือความจริงเรียกว่าสัจธรรม ใครมีอะไรเป็นสมบัติของใจย่อมแสดงสิ่งนั้น

คนที่ไปตามว่าคนอื่น ด่าคนอื่น กระทบกระเทียบยกตนโอ้อวด อยากเอาชนะ มันออกมาจากใจที่ทุกข์ เพราะใจของเขาทุกข์ เขาหาระบายทุกข์ หาทางออกจากทุกข์ไม่ได้ เขาก็เลยต้องแสดงออกมาจากใจที่คับแค้นนั่นเอง

คนที่รู้จักแล้วก็สงสารเขา มองดูดีๆก็คือเขาน่าสงสารนะ เพราะว่ามันไม่ได้มีผลอะไรกับเราเลย เหมือนกับที่ว่ามีคนมาตำหนิเรา มีคนมาว่าเราอย่างงั้นอย่างงี้นะ เขาก็ถ่ายรูปมาให้เราดู มันก็ไม่รู้จักอะไรกับเขา ด่าเราเหรอ ก็ไม่รู้ว่าเขาด่า คือมันไม่รู้สึกว่าเขาด่า มันเห็นว่าเขาทุกข์อย่างเงี้ย ไม่ได้รู้จักว่าเขาด่าเรานะ นี่เราบ้าหรือเปล่าว่ะด่าเราทำไมวะ เห็นแล้วก็สงสารเขา เพราะว่าคนที่เขามีความสุขเขาก็คงไม่ไปด่าใคร "
……………………………………………………
พระอาจารย์ตะวัน ปัญญาวัฒฑโก







#การพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์

"...ขอให้ทนทำสมาธิภาวนา ทำจิตให้สงบ ให้พิจารณาแยกธาตุ แยกขันธ์และอายตนะออกเป็นส่วนๆ ตามความเป็นจริง พิจารณาให้เห็นความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้นตามหน้าที่ของมัน

ให้แยกกายออกจากจิต แยกจิตออกจากกาย ให้ยึดเอาตัวจิต คือผู้รู้ เป็นหลัก พร้อมด้วยสติ

ธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้พิจารณาให้อยู่ในสภาพของมันเองแต่ละอย่าง

เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริงแล้ว จะเห็นได้ว่าธาตุทั้ง ๔ ต่างเจ็บไม่เป็น ป่วยไม่เป็น แดดจะออกฝนจะตก ก็อยู่ในสภาพของมันเอง

ในตัวคนเราก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ นี้รวมกัน การที่มีความเจ็บปวดป่วยไข้อยู่นั้น เนื่องมาจากตัวผู้รู้ คือจิต เข้ายึดถือด้วยอุปาทาน ว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นของเขาของเรา

เมื่อพิจารณาตามความป็นจริงแล้ว ตัวผู้รู้คือจิตเท่านั้นที่ไปยึดเอามาว่าเจ็บ ว่าปวด ว่าร้อน ว่าเย็นหรือหนาว ฯลฯ

ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว สิ่งทั้งปวงเหล่านั้นไม่ได้เป็นอะไรเลย ดินก็คงเป็นดิน น้ำก็คงเป็นน้ำ ไม่มีส่วนรู้เห็นในความเจ็บปวดใด ๆ ด้วย

เมื่อทำจิตให้สงบ และพิจารณาเห็นสภาพความเป็นจริงแล้ว จิตย่อมเบื่อหน่าย และวางจากอุปาทาน คือเว้นการยึดถือมั่นในสิ่งเหล่านั้น

เมื่อละได้เช่นนี้ ความเจ็บปวดต่าง ๆ ตลอดจนความตาย ย่อมไม่มีตัวตน

เพราะฉะนั้น หากทำจิตให้สงบ เป็นสมาธิแน่วแน่แล้ว โรคต่าง ๆ ก็จะทุเลาหายไปเอง..."

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร






. คนเรานี้ย่อมมีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

เราทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญ หรือ เป็นบาป เมื่อยังมีชีวิตอยู่ กรรมนั้นจักเป็นทายาท ให้เราได้รับผลของกรรมนั้นสืบต่อ ๆ ไป”

“กรรมนี้แหละ ย่อมจำแนกแจกสัตว์ให้เป็นไปต่าง ๆ นานา ให้เลว ให้ดี ให้ชั่ว ให้ประเสริฐ ก็เป็นเพราะผลของกรรมที่ทำไว้”

โอวาทธรรมหลวงปู่ เสาร์ กันตสีโล
วัดดอนธาตุ จ.อุบลราชธานี







ปัญหาชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุบันจำนวนไม่น้อย มีมูลเหตุจากความมักง่ายใคร่ได้ในทางลัด ปรารถนาจะประสบผลสำเร็จโดยเร็ว ทั้งที่ไม่ประกอบความพากเพียรในกิจอันสุจริต มักท้อถอย เพิกถอนตนออกจากการศึกษาหรือภารกิจการงานอันดี เพราะไม่มีความเพียรเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งตนให้อดทนสู้จนบรรลุสัมฤทธิผล ท้ายที่สุดจึงเป็นคนหลักลอย ไม่จริงจังกับกิจการใดเป็นหลักฐานได้นาน จนอาจหลงพลาดไปสู่ทางผิด ทั้งในระดับศีลธรรมและระดับกฎหมายบ้านเมือง

บุคคลจึงควรฝึกหัดตนให้ถึงพร้อมด้วยความเพียรชอบ เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตผู้ฉลาดทั้งคดีโลกและคดีธรรม สามารถประคับประคองตนให้สำเร็จผลอันพึงประสงค์ได้ในเบื้องปลาย สมกับความรู้และคุณธรรมที่แต่ละคนได้รับการอบรมบ่มเพาะมาแล้ว
.
--- พระคติธรรม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก






อย่าไปยินดีในการทำชั่วของคนอื่น…เพราะเราจะมีส่วนในบาปนั้นด้วย
แต่ให้ยินดีในการประกอบคุณงามความดีของตนและของคนอื่น
เพราะจะได้แต่บุญโดยฝ่ายเดียว

คำสอนของหลวงปู่หลุย จันทสาโร






. "มารไม่มี...บารมีไม่เกิด"

หลากหลายประเภทของมาร
ในชีวิตคนเรานั้น “มาร” มาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อทดสอบว่า เราเป็นผู้มีบุญบารมีระดับใด

- “มาร” มาช่วยเสริมสร้างบุญบารมีหากเราคิดเป็น มีธรรมในใจจริง

- “มาร” เข้ามาในชีวิต เพื่อให้เรารู้ว่า กฏแห่งกรรมมีจริง ผลแห่งกรรมมีจริง

- “มาร” มาในรูปแบบคู่ชีวิต เจ้ากรรมนายเวรมีแต่เรื่องปวดหัว เรื่องร้อนในใจ เข้ามาเพื่อให้เรารู้สึกตัว รู้จักที่จะฝึกจิตให้อดทน รู้จักยับยั้งชั่งใจไม่กระทำบาปกรรมตอบสนอง รู้ดีรู้ชั่ว ไม่สร้างเวรกรรมใหม่ผูกพันกันหนักขึ้นไปอีก

- “มาร” มาในรูปแบบเพื่อนรอบตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ที่ทำงาน เพื่อนบ้าน เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ เข้ามาทดสอบจริยธรรม คุณธรรมของเราว่าเราอยู่ในระดับ เข้ามาเพื่อให้เราได้เห็นทางสว่างขึ้น พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เข้าใจโลกและธรรมมากขึ้น

- “มาร” มาในรูปแบบเงินทั้งการอัตคัดขัดสน เพื่อให้เราจักความจริงแท้ของธรรมชาติ ได้รู้จักตน รู้จักพอประมาณ รู้จักใช้ชีวิตที่พอเพียง ไม่ประมาท เกิดปัญญาในการมีชีวิตโดยไม่เอาเงินเป็นที่ตั้งก็มีความสุขได้

- “มาร” มาในรูปแบบเงินมากมายที่ยั่วยวนให้เราหลงใหล มาทดสอบกิเลสว่า ทดสอบคุณธรรมว่าเราดีจริงหรือไม่

- “มาร” มาในรูปแบบปัญหาในเนื้องานที่เราทำ ทำให้เรา”ตื่น” ที่ต้องแสวงหาปัญญาในทางแก้ไข ทำให้เรารู้ว่า”ปัญญา”ของเราอยู่ในระดับไหน ต้องเสริมเพิ่มเติมอย่างไร

- “มาร”มาในรูปแบบการขัดขวางการสร้างบุญ ทำให้เรารู้คุณค่าของ”บุญ” ที่แท้จริง มาเสริมให้เรามีจิตใจ มีศรัทธา ไม่ยอท้อในการสร้างบุญบารมีมากขึ้น

ขอให้พิจารณา”มาร” ในความเป็นจริง ในแง่มุมที่เกิดผล ขอ ”บุญบารมี” จงบังเกิดแก่ท่านทุกคน ขอโมทนาสาธุ

โอวาทธรรมพระครูบาเจ้าศรีวิชัย
วัดบ้านปาง จ.ลำพูน




"...สิ่งที่ล่วงแล้วไปแล้ว ก็ให้มันล่วงแล้วไปไม่ต้อง
มาคำนึงถึงวุ่นวายอีก สิ่งที่ยังไม่มาถึงก็อย่าไป
คาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างโน้น เป็นอย่างนี้
เอามาคิดเป็นอารมณ์ ปรุงแต่งให้เป็นทุกข์
ให้คิดแต่ปัจจุบัน แก้ปัจจุบันนี้ ทุกข์ทั้งหลายอยู่ใน
ปัจจุบันนี้ อย่าไปขังไว้ ให้ปล่อยไป..."

#ที่มา หนังสือ กุลเชฏฐาภิวาท หน้า ๒๔๗
#โอวาทธรรม ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ






" อย่าย่อท้อในอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามา
เพราะมันคือยาชั้นดี
ที่จะมารักษาความมั่นคงในจิตใจเรา
อย่ามองว่ามันคือปัญหา
แต่ให้มองว่า คือ #ความท้าทาย
ต่อกำลังใจ วาสนาและบารมีของเรา
ที่กำลังก้าวขึ้นสูงต่อไป"

#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี






“พระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องของการอ้อนวอน
ร้องขอ หรือให้กันได้
ทุกคนจะต้องทำด้วยตนของตนเอง
จึงจะได้รับผล”
“สิ่งใดที่มิได้ประกอบไปด้วยเหตุและผลแล้ว
สิ่งนั้นก็มิใช่พุทธศาสนา”

หลวงพ่อลี ธมฺมธโร
วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ





อย่าคิดว่าตัวเอง...
บุญน้อยวาสนาน้อย
แล้วมาพูดให้ตัวเองท้อแท้-
คิดแบบนั้นมันไม่ถูก !!
ถ้าคิดว่าตัวเองบุญน้อยวาสนาน้อย
ก็รีบสร้างเสริมบารมีให้กับตัวเอง
ให้มากยิ่งๆขึ้นไป ทำให้เต็มที่ที่ตัวเองทำได้
คนที่เขามีปัญญา เขาจะมุ่งหน้าทำเอา
คนไม่มีปัญญาก็รอเอาแต่ลมแต่แล้ง
สูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

โอวาทธรรม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม






" ...หากธรรมะ ไม่ชนะซึ่งอธรรม โลกนี้คงบรรลัยพินาศไปนานแล้ว เพราะธรรมะยังอยู่ประคองโลก จึงทำให้โลกนี้ยังไม่บรรลัย ... "

#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 204 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร