ไม่ฟังพระพุทธพจน์จะไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีอวิชชา
เพราะว่าความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือ(ธรรม=สิ่งที่มีจริง)
สิ่งที่มีจริงกำลังปรากฏว่ามีจริงจริงมีแล้วที่กายใจของทุกคนในขณะนี้
สิ่งที่มีจริงไม่ใช่สถานที่ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์สวรรค์นรกพรหมโลกนิพพานก็มีธรรมแล้ว
แต่เป็นธรรม(สิ่งที่มีจริง)ใดกำลังปรากฏให้รู้ว่ากำลังมีแล้วที่ตัวตนกำลังมีในขณะนี้
ต้องพึ่งฟังคำทุกคำในพระไตรปิฏกซึ่งการฟังไม่มีทางลัดคือต้องฟังไปตามลำดับคำ
จากคำแรกฟังไปทีละคำฟังทันทุกคำเข้าใจทีละคำทันทีเพื่อรู้จักธรรมที่กำลังปรากฏ
ไม่ว่าจะมีการเดินทางไปตามสถานที่แห่งใดในโลกนี้หรือภพภูมิอื่นๆที่มีเขียนไว้ในตำรา
ถ้าไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่ฟังในขณะนี้แปลว่าตัวเรากำลังมีอวิชชา
ความจริงกำลังปรากฏแต่ตัวเรากำลังมีอวิชชากำลังขาดสติปัญญาจากการอบรมจิตจากฟัง
เมื่อขาดฟังก็หอบตัวตนอวิชชาที่ไร้ปัญญาของตนเองไปถามตัวตนอวิชชาของคนอื่น
ไปแสวงหาถามความจริงจากอวิชชาของคนอื่นโดยที่ตนเองไม่ฟังไม่ศึกษาพระไตรปิฏก
จึงไม่รู้ว่าอะไรคือความจริงที่มีแล้วตรงตามที่เป็นคือมีแล้วแต่ไม่รู้จึงต้องฟังเพื่อเข้าใจถูกตัวตน
คือศึกษาว่าอะไรคือสัจจะธรรมะที่กำลังมีจริงในขณะนี้ที่กำลังปรากฏว่ามีแล้วไม่ได้ทำค่ะ
ฟังเพื่อรู้จักสัจจะในขณะนี้ที่กำลังปรากฏตรงตามพระพุทธพจน์ที่มีตรงตามพระไตรปิฏกทุกคำ
https://www.youtube.com/live/wa47fP-qhi0?feature=share
