ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

อย่าทิ้งความดี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=63735
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 26 พ.ค. 2023, 05:26 ]
หัวข้อกระทู้:  อย่าทิ้งความดี

คนเราเกิดคนเดียว แก่ก็แก่คนเดียว
เจ็บก็เจ็บคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว
เรื่องการละกิเลส การบำเพ็ญกุศล
ไม่มีใครทำให้เราได้
เป็นงานของเราโดยเฉพาะ

พระอาจารย์ชยสาโร






"จงมองตนเอง เพื่อแก้ไข
และมองคนอื่น เพื่อให้อภัย
จะอยู่สุขใจ และเป็นอิสระ"

หลวงปู่ศรี มหาวีโร





"ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำดีแล้ว
คนอื่นเค้าว่าไม่ดี ก็เป็นเรื่องของเขา
เราอย่าทิ้งความดีของเรา
มันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่ที่คนอื่นมอง"

หลวงปู่ชา สุภัทโท






ทําสมาธิ

เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

อุปัชฌาย์ช้า (หลวงปู่กลิ่น)
สอนว่า ภาวนาได้เห็นแสงสว่าง
เท่าปลายหัวไม้ขีด
ชั่วประเดี๋ยวเดียว เท่าช้างกระดิกหู
งูแลบลิ้น ยังมีอานิสงส์
มากกว่าตักบาตรจนขันลงหินทะลุ

“หมั่นทำเข้าไว้
ต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งภายหน้า

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ







.
เมตตาพรหมวิหารนี้ ถ้าทำให้มาก เจริญให้มาก ย่อมแก้กรรมได้ กรรมที่ทำแล้วถ้าหนักก็อาจจะเบาบางลงได้ ถ้ากรรมนั้นพอประมาณก็อาจจะจางหายไปได้

ผู้ที่จะบำเพ็ญความดีจนบรรลุถึงความเป็นพระอริยเจ้า ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป จำเป็นต้องสร้างบารมี คือ ทำคุณสมบัติ ๑๐ ประการให้เกิดขึ้นให้มีขึ้นกับตนเองก่อน คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา

เมตตาเป็นบารมีอันหนึ่ง ซึ่งจำเป็นจะต้องสร้างให้เกิดขึ้น ให้มีขึ้นกับตน การเจริญเมตตาพรหมวิหาร ทำให้เมตตาบารมีของเราเพิ่มขึ้น...... เพิ่มขึ้น

คำสอนหลวงปู่ ทิวา อาภากโร






"#การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย"
โดย พระไพศาล วิสาโล

"คนเจ็บนั้นไม่ได้ต้องการเพียงแค่การเยียวยาทางกายเท่านั้น
การเยียวยาทางจิตใจก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน
ยิ่งคนที่เจ็บหนัก อยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต
การเยียวยาทางกายกลับมีความสำคัญ
น้อยกว่าการเยียวยาทางจิตใจด้วยซ้ำ
ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อผู้ป่วยมีใจสงบ
ยอมรับความตายได้ก็หายทุรนทุราย
แม้อาการทางกายจะทรุดหนักลงเป็นลำดับ
จนยากแก่การเยียวยารักษาได้แล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การเยียวยาทางจิตใจแก่ผู้ป่วยระยะสุดท้ายนั้น
ยังเป็นเรื่องที่ผู้คนในปัจจุบันให้ความสนใจกันน้อย
เป็นผลให้ชีวิตในช่วงสุดท้ายของผู้ป่วยเป็นอันมาก
เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานจนไม่อาจจากไปได้อย่างสงบ

หนังสือเล่มเล็กๆ นี้เป็นความพยายามเบื้องต้น
ในการนำเสนอวิธีการช่วยเหลือทางจิตใจแก่ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
โดยอาศัยหลักการทางพุทธศาสนา
ทั้งนี้โดยมีประสบการณ์ของผู้รู้มาเป็นตัวอย่าง
ประกอบ เรื่องราวดังกล่าวชี้ให้เห็นเป็นอย่างดีว่า
การตายอย่างสงบนั้นเป็นไปได้ไม่จำเป็นต้องลงเอย
ด้วยความทุกข์ทรมานหรือทุรนทุรายแต่อย่างใด"

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/