พระพุทธเจ้าตรัสรู้สัจจะธัมมะ
สัจจะคือความจริง ธัมมะคือสิ่งที่มีจริง
จะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
ให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง
ใหฟังทีละคำเพราะความจริงมีจริง
แค่ขณะนี้ขณะเดียวเท่านั้นที่ไม่ใช่ตัวเรา
หลังการตรัสรู้ทรงเทศนาสัจจะธัมมะทีละ1คำ
เอ่ยพระวาจาไปตามลำดับคำทีละ1พยางค์เพื่อทรง
อธิบายทีละคำให้ผู้ที่กำลังฟังเท่านั้นคิดตรงคำตามได้
ไม่ได้สอนให้ใครปลีกตัวออกจากการฟังคำสอน
ไปทำอะไรเองตามความคิดความเชื่อของตัวตน
ตัวตนย่อมคิดทำตามกิเลสตัณหาอัตตามานะทิฏฐิ
เพราะการฟังความจริงของสิ่งที่มีจริง(สัจจะธัมมะ)
คือการฟังสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจ
ในขณะนี้แต่เป็นเพียงสิ่งที่มีจริงที่เกิดแล้วดับทันที
ไม่มีสมมุติเวลาที่บอกความเร็วของสิ่งที่มีจริงนี้ได้
เพราะโลกไม่เป็นไปตามความคิดของใครทั้งสิ้น
แต่โลกตามบาลีแปลว่าสิ่งที่กำลังเกิดดับแตกสลาย
เพียงอาศัยมีชั่วคราวที่รูปใสพิเศษจากกรรมกำหนด
มีทั่วร่างกายแต่คิดตามนิมิตว่ามีสัตว์บุคคลสิ่งของ
นิมิตคือภาพลวงตาให้คิดผิดว่ามีภพภูมิมีคนมีสัตว์
ดังนั้นการไม่ฟังพระธรรมจึงนำมาซึ่งตัวตนพาทำผิด
เพราะเข้าใจผิดคิดและเชื่อตนเองมีตัวตนและยังมี
คนอื่นสัตว์สิ่งของมารองรับการกระทำของตัวตน
ไม่มีใครคิดได้และรู้สึกตัวได้เองโดยไม่คิดตามฟัง
ไม่มีใครรู้ความจริงจนกว่าจะเริ่มต้นฟังพระธรรม
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสรู้สิ่งที่อยู่เหนือการเกิดดับ
ขณะนี้เรากำลังคิดผิดว่ามีตัวตนเพราะคิดเอาเอง
และทำตามความเชื่อถือตัวเองและคนอื่นมานาน
การจะปรับเปลี่ยนทัศนคติให้เกิดสัมมาทิฏฐิตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าจึงต้องพึ่งการฟังพระธรรม
ตลอดชีวิตเพราะการทำตามที่ใจเชื่อและชอบทำ
ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าทรงสอนให้ฟังดีดี
คิดดีดีไม่ให้เชื่อหรือทำตามใครทั้งสิ้นเพราะสัจจะ
มีตรงแค่1คำปรมัตถธรรตรงตามพระอภิธรรม
เวลาไหนก็ไม่มีเรามีแต่ธัมมะกำลังเกิดดับนับไม่ได้
จึงต้องฟังและคิดทีละคำจนกว่าจะรอบรู้เป็นพหูสูต
หนทางพิสูจน์ความแข็งแรงของม้า
กาลเวลาพิสูจน์ความอดทนของใจคน
https://youtu.be/PgX3jBj8ZPA
