ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
กิเลสในใจ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=63185 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 13 ก.พ. 2023, 06:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | กิเลสในใจ |
...ต่อจากนี้ไปขอให้นั่งในอิริยาบถที่ทำให้รู้สึกมั่นคง ตัวนิ่ง นิ่งเท่าที่จะนิ่งได้ เพราะความนิ่งของกายก็ส่งผลต่อจิตใจ ทำให้จิตใจเย็นลง จึงซึมซับความนิ่งของกาย ให้ร่างกายเราตรง แต่ตรงแบบธรรมชาติ ในการนั่งสมาธิการหลับตามีทั้งข้อดี ข้อเสีย ส่วนมากข้อดีมากกว่าข้อเสีย เพราะหลับตาเราก็ได้ตัดรูปต่างๆ ไม่ให้กระทบตาซึ่งชวนให้คิด ชวนให้ปรุงแต่งต่างๆ นานา แต่ในกรณีที่นักภาวนารู้สึกง่วง การลืมตายังเป็นทางเลือกได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราไม่ลืมตาเต็มที่ ไม่สนใจรูปต่างๆ มองที่พื้น วางสายตาแบบผ่อนคลาย ไม่โฟกัสสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การลืมตาหรือหลับตานี่ก็แล้วแต่ หลับตาดีกว่า แต่ถ้าง่วงลืมตาได้... พระอาจารย์ชยสาโร นำสมาธิภาวนา ในวาระปฏิบัติธรรมออนไลน์ ครั้งที่ ๑ วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ณ ภาวนาราม วัฒนา กรุงเทพมหานคร . #โลกเวลานี้..!! "... กิเลสตัณหา มันหนาแน่นมาก ... มันไม่ยอมเชื่อกรรม ... สัตว์โลกจึงนับวัน หลั่งไหล ... ลงนรก ..." ————— #หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี "..ไม่ว่าบุญหรือบาปที่เราเคยได้กระทำมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงในชาติปัจจุบัน การภาวนานี้แหละจะทำให้เราเห็นผลได้ในชาติปัจจุบัน การภาวนาจะทำให้เราเกิดมีความรู้ในปัจจุบัน มีความรู้ที่จะปล่อยปะละวางกิเลสในใจของตนเองได้ พระอริยเจ้าพระอริยสงฆ์ในแต่ละขั้นภูมินั้น ท่านก็อาศัยภาวนานี่แหละเป็นวิธีจัดการกับกิเลสของตนเองจนฐานะภูมิจิตภูมิใจของท่านเลื่อนลำดับขึ้นไปจนถึงที่สุดหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะไปได้จนหมดสิ้น.." จากหนังสือ: หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์ ผู้ทรงฤทธิ์แห่งยุค หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน อ.วังสะพุง จ.เลย (พ.ศ. ๒๔๔๔ - ๒๕๓๘) "มะม่วงมันอยู่สูง ๕ เมตร เราอยากได้ เอาไม้ ๑๐ เมตร มาสอยไม่ได้ มันยาวเกินไป เอาไม้ ๒ เมตร มาสอย มันก็ไม่ได้ ไม่พอดี มันสั้นเกินไป เราอย่าเข้าใจว่า คนจบดอกเตอร์มาปฏิบัติ สบายเหลือเกิน เพราะเรียนรู้มาพอแล้ว อย่าเข้าใจอย่างนั้น ดอกเตอร์มันยาวเกินไปก็ได้" หลวงปู่ชา สุภัทโท "อันความรัก หรือที่รัก … เมื่อผู้ใดมีร้อยหนึ่ง ผู้นั้นก็มีทุกข์ร้อยหนึ่ง รักเก้าสิบ แปดสิบ เจ็ดสิบ หกสิบ ห้าสิบเป็นต้น จำนวนทุกข์ก็มีเท่านั้น ถึงแม้มีรักเพียงอย่างหนึ่ง ก็มีทุกข์อย่างหนึ่ง ต่อเมื่อไม่มีรัก จึงจะไม่มีทุกข์ ผู้หมดรักหมดทุกข์นั้น พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า เป็นผู้ไม่มีโศก ไม่มีธุลีใจ ไม่มีคับแค้น" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |