วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 07:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2023, 05:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"..วันดีก็ไม่มี วันไม่ดีก็ไม่มี วันเวลาเป็นสิ่งที่บอกให้เรารู้ว่าผ่านไปแล้ว กี่วัน กี่เดือน กี่ปีเท่านั้น วัน-เดือน-ปีไม่ใช่สิ่งที่จะมาละทุกข์และส่งความสุขให้ใครได้ สุขทุกข์ขึ้นอยู่กับการพูด-คิด-ทำของมนุษย์เรานี้เอง เพราะฉะนั้นในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๐ นี้ ของขวัญที่ดีที่สุดที่เราจะมอบให้ตัวเองและคนอื่นๆ ทั่ว ๓ แดนโลกธาตุ คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา พร้อมทั้งเป็นหนทางเดินเข้าไปหาความสุขที่แท้จริงซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับวัน-เดือน-ปีที่ไหนเลย ขอให้ทุกคนทุกท่านเข้าถึงดินแดนอันเป็นอมตธรรมด้วยกันทุกท่านเทอญ.."

โอวาทธรรม
พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ
วัดสามัคคีบุญญาราม (คีรีสุบรรพต) ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง






"อุทิศโดยไม่เอ่ยชื่อ"

ถาม : เมื่อทำทาน เช่นใส่บาตรถวายสังฆทานแล้วผมอุทิศให้กับพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และญาติพี่น้อง บางคนก็เอ่ยชื่อบางคนก็ไม่เอ่ยชื่อ ไม่ทราบว่าเขาเหล่านั้นจะได้รับบุญทุกท่านไหมครับ

พระอาจารย์ : เขาต้องเป็นผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว แล้วสองเขาต้องอยู่ในฐานะของขอทาน คือไม่มีบุญติดตัวไป พวกที่มีบุญติดตัวไปเขาก็จะไปเป็นเทวดา ไปเป็นเศรษฐีบุญ พวกที่เป็นเทวดาเขาก็ไม่ต้องมารอรับส่วนบุญ

เพราะบุญที่เราส่งไปนี้เป็นเหมือนเงินที่เราให้ขอทาน เอาเงินที่ให้ขอทานไปให้เศรษฐีเขาก็รู้สึกเฉยๆ
เช่นเราเอาเงินให้เศรษฐีที่มีเงินร้อยล้าน ส่งไปให้เขาร้อยบาทอย่างนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร
เขาก็รู้สึกเฉยๆ

แต่ถ้าเราส่งร้อยบาทไปให้ขอทานนี้เขาก็จะดีใจ เงินอุทิศนี้เป็นเป็นเหมือนเงินให้ขอทานเราส่งไปได้ไม่มาก ได้ร้อยละนิด ร้อยละไม่ถึงหนึ่งมั้ง เงินที่เราทำบุญทั้งหมดนี้ส่งไปให้ผู้ที่ล่วงลับไป ได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง เพราะว่ามันไม่เป็นสิ่งที่จะทำได้มากกว่านั้น

ดังนั้น จะส่งไปได้อุทิศได้ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่ขอให้เราพูดถึงความสัมพันธ์ของเรากับเขาก็แล้วกัน
ว่าเขาเป็นอะไรกับเรา เป็นญาติพี่น้อง เป็นปู่ย่าตายาย แค่นี้มันก็จะรู้แล้วว่าเป็นใคร แล้วพอเขารอรับอยู่เขาก็บอกว่า เฮ้ยๆ กูเป็นปู่ของมันเว้ย.

ธรรมะบนเขา วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต





"หนึ่งปีผ่านไป หัวเผือกหัวมัน
มันยังใหญ่กว่าเดิม ต้นไม้ก็สูงใหญ่กว่าเดิม
ฉันใด ก็ฉันนั้น

หนึ่งปีที่จะมาถึง เราควรมีความเจริญเติบโต
งอกงามทางจิตใจมากขึ้น บุญกุศลเพิ่มพูลมากขึ้น
มีความสุขมากขึ้น

อันนี้แหละ จึงจะทำให้มีชีวิตใหม่ ที่แท้จริง"

ท่านพุทธทาสภิกขุ







อายุหมดไปสิ้นไป แต่เราไม่รู้ตัว เอาละเท่านั้นล่ะ เอวัง

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี





#หลวงปู่เทสก์ #เทสรังสี
"#ทำอย่างไรจึงจะเห็นจิต ?—- ถ้ามิฉะนั้น จิตก็จะพาเราว่อนอยู่อย่างนั้นแหละ เที่ยวเหนือล่องใต้ ไปทั่วทุกทิศทุกทาง ถ้าเราคุมจิต ไม่อยู่ รักษาจิต ไม่ได้ ก็จะพาให้เราทุกข์เร่าร้อน เศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์

ถ้าไม่มีจิตแล้ว ตัวของเราก็เหมือนกับท่อนไม้ท่อนฟืน ใครจะสับจะบั่น ใครจะเผาจะอะไรๆต่างๆ ไม่รู้สึกทั้งนั้น

การปรากฏเห็นภาพทางตา เขาเรียกว่า...จิต แต่คนไม่เห็นตัวจิต คือตาเห็นภาพนั่นน่ะ เข้าใจว่าจิตเห็น ไม่ใช่จิต ตาเห็นต่างหากแสงกระทบเข้ามาก็เห็นเท่านั้น

หูได้ยินเสียงก็เหมือนกัน เสียงมาเข้าหู กระทบกันเข้ามันก็ได้ยิน จมูกสูดกลิ่น ลิ้นถูกรส กายสัมผัสอะไรต่างๆ อันนั้น ไม่ใช่ตัวจิต เป็นเรื่องกระทบกันต่างหาก กระทบกันแล้วก็หายไป

ถ้าเช่นนั้นจิตมันอยู่ที่ไหน ให้ลองหาดูในตัวเรานี่แหละ หาให้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ดูว่าจิตแท้มันอยู่ที่ไหนกัน

เมื่อหาจิตไม่เห็นแล้ว คนที่หาน่ะไม่เห็น คนไหนเป็นคนหา มันยังมี
ซ้อนอีก ใครเป็นคนค้นหา ? สิ่งที่ไปหานั้นเห็น แต่ผู้หาไม่เห็น

อย่างว่าเห็นรูป รูปนั้นเห็นแล้ว แต่ผู้เห็นน่ะใครเป็นคนเห็น มันต้องหาตัวนั้นซีจึงจะเห็น."

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 146 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร