ปัญญาเกิดได้ตามลำดับเริ่มต้นด้วยฟังทุกครั้ง
ชื่อมรรคแรก=สุตมยปัญญา=ปริยัติสัทธรรม=สัจญาณ(ญาณ=ปัญญา)
ข้ามมรรคแรกมรรคอื่นจะเกิดไม่ได้เลยจึงต้องเพียรอดทนฟัง
สุตมยปัญญาแปลว่าปัญญาสำเร็จจากการฟัง(ไม่ใช่อ่านนะคะ)
การอบรมเจริญปัญญาตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
คือการอบรมจิตเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้
จะนับถือครูคนไหนต้องรู้จักครูคนนั้นว่าท่านสอนอะไร
พระพุทธเจ้าคือพระคุณนามจากการตรัสรู้ความจริงของโลก
ทรงเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐผู้รู้ตื่นเบิกบานในพระธรรมทั้งหมด
ทรงเป็นเอกบุรุษมหาบุรุษหนึ่งเดียวในโลกและในจักรวาลนี้
ที่มาตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงพระธรรมเทศนา
เพื่อประกาศพระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ทีละหนึ่งคำตามลำดับ
คือแสดงบัญญัติคำสัจจะตรงความจริงที่กำลังมีทันทีในขณะที่ฟัง
ทุกคำที่ทรงตรัสจากพระโอษฐ์คือความจริงตรงปัจจุบันธรรม
คือมีความตรงจริงทันทีที่ระลึกตรงตามได้ตรงความจริงที่กายใจมี
ทุกคำไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเป็นจริงทุกเวลาทุกสมัย
เป็นคำจริงที่มีลักษณะเฉพาะคำที่ทรงตรัสไว้ดีแล้วทุกคำ
ทรงแจกแจงธรรมไว้โดยละเอียดเพื่อไม่ให้ไปตัดเสริมเติมแต่งเอง
เพราะการบำเพ็ญพระบารมีทศพลญาณมีมาอย่างยาวนานมาก
กาลที่จะมีพระพุทธเจ้าแต่ละ1พระองค์มาตรัสรู้จึงหาได้ยากยิ่ง
พระธรรมที่ทรงแสดงเป็นความจริงตรงตามที่ตรัสรู้ทุกคำ
คือมีตัวจริงธรรมะเป็นปัจจุบันธรรมตรง1คำปรมัตถธรรม
และพระธรรมที่ทรงแสดงเป็นภาษาบาลีสันสกฤตต้องแปลคำก่อน
จากภาษาต่างประเทศให้ตรงตามภาษาไทยที่ตรงตามลักษณะที่มีจริง
พระพุทธเจ้าแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีที่กายใจในขณะ
คือทุกคำในพระไตรปิฏกกำลังปรากฏว่ากำลังมีในขณะนี้แล้ว
ดังนั้นทุกคนไม่สามารถคิดทุกคำในพระไตรปิฏกในเวลาเดียวกันได้
จึงต้องมีการสิกขาคือศึกษาตรงทีละ1คำตรงความจริงที่มีแล้ว
ทุกคำที่ทรงตรัสรู้มีแล้วที่กายและจิตใจของทุกคนมีตรงตามเหตุปัจจัย
เป็นสิ่งที่ทุกคนมีแล้วแต่ไม่เคยคิดได้เองจึงต้องอาศัยการฟังพระพุทธพจน์
เพื่อเข้าใจความจริงตรงคำตรงความหมายของเสียงตรงสัจจะ
สัจจะคือสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ากำลังมีที่กายใจในเวลานี้
https://youtu.be/xLPZZWUcrX4
