ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
จิตไม่ได้ป่วยแต่ความคิดเห็นของเราป่วยยังไง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=62149 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 มิ.ย. 2022, 08:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | จิตไม่ได้ป่วยแต่ความคิดเห็นของเราป่วยยังไง |
![]() ![]() แค่หัวข้อก็งงแล้วอ่ะเด้ ![]() จิตไม่ได้ป่วยแต่ความคิดเห็นของเราป่วยยังไง ก็เพราะการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ามีคนเดียวในจักรวาลน่ะสิ ทรงตรัสรู้ว่าจิตเกิดดับไม่มีรูปร่างสิ่งใดเลยแค่อาศัยเกิดที่รูปทีละ1รูป(ใน28รูป) ดังนั้นจึงต้องศึกษาว่ารูปที่ปรากฏแต่ละหนึ่งรูปมันคืออะไรแต่ไม่ใช่ไปท่องจำคำ เพราะการศึกษาให้เกิดปัญญาจะต้องคิดไปตามลำดับคำเริ่มต้นที่ฟังคำใหม่ทุกครั้ง ไม่ว่าจะฟังคำไหนจะต้องคิดเพื่อเข้าใจตรงคำตรงตามความหมายของเสียงเท่านั้น ห้ามใส่ความคิดเห็นตัวเองลงไปเพราะมันจะฟังไม่รู้เรื่องต้องตั้งใจฟังให้ทันทุกคำ คำไหนฟังไม่เข้าใจฟังไม่ทันฟังไม่รู้เรื่องก็ผ่านไปได้เลยมันเป็นอดีตอวิชชาไปแล้ว ฟังสิ่งเดียวกันแต่ต่างคนต่างฟังตามกำลังสติปัญญาความคิดความจำคือพึ่งอัตตาฟังธรรม ![]() จิตไม่ได้อยู่รอใครไปนั่งสมาธิก่อนแล้วค่อยมาเปิดตำราดูแล้วเอาไปทำอีกทีนึง เพราะที่ทำตาปริบปริบอยู่ตอนนี้เร็วเท่าพริบตาจิตก็ดับไปแล้วแสนโกฏิดวงจิต เป็นคนบนโลกนี้มีความคิดเห็นว่าตัวเองมีตัวตนมีสมบัติมีบ้านมีรถมีที่ดินมีม้าวัวควาย ไม่รู้ความจริงว่าสัจธรรมตรงตามที่พระพุทธศาสนาสอนคือไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่เลย มีแต่ความคิดเห็นของคนหลงในความคิดเห็นผิดของตัวตนบนความโลภโกรธหลง ตอนหลงโลภไม่ใช่ตอนหลงโกรธแต่ก็เป็นการหลงไปในดงความคิดเห็นผิดของตัวเอง เพราะตราบใดที่ไม่เริ่มต้นคิดตามการฟังคำจริงของพระพุทธเจ้าทุกคนก็คือคนป่วย ที่ไม่ยอมกินยามัวแต่อ่านชื่อยาแล้วก็จำว่ายาแต่ละอันรักษาอะไรไม่ฟังคือยังไม่กินยา แม้ฟังก็เถียงไปไม่เข้าใจและไม่กินยาอยู่ดีเพราะมัวแต่เถียงว่ากูอ่านมาเยอะรู้เยอะกว่าอิอิ ![]() ไม่รู้สึกตัวว่ามีกิเลสเป็นเพื่อน1มีตัณหาเป็นเพื่อน2พออาจารย์อวิชชา3ชวนทำ 3เกลอคือกิเลสตัณหาอวิชชาพากันปฏิบัติกันใหญ่ลืมว่าต้องทำสุตมยปัญญาก่อน จิตไม่ได้ป่วยเพราะจิตเกิดดับตรงทีละ1ดวงจิตตรงแค่ทางเดียวแต่มันดับหมดแสนโกฏิ ความคิดเห็นของเราน่ะป่วยหนักมากต้องการยาแต่เราน่ะไม่ยอมมานั่งลงฟังพระพุทธพจน์ ทุกคำในพระไตรปิฏกคือปัจจุบันธรรมดับพร้อมจิตทุกหนึ่งดวงจิตคือไม่มีเรา ถ้ามีคนเอ่ยคำว่า ไม่มีเรา(แปลว่าไม่มีทั้งตัวคนพูดและตัวคนฟังก็ไม่มี) มีแต่ธรรมที่ดับไปพร้อมจิตแสนโกฏิขณะคือล้านล้านดวงจิตในพริบตาเดียว พระพุทธเจ้าและพระสาวกอรหันต์เท่านั้นที่ดับกิเลสแล้วไม่ต้องพึ่งปัญญาจากฟังใครแล้ว ![]() รออะไรล่ะก็กลับบ้านใครบ้านมันไปนั่งลงฟังพระพุทธพจน์ให้ความคิดเห็นหายป่วย เคยเล่นเกมส์ส่งต่อคำตามสิ่งที่ฟังไหมล่ะคะคนแรกได้อ่านคำในแผ่นกระดาษพูดกรอกหูคนที่2 จากนั้นคนที่2จำไปพูดต่อให้คนที่3ฟังจำเอาไปพูดต่อกันจนถึงคนที่20ได้ประโยคใหม่ที่เพี๊ยนไปมาก ดังนั้นหลักการฟังก็คือเอาตัวเองไปนั่งลงฟังดีดีคิดดีดีจำดีดีเพราะคนเราชอบคิดเอง จึงมีความคิดเห็นเพี๊ยนไปตามความคิดเห็นที่ตัวเองคิดลืมว่าการคิดตามการฟังเพื่อเข้าใจถูก ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นให้จำถูกตรงตามคำสัจจะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ สุตมยปัญญา=ปริยัติ=สัจญาณ=สัมมาทิฏฐิคือชื่อหลายชื่อของปัญญาที่ทำฟังคำสอนค่ะ ปัญญาคือพืชที่โตช้าที่ต้องอาศัยการอบรมจิตจากการฟังนับภพชาติไม่ถ้วนเป็นคนถึงจะได้ฟังอีก พระสารีบุตรผู้มีปัญญารองจากพระพุทธเจ้าก็บรรลุธรรมจากการฟังคำจริงของพระพุทธเจ้าจากฟังคนอื่นพูด ถ้าเราไม่ฟังให้เข้าใจถูกเราก็คือผู้หนึ่งที่พูดทุกคำที่พระพุทธเจ้าบัญญัติด้วยความไม่รู้ความจริงอะไรเลย https://youtu.be/mvJRNxDIarQ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |