ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
จงเชื่อมั่นในความดี http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=61814 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 18 มี.ค. 2022, 07:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | จงเชื่อมั่นในความดี |
…อุบายของการทำใจให้สงบ ก็มีหลายวิธี ..สวดมนต์ไปก็ได้ บริกรรมพุทโธๆไปก็ได้ .” ใจจะคิดได้ทีละอย่าง “ ถ้าบังคับให้คิดเรื่องนี้ ก็จะไปคิดเรื่องอื่นไม่ได้ ถ้าสวดมนต์ไปเรื่อยๆ จะไปคิดเรื่องอื่นไม่ได้ ก็จะสงบได้ .เพราะการสวดมนต์ จะทำให้ใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน สวดมนต์ไป หรือ บริกรรมพุทโธไป “ ไม่เช่นนั้นก็..บังคับใจให้อยู่ในปัจจุบัน “ .อย่าให้ไปอดีต ไปอนาคต ไปที่โน่น ไปที่นั่น “ ให้อยู่ในปัจจุบัน อยู่ที่ร่างกาย “ อยู่กับการทำงานของร่างกาย .อย่าไปคิดเรื่อยเปื่อย ถ้าหยุดความคิดได้แล้ว เวลานั่งสมาธิ..” ก็จะสงบง่าย “. ……………………………………… . กำลังใจ ๕๙ กัณฑ์ที่ ๔๔๘ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี #หลวงตาแนะอุบายเครื่องแก้ทุกข์ให้พ้นได้ในปัจจุบัน ฉบับที่ ๔ วัดป่าบ้านตาด อุดรฯ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๙๙ การปฏิบัติธรรมทางจิต โปรดได้ค้นคิดในขันธ์ให้มาก เรื่องมัคคสมังคี หรืออริยมรรคที่กล่าวถึงในฉบับก่อนนั้น เป็นผลของงานซึ่งตัดกิเลสขาดไปเป็นตอน ๆ ขอยกไว้ จะกล่าวถึงเรื่องงาน คือการดำเนินปฏิปทา ซึ่งเราควรหยิบยกมาปฏิบัติให้พอดีแก่นิสัยวาสนาของเรา นิสัยของคุณไม่ใช่นิสัยที่จะอยู่นิ่ง ๆ โดยอาการบังคับจิตไม่ให้คิดนึก ที่ถูกควรค้นคว้าพิจารณาในขันธ์ภายนอกภายในด้วยปัญญาอยู่เสมอ แต่ระวังความหมายรู้ล่วงหน้าไปก่อน จะเป็นการมักง่ายเกินไป จะเสียทางปัญญา เรื่องอารมณ์อดีตอนาคต ไม่ควรโน้มน้าวมาสู่ใจที่บริสุทธิ์อยู่ในปัจจุบัน จะทำจิตซึ่งตั้งอยู่ในปัจจุบันอันบริสุทธิ์ให้ขุ่นมัว อดีตอนาคตไม่ใช่ตัวกิเลสและบาปธรรม ไม่ใช่ตัวนรก สวรรค์ และนิพพาน ดวงจิตที่รู้อยู่ในปัจจุบันนี้เองจะเป็นดีเป็นชั่ว ในเมื่อเราปล่อยไปคว้าอารมณ์ทำให้เป็นอดีตอนาคตขึ้น ตัวปัจจุบันเลยหลงหลัก ที่ถูกแท้ จิตซึ่งรู้อยู่ในปัจจุบันไม่ได้ไปทำเสียหายชั่วร้ายอะไร มีแต่การชำระตนอยู่ด้วยปัญญา แม้ว่าท่านพระอริยเจ้า ในคราวท่านหลงท่านก็ทำบาป แต่เมื่อรู้ตัวแล้วท่านพยายามละโดยปัจจุบัน ก็หลุดพ้นได้อย่างทันตา ภพก่อนเราจะเคยทำดีทำชั่ว แต่เราจำไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน ตกลงคนเราร้อนก็เพราะสัญญาความจำของตนเอง หากว่าขณะใดเราลืมมิได้เอาใจใส่ที่เราเคยเดือดร้อน ขณะนั้นเราก็สบายเป็นธรรมดาของจิตไปเสีย ที่เล่ามานี้คือโทษของอดีตที่เราไม่สำรวม แล้วปล่อยให้คิดตามอำเภอใจ ดังนั้นความผิดหรือถูกมีทุกคน แต่เวลานี้เราไม่ทำและไม่ตั้งใจจะสั่งสมเก็บเอาไว้ เราตั้งใจจะบำเพ็ญ หรือสั่งสมเก็บเอาไว้เฉพาะธรรมที่เป็นปัจจุบัน อันสัมปยุตด้วยปัญญาเครื่องแก้ไขกิเลสและบาปธรรม อันเป็นทางพ้นทุกข์เท่านั้น ดังนั้นสิ่งใดที่เกิดขึ้นในจิตซึ่งเป็นฝ่ายนิวรณ์ เราพึงทราบด้วยปัญญาทันทีว่า สิ่งนั้นคือมายาของจิตเอง ไม่ใช่บาปกรรมมาจากอื่นที่ไหนเลย การอบรมจิตจึงต้องรู้มายาของจิต ไม่อย่างนั้นจะหลงกลมายาของจิต หาความบริสุทธิ์ไม่ได้เลย เมื่อเรารู้มายาของจิตที่หลอกลวงเราทุกอย่างด้วยปัญญาแล้ว จิตจะไปหามายามาจากไหนอีก เหมือนเรารู้กลอุบายของคนที่จะมาหลอกลวงเรา เราไม่เชื่อเขาแล้ว เขาจะต้มเราได้ที่ไหน อันนี้ก็ฉันนั้น เมื่อกำลังสติปัญญารู้ทันความปรุงความคิดหรือความหมายอยู่แล้ว อาการเหล่านี้ก็ค่อยหมดมายาไปเอง จิตเมื่อได้สติกับปัญญาเป็นพี่เลี้ยง คอยสอดส่องความชั่วร้ายหมายโทษมิให้เกิดขึ้นได้ จิตก็จะนับวันผ่องใสบริสุทธิ์ไปเอง นี่แหละคุณทั้งสอง อุบายเครื่องแก้ทุกข์ให้พ้นได้ในปัจจุบัน ไม่ต้องไปคำนึงคำนวณถึงอำนาจวาสนาที่ไหน การชำระใจให้บริสุทธิ์อยู่ทุกเมื่อด้วยสติปัญญามิได้ขาดวันขาดคืน ห้วงน้ำในมหาสมุทรก็นับวันจะตื้นขึ้นทุกที ความดีนับวันมากล้น ก็พ้นได้ตามใจหวัง เอวํ โปรดได้พิจารณาด้วยปัญญา ขอให้พากันสนใจ สมบัติใหญ่ได้แล้วกินไม่รู้จักหมดสิ้น แม้แผ่นดินหนาสองแสนสี่หมื่นโยชน์จะหมดไป สมบัติใหญ่เรายังคงที่ไม่แปรผัน เป็นของอัศจรรย์เหลือโลก โชคเรามีจึงได้เกิดมาพบศาสนา มีศรัทธาได้หว่านพืชอย่าให้จืดจาง #จงพยายามปล่อยวางด้วยปัญญา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ...เราไม่ควรลืมตัว เราเป็นลูกของพ่อของแม่ อย่าด่า อย่าเถียง อย่าต่อขานพ่อแม่ อะไรที่ขัดต่อเหตุผล ถ้าพูดหากท่านไม่ฟัง ท่านถือว่าท่านเป็นพ่อเป็นแม่ เราไม่พูดเสียดีกว่า หน้าที่อะไรที่เราทำ ก็ทำไปเสีย การถกเถียงพ่อแม่ มันเป็นนิสัยไม่ดี เรายกให้พ่อแม่เลย เราอย่าไปแตะ อย่าไปยุ่ง อย่าไปแย่งชิงเอา แล้วเกิดทะเลาะ เรานี่แหละเป็นคนเสีย ไปถกไปเถียงท่าน ท่านเลี้ยงเรามา เลี้ยงอะไรยากยิ่งกว่าเลี้ยงคน... - หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน "บุญ บาป เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน ใครทำบาป บาปย่อมให้ผล ใครทำบุญกุศล บุญกุศลย่อมตามให้ผล แต่ว่าบางอย่างบางประการนั้น ไม่ทันกับใจกิเลสมนุษย์ ก็เลยเข้าใจว่า ทำบุญก็ไม่เห็นผล แต่ว่าบาปนั้น ไม่ทำก็เห็นผล" หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร “จงเชื่อมั่นในความดี คนทำบุญ ไม่จำเป็นต้องไปประกาศให้ใครรู้ ถ้าจิตของเราเป็นบุญแล้ว ทำบุญอยู่ที่ไหน มันจะเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ต้องฉลอง ไม่ต้องให้ใครรู้ ไม่ต้องให้คนเห็น ไม่ต้องมีอะไร มีแต่กำลังจิตที่เชื่อมั่นในความดี” หลวงปู่ชา สุภัทโท |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |