ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ศีล 5 บริสุทธิ์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=61760
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 08 มี.ค. 2022, 10:28 ]
หัวข้อกระทู้:  ศีล 5 บริสุทธิ์

"...อย่าคิดว่า วันเวลา จะเหลืออีกยาวนาน มีสติเมื่อไหร่ ให้ลุกมาเดิน มีสติเมื่อไหร่ ให้ลุกมาภาวนา อย่าเห็นแก่กิน แก่นอน อย่าเอาพวก เอาคณะ อย่าเอาพูด เอาคุย อย่าเอาหน้า เอาตา..."

พระครูกิตติอุดมญาณ หลวงปู่ไม อินทสิริ
วัดป่าเขาภูหลวง จังหวัดนครราชสีมา




อย่าให้ขาดทุน
"...ถ้าถามธรรมในตัวเอง เราเกิดมานี้ เราจะตายเหมือนโลกทั่วๆ ไป แล้วเรามีความดีงามอะไรบ้างติดเนื้อติดตัวเรา

#พุทโธเคยมีในหัวใจไหม
#ธัมโมเคยมีในหัวใจไหม
#สังโฆเคยมีในหัวใจไหม

#การให้ทาน เราเคยได้ให้ทานมากน้อยเพียงไร
#การรักษาศีลรักษาธรรม อย่างน้อยศีล ๕ เราเคยได้รักษากับโลกแห่งชาวพุทธเขาบ้างไหม

ให้พิจารณา....

#การภาวนาพุทโธ_ธัมโม_สังโฆ ซึ่ง #พระพุทธเจ้าเลิศด้วยการภาวนา

เราเคยได้ภาวนาบ้างสัก ๑ นาทีไหม เหล่านี้เปล่าทั้งนั้นพวกเรา เรียกว่าเปล่าหมดตัว แสดงว่าขาดทุนมากมายก่ายกอง..."

โอวาทธรรม : #หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
#วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี






…ธรรมที่ได้จากการศึกษายังไม่เข้าไปถึงใจ
ธรรมที่เกิดจากการปฏิบัตินี้มันถึงใจ
มันดับความทุกข์ได้ ดับกิเลสได้
แต่ธรรมที่ได้อ่านได้ฟังนี้
มันยังดับกิเลสไม่ได้ ยังเข้าไปไม่ถึงใจ
กิเลสมันขวางใว้

.ฟังแล้วไม่เอาไปปฏิบัติ ปฏิบัติไม่ได้
แต่ถ้าฟังแล้วเอาไปปฏิบัติให้ได้ มัน
ก็เข้าถึงใจได้ ฟังแล้วก็ พุทโธ พุทโธ
นั่งสมาธิทำใจให้สงบ
มันก็เข้าข้างในได้
พอเข้าข้างในได้ ใช้ปัญญาฆ่ากิเลสได้
“ ก็ต้องพยายามปฏิบัติ “.
…………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙






"การทำบุญ โจรมันก็ทำได้ มันเป็นปลายเหตุ
การไม่ทำบาป ทั้งหลายทั้งปวงนั้นนะ เป็นต้นเหตุ"

หลวงปู่ชา สุภัทโท






“คนฉลาดเขาเอาปากไว้ที่ใจ คือ เวลาเขาจะพูด
เขาจะคิดไตร่ตรอง ย้อนแล้วย้อนอีกว่าจะมีผลดี
ผลเสีย และมีผลกระทบทั้งส่วนตนเอง และคนรอบข้าง
อย่างไร หรือไม่ ซึ่งเขาจะกลั่นกรองเสียก่อน
จึงพูดออกมา อันนี้ให้จำใส่ใจเอาไว้”

ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก






"อย่าอธิษฐาน"

คนเราในยามที่รักกันมาก ก็มักพากันไปทำบุญ
อธิษฐานขอให้ได้อยู่ร่วมคู่กัน ไปทุกภพ ทุกชาติ
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เป็นการอธิษฐานที่มิได้อยู่บนสัมมาทิฏฐิ เป็นการไม่ยอมรับความจริง ของความไม่เที่ยง
และไม่เป็นไปเพื่อการจางคลาย จากความยึดมั่นถือมั่น
สมัยก่อน ข้าพเจ้าเคยสงสัยหญิงสาวข้างบ้านคนหนึ่งว่าทำไมจึงต้องทนให้สามีขี้เหล้า ทำร้ายร่างกาย
อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งๆ ที่สาวเจ้าคนนี้ ก็เป็นคนหารายได้อยู่เพียงคนเดียว แต่พอได้มาศึกษาธรรมะ จึงทำให้พอสันนิษฐานได้ว่า เหตุปัจจัยส่วนหนึ่ง คงมาจากการอธิษฐาน ขอให้ได้มาอยู่ร่วมชีวิตกันก็เป็นได้ ในเรื่องการอธิษฐานทำนองนี้ หลวงปู่ดู่ท่านสั่งห้าม ท่านว่ากาลเวลาผ่านไป แต่ละคนก็มีการสั่งสม หรือพัฒนาการต่างๆ กันไป เรียกว่า ธรรมไม่เสมอกัน มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง มาทำบุญกับหลวงปู่ เมื่อทำบุญ
เสร็จแล้ว ก็พากันตั้งจิตอธิษฐานอะไรอยู่ในใจ ขณะนั้น หลวงปู่ก็ทักขึ้นว่า.....

"สามีภรรยา ไม่ต้องอธิษฐานตามกัน เพราะจะดึงกัน
อีกคนไปได้ อีกคนไปไม่ได้ มันจะดึงกัน"

เรื่องนี้ จึงสอนให้ระมัดระวัง ไม่ให้ไปเที่ยวอธิษฐาน
ตามคนรัก หรือใครๆ เพราะวิบากกรรม อันเกิดจาก
การอธิษฐาน ที่ไม่กอปรด้วยสัมมาทิฏฐิ ก็อาจกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมในวันข้างหน้าได้ นี่แหละหนาที่ว่า ความรักทำให้คนตาบอด และ
แทนที่จะเป็นบุพเพสันนิวาส ก็อาจกลับกลายเป็น
บุพเพอาละวาด!!

ที่มาจาก หนังสือตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ






คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ (ลพ.ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อุทัยธานี
วิธีทำให้ถึงอรหันต์ สั้นที่สุด ง่ายที่สุด
...เวลานั้นองค์สมเด็จพระทศพลเสด็จมาพอดี ทรงประทับยืนอยู่เหนือศีรษะด้านหน้า มีแสงสว่างมากแล้วท่านตรัส ท่านบอกว่า

"คุณ คนที่ปฏิบัติอยู่แล้วทั้งหมดนี้กำลังใหญ่ คือเข้าถึงนิพพานทุกคน แต่ทว่าเพื่อความไม่ประมาทให้เขาทำอย่างนี้

วันหนึ่งจะใช้เวลาไหนก็ได้ เวลาที่ใจสบาย ถ้าเวลาอื่นมันติดงานมากก็เอาเวลานอน นอนก่อนจะหลับหรือว่าตื่นใหม่ๆ ใจสบาย เอาจิตใจจับนึกถึงท่าน (พระพุทธเจ้า) ถ้าบุคคลใดไม่ได้ทิพจักขุญานก็นึกภาพเอาเอง กำหนดภาพพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ให้เป็นประกาย

บังคับจิต ถ้าเห็นเป็นสีเหลืองก็บังคับให้เป็นสีแก้วให้ได้ทำอยู่อย่างนี้ไม่กี่วันหรอกก็เป็น ให้จิตมันเป็นฌาน ถ้านึกถึงเมื่อไรก็เห็นพระพุทธเจ้าเป็นสีแก้วเป็นประกายทุกวัน"

องค์สมเด็จพระทรงธรรม์ท่านบอกว่า ถ้าเขาทำอย่างนี้นะ ได้ทุกวันอย่าได้ขาด วันหนึ่งใช้เวลา 2-3 นาทีก็ไม่เป็นไร ไม่จำกัดเวลาว่าจะใช้เวลานานหรือเร็ว ถ้าเขาทำอย่างนี้ได้ทุกวันแล้วก็ทรงอารมณ์ตามที่บอกไว้คือ

1) นึกถึงความตายไว้ อย่าประมาทในชีวิต
2) เคารพในพระรัตนตรัย
3) ทรงศีล 5 บริสุทธิ์
4) จิตหวังพระนิพพานอย่างเดียว

ท่านบอกว่าเป็นอย่างนี้ละก็ ถ้าก่อนอายุขัยของเขา 7 วัน ท่านกำหนดให้เลยนะ ว่าก่อนอายุขัยอีก 7 วันต้องตายแน่อยู่ไม่ได้ ตอนนั้นกระแสจิตของเขาจะเห็นภาพในอากาศเต็มจักรวาล ทั้งพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี เทวดาก็ดี พรหมก็ดี แพรวพราวไปหมด และก็หลังจากนั้นไปเมื่อกำลังใจของตนจะพ้นกำหนดในการทรงสังขาร

*สมเด็จพระพิชิตมารบอกว่าจะเข้าถึงอรหัตผลทันที*

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง 39

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/