ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ภูมิจิต ภูมิธรรม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=61685 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 17 ก.พ. 2022, 05:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | ภูมิจิต ภูมิธรรม |
เมื่อจิตของบุคคลไหนถึงที่ไหนจึงจะรู้ที่นั่น เหมือนกับเราเดินทาง จิตถึงระดับสวรรค์จึงจะเห็นสวรรค์ จิตถึงระดับพรหมโลกจึงจะเห็นพรหมโลก จิตถึงระดับนิพพานจึงจะเห็นนิพพาน อันคนไม่หมดกิเลสจะไปเห็นนิพพานได้ยังไง ถ้ายังไม่ถึงนิพพาน อย่าสงสัยนิพพาน ปฏิบัติไปก่อน... หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป “ ยอม หยุด เย็น “ …อย่าไปมีปัญหากับใคร อย่าไปมีเรื่องกับใคร ใครจะทำอะไรก็เรื่องของเขา ใครจะพูดอะไรก็เรื่องของเขา .ถ้าเราปรับได้ก็ปรับ ถ้าปรับไม่ได้ก็ปล่อย แล้วเราจะไม่ทุกข์กับการ ที่จะต้องเกี่ยวข้องกับคน กับเหตุการณ์ต่างๆ. …………………………………………… พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี คัดจาก Zoom (ทุกวันพุธ2ทุ่ม) วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ #ฟังเทศน์หลวงพ่อจิตโต #บ้านสบายใจ ความสุขจริงๆ มันอยู่ที่การที่เธอไม่ยึดมั่นว่ากายเธอเป็นของๆเธอต่างหากเล่า เธออย่าไปพอใจว่าร่างกายนี้เป็นตัวเธอเป็นของๆเธอ จงเห็นว่าร่างกายนี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่เธออาศัยชั่วคราว ถึงเธอจะทำความดีแล้วเกิดความสุข มันก็เป็นสุขชั่วคราว ไม่ใช่ความสุขตลอดกาลตลอดสมัย ฉะนั้นการพอใจในการให้ทานรักษาศีลภาวนายังไม่ใช่ทางที่ทำให้เธอพ้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย แต่เป็นมรรคาปฏิบัติที่ทำให้เธอเกิดปัญญาที่ทำให้เธอรู้แจ้งว่าการมีร่างกายไม่ดีสำหรับเราอีกแล้ว เราไม่ต้องการมีร่างกายแบบนี้แล้วในชาติหน้า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย เราจึงวางร่างกายให้เป็นสังขารเป็นธรรมดา มันจะแก่ก็ปล่อยมันแก่ มันจะป่วยไข้ไม่สบายก็เป็นเรื่องธรรมดาที่มันต้องเกิด เพราะร่างกายมันสกปรกโสโครกมันก็ต้องมีโรค และกรรมของเราที่มีปาณาติบาตมันต้องมีโรคภัยไขเเจ็บตามมาเป็นธรรมดา ในเมื่อเรามีทรัพย์ ทรัพย์นั้นก็ต้องจากเราไปเป็นของแน่ มันสลายไปด้วยกฏธรรมดา หรือสลายไปด้วยกฏแห่งกรรมที่เราทำอทินนาทานคือลักทรัพย์มา มันก็เป็นธรรมดาที่เราต้องเป็นเช่นนั้น ไม่ว่ากรรมอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา มันเป็นเรื่องปกติมาก เพราะมันเป็นเรื่องที่เราเกิดมาในดินแดนที่ต้องรับกรรม ก็ต้องเป็นเช่นนี้อยู่ดี และเมื่อมันต้องแก่เจ็บตาย เราจึงยอมรับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อใจมันไม่ฝืนกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ยอมรับเหตุของอกุศลกรรมที่เราทำมา ผลมันเป็นทุกข์ ทุกข์ก็จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเรา ใจก็เลยไม่เกาะทุกข์ มันอยู่ตรงนี้นะทุกคนนะ เมื่อใจของเธอไม่เกาะทุกข์จากอกุศลกรรมที่เธอทำมาก็ดี ไม่เกาะทุกข์ที่มาจากสังขารร่างกายที่มันไม่แน่นอนนี้ก็ดี เธอก็จะเป็นอัพยากตา คือปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามกฏของธรรมดา ตอนนั้นจิตของเธอก็จะอยู่ในความสงบ มีปัญญาเป็นเครื่องรู้แจ้งอย่างยิ่ง คือมันรู้แจ้งแล้วว่า ฉันไม่พอใจแล้ว ร่างกายนี้ปล่อยมันไปตามอัตตาภาพมันเถอะ มันจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันพอใจเพียงเท่านี้ ถ้ามันพังเมื่อไหร่ฉันก็จะไปจากมันเดี๋ยวนี้ และจะไม่ย้อนกลับมามีมันอย่างนี้อีกต่อไปในชาติหน้า จิตก็เด็ดขาดอย่างนี้เป็นสมุทเฉทประหาร เพราะไม่มีอารมณ์อะไรมาขวางแล้ว ความสุขความยินดีในการเป็นมนุษย์ก็ไม่มีเหลือ ความทุกข์ก็ไม่เกาะใจ เพียงเท่านี้เค้าเรียกอัพยากตาธรรม ธรรมที่ทำให้เธอนั้นพ้นจากความทุกข์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่กุศลธรรม กุศลธรรมเป็นเพียงแค่มรรคาปฏิบัติเป็นทางเดินที่ทำให้พ้นจากความทุกข์ ถ้าเธอไปเกาะเพียงแค่การให้ทานรักษาศีลให้บริสุทธิ์ เกาะจากฌานสมาบัติที่ทำให้เธอมีความสุขจากการภาวนา แค่นี้เธอก็ไม่พ้นยังไม่พ้นนะ คือยังไม่พ้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย เธออาจจะเป็นเพียงแค่เทวดานางฟ้า เป็นพรหม แต่เมื่อเธอหมดบุญวาสนา เธอก็กลับมามีร่างกายต่อไป แต่เราก็ต้องปฏิบัติอย่างนี้เพื่อการรู้แจ้ง สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนอย่างที่กล่าวมา ไม่ใช่ปฏิบัติเพียงแค่นี้แล้วพอใจ พอเข้าใจมั้ยล่ะ อย่าปฏิบัติเพียงแค่ เอ้ยยเราสงบดีแล้ว เรานิ่งแล้ว เราไม่ยึดมั่นถือมั่นใจเราสบาย เธอพอใจเพียงเท่านี้ก็ไม่ถือว่าเธอพ้น ฉันรักษาศีลดีแล้วศีลของฉันบริสุทธิ์แค่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าเธอพ้น ฉันมีจาคะดีแล้ว ฉันพอใจในการให้เสมอ ฉันไม่อยากได้ของใคร แค่นี้ไม่ได้หมายความว่าเธอพ้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย เธอแค่ไปสวรรค์ไปพรหมโลกได้แค่นั้น แต่ไปนิพพานยังไม่ได้ เธอต้องมีปัญญาอย่างที่กล่าวมา หลวงพ่อจิตโต หลงจิตผ่องใส (จิตผ่องใส คือ อวิชชา) หลวงตามหาบัว #กว่าจะรู้ตัว ถ้ามาเกิดอีก กว่าจะรู้ตัว กว่าจะรู้เดียงสา มันกินเวลาไปกี่เดือน กี่ปี มาเสียเวลาอยู่ในครรภ์มารดาอีก ๙ เดือน ๑๐ เดือน กว่าจะคลอดออกมา พอคลอดออกมาแล้ว กว่าจะนึกจะคิดได้ก็ ๑๕ – ๑๖ ปี และกว่าจะมีผู้มาชี้มาแนะบอกทางให้ กว่าจะมีผู้มาสอน และสอนแล้วกว่าตัวเองจะรับได้ และกว่าจะมาตั้งใจเจริญเมตตาภาวนาอีก มันเสียเวลาไปเท่าไร เพราะฉะนั้น เมื่อเวลารู้เนื้อรู้ตัวแล้ว ก็รีบกระทำบำเพ็ญ ถ้ามันเป็นไปได้ ก็ให้มันเป็นในชาติปัจจุบันนี้ล่ะ มันดีที่สุดแล้ว ให้มันผ่านให้มันพ้นไปจากความทุกข์ ความเจ็บ ความปวด ความเกิด ความตายนี่ล่ะ ให้มันผ่านมันพ้นพวกนี้ไป โอวาทธรรม: #องค์หลวงปู่บุญมา #คัมภีรธมฺโม #วัดป่าสีห์พนมประชาคม ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร #สัมมาทิฏฐิ ดังนั้นอย่าห่วง จากการปฏิบัติภาวนาไม่หยุดหย่อนมันจะต้องเห็นความจริงมากขึ้น มากขึ้น จนเบียดความเห็นผิดในความเป็นตัวตน (สักกายทิฏฐิ) หมดไปในที่สุด นั่นจึงไม่มีมิจฉาทิฏฐิอีก ซึ่งก็แปลว่าเกิด สัมมาทิฏฐิ นั่นเอง โดย ท่านอาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม 2013-09-04 #เริ่มทำกุศลด้วยใจเป็นอิสระ เมื่อทำกุศลจนเคยคุ้นเคยชิน ก็จะเกิดความเคยชินในการทำกุศล จากนั้นจึงต้องใช้มรรคองค์ที่๗ สัมมาสติ ไปวางความยึดถือกุศล แต่จะไม่เลิกการทำกุศล จากนั้นจะไม่ทำกุศลด้วยไปดำริตริตรึกกุศลให้มาเป็นของเราอีก จะเริ่มทำกุศลด้วยใจเป็นอิสระ จะพบความจริงขึ้นโดยลำดับ โดย ท่านอาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม 2013-06-21 โลกเค้าไม่มีอะไรหรอก มีแต่ใจเรานั่นแหละไปกังวลกับเค้าอย่างเดียว หลวงตามหาบัว #บรรลุธรรมจริงๆแล้วไม่นาน ที่นานๆ เพราะหาประตูใจไม่เจอ สุขตรงนี้เป็นบรมสุข สุขที่จิตเห็นจิตตนเอง เป็นความสุขที่ปราศจากการปรุงแต่ง ไม่มีอะไรปรุงแต่งให้สุขได้ เพราะจิตเข้าไปสู่ความว่าง #หลวงพ่อเยื้อน "คนเรามีภูมิจิตภูมิธรรมต่างกัน ฝึกปฏิบัติมาไม่เท่ากัน จะให้ทุกคนรู้เหมือนเรา เข้าใจเราทุกอย่างไม่ได้ เมื่อเขาทำพลาดไป เราควรให้อภัย วันหนึ่งเขาจะรู้เอง ทำได้ถูกต้องเอง" หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |