คุณจะพูดทุกคำที่คุณไม่รู้จักเพราะคุณไม่รู้จักพระพุทธเจ้า
แปลว่าคุณไม่รู้จักธรรมไม่เคยคิดถูกตรงคำตามพระธรรม
พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมในภาษาต่างประเทศดังนั้น
เวลาที่คุณจะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าต้องแปล
ภาษาต่างประเทศทีละคำเพื่อเข้าใจในภาษาชาติตน
คือเป็นคนไทยก็ฟังธรรมเป็นภาษาไทยเรียนแบบ
วิธีที่คุณเรียนภาษาต่างประเทศเช่นอังกฤษญี่ปุ่น
คุณก็ต้องเรียนทีละคำแล้วรู้คำแปลแล้วเชื่อม
แต่ละคำแล้วขยายความและแปลตรงภาษา
จึงจะนำมาเชื่อมโยงแปลคำเป็นประโยคได้
ไม่ใช่ไม่ศึกษาเลยว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร
เอาแต่คิดปรุงแต่งเดาคำตามความคิดตัวเอง
ภาษาไทยที่ยืมคำภาษาบาลีสันสกฤตมาใช้นั้น
คนไทยเปลี่ยนคำแปลไม่ตรงตามภาษาตั้งต้นเลย
ดังนั้นการศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองไม่ได้
จึงต้องอาศัยการฟังจากผู้รู้ที่ขยายความบาลีสันสกฤต
ตรงตามภาษาที่ชาวมคธใช้ในชีวิตประจำวันจึงจะเป็นสิกขา
คือศึกษาความจริงตรงคำตรงความหมายคำตรงสัจจะที่กำลังมีในขณะนี้เป็นปัจจุบันธรรมทันทีเท่ากับ
คุณกำลังฟัง+คิดถูกตรงตามได้=ปรุงแต่งจิตขณะที่กำลังฟังเข้าใจถูกคิดถูกตามได้ทันทีจึงเกิดสัมมาทิฏฐิ
ไม่มีการปลีกตัวตนไปคิดเดาธรรมเองโดยไม่ฟังเพื่อระลึกตรงตามคำสอนให้เกิดปัญญาตรงตามคำสอนได้
แปลว่าคุณคิดผิดว่ามีตัวตนไปทำได้แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าธรรมไม่ใช่ตัวตนไม่มีตัวตนมีแต่อัตตาพาทำผิด
สิ่งที่ถูกเห็นไม่อยู่นอกตาตัวเองเพราะนอกตานั้นมืดสนิททุกคนต้องฟังเพื่อประมาณกิเลสตน(กิเลส=ไม่รู้)
ฟังว่าศัตรูของพระพุทธเจ้าคือใคร?...จากคลิปสนทนาธรรมศัตรูของพระพุทธเจ้าคือใคร?_บ้านธัมมะ
https://youtu.be/d8jJkOzdkjM
