ขณะนี้กำลังมีความรู้สึกต่างต่างกันคือธรรมประเภทเวทนาขันธ์
การจะรู้จักพระพุทธเจ้าว่าเป็นบุคคลเช่นไรต้องเข้าใจทุกคำของพระองค์
ถ้าไม่เคยศึกษาความจริงที่กำลังมีในขณะนี้ว่ากำลังมีตรงกับคำไหนแปลว่ายังไม่มีปริยัติ
ปริยัติคือชื่อของปัญญาชนิดแรกที่จะทำให้เกิดมรรคแรกตรงตามพระธรรมคือสัมมาทิฏฐิดังนั้น
การศึกษาจึงต้องตั้งต้นที่ปัจจุบันทันทีเพราะที่ได้เกิดมาแล้วนี้คือยังหลงคิดว่ามีตัวตนคือยังมีอวิชชาค่ะ
ปัญญาเป็นสังขารขันธ์/สัญญาเป็นสัญญาขันธ์(เกิดแล้วดับไม่มีตัวคน)
เป็นธาตุรู้ประเภทเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตรู้อารมณ์เดียวกับจิตเกิดดับทุก1ดวงจิต
จิตเป็นธาตุรู้ที่เป็นใหญ่เป็นประธานที่รู้แจ้งทุกสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้คือวิญญาณขันธ์1ขณะจิต
สิ่งที่มีจริง(ธรรม)ที่กำลังปรากฏคือสิ่งที่กำลังมีจริงจริงมีแล้วไม่มีใครสร้้างทำขึ้นมาอีกทีมีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามี
เท่ากับสิ่งที่มีจริงนี้ปรากฏว่ามีแล้วตรงกับทุกคำในพระไตรปิฏกเหลือเพียงฟังพระธรรมให้เข้าใจจึงมีปัญญา
เพราะปัญญาเป็นธรรมที่เกิดเองไม่ได้
ต้องอาศัยการอบรมการฟังพระพุทธพจน์
พูดและคิดทุกคำที่ไม่รู้จักจนกว่าจะได้เข้าใจ
ความหมายของคำจริงตรงตามเสียงที่กำลังได้ยิน
แล้วรู้สึกตัวว่ากำลังมีอะไรปรากฏให้รู้สึกตัวตรงตามได้
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่กำลังมีจริง
ขณะนี้แหละมีแล้วกำลังปรากฏตรงตามธรรม
ธรรมแปลว่าสิ่งที่มีจริงและรู้ว่ามีอะไรต้องกำลังมี
สิ่งที่มีจริงที่มีแล้วนี้แหละที่ไม่มีใครรู้ความจริงมาก่อน
จนกว่าจะเริ่มต้นศึกษาทุกคำให้รู้ว่ากำลังมีลักษณะนั้นหรือไม่อย่างไร
ไม่ใช่เรื่องของการอยากรู้ความหมายคำไหน
ก็เปิดดูโดยไม่เข้าใจความจริงว่าคำนั้นมีจริงเมื่อไหร่
พระไตรปิฏกไม่ได้มีไว้ให้ค้นมาอ่านแค่รู้ความหมายคำ
แต่ทุกคำที่มีในพระไตรปิฏกคือคำจากสิ่งที่มีจริงที่เกิดจากตรัสรู้
ตรัสรู้ไม่ใช่เรื่องคิดเดาเอาได้เพราะพระพุทธเจ้าทรงบอกทุกคำเรียงตามลำดับด้วย
ศึกษาความจริงต้องรู้ตามลำดับคำที่ฟัง
ผู้ที่ขยายความต้องอธิบายรายละเอียดตรงคำ
ตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำให้เกิดปัญญา
คือให้เข้าใจถูกตามได้ในภาษาชาติของผู้ฟังเองจนกว่าจะรู้เรื่อง
ความจริงกำลังปรากฏจึงต้องเพียรฟังอบรมจิตให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีตรงไปตามลำดับทุกอย่างกำลังเกิดดับ
https://youtu.be/zaxZ7bHluZE
