อัตตาคือการยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวตน(สักกายทิฏฐิ)และมีคนสัตว์วัตถุสิ่งของรอบตัว(อัตตานุทิฏฐิ)คือจำผิดไป
จะค่อยๆถอนอัตตาออกได้ตอนที่ฟังพระพุทธพจน์จนรู้สึกตัวว่าจำคลาดเคลื่อนจากความจริงตรงตามคำสอน
ขณะที่ไม่ได้ฟังพระพุทธพจน์และไม่ได้กำลังขวนขวายศึกษาพระไตรปิฏกขณะนั้นเองที่ขาดสติไปแล้ว
เพราะมีความพากเพียรผิดและคิดทำไปตามความอยากของตัวตนลืมพึ่งการคิดไตร่ตรองตามคำสอน
เป็นขณะที่กิเลสตนเองพาหลงเพลินไปตามการคิดเอาเองของตัวตนลืมที่พระพุทธเจ้าบอกให้ฟังไม่ให้เชื่อ
ที่กำลังคิดเอาตัวตนไปทดลองทำนั้นแสดงว่าเชื่อแล้วเป็นไม้แก่ดัดยากบอกไม่ฟังถ้าฟังอยู่จะไปทำเหรอคะ
จะคิดอะไรต้องตรงต่อความจริงตามปกติเพราะทุกคำในพระไตรปิฏกคิดได้ตรงต่อความจริงที่ตนเองกำลังมี
ไม่ว่าจะศึกษาคำใดต้องรู้สึกตัวทันทีว่าคำนั้นตนเองกำลังมีหรือไม่ถ้ายังไม่รู้ว่ามีอย่าเพิ่งไปทำอะไรตามใคร
เพราะกิเลสของตัวตนคนทุกคนมักคิดเข้าข้างตัวตนและพรรคพวกคือเชื่อว่าตนและพรรคพวกคิดถูกทำถูก
อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าบอกไม่ให้เชื่อตามหลักกาลามสูตร10คือไม่ให้เชื่อพระองค์ด้วยจึงต้องฟังและคิดดีดี
คิดตรงๆเหมือนคนทุกคนจะเรียนอะไรก็ต้องค่อยๆศึกษาฟังคำอธิบายให้เข้าใจก่อนอย่าเพิ่งทำถ้าไม่เข้าใจ
ทุกคำในพระไตรปิฏกกำลังปรากฏว่ามีในขณะนี้แล้วแต่ตนเองรู้สึกว่ามีและเป็นตรงกับคำไหนต้องรู้สึกตัว
พระพุทธเจ้าเล่าอธิบายขยายความอย่างละเอียดเกี่ยวกับทุกๆเรื่องในพระไตรปิฏกทั้ง84000พระธรรมขันธ์
เพื่อให้เข้าใจถูกตรงตามความจริงที่กำลังปรากฏว่ามีที่ตาที่หูที่จมูกที่ลิ้นที่กายและที่ใจเป็นปัจจุบันธรรมทันที
ทรงบอกว่าทุกอย่างเป็นธรรมไม่ใช่เราไม่มีเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนไม่มีคนไม่มีสัตว์ไม่มีวัตถุสิ่งของสถานที่
มีแต่ธรรมที่เป็นโลกคือสิ่งที่กำลังเกิดดับเป็นขันธ์คือกำลังเกิดดับทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่าจากสัตว์บุคคล
แปลว่าธรรมมีแล้วครบถ้วนที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจแต่ไม่รู้แล้วยังไม่ฟังแถมคิดเอาแต่ได้มีตัวตนคิดแต่อยากทำ
ลืมฟังความจริงที่กำลังมีเพื่อสะสมความคิดเห็นถูกเป็นสาวกบารมีต้องพึ่งพระปัญญาทศพลญาณคือฟังดีดี
https://youtu.be/iwTchjZnvno
