ปัจจุบันคือเดี๋ยวนี้คือNOWรวมลงมาเพื่อให้รู้สึกตัวว่า
ยังเกิดนี้แหละคือยังมีกิเลสปัจจุบันที่เป็นมาจากอดีต
อนาคตก็รู้ได้จากฟังพระธรรมเพื่อรู้อดีตถึงปัจจุบันนี้
ชาตินี้แหละพบคำสอนคือพบพระพุทธเจ้าแต่ไม่ฟังเลย
ชอบไปทำตามใจด้วยการยึดตัวตนให้แน่นหนาไปอีกค่ะ
ก็พระพุทธเจ้าอธิบายให้ฟังจนรู้ตัวทันทีว่าหลงผิดอะไรบ้าง
ก็ไม่ฟังยังอุตริไปทำอย่างอื่นโดยไม่พึ่งพระองค์เมื่อคำสอนมีอยู่
ไม่ได้เพียรฟังเพื่อรู้ความจริงที่กำลังมีเพราะนิพพานมันว่างหมดเลย
ไม่มีเห็นไม่มีได้ยินไม่มีได้กลิ่นลิ้มรสรับสัมผัสอะไรไม่มีเลยอยากได้อะไร
ทำไมไม่เริ่มต้นฟังพระพุทธพจน์เพราะปัจจุบันธรรมนี้ก็คืออดีตและอนาคตแล้ว
พระพุทธเจ้าตรัสรู้จิตปัจจุบันเกิดดับที่1ขณะแล้วที่ลืมตาปริบๆอยู่เนี่ยดับแล้วแสนโกฏิ
ก็ไม่ฟังคือไม่มีปัญญาใหม่เกิดเพิ่มแล้วเกิดแต่ทิฏฐิสัมปยุตธรรม(ทำด้วยอัตตา)
ส่วนปัญญาตรงปัจจุบันคือญาณสัมปยุตธรรมเกิดทันทีขณะฟังดับหมดแล้ว
การประสานกันของตัวจริงธรรมเรียกว่าสัมปยุตธรรมมี2ฝ่ายคือ
1)ฝ่ายอวิชชา เรียกว่า ทิฏฐิสัมปยุตธรรม=ขาดการฟังพระธรรม
2)ฝ่ายปัญญา เรียกว่า ญาณสัมปยุตธรรม=กำลังฟังมีปัญญาเกิด
จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเป็นเราอยากทำคิดผิดว่าตัวเองทำได้
แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรามีแต่ธรรมกำลังเกิดดับโดยอนัตตาไม่เข้าใจหรือค๊ะะะะะ
อนัตตา=ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขาวัตถุก็ไม่มีเมื่อไหร่จะรู้ว่าเงินไม่มีบวชไม่ต้องเลี้ยงคนสัตว์
ไม่คิดทำการก่อสร้างอะไรด้วยบวชสละลดละเลิกก่อกิเลสกรรมวิบากเดิมๆเพื่ออบรมจิตใหม่ตรงตามคำสอน
https://youtu.be/62wZ8Udkhac