ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ไม่รู้จักเห็น http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=60742 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Rosarina [ 07 ก.ย. 2021, 01:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | ไม่รู้จักเห็น |
![]() จักขุวิญญาณ=จิต+จักขุปสาทรูป+สีสันวรรณรูป จักขุ(จักษุ)=ตา วิญญาณ=จิต สีสันวรรณ=สิ่งที่ถูกเห็นพร้อมแสง(รูปอื่นๆมืดไปหมดและเห็นไม่ได้) จักขุวิญญาณ=จิตที่ตา=จิตเห็นเป็นสภาพรู้อารมณ์ทางตาอย่างหนึ่งสิ่งที่ถูกเห็นมีแค่สีล้วน1สีที่ประสาทตา เห็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ที่กระทบตรงกลางตาดำลึกๆภายในจักขุปสาทรูปต้องลืมตาดูตามปกติค่ะ ![]() สิกขา=ศึกษา คือเรียนรู้ความจริงที่กำลังปรากฏว่ามี การศึกษาความจริงตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า คือการเรียนรู้ความจริงที่กายและจิตใจตนเองตรงตรง เป็นการศึกษาความจริงที่กายและจิตใจกำลังเป็นไปจริงจริง เพื่อให้รู้ให้เข้าใจถูกแต่ละคำทีละคำเพื่อส่องถึงปัจจุบันธรรม ![]() ปัจจุบันธรรมคือเดี๋ยวนี้ธรรมใดกำลังปรากฏนั่นแหละธรรมนั้นมีจริงจริง พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ ธรรม(อ่านว่าธัมมะแปลว่าสิ่งที่มีจริง)ที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ทรงแสดงพระธรรมทุกวัน45ปีด้วยการพูดไปตามลำดับให้ผู้ฟังฟังตามปกติ เพื่อให้ผู้ที่ฟังเท่านั้นเกิดปัญญาเข้าใจสิ่งที่มีจริง(ธรรม)ที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตามจริง ไม่ได้บอกให้ปลีกตัวออกจากการฟังไปคิดทำอะไรขึ้นมาใหม่ทรงบอกสิ่งที่กำลังมี ![]() จะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าจำเป็นอย่างยิ่งต้องสิกขาตรงจริงจากฟัง การฟังไม่ทำให้คิดเดาเอาเองเพราะพระพุทธพจน์คิดเองแล้วเอาไปเดาทำไม่ได้ เวลาฟังต้องคิดละเอียดตรงคำตรงความหมายของเสียงแปลตรงตรงตามที่กำลังฟัง ไม่แต่งต่อเติมความคิดเดิมความจำเดิมที่มีมาแต่เก่าก่อนจะเริ่มต้นฟังเพราะมีสิ่งใหม่เกิดแล้ว แต่ตัวเราหลงคิดจำแต่ภาพอดีตเดิมๆที่คิดพูดทำอะไรมาเยอะแบบจำซ้ำๆผิดๆตามความคิดตัวตน ![]() สิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ไม่เกิดนอกตาแต่อาศัยรูปใสพิเศษที่ทำให้เกิดเห็นสิ่งหนึ่งได้ที่กลางตาดำ เรียกว่าจักขุปสาทรูป ปสาทรูป=รูปใสพิเศษที่มองเห็นไม่ได้คอยรับกระทบรูปที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ อริยสาวกทุกคนที่ได้ฟังพระพุทธพจน์ย่อมรู้แจ้งชัดว่ารู้ได้ว่ามีปสาทรูปจากการฟังคำที่พระพุทธเจ้าบอก ที่รู้ว่ามีปสาทรูปเพราะพระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุปัจจัยที่เกิดร่วมกันที่กำลังปรากฏนิมิตต่างๆให้รู้ได้ว่ามีจริง ปฏิจสมุปบาท=ธรรมที่ไม่ใช่ตัวตนของใครทั้งสิ้นแต่เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละ1ตัวจริงธรรมที่อิงอาศัยเกิดร่วมกัน ![]() การจะรู้ความจริงตรงปัจจุบันที่กำลังปรากฏตรงตามเหตุตามปัจจัยของธรรมต้องเรียนรู้สิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ คือรู้จักคิดไตร่ตรองตรงทีละ1ทางเพื่อรู้จักสภาพธรรมตรงทางที่เกิดแล้วทีละ1ทางตามปกติเพราะเดี๋ยวนี้มี ครบทุกทางแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยก็มีแล้วกำลีงมีกำลังเป็นแต่ไม่เคยเข้าใจถูกว่าอะไรที่กำลังมีจริงจริงถึงที่สุด เมื่อไม่ฟังก็หลงผิดอยากได้สิ่งที่ไม่รู้จักคืออยากได้นิพพานก็นิพพานคือหมดอยากได้เพราะฟังจนรู้ตัวว่าไม่รู้ อันที่คิดว่ารู้ไปหมดนั้นแหละคิดมากเกินสิ่งที่มีคือกำลังมีกิเลสตัณหาอวิชชาอยากได้นิพพานด้วยความโลภ ![]() คิดเรื่องจริงของเห็นให้ถูกต้องตรงตามคำสอนแล้วจะรู้ว่าโง่มานานขนาดไหน เห็นเกิดเองไม่ได้และที่กำลังเห็นเพราะมีเหตุปัจจัยทำให้ตายังไม่บอดยังฟังรู้เรื่องได้ เพราะการฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าต้องอาศัยมีการลืมตาดูมีฟังเสียงด้วยหูเพื่อรู้จักเห็น เพราะเห็นเป็นเห็นเป็นธรรมเป็นสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีสิ่งที่กระทบตาดำจึงมีการกระทบรูป(ผัสสะ) เกิดการรับรู้ว่าเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดสิ่งที่กำลังปรากฏว่ากระทบตาเท่านั้นที่เห็นได้นอกตาไม่มีอยู่จริง=บอดตาใส แม้เห็นในนรกบนสวรรค์พรหมโลกก็คือเห็นสีล้วนสีเดียวที่กระทบตาดำดับมืดลงทันทีแปลว่ามืดบอดสนิทเลย https://youtu.be/jJjrE0VM6o0 ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |