ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
วิบาก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=59475 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ต.ค. 2020, 15:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | วิบาก |
![]() วิบาก ภาษาบาลีใช้ วิปาก อ่านว่าวิ-ปา-กะ คำบาลีจะอ่านคำลงท้ายด้วยสระอะค่ะ ธรรมก็อ่านว่าธัมมะ โสภณก็อ่านว่าโส-พะ-นะ วิบากแปลว่าผล หมายถึงผลที่เกิดขึ้นแล้ว ที่เชื่อมกับการกระทำคือกรรมเขียนว่าวิบากกรรม ให้ทราบว่าที่เคยทำกรรมมาแล้วจึงปรากฏผลให้ได้รับ2แบบคือ 1.กุศลวิบาก คือ สิ่งที่มาปรากฏให้ได้รับผลที่ดีน่าชื่นชอบน่าพอใจ 2.อกุศลวิบาก คือ สิ่งที่มาปรากฏให้ได้รับผลเลวทรามต่ำช้าไม่น่าพอใจ ![]() วิบากกรรมจึงหมายถึงเหตุที่เคยทำไว้แต่ปรางก่อนแล้ว มาปรากฏผลขึ้นเพื่อให้ได้รับสุขหรือทุกข์เพื่อทำกรรมใหม่ เช่น นายเอ ข่มขืน นางบี แล้วฆ่าคือทำสำเร็จ นายเอเห็นสาวสวยเป็นวิบากกุศลชอบอยากได้ฉุดมาข่มขืนสำเร็จทำด้วยขาดสติกลัวถูกจับได้จึงฆ่านางบี นางบีได้รับผลวิบากอกุศลของตนอันเป็นทุกข์อย่างแสนสาหัสเหมือนมีคนมาทำแต่เป็นกรรมไม่ดีมาให้ผล เวลาที่อกุศลกรรมให้ผลจึงเหมือนมีคนมาทำร้ายแต่จริงๆเวลาที่เราเดินเตะขาโต๊ะก็คืออกุศลกรรมมาให้โทษ ที่ต้องอธิบายให้เข้าใจเหตุผลมีดังนี้พระภิกษุเมื่อเห็นมีคนมาถวายเงินเป็นผลของกุศลกรรมแต่กรรมใหม่คือ บวชแล้วรับเงินทองไม่ได้เมื่อมีการรับมีอาบัติกรรมสำเร็จรอให้ผลอกุศลกรรมแล้วต้องโทษตกนรกเมื่อตาย และถ้าไม่ปลงอาบัติทำการรับเงินทุกวันก็เป็นอลัชชีโกหกหลอกลวงเหยียบย่ำทำลายคำตถาคตร่วมกับโยม โยมไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าถวายเงินเป็นผู้ทำลายพระภิกษุการมีไวยาวัจจกรรับเงินบริจาคแทนผิด เพราะไวยาวัจจกรมีหน้าที่รับได้เฉพาะปัจจัยสี่ที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุและการถวายเงินจึงเป็นการทำบาป บวชสละเพศชาวบ้านค่ะ จึงมีข้อความในพระไตรปิฏกว่า...ภิกษุในธรรมวินัยไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง มีบัญญัติตำหนิภิกษุนอกพระธรรมวินัยว่าอลัชชีคือผู้ไม่ละอาย(ภิกษุคือผู้เห็นภัยทั้งชาวบ้านและนักบวช) ที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้คือพระภิกษุที่รับเงินทองคือมหาโจร เศรษฐีหัวโล้น ปล้นคำสอนทำเพื่อลาภสักการะ ลาภสักการะเกิดเมื่อมีพระพุทธเจ้าได้ฟรีเขาให้ตถาคตและผู้ที่อุปสมบทเพื่อมาทำตามพระธรรมวินัยได้นะคะ พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดจากตรัสรู้ คนทำบุญไม่มี วัตถุที่ทำไม่มี คนทำนิพพานไม่มี ถ้าศึกษาคำสอนให้ละเอียดโดยการฟังเพื่อเข้าใจถูกต้องคนที่เข้าใจเท่านั้นจึงเห็นโทษภัย ไม่มีใครรู้แล้ว โลกมนุษย์จึงเป็นที่ดูผลของบุญและบาป...ฟังพระพุทธพจน์จนกว่านิพพาน เพราะรู้จริงคงไม่เกิดแล้วค่ะ อดีตผ่านไปแล้วเอากลับมาแก้ไม่ได้ อนาคตมาไม่ถึง ปัจจุบันเท่านั้นที่จะรู้ตามได้ รู้จึงเปลี่ยน ไม่รู้ก็ไม่ละชั่ว ถ้าศึกษาคำสอนเข้าใจไม่มีใครเลยสักคน ผู้รู้เท่านั้นจึงเปลี่ยนความคิดเห็นตามคำของตถาคตเกิดสัมมาทิฏฐิ คนที่ยังอยากทำสังคมสงเคราะห์ต้องทำในเพศคฤหัสถ์นะคะเพราะบวชต้องสำนึกให้ทานคือให้ลาภต่อลาภ แม้คฤหัสถ์ถือครองเงินได้แต่ก็เป็นไปตามการสะสมอกุศลแบบมีโลภะ+โมหะเพิ่มความโลภทุกวันปกตินะคะ https://youtu.be/WbAPg7Gz3Lc ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |