ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ภาวนาไม่ใช่ของยาก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=59042 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 15 มิ.ย. 2020, 05:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
#การเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ยากมากคนที่มาเกิดต้องรอคิวกันไม่ใช่ใครมาก่อนไปก่อน "การเกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ได้มาปฏิบัติธรรม เป็นโชคดีมหาศาล เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ยากมาก คนที่มาเกิดต้องรอคิวกัน ไม่ใช่ใครมาก่อนไปก่อน ใครมีบุญแซงเลย คนไม่มีบุญต้องดิ้นรนแสวงหาบุญ เป็นสัมภเวสีให้คนอุทิศส่วนกุศลให้ ดิ้นรนกันเพื่อมาเกิด การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ยากต้องมีบุญเก่าที่สร้างมาถึงจะเกิดมาเป็นมนุษย์.." หลวงปู่ทิวา อาภากโร บันทึกธรรม ณ บ้านพรหมพิมาน/Niti Wattana มดงาน.. #เวรระงับด้วยการไม่จองเวรนั้นจริงแท้ แต่ต้องศึกษาว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องจองเวร พระพุทธศาสนานี้ คนที่ศึกษารู้กันดีว่า เป็นหลักการที่สอนให้เว้นการเบียดเบียนกันโดยสิ้นเชิง ถึงขั้นที่ว่า ไม่มีการจงใจฆ่าที่ไม่บาป จนไม่มีข้อที่จะนำไปใช้อ้างในการรุกรานทำร้ายกัน แต่พระพุทธศาสนาก็มองเห็นตระหนักว่า การที่จะใช้เมตตา-กรุณาหรืออหิงสามาแก้ปัญหาให้สำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เรามีเมตตา-กรุณา รักคนอื่น ไม่เบียดเบียนใคร ถ้าพบกันหรืออยู่กับคนที่เป็นปกติไม่มีเป้าหมายที่อยู่ในเจตนาพิเศษออกไป ก็จะมีสันติสุขโดยง่าย แต่ถ้าไปเจอกับคนที่มีเจตนาแฝงเร้น เช่น เขามุ่งหาผลประโยชน์ หรือแสวงอำนาจ ความรักด้วยเมตตากรุณา ก็อาจจะไม่พอ บางทีคนที่เมตตาก็กลายเป็นเหยื่อเขาไป ยิ่งถ้ามูลเหตุของปัญหาถึงขั้นเป็นทิฏฐิ เช่น เป็นลัทธิความเชื่อด้วยแล้ว การแก้ปัญหาของเราแม้จะเริ่มด้วยเมตตา-กรุณา และวิธีอหิงสาก็จริง แต่จะสำเร็จได้ต้องใช้ปัญญาความสามารถอย่างพิเศษจริงๆ หลักการก็คือ..."คนที่จะชนะศัตรูได้ ย่อมต้องมีกำลังเก่งกล้าสามารถกว่าศัตรู แต่คนที่จะชนะศัตรูที่มุ่งร้ายด้วยวิธีการไม่ทำร้ายนั้นจะต้องมีปัญญาความสามารถยิ่งกว่าคนที่ชนะศัตรูด้วยกำลังนั้นอีกมากมาย ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ" วรรณคดีพระพุทธศาสนา เช่น ชาดก อย่างมโหสถชาดก จึงได้สั่งสอนและแสดงตัวอย่างให้เห็นว่า เมื่อมีคนพวกอื่นตั้งตัวเป็นศัตรู ยกมาเพื่อฆ่าฟันทำร้าย ฝ่ายธรรมิกชนต้องใช้ปัญญาความสามารถที่เหนือกว่ามากมายในการที่จะเอาชนะคนพวกนั้น โดยไม่ใช้วิธีทำร้ายตอบ และทำให้พวกศัตรูนั้นต้องยอมสยบและกลายเป็นมิตรในที่สุด หนังสือ สลายความขัดแย้ง สังคมศาสตร์ที่หยั่งถึงธรรมชาติ โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) พิมพ์ครั้งที่ ๒ กรกฏาคม ๒๕๔๙ หน้า ๔๗ - ๔๘ .... เราหยุดความโลภ หยุดความอยาก หยุดหาความสุขจากสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ แล้วความสุขที่แท้จริงมันจะมาหาเราเอง . มันอยู่ในตัวเรา .. อยู่ข้างหลังความโลภความอยากนี้เอง พอความโลภความอยากหายไป ความสุขอันนี้ก็จะ “โผล่ขึ้นมาในใจ “ทันที . ไม่เชื่อลองทำดูซิ “ของที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนี่ พิสูจน์ได้ “ ไม่ใช่เป็นของโกหก ไม่ใช่เป็นของที่มีแต่พูดมีแต่บอก แต่พิสูจน์ไม่ได้ . “คำสอนของพระพุทธเจ้านี่พิสูจน์ได้ “ ความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ พวกเราพิสูจน์ได้ สร้างกันขึ้นมาได้ ไม่ยากเย็นเลย ..นั่งเฉยๆ “ไม่ให้ไปคิดอะไร”เท่านั้นเอง . นั่งหลับตาดูลมเข้าออกไปก็ได้ บริกรรม “พุทโธ พุทโธ พุทโธ” ไปก็ได้ อย่าไปคิดถึงลาภยศสรรเสริญ อย่าไปคิดถึงรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ เท่านั้นเอง . พอความคิดหยุด ความอยากหยุดปั๊บ ความสุขก็โผล่ขึ้นมาทันที ใครลองได้พบกับความสุขแบบนี้แล้ว จะติดใจ “เป็นความสุขที่มหัศจรรย์ใจ”. ......................................... คัดลอกการสนทนาธรรม ธรรมะบนเขา 20/12/2561 พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี "เพราะฉะนั้นพวกเราได้เกิดมาด้วย บุญด้วยกุศลแล้วสร้างบารมีมาเต็มเปี่ยมแล้วเหลือเพียงอย่างเดียวพวกเราจะกระทำต่ออีกไหม... จะทำบุญต่ออีกไหม...ถ้าไม่ทำบุญต่อก็ขาดทุน.. เพราะใจทุกดวงอยากเกิดมาเป็นมนุษย์อยากพบพระพุทธศาสนาอยากปฏิบัติศีลธรรม ตัดภพ ตัดชาติ ให้สั้นเข้าไป พวกเราไม่พากันรู้ตอนนี้เพราะพวกเราขาดการปฏิบัติ.." ธรรมโอวาทคำสอน หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญฺโญ_กับต๋อง หนองแสง “ความสุขในโลกนี้ อยู่กับความพอดี จะหาความพอดีในโลกนี้ ไม่ได้เลย เพราะความพอดี ไม่มีอยู่ในโลกนี้ แต่ความพอดี มีอยู่เฉพาะที่ใจเท่านั้น” หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ "ผู้เจริญย่อมไม่เบียดเบียนใคร ไม่อาฆาตใคร พยาบาทใคร ให้อภัยแก่คน ทุกจำพวก ไม่เอาเรื่อง เอาราวกับใครเลย ต้องพร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ อย่างนี้ใจเราสบาย" หลวงปู่ท่อน ญาณธโร "การทำบุญตักบาตรเป็นความดี เป็นบุญแก่จิตใจ เมื่อมีโอกาสพอทำได้เมื่อใด จึงควรทำเสมอ " หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน "ส่วนมาก เขาจะว่าดีก็ต่อเมื่อ เขาได้รับประโยชน์จากการกระทำของเรา ถ้าเขาไม่ได้ แต่ไปได้กับผู้อื่น เราก็เป็นคนดี ที่เขาไม่ต้องการ" ท่านพุทธทาสภิกขุ “ วัวกินหญ้า มันคุ้นเคย ณ ที่ใดมันก็จะไป ณ ที่นั้น นิสัยคน ก็เหมือนกัน มันสั่งสม มาทางไหน ก็จะไปทางนั้น จึงให้คิดดี ทำดี พูดดี เพื่อสร้างสม “อุปนิสัย” ของตนเอง " โอวาทธรรม หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ #จะถอดกิเลสนะ #มันต้องคิด #พิจารณากายในกาย ตั้งแต่โสดาบันผล ถึงอนาคามีผล ตั้งแต่กายอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ๓ ระดับ - กายอย่างหยาบ ก็โสดาบันผล - กายอย่างกลาง ก็สกิทาคาผล - กายอย่างละเอียด ที่ละได้ก็อนาคามีผลนั้นล่ะ #นี่แหละเป้าหมายของการพิจารณา #กายในกายเนี่ย อันนี้เป็นทางที่ไม่ผิด ไม่เชื่อก็ลองทำดู แล้วจะเห็นประจักษ์ชัดด้วยใจของตนเอง รู้เห็นธรรมขึ้นมาก็ด้วยใจของตนเอง #ใจจะเป็นธรรมขึ้นมาก็ด้วยพิจารณากายในกายนี่แหละ พิจารณาอารมณ์นั้น ปล่อยวางชั่วคราวเท่านั้นแหละ วันนี้ละรูปนี้ลงไป ละเสียงนี้ กลิ่นนี้ รสนี้ ออกไป พรุ่งนี้ รูปใหม่ รสใหม่ กลิ่นใหม่ สัมผัสใหม่ ไม่เหมือนเดิม #สติปัญญาต้องทำงาน เหนื่อยเหมือนเดิมทุกๆ วัน ละวางได้แต่เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหละ ถ้าไม่ขุดรากถอนโคน รากเหง้า คืออุปาทานความยึดมั่น ในกายตนแล้วเนี่ย อารมณ์ไม่มีทางละขาด... #พระอาจารย์อัครเดช (#ตั๋น) #ถิรจิตโต #วัดบุญญาวาส อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี เทศน์เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑ เรื่องปฏิปทาที่เหมาะสม #การภาวนามันไม่ยาก อิริยาบททั้งสี่ เป็นความเพียรของพระพุทธเจ้า นั่งก็ได้ นอนก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ เรื่องความเพียร #ถ้าภาวนาเก่งๆ #แม้นอนอยู่มันก็ไม่หลับหรอกภายในใจน่ะ มันไหลอยู่อย่างนั้น มันเห็นอันนั้นอันนี้ บ้างก็ม้วนนี้จบ ก็ขึ้นม้วนต่อไปอีก มันคล้ายกับการดูภาพยนตร์ มันจะเป็นม้วนๆอยู่อย่างนั้น #หากไม่เห็นภายในตัวเองแล้ว #มันก็ไม่เป็นล่ะ หากมันเห็นจริงแล้ว โห... ความเพียรมันไม่รู้มาจากไหน มันเป็นไปเอง เรื่องอันนั้นน่ะ... #ขอให้จิตมันอยู่ #ธรรมะจะโผล่ขึ้นมาเอง #ความเพียรนี่ พอเห็นแล้วก็คิดแต่เรื่องว่า จะพ้นทุกข์ไหมหนอๆ เท่านั้นล่ะ ดีก็ไม่อยู่ ชั่วก็ไม่อยู่ล่ะ โลกใบนี้ โห. ถ้าถึงขนาดนี้แล้วนะ ความเพียรไม่รู้มันมาจากไหนละ ทีแรกก็ต้องบังคับล่ะ ต่อไปไม่ได้บังคับหรอก มันเป็นไปของมันเอง #เอาล่ะ...#ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ . #หลวงปู่ลี #กุสลธโร #วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เทศน์อบรมพระเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๓๙ #มันไม่มีอะไรจริงแท้แน่นอนหรอก #สำหรับของที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ร่างกายจิตใจ.. ล้วนแปรเปลี่ยนแทบจะทุกเวลานาที ของว่าจริง.. มันอาจไม่จริง ของที่ไม่จริง.. มันอาจจะจริง #ทุกสิ่งมันล้วนหาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรไม่ได้เลย คิดอะไร.. ก็อย่าไปว่า สิ่งนั้นต้องเป็นจริง ไม่ว่าเจอเรื่องเลวร้ายสักปานใด มันมาได้.. ถึงเวลามันก็ไปของมัน #ใจเราต่างหากที่ไปยึดไว้ #มัดมันไว้ไม่ยอมปล่อยมัน นั้นต่างหากที่มันติดใจค้างคาใจ ก็เพราะเหตุนี้กันต่างหาก..! #หลวงปู่ขาว #อนาลโย มีพระ. ก็ดีกว่า. มีผีเป็นที่พึ่ง. นั่นแหละโยม..! โอวาทธรรม หลวงปู่ชา สุภัทโท |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ก.ย. 2020, 13:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
วิธีภาวนาไม่ยาก บอกครั้งเดียวจำได้เลย แต่ภาวนาไปๆๆปัญหาเกิดนี่ยากสุดๆ ตัวอย่าง http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html อ้างคำพูด: ตอนแรกดิฉันมีอาการผิดปกติทางกายแล้วไปถามผู้สอน แล้วได้คำตอบที่ไม่สมเหตุผลมากเลยจึงขาดความไว้ใจในตัวผู้สอน คราวนี้พอเกิดอย่างอื่นตามมาก็ไม่ได้ถามอีก ต่อมาทั้งตาฝาด หูแว่ว ได้ยินอะไรแบบพิเศษจากปกติ ก็คิดว่าตัวเองวิเศษ ไม่ไปถามผู้ฝึกสอนอีกเพราะขาดความไว้วางใจ แถมหลงในสิ่งลวงนั้นแล้วด้วย เป็นหนักจนต้องไปอยู่โรงพยาบาล และก็รักษาจนรู้ตัวและเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องไม่จริง แต่ยังมีอาการอย่างนึงที่ยังไม่หายคือใจแว่ว (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีค่ะเพราะมันคลายหูแว่วแต่เสียงเหมือนมีคนอื่นพูดมาจากใจเรา) กินยาตามหมอสั่งมาก็หลายเดือนก็ยังไม่หาย ยังงงอยู่ว่าเป็นไปได้อย่างไร เสียงที่ได้ยินบอกว่าไม่หายหรอกต้องเป็นคนจิตผิดปกติไปตลอดบ้างละ ต้องไปฝึกสมาธิต่อให้หายบ้างละ ฟังไปก็งงไปเรื่อยค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นอาการจิตเภทแบบที่หมอบอก แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินทางไปสุดวิธีรักษาแบบคนเป็นโรคจิต หรือควรกลับมาทางทำสมาธิแทน แต่กลัวตอนที่ร่างกายผิดปกติ กลัวเป็นอีกแล้วจะไม่หายคราวนี้ นี่แค่ร่างกายที่เป็นรูปธรรมเห็นตำตาอยู่นะ แต่ร้อยทั้งร้อยมองข้าม ไปเอาแต่ด้านจิตด้านเดียว ถ้าไม่มีกายแล้วจิตมันจะอาศัยอะไรเกิดเล่า ดังนั้น กายกับจิตสัมพันธ์กันเนื่องถึงกัน อ้างคำพูด: อาการทางกายล่ะคะ คุณเคยได้ยินว่ามีคนผิดปกติทางกายจากการฝึกสมาธิแล้วไม่หายไหมคะ
เพราะมันเป็นเหตุนึงที่ดิฉันกลัว จึงไม่กล้าทำอีก เพราะตอนที่เป็นนั้น เหมือนมีคนมาจับหน้าเราบิดแรงๆไปมาตลอดเวลา ตอนออกจากสมาธิก็ยังเป็น ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ .... (หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิ แล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร ) |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ก.ย. 2020, 14:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
กรัชกาย เขียน: วิธีภาวนาไม่ยาก บอกครั้งเดียวจำได้เลย แต่ภาวนาไปๆๆปัญหาเกิดนี่ยากสุดๆ ตัวอย่าง http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html อ้างคำพูด: ตอนแรกดิฉันมีอาการผิดปกติทางกายแล้วไปถามผู้สอน แล้วได้คำตอบที่ไม่สมเหตุผลมากเลยจึงขาดความไว้ใจในตัวผู้สอน คราวนี้พอเกิดอย่างอื่นตามมาก็ไม่ได้ถามอีก ต่อมาทั้งตาฝาด หูแว่ว ได้ยินอะไรแบบพิเศษจากปกติ ก็คิดว่าตัวเองวิเศษ ไม่ไปถามผู้ฝึกสอนอีกเพราะขาดความไว้วางใจ แถมหลงในสิ่งลวงนั้นแล้วด้วย เป็นหนักจนต้องไปอยู่โรงพยาบาล และก็รักษาจนรู้ตัวและเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องไม่จริง แต่ยังมีอาการอย่างนึงที่ยังไม่หายคือใจแว่ว (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีค่ะเพราะมันคลายหูแว่วแต่เสียงเหมือนมีคนอื่นพูดมาจากใจเรา) กินยาตามหมอสั่งมาก็หลายเดือนก็ยังไม่หาย ยังงงอยู่ว่าเป็นไปได้อย่างไร เสียงที่ได้ยินบอกว่าไม่หายหรอกต้องเป็นคนจิตผิดปกติไปตลอดบ้างละ ต้องไปฝึกสมาธิต่อให้หายบ้างละ ฟังไปก็งงไปเรื่อยค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นอาการจิตเภทแบบที่หมอบอก แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินทางไปสุดวิธีรักษาแบบคนเป็นโรคจิต หรือควรกลับมาทางทำสมาธิแทน แต่กลัวตอนที่ร่างกายผิดปกติ กลัวเป็นอีกแล้วจะไม่หายคราวนี้ นี่แค่ร่างกายที่เป็นรูปธรรมเห็นตำตาอยู่นะ แต่ร้อยทั้งร้อยมองข้าม ไปเอาแต่ด้านจิตด้านเดียว ถ้าไม่มีกายแล้วจิตมันจะอาศัยอะไรเกิดเล่า ดังนั้น กายกับจิตสัมพันธ์กันเนื่องถึงกัน อ้างคำพูด: อาการทางกายล่ะคะ คุณเคยได้ยินว่ามีคนผิดปกติทางกายจากการฝึกสมาธิแล้วไม่หายไหมคะ เพราะมันเป็นเหตุนึงที่ดิฉันกลัว จึงไม่กล้าทำอีก เพราะตอนที่เป็นนั้น เหมือนมีคนมาจับหน้าเราบิดแรงๆไปมาตลอดเวลา ตอนออกจากสมาธิก็ยังเป็น ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ .... (หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิ แล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร ) ความคิดเห็นของเรามีว่าแบบนี้...มีเรา สัจจะตรงตามคำตถาคตมีว่า...ไม่มีเรา เราจะภาวนาถูกตามตรงคำสัจจะคือไม่มีเรา ภาวนาให้ถูกตัวให้เข้าใจว่าไม่มีเรา เป็นความจริง ดังนั้นถ้าภาวนาว่าด้วยความเป็นตัวเราทำแสดงว่าเราไม่รู้สึกตัวเลยว่า...ไม่มีเรา หลักการภาวนาต้องเข้าใจถูกมาตั้งแต่ปริยัติคือฟังคำสอนให้รู้สึกถูกตัวเข้าใจว่าเราคิดเห็นไม่ตรงตามสัจจะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 08 ก.ย. 2020, 18:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: วิธีภาวนาไม่ยาก บอกครั้งเดียวจำได้เลย แต่ภาวนาไปๆๆปัญหาเกิดนี่ยากสุดๆ ตัวอย่าง http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html อ้างคำพูด: ตอนแรกดิฉันมีอาการผิดปกติทางกายแล้วไปถามผู้สอน แล้วได้คำตอบที่ไม่สมเหตุผลมากเลยจึงขาดความไว้ใจในตัวผู้สอน คราวนี้พอเกิดอย่างอื่นตามมาก็ไม่ได้ถามอีก ต่อมาทั้งตาฝาด หูแว่ว ได้ยินอะไรแบบพิเศษจากปกติ ก็คิดว่าตัวเองวิเศษ ไม่ไปถามผู้ฝึกสอนอีกเพราะขาดความไว้วางใจ แถมหลงในสิ่งลวงนั้นแล้วด้วย เป็นหนักจนต้องไปอยู่โรงพยาบาล และก็รักษาจนรู้ตัวและเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องไม่จริง แต่ยังมีอาการอย่างนึงที่ยังไม่หายคือใจแว่ว (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีค่ะเพราะมันคลายหูแว่วแต่เสียงเหมือนมีคนอื่นพูดมาจากใจเรา) กินยาตามหมอสั่งมาก็หลายเดือนก็ยังไม่หาย ยังงงอยู่ว่าเป็นไปได้อย่างไร เสียงที่ได้ยินบอกว่าไม่หายหรอกต้องเป็นคนจิตผิดปกติไปตลอดบ้างละ ต้องไปฝึกสมาธิต่อให้หายบ้างละ ฟังไปก็งงไปเรื่อยค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นอาการจิตเภทแบบที่หมอบอก แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินทางไปสุดวิธีรักษาแบบคนเป็นโรคจิต หรือควรกลับมาทางทำสมาธิแทน แต่กลัวตอนที่ร่างกายผิดปกติ กลัวเป็นอีกแล้วจะไม่หายคราวนี้ นี่แค่ร่างกายที่เป็นรูปธรรมเห็นตำตาอยู่นะ แต่ร้อยทั้งร้อยมองข้าม ไปเอาแต่ด้านจิตด้านเดียว ถ้าไม่มีกายแล้วจิตมันจะอาศัยอะไรเกิดเล่า ดังนั้น กายกับจิตสัมพันธ์กันเนื่องถึงกัน อ้างคำพูด: อาการทางกายล่ะคะ คุณเคยได้ยินว่ามีคนผิดปกติทางกายจากการฝึกสมาธิแล้วไม่หายไหมคะ เพราะมันเป็นเหตุนึงที่ดิฉันกลัว จึงไม่กล้าทำอีก เพราะตอนที่เป็นนั้น เหมือนมีคนมาจับหน้าเราบิดแรงๆไปมาตลอดเวลา ตอนออกจากสมาธิก็ยังเป็น ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ .... (หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิ แล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร ) ความคิดเห็นของเรามีว่าแบบนี้...มีเรา สัจจะตรงตามคำตถาคตมีว่า...ไม่มีเรา เราจะภาวนาถูกตามตรงคำสัจจะคือไม่มีเรา ภาวนาให้ถูกตัวให้เข้าใจว่าไม่มีเรา เป็นความจริง ดังนั้นถ้าภาวนาว่าด้วยความเป็นตัวเราทำแสดงว่าเราไม่รู้สึกตัวเลยว่า...ไม่มีเรา หลักการภาวนาต้องเข้าใจถูกมาตั้งแต่ปริยัติคือฟังคำสอนให้รู้สึกถูกตัวเข้าใจว่าเราคิดเห็นไม่ตรงตามสัจจะ เขาเป็นอะไร ไหนลองว่ามาสิ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ก.ย. 2020, 11:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: วิธีภาวนาไม่ยาก บอกครั้งเดียวจำได้เลย แต่ภาวนาไปๆๆปัญหาเกิดนี่ยากสุดๆ ตัวอย่าง http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html อ้างคำพูด: ตอนแรกดิฉันมีอาการผิดปกติทางกายแล้วไปถามผู้สอน แล้วได้คำตอบที่ไม่สมเหตุผลมากเลยจึงขาดความไว้ใจในตัวผู้สอน คราวนี้พอเกิดอย่างอื่นตามมาก็ไม่ได้ถามอีก ต่อมาทั้งตาฝาด หูแว่ว ได้ยินอะไรแบบพิเศษจากปกติ ก็คิดว่าตัวเองวิเศษ ไม่ไปถามผู้ฝึกสอนอีกเพราะขาดความไว้วางใจ แถมหลงในสิ่งลวงนั้นแล้วด้วย เป็นหนักจนต้องไปอยู่โรงพยาบาล และก็รักษาจนรู้ตัวและเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องไม่จริง แต่ยังมีอาการอย่างนึงที่ยังไม่หายคือใจแว่ว (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีค่ะเพราะมันคลายหูแว่วแต่เสียงเหมือนมีคนอื่นพูดมาจากใจเรา) กินยาตามหมอสั่งมาก็หลายเดือนก็ยังไม่หาย ยังงงอยู่ว่าเป็นไปได้อย่างไร เสียงที่ได้ยินบอกว่าไม่หายหรอกต้องเป็นคนจิตผิดปกติไปตลอดบ้างละ ต้องไปฝึกสมาธิต่อให้หายบ้างละ ฟังไปก็งงไปเรื่อยค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นอาการจิตเภทแบบที่หมอบอก แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินทางไปสุดวิธีรักษาแบบคนเป็นโรคจิต หรือควรกลับมาทางทำสมาธิแทน แต่กลัวตอนที่ร่างกายผิดปกติ กลัวเป็นอีกแล้วจะไม่หายคราวนี้ นี่แค่ร่างกายที่เป็นรูปธรรมเห็นตำตาอยู่นะ แต่ร้อยทั้งร้อยมองข้าม ไปเอาแต่ด้านจิตด้านเดียว ถ้าไม่มีกายแล้วจิตมันจะอาศัยอะไรเกิดเล่า ดังนั้น กายกับจิตสัมพันธ์กันเนื่องถึงกัน อ้างคำพูด: อาการทางกายล่ะคะ คุณเคยได้ยินว่ามีคนผิดปกติทางกายจากการฝึกสมาธิแล้วไม่หายไหมคะ เพราะมันเป็นเหตุนึงที่ดิฉันกลัว จึงไม่กล้าทำอีก เพราะตอนที่เป็นนั้น เหมือนมีคนมาจับหน้าเราบิดแรงๆไปมาตลอดเวลา ตอนออกจากสมาธิก็ยังเป็น ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ .... (หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิ แล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร ) ความคิดเห็นของเรามีว่าแบบนี้...มีเรา สัจจะตรงตามคำตถาคตมีว่า...ไม่มีเรา เราจะภาวนาถูกตามตรงคำสัจจะคือไม่มีเรา ภาวนาให้ถูกตัวให้เข้าใจว่าไม่มีเรา เป็นความจริง ดังนั้นถ้าภาวนาว่าด้วยความเป็นตัวเราทำแสดงว่าเราไม่รู้สึกตัวเลยว่า...ไม่มีเรา หลักการภาวนาต้องเข้าใจถูกมาตั้งแต่ปริยัติคือฟังคำสอนให้รู้สึกถูกตัวเข้าใจว่าเราคิดเห็นไม่ตรงตามสัจจะ เขาเป็นอะไร ไหนลองว่ามาสิ ไม่มีเรา จึงไม่มีเขา เราอ่ะไม่รู้ว่า ไม่มีทั้งเราและเขา หลงว่ามีเราทำอะไรอยู่ น่านแหละไม่เคยคิดได้มาก่อนทำ ว่าเราไม่มีตัวตนเพราะขาดการฟังเพื่อไตร่ตรองความจริง และคิดถูกตรงตามได้ตรงที่กำลังมีตอนที่กำลังฟังตรงแต่ละคำให้รู้ชัดว่ายึดติดของไม่มี |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ก.ย. 2020, 14:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: วิธีภาวนาไม่ยาก บอกครั้งเดียวจำได้เลย แต่ภาวนาไปๆๆปัญหาเกิดนี่ยากสุดๆ ตัวอย่าง http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html อ้างคำพูด: ตอนแรกดิฉันมีอาการผิดปกติทางกายแล้วไปถามผู้สอน แล้วได้คำตอบที่ไม่สมเหตุผลมากเลยจึงขาดความไว้ใจในตัวผู้สอน คราวนี้พอเกิดอย่างอื่นตามมาก็ไม่ได้ถามอีก ต่อมาทั้งตาฝาด หูแว่ว ได้ยินอะไรแบบพิเศษจากปกติ ก็คิดว่าตัวเองวิเศษ ไม่ไปถามผู้ฝึกสอนอีกเพราะขาดความไว้วางใจ แถมหลงในสิ่งลวงนั้นแล้วด้วย เป็นหนักจนต้องไปอยู่โรงพยาบาล และก็รักษาจนรู้ตัวและเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องไม่จริง แต่ยังมีอาการอย่างนึงที่ยังไม่หายคือใจแว่ว (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีค่ะเพราะมันคลายหูแว่วแต่เสียงเหมือนมีคนอื่นพูดมาจากใจเรา) กินยาตามหมอสั่งมาก็หลายเดือนก็ยังไม่หาย ยังงงอยู่ว่าเป็นไปได้อย่างไร เสียงที่ได้ยินบอกว่าไม่หายหรอกต้องเป็นคนจิตผิดปกติไปตลอดบ้างละ ต้องไปฝึกสมาธิต่อให้หายบ้างละ ฟังไปก็งงไปเรื่อยค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นอาการจิตเภทแบบที่หมอบอก แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินทางไปสุดวิธีรักษาแบบคนเป็นโรคจิต หรือควรกลับมาทางทำสมาธิแทน แต่กลัวตอนที่ร่างกายผิดปกติ กลัวเป็นอีกแล้วจะไม่หายคราวนี้ นี่แค่ร่างกายที่เป็นรูปธรรมเห็นตำตาอยู่นะ แต่ร้อยทั้งร้อยมองข้าม ไปเอาแต่ด้านจิตด้านเดียว ถ้าไม่มีกายแล้วจิตมันจะอาศัยอะไรเกิดเล่า ดังนั้น กายกับจิตสัมพันธ์กันเนื่องถึงกัน อ้างคำพูด: อาการทางกายล่ะคะ คุณเคยได้ยินว่ามีคนผิดปกติทางกายจากการฝึกสมาธิแล้วไม่หายไหมคะ เพราะมันเป็นเหตุนึงที่ดิฉันกลัว จึงไม่กล้าทำอีก เพราะตอนที่เป็นนั้น เหมือนมีคนมาจับหน้าเราบิดแรงๆไปมาตลอดเวลา ตอนออกจากสมาธิก็ยังเป็น ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ .... (หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิ แล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร ) ความคิดเห็นของเรามีว่าแบบนี้...มีเรา สัจจะตรงตามคำตถาคตมีว่า...ไม่มีเรา เราจะภาวนาถูกตามตรงคำสัจจะคือไม่มีเรา ภาวนาให้ถูกตัวให้เข้าใจว่าไม่มีเรา เป็นความจริง ดังนั้นถ้าภาวนาว่าด้วยความเป็นตัวเราทำแสดงว่าเราไม่รู้สึกตัวเลยว่า...ไม่มีเรา หลักการภาวนาต้องเข้าใจถูกมาตั้งแต่ปริยัติคือฟังคำสอนให้รู้สึกถูกตัวเข้าใจว่าเราคิดเห็นไม่ตรงตามสัจจะ เขาเป็นอะไร ไหนลองว่ามาสิ ไม่มีเรา จึงไม่มีเขา เราอ่ะไม่รู้ว่า ไม่มีทั้งเราและเขา หลงว่ามีเราทำอะไรอยู่ น่านแหละไม่เคยคิดได้มาก่อนทำ ว่าเราไม่มีตัวตนเพราะขาดการฟังเพื่อไตร่ตรองความจริง และคิดถูกตรงตามได้ตรงที่กำลังมีตอนที่กำลังฟังตรงแต่ละคำให้รู้ชัดว่ายึดติดของไม่มี เอางี้ทำความเข้าใจก่อนนะว่า จิตน่ะมีหน้าที่เป็นประธานไม่ทำอะไรเลย ที่ทำน่ะคือตัวตนทำตามความคิดเห็นผิดว่าตัวตนทำได้ แต่จริงๆพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงว่าจิตมีหน้าที่เป็นประธานรู้ทุกอย่างที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อไม่เข้าใจว่าจิตมีหน้าที่เป็นแค่ประธานดูและรู้ทุกอย่างเฉยๆก็เป็นตัวเรานั่นแหละหลงผิดไปทำ เมื่อหลงผิดเอาตัวตนไปทำก็ยึดว่ามีตัวตนทำได้เออก็รู้ตัวสิว่าที่ทำอยู่มันวนในอ่าง31ภพภูมิเมื่อไหร่จะรู้ตัว คนที่เอาตัวตนไปทำแบบผู้หญิงข้างบนนั้นน่ะมีตัวตนตามความหลงผิดใน31ภพภูมิออกไม่ได้ก็ติดข้องตัวตน ก็บอกแล้วว่าตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอกว่าหลงยึดติดในภพภูมิไหนบ้างจึงต้องฟังเพื่อให้เกิดปัญญาหลุดพ้นไง เข้าใจรึยังคะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ก.ย. 2020, 17:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
Rosarin เขียน: ไม่มีเรา จึงไม่มีเขา เราอ่ะไม่รู้ว่า ไม่มีทั้งเราและเขา หลงว่ามีเราทำอะไรอยู่ น่านแหละไม่เคยคิดได้มาก่อนทำ ว่าเราไม่มีตัวตนเพราะขาดการฟังเพื่อไตร่ตรองความจริง และคิดถูกตรงตามได้ตรงที่กำลังมีตอนที่กำลังฟังตรงแต่ละคำให้รู้ชัดว่ายึดติดของไม่มี เอางี้ทำความเข้าใจก่อนนะว่า จิตน่ะมีหน้าที่เป็นประธานไม่ทำอะไรเลย ที่ทำน่ะคือตัวตนทำตามความคิดเห็นผิดว่าตัวตนทำได้ แต่จริงๆพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงว่าจิตมีหน้าที่เป็นประธานรู้ทุกอย่างที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อไม่เข้าใจว่าจิตมีหน้าที่เป็นแค่ประธานดูและรู้ทุกอย่างเฉยๆก็เป็นตัวเรานั่นแหละหลงผิดไปทำ เมื่อหลงผิดเอาตัวตนไปทำก็ยึดว่ามีตัวตนทำได้เออก็รู้ตัวสิว่าที่ทำอยู่มันวนในอ่าง31ภพภูมิเมื่อไหร่จะรู้ตัว คนที่เอาตัวตนไปทำแบบผู้หญิงข้างบนนั้นน่ะมีตัวตนตามความหลงผิดใน31ภพภูมิออกไม่ได้ก็ติดข้องตัวตน ก็บอกแล้วว่าตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอกว่าหลงยึดติดในภพภูมิไหนบ้างจึงต้องฟังเพื่อให้เกิดปัญญาหลุดพ้นไง เข้าใจรึยังคะ ถ้ายังงั้นก็เอาเท่าที่สบายใจเถอะขอรับนะ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ก.ย. 2020, 21:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: ไม่มีเรา จึงไม่มีเขา เราอ่ะไม่รู้ว่า ไม่มีทั้งเราและเขา หลงว่ามีเราทำอะไรอยู่ น่านแหละไม่เคยคิดได้มาก่อนทำ ว่าเราไม่มีตัวตนเพราะขาดการฟังเพื่อไตร่ตรองความจริง และคิดถูกตรงตามได้ตรงที่กำลังมีตอนที่กำลังฟังตรงแต่ละคำให้รู้ชัดว่ายึดติดของไม่มี เอางี้ทำความเข้าใจก่อนนะว่า จิตน่ะมีหน้าที่เป็นประธานไม่ทำอะไรเลย ที่ทำน่ะคือตัวตนทำตามความคิดเห็นผิดว่าตัวตนทำได้ แต่จริงๆพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงว่าจิตมีหน้าที่เป็นประธานรู้ทุกอย่างที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อไม่เข้าใจว่าจิตมีหน้าที่เป็นแค่ประธานดูและรู้ทุกอย่างเฉยๆก็เป็นตัวเรานั่นแหละหลงผิดไปทำ เมื่อหลงผิดเอาตัวตนไปทำก็ยึดว่ามีตัวตนทำได้เออก็รู้ตัวสิว่าที่ทำอยู่มันวนในอ่าง31ภพภูมิเมื่อไหร่จะรู้ตัว คนที่เอาตัวตนไปทำแบบผู้หญิงข้างบนนั้นน่ะมีตัวตนตามความหลงผิดใน31ภพภูมิออกไม่ได้ก็ติดข้องตัวตน ก็บอกแล้วว่าตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอกว่าหลงยึดติดในภพภูมิไหนบ้างจึงต้องฟังเพื่อให้เกิดปัญญาหลุดพ้นไง เข้าใจรึยังคะ ถ้ายังงั้นก็เอาเท่าที่สบายใจเถอะขอรับนะ มันทำแบบนั้นก็แสดงว่าไม่พึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย เป็นคนเนี่ยยังชอบทำชอบคิดชอบกามคุณ5ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่ชอบที่ชอบทำ ก็ที่ชอบที่ชอบทำนั่นแหละมันพาเกิดไม่หยุดไม่ฟังคำสอนไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มก็เป็นตอสังสารวัฏฏ์ไง กว่าจะถึงวันที่นั่งฟังพระพุทธเจ้าเทศน์แค่5คำแล้วบรรลุอรหันต์ตอนฟังเลยนั้นถ้าไม่ทำเหตุไว้วันนี้จะมีวันนั้นรึ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 ก.ย. 2020, 11:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: ไม่มีเรา จึงไม่มีเขา เราอ่ะไม่รู้ว่า ไม่มีทั้งเราและเขา หลงว่ามีเราทำอะไรอยู่ น่านแหละไม่เคยคิดได้มาก่อนทำ ว่าเราไม่มีตัวตนเพราะขาดการฟังเพื่อไตร่ตรองความจริง และคิดถูกตรงตามได้ตรงที่กำลังมีตอนที่กำลังฟังตรงแต่ละคำให้รู้ชัดว่ายึดติดของไม่มี เอางี้ทำความเข้าใจก่อนนะว่า จิตน่ะมีหน้าที่เป็นประธานไม่ทำอะไรเลย ที่ทำน่ะคือตัวตนทำตามความคิดเห็นผิดว่าตัวตนทำได้ แต่จริงๆพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงว่าจิตมีหน้าที่เป็นประธานรู้ทุกอย่างที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อไม่เข้าใจว่าจิตมีหน้าที่เป็นแค่ประธานดูและรู้ทุกอย่างเฉยๆก็เป็นตัวเรานั่นแหละหลงผิดไปทำ เมื่อหลงผิดเอาตัวตนไปทำก็ยึดว่ามีตัวตนทำได้เออก็รู้ตัวสิว่าที่ทำอยู่มันวนในอ่าง31ภพภูมิเมื่อไหร่จะรู้ตัว คนที่เอาตัวตนไปทำแบบผู้หญิงข้างบนนั้นน่ะมีตัวตนตามความหลงผิดใน31ภพภูมิออกไม่ได้ก็ติดข้องตัวตน ก็บอกแล้วว่าตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอกว่าหลงยึดติดในภพภูมิไหนบ้างจึงต้องฟังเพื่อให้เกิดปัญญาหลุดพ้นไง เข้าใจรึยังคะ ถ้ายังงั้นก็เอาเท่าที่สบายใจเถอะขอรับนะ มันทำแบบนั้นก็แสดงว่าไม่พึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย เป็นคนเนี่ยยังชอบทำชอบคิดชอบกามคุณ5ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่ชอบที่ชอบทำ ก็ที่ชอบที่ชอบทำนั่นแหละมันพาเกิดไม่หยุดไม่ฟังคำสอนไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มก็เป็นตอสังสารวัฏฏ์ไง กว่าจะถึงวันที่นั่งฟังพระพุทธเจ้าเทศน์แค่5คำแล้วบรรลุอรหันต์ตอนฟังเลยนั้นถ้าไม่ทำเหตุไว้วันนี้จะมีวันนั้นรึ ถ้างั้นเอาใหม่ คุณโรสว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน จะให้คนไปฟังพระพุทธเจ้าเทศน์ 3 /4 คำ 1. อยู่ถ้ำขุนตาล 2. อยู่ถ้ำเชียงดาว หรืออยู่ถ้ำอื่นๆ นอกจากนั้น ตอบข้อไหน |
เจ้าของ: | Rosarin [ 11 ก.ย. 2020, 12:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวนาไม่ใช่ของยาก |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: ไม่มีเรา จึงไม่มีเขา เราอ่ะไม่รู้ว่า ไม่มีทั้งเราและเขา หลงว่ามีเราทำอะไรอยู่ น่านแหละไม่เคยคิดได้มาก่อนทำ ว่าเราไม่มีตัวตนเพราะขาดการฟังเพื่อไตร่ตรองความจริง และคิดถูกตรงตามได้ตรงที่กำลังมีตอนที่กำลังฟังตรงแต่ละคำให้รู้ชัดว่ายึดติดของไม่มี เอางี้ทำความเข้าใจก่อนนะว่า จิตน่ะมีหน้าที่เป็นประธานไม่ทำอะไรเลย ที่ทำน่ะคือตัวตนทำตามความคิดเห็นผิดว่าตัวตนทำได้ แต่จริงๆพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงว่าจิตมีหน้าที่เป็นประธานรู้ทุกอย่างที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อไม่เข้าใจว่าจิตมีหน้าที่เป็นแค่ประธานดูและรู้ทุกอย่างเฉยๆก็เป็นตัวเรานั่นแหละหลงผิดไปทำ เมื่อหลงผิดเอาตัวตนไปทำก็ยึดว่ามีตัวตนทำได้เออก็รู้ตัวสิว่าที่ทำอยู่มันวนในอ่าง31ภพภูมิเมื่อไหร่จะรู้ตัว คนที่เอาตัวตนไปทำแบบผู้หญิงข้างบนนั้นน่ะมีตัวตนตามความหลงผิดใน31ภพภูมิออกไม่ได้ก็ติดข้องตัวตน ก็บอกแล้วว่าตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอกว่าหลงยึดติดในภพภูมิไหนบ้างจึงต้องฟังเพื่อให้เกิดปัญญาหลุดพ้นไง เข้าใจรึยังคะ ถ้ายังงั้นก็เอาเท่าที่สบายใจเถอะขอรับนะ มันทำแบบนั้นก็แสดงว่าไม่พึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย เป็นคนเนี่ยยังชอบทำชอบคิดชอบกามคุณ5ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่ชอบที่ชอบทำ ก็ที่ชอบที่ชอบทำนั่นแหละมันพาเกิดไม่หยุดไม่ฟังคำสอนไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มก็เป็นตอสังสารวัฏฏ์ไง กว่าจะถึงวันที่นั่งฟังพระพุทธเจ้าเทศน์แค่5คำแล้วบรรลุอรหันต์ตอนฟังเลยนั้นถ้าไม่ทำเหตุไว้วันนี้จะมีวันนั้นรึ ถ้างั้นเอาใหม่ คุณโรสว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน จะให้คนไปฟังพระพุทธเจ้าเทศน์ 3 /4 คำ 1. อยู่ถ้ำขุนตาล 2. อยู่ถ้ำเชียงดาว หรืออยู่ถ้ำอื่นๆ นอกจากนั้น ตอบข้อไหน คำว่า...พระพุทธเจ้า...พระพุทธเจ้าตั้งให้ตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าได้มั๊ย พระพุทธเจ้าเป็นได้ครั้งละกี่คนและเดี๋ยวนี้มีพระพุทธเจ้าอยู่ที่คำสอน ถ้าพระพุทธเจ้าตั้งคำสอนของพระพุทธเจ้าขึ้นเป็นศาสดาแทนตถาคต การเข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนจากพระโอษฐ์และจากสาวกที่เข้าใจใช่ไหม แล้วยุคนี้มีตัวพระพุทธเจ้าอยู่ไหมล่ะถ้าไม่มีก็ต้องฟังจากสาวกใช่ไหม แล้วสาวกยุคนี้มี1.ภิกษุและสามเณร2ภิกษุณี(ไม่มีแล้ว)3อุบาสก4อุบาสิกา ถ้าภิกษุและสามเณรแสดงไม่ถูกตามพระธรรมวินัยก็ฟังจากอุบาสกและอุบาสิกา คิดสิคะยุคนี้ภิกษุและสามเณรล่วงเกินพระธรรมวินัยด้วยการรับเงินใช้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้เงินทำผิดยังไม่รู้เลยจะฟังจากใครดีล่ะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วถ้ายังไม่เข้าใจก็อ่านใหม่สักร้อยรอบพันรอบสมควรฟังจากที่ไหนมีตาดีหูดีพิจารณาได้นิ คนที่รู้ว่าตรงไหนมีคนที่พูดถูกตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ฟังเข้าใจทุกวันก็จะไปตรงที่คนพูดนั้นอยู่ คำตอบคือฟังที่ไหนก็ได้ที่มีคนพูดให้คนฟังเข้าใจถูกตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า...ได้ยินไหมมมมมมม http://www.dhammahome.com |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |