ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
วันนี้มีคนมาถาม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58750 |
หน้า 5 จากทั้งหมด 18 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 13 เม.ย. 2020, 20:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ปริยัติของจริงต้องอาศัยฟังคนอื่นกล่าว ให้คิดตามถูกตัวตนโดยไม่ต้องแปลต่ออีก คิดตามตรงๆไม่มีอ้อมไปเห็นด้านหลังอีกค่ะ https://youtu.be/k3de1Ca5vys พระพุทธเจ้าสอนทั้ง สังขตธรรม และอสังขตธรรม นี่ครับ สอนทั้งสองอย่าง ผู้ศึกษาเขารู้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้ากันทั้งนั้น มี 3 อย่างนะครับ 1- ปริยัติธรรม 2-ปฏิบัติ 3-ปฏิเวท คุณขาดตกบกพร่อง ไม่ละเอียด ยกคำสอนหลักมาแสดงไม่ครบ คำสอนคิดถูกตามได้เท่านั้น เข้าใจไหมคะว่าทำไม่ได้ ทำเมื่อไหร่ผิดเมื่อนั้น เพราะเป็นตัวตนทำ ตัวตนนั้นไม่เคยมี เดี๋ยวนี้ก็ไม่มี ฟังบ้างนะ ก่อนตาย ไปอ่านตามเห็นผิดคิดตามเห็นผิดของตัวเอง=มีอวิชชา ก็จะตายแบบเดิม=ตายเพราะมีอวิชชาพาเกิดไงเข้าใจไหมว่าเริ่มฟังถึงจะเกิดปัญญาระลึกรู้ตรงจริงนะคะ เกิดจากไม่มีปัญญายังจะเอาแต่คิดตามตัวอักษรที่ไปคิดเอาเองตามที่ไม่มีปัญญาแล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไง อ่านแล้วก็ตีความถึงความคิดคนอื่นให้แตก(คิดในความมืด)ทบทวนตาตัวเองและความคิดสิว่าคิดเห็นมันมืด https://youtu.be/T-XzXt5AjLM ไม่ใช่มรรค8 นะครับ คำพวกนี้ เป็นแค่สังขตธรรมที่เกิดดับตามปรุงแต่งธรรม อดีตคำที่คิดว่าจำไว้ได้เยอะๆนั้นน่ะคือสัญญาไม่ตามไปชาติหน้าไม่ใช่ความรู้สึกแท้จริงที่กายใจกำลังมีทันที ปัญญารู้คำที่จำได้จริงต้องตรงสัจจะตรงความรู้สึกตัวตรงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้จึงจะตรงกับความรู้ที่แท้จริงนะคะ https://youtu.be/lZtPxJNsfX4 |
เจ้าของ: | student [ 13 เม.ย. 2020, 23:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ปริยัติของจริงต้องอาศัยฟังคนอื่นกล่าว ให้คิดตามถูกตัวตนโดยไม่ต้องแปลต่ออีก คิดตามตรงๆไม่มีอ้อมไปเห็นด้านหลังอีกค่ะ https://youtu.be/k3de1Ca5vys พระพุทธเจ้าสอนทั้ง สังขตธรรม และอสังขตธรรม นี่ครับ สอนทั้งสองอย่าง ผู้ศึกษาเขารู้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้ากันทั้งนั้น มี 3 อย่างนะครับ 1- ปริยัติธรรม 2-ปฏิบัติ 3-ปฏิเวท คุณขาดตกบกพร่อง ไม่ละเอียด ยกคำสอนหลักมาแสดงไม่ครบ คำสอนคิดถูกตามได้เท่านั้น เข้าใจไหมคะว่าทำไม่ได้ ทำเมื่อไหร่ผิดเมื่อนั้น เพราะเป็นตัวตนทำ ตัวตนนั้นไม่เคยมี เดี๋ยวนี้ก็ไม่มี ฟังบ้างนะ ก่อนตาย ไปอ่านตามเห็นผิดคิดตามเห็นผิดของตัวเอง=มีอวิชชา ก็จะตายแบบเดิม=ตายเพราะมีอวิชชาพาเกิดไงเข้าใจไหมว่าเริ่มฟังถึงจะเกิดปัญญาระลึกรู้ตรงจริงนะคะ เกิดจากไม่มีปัญญายังจะเอาแต่คิดตามตัวอักษรที่ไปคิดเอาเองตามที่ไม่มีปัญญาแล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไง อ่านแล้วก็ตีความถึงความคิดคนอื่นให้แตก(คิดในความมืด)ทบทวนตาตัวเองและความคิดสิว่าคิดเห็นมันมืด https://youtu.be/T-XzXt5AjLM ไม่ใช่มรรค8 นะครับ คำพวกนี้ เป็นแค่สังขตธรรมที่เกิดดับตามปรุงแต่งธรรม อดีตคำที่คิดว่าจำไว้ได้เยอะๆนั้นน่ะคือสัญญาไม่ตามไปชาติหน้าไม่ใช่ความรู้สึกแท้จริงที่กายใจกำลังมีทันที ปัญญารู้คำที่จำได้จริงต้องตรงสัจจะตรงความรู้สึกตัวตรงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้จึงจะตรงกับความรู้ที่แท้จริงนะคะ https://youtu.be/lZtPxJNsfX4 สัญญาก็สังขตธรรมนิ ความรู้สึกแท้จริง ก็สังขตธรรม คือ ทุกข์ เพราะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีเจ้าของที่แท้จริง ไม่มีความรู้สึกใครที่แท้จริง เพราะเป็นสังขขตธรรม มีปัจจัยปรุงแต่ง ต้องแก้ด้วยมรรค8 เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้ายกย่อง |
เจ้าของ: | Rosarin [ 14 เม.ย. 2020, 01:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ปริยัติของจริงต้องอาศัยฟังคนอื่นกล่าว ให้คิดตามถูกตัวตนโดยไม่ต้องแปลต่ออีก คิดตามตรงๆไม่มีอ้อมไปเห็นด้านหลังอีกค่ะ https://youtu.be/k3de1Ca5vys พระพุทธเจ้าสอนทั้ง สังขตธรรม และอสังขตธรรม นี่ครับ สอนทั้งสองอย่าง ผู้ศึกษาเขารู้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้ากันทั้งนั้น มี 3 อย่างนะครับ 1- ปริยัติธรรม 2-ปฏิบัติ 3-ปฏิเวท คุณขาดตกบกพร่อง ไม่ละเอียด ยกคำสอนหลักมาแสดงไม่ครบ คำสอนคิดถูกตามได้เท่านั้น เข้าใจไหมคะว่าทำไม่ได้ ทำเมื่อไหร่ผิดเมื่อนั้น เพราะเป็นตัวตนทำ ตัวตนนั้นไม่เคยมี เดี๋ยวนี้ก็ไม่มี ฟังบ้างนะ ก่อนตาย ไปอ่านตามเห็นผิดคิดตามเห็นผิดของตัวเอง=มีอวิชชา ก็จะตายแบบเดิม=ตายเพราะมีอวิชชาพาเกิดไงเข้าใจไหมว่าเริ่มฟังถึงจะเกิดปัญญาระลึกรู้ตรงจริงนะคะ เกิดจากไม่มีปัญญายังจะเอาแต่คิดตามตัวอักษรที่ไปคิดเอาเองตามที่ไม่มีปัญญาแล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไง อ่านแล้วก็ตีความถึงความคิดคนอื่นให้แตก(คิดในความมืด)ทบทวนตาตัวเองและความคิดสิว่าคิดเห็นมันมืด https://youtu.be/T-XzXt5AjLM ไม่ใช่มรรค8 นะครับ คำพวกนี้ เป็นแค่สังขตธรรมที่เกิดดับตามปรุงแต่งธรรม อดีตคำที่คิดว่าจำไว้ได้เยอะๆนั้นน่ะคือสัญญาไม่ตามไปชาติหน้าไม่ใช่ความรู้สึกแท้จริงที่กายใจกำลังมีทันที ปัญญารู้คำที่จำได้จริงต้องตรงสัจจะตรงความรู้สึกตัวตรงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้จึงจะตรงกับความรู้ที่แท้จริงนะคะ https://youtu.be/lZtPxJNsfX4 สัญญาก็สังขตธรรมนิ ความรู้สึกแท้จริง ก็สังขตธรรม คือ ทุกข์ เพราะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีเจ้าของที่แท้จริง ไม่มีความรู้สึกใครที่แท้จริง เพราะเป็นสังขขตธรรม มีปัจจัยปรุงแต่ง ต้องแก้ด้วยมรรค8 เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้ายกย่อง คิดว่าฉลาดหรือคะที่ประมาทการฟังที่แท้ๆคือต้องกำลังทำฟังจริงๆนั้นน่าาาา มรรคคือปัญญาคือสัจจะตรงจริง มรรคแรกเกิดได้เมื่อมีความเห็นถูก ความเห็นถูกเนี่ยคือความเข้าใจตรง สัจจะที่กายใจกำลังมีตรง1ปรม้ตถ์ ตรงจริงเป็นธัมมะของอริยบุคคลจ้า มรรค1,2,3,4,5,คือปัญญาที่เกิดตามลำดับตอนกำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ ข้ามไปทำมรรค6,7,8ได้โดยไม่ฟังก็ข้ามสุตมยปัญญา555แล้วจะเกิดปัญญาได้ไงคะ แค่คำว่าสัมมาทิฏฐิ=ความเห็นถูกความเข้าใจถูกตรงสัจจะทันทีโดยไม่ต้องคิดค่ะ=รู้จริงของอัฏฐะปุริสะปุคลา คืออเสขะบุคคล1คือพระอรหันต์และเสขะบุคคล7คืออริยบุคคลที่ตรงตามมรรค-ผลที่ผ่านการฟังคำสอนแล้ว ถ้าท่องจำบัญญัติคำได้มากๆมัวแต่แปลมันไม่ทันอวิชชาของตัวตนแล้วคร่ามีจิตเกิดดับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ |
เจ้าของ: | student [ 14 เม.ย. 2020, 02:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ปริยัติของจริงต้องอาศัยฟังคนอื่นกล่าว ให้คิดตามถูกตัวตนโดยไม่ต้องแปลต่ออีก คิดตามตรงๆไม่มีอ้อมไปเห็นด้านหลังอีกค่ะ https://youtu.be/k3de1Ca5vys พระพุทธเจ้าสอนทั้ง สังขตธรรม และอสังขตธรรม นี่ครับ สอนทั้งสองอย่าง ผู้ศึกษาเขารู้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้ากันทั้งนั้น มี 3 อย่างนะครับ 1- ปริยัติธรรม 2-ปฏิบัติ 3-ปฏิเวท คุณขาดตกบกพร่อง ไม่ละเอียด ยกคำสอนหลักมาแสดงไม่ครบ คำสอนคิดถูกตามได้เท่านั้น เข้าใจไหมคะว่าทำไม่ได้ ทำเมื่อไหร่ผิดเมื่อนั้น เพราะเป็นตัวตนทำ ตัวตนนั้นไม่เคยมี เดี๋ยวนี้ก็ไม่มี ฟังบ้างนะ ก่อนตาย ไปอ่านตามเห็นผิดคิดตามเห็นผิดของตัวเอง=มีอวิชชา ก็จะตายแบบเดิม=ตายเพราะมีอวิชชาพาเกิดไงเข้าใจไหมว่าเริ่มฟังถึงจะเกิดปัญญาระลึกรู้ตรงจริงนะคะ เกิดจากไม่มีปัญญายังจะเอาแต่คิดตามตัวอักษรที่ไปคิดเอาเองตามที่ไม่มีปัญญาแล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไง อ่านแล้วก็ตีความถึงความคิดคนอื่นให้แตก(คิดในความมืด)ทบทวนตาตัวเองและความคิดสิว่าคิดเห็นมันมืด https://youtu.be/T-XzXt5AjLM ไม่ใช่มรรค8 นะครับ คำพวกนี้ เป็นแค่สังขตธรรมที่เกิดดับตามปรุงแต่งธรรม อดีตคำที่คิดว่าจำไว้ได้เยอะๆนั้นน่ะคือสัญญาไม่ตามไปชาติหน้าไม่ใช่ความรู้สึกแท้จริงที่กายใจกำลังมีทันที ปัญญารู้คำที่จำได้จริงต้องตรงสัจจะตรงความรู้สึกตัวตรงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้จึงจะตรงกับความรู้ที่แท้จริงนะคะ https://youtu.be/lZtPxJNsfX4 สัญญาก็สังขตธรรมนิ ความรู้สึกแท้จริง ก็สังขตธรรม คือ ทุกข์ เพราะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีเจ้าของที่แท้จริง ไม่มีความรู้สึกใครที่แท้จริง เพราะเป็นสังขขตธรรม มีปัจจัยปรุงแต่ง ต้องแก้ด้วยมรรค8 เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้ายกย่อง คิดว่าฉลาดหรือคะที่ประมาทการฟังที่แท้ๆคือต้องกำลังทำฟังจริงๆนั้นน่าาาา มรรคคือปัญญาคือสัจจะตรงจริง มรรคแรกเกิดได้เมื่อมีความเห็นถูก ความเห็นถูกเนี่ยคือความเข้าใจตรง สัจจะที่กายใจกำลังมีตรง1ปรม้ตถ์ ตรงจริงเป็นธัมมะของอริยบุคคลจ้า มรรค1,2,3,4,5,คือปัญญาที่เกิดตามลำดับตอนกำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ ข้ามไปทำมรรค6,7,8ได้โดยไม่ฟังก็ข้ามสุตมยปัญญา555แล้วจะเกิดปัญญาได้ไงคะ แค่คำว่าสัมมาทิฏฐิ=ความเห็นถูกความเข้าใจถูกตรงสัจจะทันทีโดยไม่ต้องคิดค่ะ=รู้จริงของอัฏฐะปุริสะปุคลา คืออเสขะบุคคล1คือพระอรหันต์และเสขะบุคคล7คืออริยบุคคลที่ตรงตามมรรค-ผลที่ผ่านการฟังคำสอนแล้ว ถ้าท่องจำบัญญัติคำได้มากๆมัวแต่แปลมันไม่ทันอวิชชาของตัวตนแล้วคร่ามีจิตเกิดดับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ในที่สุดคุณก็ต้องพูดเรื่องมรรค ปกติจะพูดภาษายูทูป มรรค8 คือ สังขตธรรมที่เป็นเลิศในด้านธรรม การที่ยึดถือใน ทวารทั้ง6 นั้น ตามที่คุณยึดมั่นถือมั่นตลอด ไม่ถือเป็นการปฏิบัติตามมรรค8 ครับ เพราะมรรค8 ต้องเป็นไปเพื่อการปล่อยวาง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เพราะเป็นสังขตธรรม |
เจ้าของ: | student [ 14 เม.ย. 2020, 02:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
คุณเป็นคนบอกเองว่า ทวาร6 ต้องรู้ตรงขณะ นั่นแหละครับ ยึดมั่นถือมั่น ในสังขตธรรม |
เจ้าของ: | Rosarin [ 14 เม.ย. 2020, 02:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: คุณเป็นคนบอกเองว่า ทวาร6 ต้องรู้ตรงขณะ นั่นแหละครับ ยึดมั่นถือมั่น ในสังขตธรรม ผิดแล้วค่ะ ตีความไม่แตก ตัวเองน่ะเป็นคน คิดตามได้เท่านั้น ไม่เข้าใจอีกแล้วค่ะ บอกว่าคำสอนคิดตามตรงทีละคำได้เท่านั้น ตรงปัจจุบันขณะนั้นน่าาาาเป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า=จิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ คนเราเนี่ยปกติจะเรียนอะไรก็ตามคิดสิคะตรงปัจจุบันจะคิดทุกคำในพระไตรปิฏกเลยได้ไหม นั่นน่ะค่ะปัญญาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ทั้งหมดแล้วก่อนมาแสดงให้คิดตามตรงคำให้ถูกตัวตนไงคะ |
เจ้าของ: | student [ 14 เม.ย. 2020, 03:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: student เขียน: คุณเป็นคนบอกเองว่า ทวาร6 ต้องรู้ตรงขณะ นั่นแหละครับ ยึดมั่นถือมั่น ในสังขตธรรม ผิดแล้วค่ะ ตีความไม่แตก ตัวเองน่ะเป็นคน คิดตามได้เท่านั้น ไม่เข้าใจอีกแล้วค่ะ บอกว่าคำสอนคิดตามตรงทีละคำได้เท่านั้น ตรงปัจจุบันขณะนั้นน่าาาาเป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า=จิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ คนเราเนี่ยปกติจะเรียนอะไรก็ตามคิดสิคะตรงปัจจุบันจะคิดทุกคำในพระไตรปิฏกเลยได้ไหม นั่นน่ะค่ะปัญญาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ทั้งหมดแล้วก่อนมาแสดงให้คิดตามตรงคำให้ถูกตัวตนไงคะ ยึดติดครับ ติดในทวาร ไม่เรียกว่าปล่อยวางในธรรม |
เจ้าของ: | Rosarin [ 14 เม.ย. 2020, 11:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: คุณเป็นคนบอกเองว่า ทวาร6 ต้องรู้ตรงขณะ นั่นแหละครับ ยึดมั่นถือมั่น ในสังขตธรรม ผิดแล้วค่ะ ตีความไม่แตก ตัวเองน่ะเป็นคน คิดตามได้เท่านั้น ไม่เข้าใจอีกแล้วค่ะ บอกว่าคำสอนคิดตามตรงทีละคำได้เท่านั้น ตรงปัจจุบันขณะนั้นน่าาาาเป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า=จิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ คนเราเนี่ยปกติจะเรียนอะไรก็ตามคิดสิคะตรงปัจจุบันจะคิดทุกคำในพระไตรปิฏกเลยได้ไหม นั่นน่ะค่ะปัญญาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ทั้งหมดแล้วก่อนมาแสดงให้คิดตามตรงคำให้ถูกตัวตนไงคะ ยึดติดครับ ติดในทวาร ไม่เรียกว่าปล่อยวางในธรรม เอ้ายังอีกยังไม่เก็ต เดี๋ยวนี้เห็นตัวอักษร คือจิตคิดนึกหลังจิตเห็นดับนับขณะจิตไม่ได้แล้ว มันคือการจำอดีตสีหลากสีตัดกันจนเป็นรูปร่างแล้ว=เห็นผิดไปแล้วค่ะคิดตรงๆ ไม่เข้าใจเห็นตรงตามคำสอนหรือคะว่าคิดตามให้ตรงคำแต่ละคำได้เท่านั้น ไม่ได้ทำเห็นเข้าใจมั๊ยคะเพราะคุณเห็นแล้วและก็คิดผิดแล้วด้วยตามเห็นผิดของตนเองทันทีเลยเด่ววววนี้ค่ะ การจะผลิตปัญญาตรงตามคำสอนต้องอาศัยการลืมตาดูหูฟังขณะที่กำลังฟังคนอื่นกล่าวตรงตามคำตถาคต เนี่ยที่คุณกำลังอ่านเนี่ยไม่ใช่การทำปัญญาแต่เป็นการอ่านความคิดของเดี๊ยนที่อธิบายว่าคุณกำลังเห็นผิด รายละเอียดของการเห็นดูที่ตาเนื้อตัวเองกำลังดูเทียบตามความคิดให้ตรงกับที่คุณกำลังดูคือคิดเห็นผิดอยู่ จะคิดเห็น-ถูก-ตรง-ตาม-ตรง-จริง-ตรง-คำ-ได้-ต้องกำลังฟังคำว่าเห็นเข้าใจเห็นตรงตามคำสอนตามเสียง ไม่ใช่เข้าใจเห็นตามการดูเพราะเสียงของคำว่าเห็นเกิดในความมืดและความคิดก็เกิดในมืดดูสิเห็นคืออะไรคะ คิดตามนี้นะ... วิธีฟังคุณต้องใช้หูฟังทีละคำตรงจริงไม่ใช่มานั่งอ่านความคิดคนอื่นอยู่แบบนี้ค่ะ อ่านแล้วก็ไปเริ่มต้นฟังเพื่อผลิตปัญญาของตนเองให้ตรงจริงคือทำสุตมยปัญญา เห็น=วิบากจิต=ผลกรรมที่ตาไม่บอด=ธัมมะที่เกิดทางตา=จักษุวิญญาณ=จิต+รูปจักษุประสาท+รูปแสงสี1สี อันที่คุณกำลังคิดตามตัวอักษรแล้วเห็นสติ๊กเกอร์โน่นนี่นั่นนั้นน่าาา=คิดเห็นผิดแล้วเกิน1สีตรงขณะไปแล้ว https://youtu.be/TmzhYdLwoko |
เจ้าของ: | student [ 15 เม.ย. 2020, 02:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: คุณเป็นคนบอกเองว่า ทวาร6 ต้องรู้ตรงขณะ นั่นแหละครับ ยึดมั่นถือมั่น ในสังขตธรรม ผิดแล้วค่ะ ตีความไม่แตก ตัวเองน่ะเป็นคน คิดตามได้เท่านั้น ไม่เข้าใจอีกแล้วค่ะ บอกว่าคำสอนคิดตามตรงทีละคำได้เท่านั้น ตรงปัจจุบันขณะนั้นน่าาาาเป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า=จิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ คนเราเนี่ยปกติจะเรียนอะไรก็ตามคิดสิคะตรงปัจจุบันจะคิดทุกคำในพระไตรปิฏกเลยได้ไหม นั่นน่ะค่ะปัญญาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ทั้งหมดแล้วก่อนมาแสดงให้คิดตามตรงคำให้ถูกตัวตนไงคะ ยึดติดครับ ติดในทวาร ไม่เรียกว่าปล่อยวางในธรรม เอ้ายังอีกยังไม่เก็ต เดี๋ยวนี้เห็นตัวอักษร คือจิตคิดนึกหลังจิตเห็นดับนับขณะจิตไม่ได้แล้ว มันคือการจำอดีตสีหลากสีตัดกันจนเป็นรูปร่างแล้ว=เห็นผิดไปแล้วค่ะคิดตรงๆ ไม่เข้าใจเห็นตรงตามคำสอนหรือคะว่าคิดตามให้ตรงคำแต่ละคำได้เท่านั้น ไม่ได้ทำเห็นเข้าใจมั๊ยคะเพราะคุณเห็นแล้วและก็คิดผิดแล้วด้วยตามเห็นผิดของตนเองทันทีเลยเด่ววววนี้ค่ะ การจะผลิตปัญญาตรงตามคำสอนต้องอาศัยการลืมตาดูหูฟังขณะที่กำลังฟังคนอื่นกล่าวตรงตามคำตถาคต เนี่ยที่คุณกำลังอ่านเนี่ยไม่ใช่การทำปัญญาแต่เป็นการอ่านความคิดของเดี๊ยนที่อธิบายว่าคุณกำลังเห็นผิด รายละเอียดของการเห็นดูที่ตาเนื้อตัวเองกำลังดูเทียบตามความคิดให้ตรงกับที่คุณกำลังดูคือคิดเห็นผิดอยู่ จะคิดเห็น-ถูก-ตรง-ตาม-ตรง-จริง-ตรง-คำ-ได้-ต้องกำลังฟังคำว่าเห็นเข้าใจเห็นตรงตามคำสอนตามเสียง ไม่ใช่เข้าใจเห็นตามการดูเพราะเสียงของคำว่าเห็นเกิดในความมืดและความคิดก็เกิดในมืดดูสิเห็นคืออะไรคะ คิดตามนี้นะ... วิธีฟังคุณต้องใช้หูฟังทีละคำตรงจริงไม่ใช่มานั่งอ่านความคิดคนอื่นอยู่แบบนี้ค่ะ อ่านแล้วก็ไปเริ่มต้นฟังเพื่อผลิตปัญญาของตนเองให้ตรงจริงคือทำสุตมยปัญญา เห็น=วิบากจิต=ผลกรรมที่ตาไม่บอด=ธัมมะที่เกิดทางตา=จักษุวิญญาณ=จิต+รูปจักษุประสาท+รูปแสงสี1สี อันที่คุณกำลังคิดตามตัวอักษรแล้วเห็นสติ๊กเกอร์โน่นนี่นั่นนั้นน่าาา=คิดเห็นผิดแล้วเกิน1สีตรงขณะไปแล้ว https://youtu.be/TmzhYdLwoko ทวารทั้ง6 เป็นสังขตธรรมครับ เวลาพิจารณา ต้องลง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตาครับ เพราะสังขตธรรม มีปัจจัยปรุงแต่ง นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 เม.ย. 2020, 13:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: คุณเป็นคนบอกเองว่า ทวาร6 ต้องรู้ตรงขณะ นั่นแหละครับ ยึดมั่นถือมั่น ในสังขตธรรม ผิดแล้วค่ะ ตีความไม่แตก ตัวเองน่ะเป็นคน คิดตามได้เท่านั้น ไม่เข้าใจอีกแล้วค่ะ บอกว่าคำสอนคิดตามตรงทีละคำได้เท่านั้น ตรงปัจจุบันขณะนั้นน่าาาาเป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า=จิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ คนเราเนี่ยปกติจะเรียนอะไรก็ตามคิดสิคะตรงปัจจุบันจะคิดทุกคำในพระไตรปิฏกเลยได้ไหม นั่นน่ะค่ะปัญญาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ทั้งหมดแล้วก่อนมาแสดงให้คิดตามตรงคำให้ถูกตัวตนไงคะ ยึดติดครับ ติดในทวาร ไม่เรียกว่าปล่อยวางในธรรม เอ้ายังอีกยังไม่เก็ต เดี๋ยวนี้เห็นตัวอักษร คือจิตคิดนึกหลังจิตเห็นดับนับขณะจิตไม่ได้แล้ว มันคือการจำอดีตสีหลากสีตัดกันจนเป็นรูปร่างแล้ว=เห็นผิดไปแล้วค่ะคิดตรงๆ ไม่เข้าใจเห็นตรงตามคำสอนหรือคะว่าคิดตามให้ตรงคำแต่ละคำได้เท่านั้น ไม่ได้ทำเห็นเข้าใจมั๊ยคะเพราะคุณเห็นแล้วและก็คิดผิดแล้วด้วยตามเห็นผิดของตนเองทันทีเลยเด่ววววนี้ค่ะ การจะผลิตปัญญาตรงตามคำสอนต้องอาศัยการลืมตาดูหูฟังขณะที่กำลังฟังคนอื่นกล่าวตรงตามคำตถาคต เนี่ยที่คุณกำลังอ่านเนี่ยไม่ใช่การทำปัญญาแต่เป็นการอ่านความคิดของเดี๊ยนที่อธิบายว่าคุณกำลังเห็นผิด รายละเอียดของการเห็นดูที่ตาเนื้อตัวเองกำลังดูเทียบตามความคิดให้ตรงกับที่คุณกำลังดูคือคิดเห็นผิดอยู่ จะคิดเห็น-ถูก-ตรง-ตาม-ตรง-จริง-ตรง-คำ-ได้-ต้องกำลังฟังคำว่าเห็นเข้าใจเห็นตรงตามคำสอนตามเสียง ไม่ใช่เข้าใจเห็นตามการดูเพราะเสียงของคำว่าเห็นเกิดในความมืดและความคิดก็เกิดในมืดดูสิเห็นคืออะไรคะ คิดตามนี้นะ... วิธีฟังคุณต้องใช้หูฟังทีละคำตรงจริงไม่ใช่มานั่งอ่านความคิดคนอื่นอยู่แบบนี้ค่ะ อ่านแล้วก็ไปเริ่มต้นฟังเพื่อผลิตปัญญาของตนเองให้ตรงจริงคือทำสุตมยปัญญา เห็น=วิบากจิต=ผลกรรมที่ตาไม่บอด=ธัมมะที่เกิดทางตา=จักษุวิญญาณ=จิต+รูปจักษุประสาท+รูปแสงสี1สี อันที่คุณกำลังคิดตามตัวอักษรแล้วเห็นสติ๊กเกอร์โน่นนี่นั่นนั้นน่าาา=คิดเห็นผิดแล้วเกิน1สีตรงขณะไปแล้ว https://youtu.be/TmzhYdLwoko ทวารทั้ง6 เป็นสังขตธรรมครับ เวลาพิจารณา ต้องลง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตาครับ เพราะสังขตธรรม มีปัจจัยปรุงแต่ง นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ โอ๊ยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เหลือใจหลายเด้ด้ด้ด้ เอ้อ...บ่หู้จักติ๊วาเด่วนี้ฮั่นน่าง้าวแล้ว อ่านตัวอักษรอยู่เนี่ยเป็นตัวเราอ่านแมนบ่อ บอกวาตัวเฮาบ่มี...กะยังมีโตเฮามาอ่านยุ่นี่ฮั่นน่าแปลวาเจ้าของบ่ฮู้วา เฮ็ดปัญญาฮั่นน่าต้องนั่งฟังคนอื่นเว้าให้ฟัง...ฮู้จักวิธีนั่งฟังแล้วคิดตามเสียงเว้าให้เข้าใจทีละคำบ่ล่ะ อันที่มีตัวตนไปทำทุกๆอย่างนั่นแหละคือการคิดพูดทำตามๆกันตามความคิดเห็นผิดพูดผิดคิดผิดอยู่ บอกว่าให้เริ่มต้นฟังคนที่เขาพูดตรงสัจจะตามคำสอน ถ้าไม่ทำสุตมยปัญญาก่อนแล้วปัญญาอื่นเกิดไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ที่ไม่มีใครสามารถทำตามได้เข้าใจไหมคะ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 เม.ย. 2020, 13:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
พระพุทธเจ้าพระองค์ต่อๆไปถึงจะมาบัญญัติคำสอนให้คุณเอาคำมาท่องได้ แต่คุณไม่สามารถทำตามที่พระองค์ตรัสรู้ได้ทำได้แค่ผลิตปัญญาตามจริง คือฟังให้เข้าใจว่าสัจจธรรมเป็นยังไงที่เอาตัวไปทำอะไรอยู่ก็ตามนั้น เป็นความต้องการของเราเองที่จะไปทำแบบนั้นไม่เข้าใจเลยใช่ไหมว่า พระพุทธเจ้าบอกให้ฟังความจริงที่พระองค์ตรัสรู้ให้เข้าใจไม่ได้บอกให้ไปทำคร่าาาา https://youtu.be/asjf9-DqUNo |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 เม.ย. 2020, 13:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: โอ๊ยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เหลือใจหลายเด้ด้ด้ด้ เอ้อ...บ่หู้จักติ๊วาเด่วนี้ฮั่นน่าง้าวแล้ว อ่านตัวอักษรอยู่เนี่ยเป็นตัวเราอ่านแมนบ่อ บอกวาตัวเฮาบ่มี...กะยังมีโตเฮามาอ่านยุ่นี่ฮั่นน่าแปลวาเจ้าของบ่ฮู้วา เฮ็ดปัญญาฮั่นน่าต้องนั่งฟังคนอื่นเว้าให้ฟัง...ฮู้จักวิธีนั่งฟังแล้วคิดตามเสียงเว้าให้เข้าใจทีละคำบ่ล่ะ อันที่มีตัวตนไปทำทุกๆอย่างนั่นแหละคือการคิดพูดทำตามๆกันตามความคิดเห็นผิดพูดผิดคิดผิดอยู่ บอกว่าให้เริ่มต้นฟังคนที่เขาพูดตรงสัจจะตามคำสอน ถ้าไม่ทำสุตมยปัญญาก่อนแล้วปัญญาอื่นเกิดไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ที่ไม่มีใครสามารถทำตามได้เข้าใจไหมคะ ผุ้ใดสินั่ง ตัวเฮาบ่มีเด๊ะ ูฮุ้จั๊กนั่งสมาธิบ่ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 เม.ย. 2020, 13:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: โอ๊ยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เหลือใจหลายเด้ด้ด้ด้ เอ้อ...บ่หู้จักติ๊วาเด่วนี้ฮั่นน่าง้าวแล้ว อ่านตัวอักษรอยู่เนี่ยเป็นตัวเราอ่านแมนบ่อ บอกวาตัวเฮาบ่มี...กะยังมีโตเฮามาอ่านยุ่นี่ฮั่นน่าแปลวาเจ้าของบ่ฮู้วา เฮ็ดปัญญาฮั่นน่าต้องนั่งฟังคนอื่นเว้าให้ฟัง...ฮู้จักวิธีนั่งฟังแล้วคิดตามเสียงเว้าให้เข้าใจทีละคำบ่ล่ะ อันที่มีตัวตนไปทำทุกๆอย่างนั่นแหละคือการคิดพูดทำตามๆกันตามความคิดเห็นผิดพูดผิดคิดผิดอยู่ บอกว่าให้เริ่มต้นฟังคนที่เขาพูดตรงสัจจะตามคำสอน ถ้าไม่ทำสุตมยปัญญาก่อนแล้วปัญญาอื่นเกิดไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ที่ไม่มีใครสามารถทำตามได้เข้าใจไหมคะ ผุ้ใดสินั่ง ตัวเฮาบ่มีเด๊ะ ูฮุ้จั๊กนั่งสมาธิบ่ ปัญญาเริ่มต้นทำก็เกิดได้ตามลำดับไม่ข้ามขั้นคือสุตะ-จินตา-ภาวนา...เริ่มที่สุตะคือลืมตาดูหูฟังทุกครั้ง เพื่อสะสมปัญญาให้ถึงความจริงตรงตามลำดับเมื่อถึงแล้วก็ไม่ลดลงโสดาบันสกิทาคาอนาคาอรหันต์ อันว่านั่งหลับตาคิดนึกเดาสภาวะธรรมเองคือมิจฉาสมาธิไม่พึ่งการระลึกตามคำสอน=ขาดสตินะคะ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนนั่งสมาธิค่ะคนที่สอนนั่งสมาธิให้เจ้าชายสิทธัตถะคือพระดาบส2คนนะคะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 เม.ย. 2020, 18:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: โอ๊ยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เหลือใจหลายเด้ด้ด้ด้ เอ้อ...บ่หู้จักติ๊วาเด่วนี้ฮั่นน่าง้าวแล้ว อ่านตัวอักษรอยู่เนี่ยเป็นตัวเราอ่านแมนบ่อ บอกวาตัวเฮาบ่มี...กะยังมีโตเฮามาอ่านยุ่นี่ฮั่นน่าแปลวาเจ้าของบ่ฮู้วา เฮ็ดปัญญาฮั่นน่าต้องนั่งฟังคนอื่นเว้าให้ฟัง...ฮู้จักวิธีนั่งฟังแล้วคิดตามเสียงเว้าให้เข้าใจทีละคำบ่ล่ะ อันที่มีตัวตนไปทำทุกๆอย่างนั่นแหละคือการคิดพูดทำตามๆกันตามความคิดเห็นผิดพูดผิดคิดผิดอยู่ บอกว่าให้เริ่มต้นฟังคนที่เขาพูดตรงสัจจะตามคำสอน ถ้าไม่ทำสุตมยปัญญาก่อนแล้วปัญญาอื่นเกิดไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ที่ไม่มีใครสามารถทำตามได้เข้าใจไหมคะ ผุ้ใดสินั่ง ตัวเฮาบ่มีเด๊ะ ูฮุ้จั๊กนั่งสมาธิบ่ ปัญญาเริ่มต้นทำก็เกิดได้ตามลำดับไม่ข้ามขั้นคือสุตะ-จินตา-ภาวนา...เริ่มที่สุตะคือลืมตาดูหูฟังทุกครั้ง เพื่อสะสมปัญญาให้ถึงความจริงตรงตามลำดับเมื่อถึงแล้วก็ไม่ลดลงโสดาบันสกิทาคาอนาคาอรหันต์ อันว่านั่งหลับตาคิดนึกเดาสภาวะธรรมเองคือมิจฉาสมาธิไม่พึ่งการระลึกตามคำสอน=ขาดสตินะคะ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนนั่งสมาธิค่ะคนที่สอนนั่งสมาธิให้เจ้าชายสิทธัตถะคือพระดาบส2คนนะคะ เจ้าชายสิทธัตถะ กับ พระพุทธเจ้าใช่คนๆเดียวกันไหม 1. คนๆเดียวกัน 2.คนละคนกัน ตอบข้อไหน 1 หรือ 2 สภาวธรรมตามที่คุณโรสเข้าใจว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ คือ เช่นไร ตอบ 1. 2. |
เจ้าของ: | student [ 17 เม.ย. 2020, 02:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: คุณเป็นคนบอกเองว่า ทวาร6 ต้องรู้ตรงขณะ นั่นแหละครับ ยึดมั่นถือมั่น ในสังขตธรรม ผิดแล้วค่ะ ตีความไม่แตก ตัวเองน่ะเป็นคน คิดตามได้เท่านั้น ไม่เข้าใจอีกแล้วค่ะ บอกว่าคำสอนคิดตามตรงทีละคำได้เท่านั้น ตรงปัจจุบันขณะนั้นน่าาาาเป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า=จิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ คนเราเนี่ยปกติจะเรียนอะไรก็ตามคิดสิคะตรงปัจจุบันจะคิดทุกคำในพระไตรปิฏกเลยได้ไหม นั่นน่ะค่ะปัญญาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ทั้งหมดแล้วก่อนมาแสดงให้คิดตามตรงคำให้ถูกตัวตนไงคะ ยึดติดครับ ติดในทวาร ไม่เรียกว่าปล่อยวางในธรรม เอ้ายังอีกยังไม่เก็ต เดี๋ยวนี้เห็นตัวอักษร คือจิตคิดนึกหลังจิตเห็นดับนับขณะจิตไม่ได้แล้ว มันคือการจำอดีตสีหลากสีตัดกันจนเป็นรูปร่างแล้ว=เห็นผิดไปแล้วค่ะคิดตรงๆ ไม่เข้าใจเห็นตรงตามคำสอนหรือคะว่าคิดตามให้ตรงคำแต่ละคำได้เท่านั้น ไม่ได้ทำเห็นเข้าใจมั๊ยคะเพราะคุณเห็นแล้วและก็คิดผิดแล้วด้วยตามเห็นผิดของตนเองทันทีเลยเด่ววววนี้ค่ะ การจะผลิตปัญญาตรงตามคำสอนต้องอาศัยการลืมตาดูหูฟังขณะที่กำลังฟังคนอื่นกล่าวตรงตามคำตถาคต เนี่ยที่คุณกำลังอ่านเนี่ยไม่ใช่การทำปัญญาแต่เป็นการอ่านความคิดของเดี๊ยนที่อธิบายว่าคุณกำลังเห็นผิด รายละเอียดของการเห็นดูที่ตาเนื้อตัวเองกำลังดูเทียบตามความคิดให้ตรงกับที่คุณกำลังดูคือคิดเห็นผิดอยู่ จะคิดเห็น-ถูก-ตรง-ตาม-ตรง-จริง-ตรง-คำ-ได้-ต้องกำลังฟังคำว่าเห็นเข้าใจเห็นตรงตามคำสอนตามเสียง ไม่ใช่เข้าใจเห็นตามการดูเพราะเสียงของคำว่าเห็นเกิดในความมืดและความคิดก็เกิดในมืดดูสิเห็นคืออะไรคะ คิดตามนี้นะ... วิธีฟังคุณต้องใช้หูฟังทีละคำตรงจริงไม่ใช่มานั่งอ่านความคิดคนอื่นอยู่แบบนี้ค่ะ อ่านแล้วก็ไปเริ่มต้นฟังเพื่อผลิตปัญญาของตนเองให้ตรงจริงคือทำสุตมยปัญญา เห็น=วิบากจิต=ผลกรรมที่ตาไม่บอด=ธัมมะที่เกิดทางตา=จักษุวิญญาณ=จิต+รูปจักษุประสาท+รูปแสงสี1สี อันที่คุณกำลังคิดตามตัวอักษรแล้วเห็นสติ๊กเกอร์โน่นนี่นั่นนั้นน่าาา=คิดเห็นผิดแล้วเกิน1สีตรงขณะไปแล้ว https://youtu.be/TmzhYdLwoko ทวารทั้ง6 เป็นสังขตธรรมครับ เวลาพิจารณา ต้องลง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตาครับ เพราะสังขตธรรม มีปัจจัยปรุงแต่ง นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ โอ๊ยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เหลือใจหลายเด้ด้ด้ด้ เอ้อ...บ่หู้จักติ๊วาเด่วนี้ฮั่นน่าง้าวแล้ว อ่านตัวอักษรอยู่เนี่ยเป็นตัวเราอ่านแมนบ่อ บอกวาตัวเฮาบ่มี...กะยังมีโตเฮามาอ่านยุ่นี่ฮั่นน่าแปลวาเจ้าของบ่ฮู้วา เฮ็ดปัญญาฮั่นน่าต้องนั่งฟังคนอื่นเว้าให้ฟัง...ฮู้จักวิธีนั่งฟังแล้วคิดตามเสียงเว้าให้เข้าใจทีละคำบ่ล่ะ อันที่มีตัวตนไปทำทุกๆอย่างนั่นแหละคือการคิดพูดทำตามๆกันตามความคิดเห็นผิดพูดผิดคิดผิดอยู่ บอกว่าให้เริ่มต้นฟังคนที่เขาพูดตรงสัจจะตามคำสอน ถ้าไม่ทำสุตมยปัญญาก่อนแล้วปัญญาอื่นเกิดไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ที่ไม่มีใครสามารถทำตามได้เข้าใจไหมคะ เว้าขัดแย้งกันเอง นี่แหละ มันก็ออกมาเอง เป็นตัวอย่างของความไม่รู้ |
หน้า 5 จากทั้งหมด 18 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |