ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58530 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 16 ม.ค. 2020, 01:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี https://youtu.be/RF7rZMud1sU |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ม.ค. 2020, 08:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
Rosarin เขียน: Kiss สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี https://youtu.be/RF7rZMud1sU อ้างคำพูด: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ นี่คือการตีความผิด เพียงความคิดจากการตั้งหัวข้อ กท. ก็บอกแล้วว่า เข้าใจผิด บอกไม่เชื่อ ดื้อจริงๆเออ บอกไม่ฟัง ว่าให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากไหน จากตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นจิตอาสากวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ปล่อยนก ปล่อยเต่า เป็นต้นเอาก่อน |
เจ้าของ: | Rosarin [ 16 ม.ค. 2020, 14:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี https://youtu.be/RF7rZMud1sU อ้างคำพูด: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ นี่คือการตีความผิด เพียงความคิดจากการตั้งหัวข้อ กท. ก็บอกแล้วว่า เข้าใจผิด บอกไม่เชื่อ ดื้อจริงๆเออ บอกไม่ฟัง ว่าให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากไหน จากตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นจิตอาสากวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ปล่อยนก ปล่อยเต่า เป็นต้นเอาก่อน อันที่คิดเองอยู่คือความคิดเห็นของคุณเองแต่ตถาคตบอกว่าสีกระทบประสาทตาดับทันทีมืดสนิท เพราะไม่รู้ว่าตามองเห็นเพราะกรรมในอดีตกำหนดไว้แล้ว คนตาบอดเพราะจักขุปสาทะรูปพิการเป็นวิบากกรรม คุณกรัชกายคิดว่าคนตาบอดทำตาที่บอดแล้วให้เห็นรึ แล้วคนที่ตามองเห็นเนี่ยไปทำให้เกิดมองเห็นอันเก่าซ้ำได้ไหม ไม่มีใครทำเห็นทำได้ยินทำได้กลิ่นทำรู้รสแยกออกไปจากปกติค่ะเพราะเกิดแล้วดับแล้วด้วยค่ะ เป็นเราคิดนึกปรุงแต่งรู้สึกนึกคิดเอาตามชอบใจไม่ชอบใจคือคิดตามกิเลสตนเองค่ะ จนกว่าจะเริ่มฟังคนอื่นกล่าวความจริงที่ตัวเองกำลังมีให้เข้าใจถูกตัวว่ามีกิเลสค่ะ ปัญญาต้องรู้จักตัวจริงของกิเลสที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตอนลืมตาดูแล้วคิดตามได้อยู่ อันที่ไปไหนๆเพื่อไปทำนั้นน่ะแปลว่าเอาตัวตนที่มีกิเลสคิดตามกิเลสตัวเอง ไม่ฟังคนอื่นกล่าวตรงสัจจะที่ว่าตัวเองกำลังมีกิเลสแปลว่าหลงทำไปตามเห็นผิดของตัวเองอยู่อ่ะค่ะ ถ้ามัวแต่เพลินคิดเองไปเรื่อยๆโดยประมาทการฟังก็คือปล่อยเวลาผ่านไม่พึ่งคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า |
เจ้าของ: | Rosarin [ 16 ม.ค. 2020, 15:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี https://youtu.be/RF7rZMud1sU อ้างคำพูด: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ นี่คือการตีความผิด เพียงความคิดจากการตั้งหัวข้อ กท. ก็บอกแล้วว่า เข้าใจผิด บอกไม่เชื่อ ดื้อจริงๆเออ บอกไม่ฟัง ว่าให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากไหน จากตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นจิตอาสากวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ปล่อยนก ปล่อยเต่า เป็นต้นเอาก่อน อันที่คิดเองอยู่คือความคิดเห็นของคุณเองแต่ตถาคตบอกว่าสีกระทบประสาทตาดับทันทีมืดสนิท เพราะไม่รู้ว่าตามองเห็นเพราะกรรมในอดีตกำหนดไว้แล้ว คนตาบอดเพราะจักขุปสาทะรูปพิการเป็นวิบากกรรม คุณกรัชกายคิดว่าคนตาบอดทำตาที่บอดแล้วให้เห็นรึ แล้วคนที่ตามองเห็นเนี่ยไปทำให้เกิดมองเห็นอันเก่าซ้ำได้ไหม ไม่มีใครทำเห็นทำได้ยินทำได้กลิ่นทำรู้รสแยกออกไปจากปกติค่ะเพราะเกิดแล้วดับแล้วด้วยค่ะ เป็นเราคิดนึกปรุงแต่งรู้สึกนึกคิดเอาตามชอบใจไม่ชอบใจคือคิดตามกิเลสตนเองค่ะ จนกว่าจะเริ่มฟังคนอื่นกล่าวความจริงที่ตัวเองกำลังมีให้เข้าใจถูกตัวว่ามีกิเลสค่ะ ปัญญาต้องรู้จักตัวจริงของกิเลสที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตอนลืมตาดูแล้วคิดตามได้อยู่ อันที่ไปไหนๆเพื่อไปทำนั้นน่ะแปลว่าเอาตัวตนที่มีกิเลสคิดตามกิเลสตัวเอง ไม่ฟังคนอื่นกล่าวตรงสัจจะที่ว่าตัวเองกำลังมีกิเลสแปลว่าหลงทำไปตามเห็นผิดของตัวเองอยู่อ่ะค่ะ ถ้ามัวแต่เพลินคิดเองไปเรื่อยๆโดยประมาทการฟังก็คือปล่อยเวลาผ่านไม่พึ่งคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ยกตัวอย่างนะ คุณเปิดคลิปวิดีโอบ้านธัมมะฟังพร้อมกับตุ๊กแกบนเพดานใครที่จะเข้าใจตามปรโตโฆสะ(เสียงคำจริงในคลิป) เพราะความจริงคือ2ภพภูมิฟังเสียงเดียวกันถ้าคุณฟังไม่เข้าใจคุณก็ไม่ต่างจากตุ๊กแกจึงประเสริฐไม่ได้งัยคะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ม.ค. 2020, 20:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี https://youtu.be/RF7rZMud1sU อ้างคำพูด: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ นี่คือการตีความผิด เพียงความคิดจากการตั้งหัวข้อ กท. ก็บอกแล้วว่า เข้าใจผิด บอกไม่เชื่อ ดื้อจริงๆเออ บอกไม่ฟัง ว่าให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากไหน จากตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นจิตอาสากวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ปล่อยนก ปล่อยเต่า เป็นต้นเอาก่อน อันที่คิดเองอยู่คือความคิดเห็นของคุณเองแต่ตถาคตบอกว่าสีกระทบประสาทตาดับทันทีมืดสนิท เพราะไม่รู้ว่าตามองเห็นเพราะกรรมในอดีตกำหนดไว้แล้ว คนตาบอดเพราะจักขุปสาทะรูปพิการเป็นวิบากกรรม คุณกรัชกายคิดว่าคนตาบอดทำตาที่บอดแล้วให้เห็นรึ แล้วคนที่ตามองเห็นเนี่ยไปทำให้เกิดมองเห็นอันเก่าซ้ำได้ไหม ไม่มีใครทำเห็นทำได้ยินทำได้กลิ่นทำรู้รสแยกออกไปจากปกติค่ะเพราะเกิดแล้วดับแล้วด้วยค่ะ เป็นเราคิดนึกปรุงแต่งรู้สึกนึกคิดเอาตามชอบใจไม่ชอบใจคือคิดตามกิเลสตนเองค่ะ จนกว่าจะเริ่มฟังคนอื่นกล่าวความจริงที่ตัวเองกำลังมีให้เข้าใจถูกตัวว่ามีกิเลสค่ะ ปัญญาต้องรู้จักตัวจริงของกิเลสที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตอนลืมตาดูแล้วคิดตามได้อยู่ อันที่ไปไหนๆเพื่อไปทำนั้นน่ะแปลว่าเอาตัวตนที่มีกิเลสคิดตามกิเลสตัวเอง ไม่ฟังคนอื่นกล่าวตรงสัจจะที่ว่าตัวเองกำลังมีกิเลสแปลว่าหลงทำไปตามเห็นผิดของตัวเองอยู่อ่ะค่ะ ถ้ามัวแต่เพลินคิดเองไปเรื่อยๆโดยประมาทการฟังก็คือปล่อยเวลาผ่านไม่พึ่งคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ยกตัวอย่างนะ คุณเปิดคลิปวิดีโอบ้านธัมมะฟังพร้อมกับตุ๊กแกบนเพดานใครที่จะเข้าใจตามปรโตโฆสะ(เสียงคำจริงในคลิป) เพราะความจริงคือ2ภพภูมิฟังเสียงเดียวกันถ้าคุณฟังไม่เข้าใจคุณก็ไม่ต่างจากตุ๊กแกจึงประเสริฐไม่ได้งัยคะ จับแพะชนแกะ พูดมั่วไปเรื่อย นึกอะไรได้ก็พืดๆไป ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ม.ค. 2020, 21:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
ชาวพุทธนำไปเทียบกับพุทธปฏิมาได้เลย [๑๓๔] ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก เป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง สาวกของพระตถาคตเป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง ฯ ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &preline=0 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 16 ม.ค. 2020, 21:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
กรัชกาย เขียน: ชาวพุทธนำไปเทียบกับพุทธปฏิมาได้เลย [๑๓๔] ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก เป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง สาวกของพระตถาคตเป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง ฯ ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &preline=0 ยังไม่เข้าใจอีกหรือคะว่า บุคคลที่เป็นถูปารหบุคคลคือบุคคลสำคัญตามกาลนั้นๆ ที่เป็นบุคคลอันคนทั่วไปเคารพสูงสุดเป็นแต่ละ1บุคคล ที่เข้าใจว่าสู่สุคติเนี่ยต้องสมบูรณ์ด้วยคุณความดีจริงๆ ที่บุคคลต่างๆสร้างสถูปเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ในความดี ลองไปศึกษาพระเตมีย์ใบ้ดูสิว่าทำไมที่จริงไม่ได้ใบ้นะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ม.ค. 2020, 22:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
ปุถุชนคิดเรื่องอนัตตา เรื่องกายใจ ไม่ใช่เรา เป็นต้น จะคิดไปทางนี้ อ้างคำพูด: เมื่อกายนี้ ใจนี้ไม่ใช่เรา แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวทุกข์อีกต่อไปใช่หรือไม่ครับ ตามหลักพระพุทธศาสนาเมื่อกายและใจไม่ใช่เรา ไม่มีอะไรเป็นเราเลย แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์อีกแล้วใช่หรือไม่ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะทำอะไรก็ได้หมดเลยสิครับ ไม่ต้องคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษอะไรกันอีกแล้ว ขอท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ https://pantip.com/topic/39562487 ในลานนี้มีคุณโรสเป็นบุคคลตัวอย่าง อย่าคิดเลยธง ทำอย่างที่บอกนั่นแหละไปก่อน ถ้าจะทำต้องมือทำลงมือปฏิบัติแล้วให้สภาวะให้ประสบการณ์จากการประสบกับสภาวธรรมนั้นสอน ทีนี้แหละแม่คุลเอ้ยจะได้รู้กันว่า ที่พูดว่า อนัตตา ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ตามที่พูดกันทั่วๆไป กับ ที่ทำต่างกันตรงไหนอย่างไร https://f.ptcdn.info/707/067/000/q43490 ... 7a7F-o.jpg |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ม.ค. 2020, 22:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
กรัชกาย เขียน: ปุถุชนคิดเรื่องอนัตตา เรื่องกายใจ ไม่ใช่เรา เป็นต้น จะคิดไปทางนี้ อ้างคำพูด: เมื่อกายนี้ ใจนี้ไม่ใช่เรา แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวทุกข์อีกต่อไปใช่หรือไม่ครับ ตามหลักพระพุทธศาสนาเมื่อกายและใจไม่ใช่เรา ไม่มีอะไรเป็นเราเลย แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์อีกแล้วใช่หรือไม่ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะทำอะไรก็ได้หมดเลยสิครับ ไม่ต้องคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษอะไรกันอีกแล้ว ขอท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ https://pantip.com/topic/39562487 ในลานนี้มีคุณโรสเป็นบุคคลตัวอย่าง อย่าคิดเลยธง ทำอย่างที่บอกนั่นแหละไปก่อน ถ้าจะทำต้องมือทำลงมือปฏิบัติแล้วให้สภาวะให้ประสบการณ์จากการประสบกับสภาวธรรมนั้นสอน ทีนี้แหละแม่คุลเอ้ยจะได้รู้กันว่า ที่พูดว่า อนัตตา ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ตามที่พูดกันทั่วๆไป กับ ที่ทำต่างกันตรงไหนอย่างไร https://f.ptcdn.info/707/067/000/q434pw ... FQlR-o.jpg https://f.ptcdn.info/707/067/000/q43490 ... 7a7F-o.jpg ที่ชอบพูดๆกันทั่วๆไป (พูดแต่ไม่ทำ ไม่ทำก็พูดไปเรื่อย เหมือนคนพูดถึงผีตอนกลางวัน บอกไม่กลัวผี พอตกกลางคืนดึกสงัด นึกถึงผี ใครพูดถึงผี ขนลุกไปทั้งตัว ) บ้างก็พูดว่ากายใจไม่ใช่เรามันเป็นอนัตตา บ้างก็พูดว่าปล่อยวางวางเฉยอุเบกขา บ้างก็พูดว่าไม่ควรยึดมั่นมั่น ฯลฯ นำตัวอย่างคนทำมาให้เทียบ อ้างคำพูด: ปัญหาในการนั่งสมาธิค่ะ เพิ่งจะเกิดอาการตอนปีนี้ เป็นทุกครั้งที่นั่งสมาธิเลยรู้สึกกลัวที่จะนั่งไปเลย
คือว่าพอนั่งไปสักพัก พอจิตเริ่มจะนิ่งๆ แขนซ้ายเราก็จะขยับได้เอง แรกๆเราก็ตกใจสงสัยว่าจะขยับไปไหน เราเลยปล่อยให้มันขยับแล้วส่งจิตตามดูค่ะ ปรากฏว่ามือขยับไปปิดหู เลื่อนมาปิดปาก จมูก ตา แล้ววนมาปิดหู วนไปวนมาอย่างนั้นไม่ยอมหยุด เราเมื่อยมากค่ะ บางทีครึ่งชั่วโมงผ่านไปแขนเราก็ยังไม่ยอมหยุดหมุน เราเคยใช้มืออีกข้างดึงมือซ้ายเราลงมาทำท่านั่งสมาธิใหม่ แต่พอเราปล่อยมือ มือเรามันก็เหมือนโดนปัดกลับไปทำแบบเดิมๆอีก บางทีเราเริ่มโมโหดึงแขนเรากลับมา แต่มันก็ปัดกลับไปปิดหูตาจมูกปากเราเหมือนเดิม ซึ่งตัวเราเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ถ้ามองแบบวิทยาศาสตร์ เราว่าเราก็คงมีปัญหาตรงที่จิตไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนย้ายของร่างกายได้ สรุปว่า เราเป็นผู้ป่วยโรคจิต?? ถ้ามองแบบศาสนาการฝึกปฏิบัติธรรม: อุปสรรคระหว่างนั่ง จิตปรุง เกิดได้กับทุกคน?? เราอยากทราบว่าอาการแบบนี้หมายถึงอะไร เราควรหยุดชั่วคราวก่อน หรือฝึกต่อไป ทำอย่างไรดี?? ตอนนั่งเราก็พิจารณาคิดถึงลมหายใจเข้าออกๆ พอมันเป็นแบบนี้เราก็กลัว เพราะเรามั่นใจว่ากายเรามันไม่ได้ไปด้วยกันกับจิต เราสวดมนต์นั่งสมาธิเดินจงกรมตลอด อาจไม่ได้ทำทุกวันแต่ก็ฝึกตลอดสม่ำเสมอมาสิบกว่าปี ยิ่งตอนนี้เราปฏิบัติเองอยู่ที่บ้านเรายิ่งกลัว ไม่ทราบว่าเราควรแก้ไขอย่างไรดีคะ ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ดูว่าจะทำไปได้แค่ไหน หรือว่าถ้าเป็นแบบนี้อีกให้ลืมตารีบออกจากสมาธิเลย |
เจ้าของ: | Rosarin [ 16 ม.ค. 2020, 23:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
กรัชกาย เขียน: ปุถุชนคิดเรื่องอนัตตา เรื่องกายใจ ไม่ใช่เรา เป็นต้น จะคิดไปทางนี้ อ้างคำพูด: เมื่อกายนี้ ใจนี้ไม่ใช่เรา แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวทุกข์อีกต่อไปใช่หรือไม่ครับ ตามหลักพระพุทธศาสนาเมื่อกายและใจไม่ใช่เรา ไม่มีอะไรเป็นเราเลย แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์อีกแล้วใช่หรือไม่ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะทำอะไรก็ได้หมดเลยสิครับ ไม่ต้องคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษอะไรกันอีกแล้ว ขอท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ https://pantip.com/topic/39562487 ในลานนี้มีคุณโรสเป็นบุคคลตัวอย่าง อย่าคิดเลยธง ทำอย่างที่บอกนั่นแหละไปก่อน ถ้าจะทำต้องมือทำลงมือปฏิบัติแล้วให้สภาวะให้ประสบการณ์จากการประสบกับสภาวธรรมนั้นสอน ทีนี้แหละแม่คุลเอ้ยจะได้รู้กันว่า ที่พูดว่า อนัตตา ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ตามที่พูดกันทั่วๆไป กับ ที่ทำต่างกันตรงไหนอย่างไร https://f.ptcdn.info/707/067/000/q43490 ... 7a7F-o.jpg ไหนลองคิดตามสิว่ารู้สึกตัวมั๊ยว่าหนาขนาดไหน ลืมตาอยู่เนี่ยยกแขนขึ้นมาดูบอกมาสิว่าตัวเองเห็นอะไร บอกให้ตรงกะที่ตาเนื้อเห็นตรงกะที่กำลังคิดด้วยนะเอาให้ตรงจริงๆจะจะ ทีนี้เอามาเทียบกับคำที่ตถาคตสอนนะ...เห็นเพียงสีกระทบตาดับในตาดำมืดทันทีมีแขนเราไหม แขนน่ะคือมหาภูตรูปมองด้วยตาไม่เห็นค่ะเพราะมหาภูตรูปรู้ได้ทางประสาทกายไม่ใช่ประสาทตา หมายเหตุสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้คือสี เรียกสีว่า อุปาทายรูป (ที่ใดมีมหาภูตรูปที่นั่นจึงมีสีกลิ่นรสโอชา) เวลาจับแขนเนี่ยไม่มีแขนเป็นเราหลงตัวตนว่ามีแขนคือปุถุชนคนหนาแน่นด้วยความไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนไงคะ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 17 ม.ค. 2020, 22:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ |
ทบทวนรูปที่เป็นตัวจริงธัมมะที่ตถาคตแยกย่อยให้รู้อย่างละเอียดแต่ละ1จริงๆ รูปตามพระอภิธรรมมี28รูป (สีคือรูปเดียวที่เห็นได้พร้อมแสง/รูปอื่นๆเกิดในมืดมิด)มาจาก2ประเภทคือ 1.มหาภูตรูป4คือประธานมีลักษณะปรากฏปกติมีธาตุดินลมไฟโดยมีธาตุน้ำซึมซาบเกาะกลุ่มกันแตกหักได้ 2.อุปาทายรูป24คือรูปประกอบที่มหาภูตรูปมี24รูปแต่มีวิสยรูป7ที่ปรากฏให้รู้ตามปกติตอนลืมตาตื่นรู้ปกติค่ะ https://youtu.be/8g5lswAXM58 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |