วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 09:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2019, 06:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"การภาวนาอย่านอน 3 ทุ่ม 4 ทุ่มจึงนอน นอนตื่นเดียวไม่ให้นอนซ้ำ
เมื่อตื่นขึ้นให้ภาวนาต่อ ก่อนภาวนาต้องมีสติ เอาใจใส่ต่องานที่เราทำ อย่าทำแบบลวกๆ กลางวันอย่านอน ให้เดินจงกรมนั่งสมาธิ ให้ไปทำหลังวัดที่เป็นป่ากระบาก นอกจากนั้นให้ไปที่ถ้ำพระบ้านนาใน เป็นถ้ำที่มีเสือเดินผ่าน ด้วยความกลัวจะทำให้จิตเป็นสมาธิเร็ว อย่าขี้เกียจ"

ธรรมโอวาท ที่หลวงปู่มั่นเมตตาเทศนาอบรมหลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ







บุคคลผู้ดี
บุคคลคนๆนั้นมีคุณธรรม ๒ อย่างคือ
" กตัญญู กตเวที "
อันนี้ว่าเป็นคนดี
เป็นลูกศิษย์ที่ดี
เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่
เป็นลูกศิษย์ที่ดีของอาจารย์
เพราะมีคุณธรรม ๒ อย่างคือ
กตัญญู กตเวที
กตัญญู รู้จักคุณ
กตเวที ตอบแทน

หลวงปู่ทอง สิริมังคโล






"ท่านผู้ใดสำคัญตนว่าเป็นพระโสดาบัน คนนั้นไม่ใช่
ท่านผู้ใดสำคัญตนว่าเป็นพระสกทาคา อนาคามี อรหันต์
คนนั้นไม่ใช่…
เพราะความเป็นพระอรหันต์มันอยู่เหนือสมมติบัญญัติ
ผู้สำเร็จแล้วจะรู้สึกเพียงแค่ว่าตัวหมดกิเลสแล้วเท่านั้น"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย







พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ว่า...ให้นึก ให้เจริญ ให้พิจารณาร่างกายนี้เป็นของโสโครกปฏิกูล มีทวารทั้ง ๙ ไหลเข้าเทออก ภายในหนังหุ้มนี้เต็มไปด้วยน้ำเลือด น้ำเหลืองเต็มไปด้วยก้อนอสุภะ ไม่ใช่เป็นของสวยงามอย่างจิตปุถุชนคนเราเห็น...

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร







ความรู้สึกลึกๆ ของปุถุชนทุกคน คือ พร่อง ความรู้สึกว่าภายในจิตใจมันไม่สมบูรณ์ มันยังไม่ใช่ มันขาดอะไรสักอย่าง คนส่วนใหญ่จึงใช้ชีวิตด้วยการแสวงหาอะไรสักอย่าง ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่
กิเลสบอกเราว่าความรู้สึกพร่องเกิดเพราะเราขาดความสุขทางเนื้อหนังบ้าง ขาดความยอมรับ ความเคารพ ความรักจากคนรอบข้างบ้าง ขาดเงิน ขาดเกียรติยศบ้าง เรามักหวังว่าในสิ่งทั้งหลายที่แสวงหาได้ มันน่าจะมีอะไรสักอย่างที่ทำให้จิตใจสามารถพ้นจากความรู้สึกว่าพร่องเสียได้
แต่สิ่งที่เรามักมองข้าม คือ ตัวจิต ผู้ที่รู้สึกว่าพร่อง ที่จริงจิตของปุถุชนรู้สึกว่าพร่องเพราะมันรั่ว ถ้าภาชนะรั่ว หาอะไรมาใส่มันก็เต็มไม่ได้ ปัญหาอยู่ที่ตัวจิต การปฏิบัติธรรมช่วยเราซ่อมตัวภาชนะ คือตัวรู้นี่เอง

พระอาจารย์ชยสาโร








ความคิดควรเป็นผู้รับใช้ชีวิต แต่เราปล่อยให้ชีวิตเป็นผู้รับใช้ความคิดเสียมากกว่า จิตใจเลยปั่นป่วนเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา...
ผู้ที่ได้เห็นความประณีตความงดงามของจิตที่เป็นอิสระจากความคิด จะมีกำลังใจในการภาวนา

พระอาจารย์ชยสาโร






จิตที่มี สติ ปัญญา
เทียบกับคนไปทอดแห "งมลงไปในนํ้าจับถูกงูนึกว่าเป็นปลาไหล จึงจับจนแน่น" พอยกขั้นพ้นน้ำรู้ว่าเป็นงู "ไม่รู้ว่ามือมันวางตั้งแต่เมื่อไร ไม่ได้บอกให้มันวางยาก ใจมันสั่งให้มือวางตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้" เพราะกลัว "ลักษณะของจิต ก็เหมือนกัน"
ร่างกายก้อนนี้ "ถ้าหากไม่เห็นโทษหรือความสวยความงามซึ่งโลกนิยมกัน ยังไม่เห็นโทษเห็นภัยเกิดขั้นกับจิตใจเองแล้ว มันไม่ยอมละยอมวางง่าย ๆ" ติดแน่นอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่ยอมละไม่ยอมวางง่าย ๆ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม
แม้เราบอกให้ฟังก็ไม่ยอม อย่างความเกิดขึ้น "ความทุกข์ความร้อนต่าง ๆ เกิดขึ้นในจิตใจ" บอกว่าอย่าโกรธ สิ่งนั้นมันเป็นรูปนั้น วิธีนี้กล่าวไปตามเรื่องของธรรมะ เช่นว่า "เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา" เป็นของไม่สวยไม่งาม "ว่าอย่างไรมันก็ไม่ยอมฟัง"
มันก็เป็นไปตามเรื่องของมัน "เพราะจิตยังไม่ได้ดูดดื่มรสของธรรมะ" หรือจิตใจยังไม่เคยเห็น นี่คือปัญหาสำคัญ "ถ้าจิตไต้ประสบการณ์เอง เกิดขึ้นเอง ไม่ต้องบอกยาก มันรีบวางเอง" มันจะตัดสินเองเรื่องของจิต

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
พระเทพวิสุทธิมงคล
วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง)
ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ด






หลายปีมาแล้ว อาตมาเคยฟังคาถาดับทุกข์พระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) ท่านบอกว่าในกรณีที่คนด่าว่าหรือทำอะไรล่วงเกินให้ไม่พอใจจนเรารู้สึกทุกข์ใจ ต้องท่องคาถานี้ จะดับทุกข์ได้ คาถานั้นคือ
“ไม่เป็นไร พอทนได้ ลืมเสียเถอะ”
ในทางพุทธศาสนา เราไม่ได้ถือว่าความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่พลังลี้ลับเท่ากับพลังดับทุกข์ เพราะฉะนั้นเราควรถือว่าคาถาดับทุกข์ท่านเจ้าคุณราชธรรมนิเทศศักดิ์สิทธิ์มาก
“ไม่เป็นไร พอทนได้ ลืมเสียเถอะ”

พระอาจารย์ชยสาโร






...เวลาที่ไปงานศพ จะได้ยินพระท่านสวด
กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา อัพยากตา ธัมมา
"นี่พระท่านสวดให้คนเป็นฟัง..
ไม่ได้สวดให้คนตายฟัง"
เพราะคนตายไปแล้วฟังไม่รู้เรื่อง
เพราะจิตผู้รู้ไม่ได้อยู่กับร่างกายแล้ว
จิตได้ออกจากร่างกายไปแล้ว
ร่างกายเป็นเหมือนท่อนไม้ท่อนฟืนท่อนหนึ่ง
"รอให้สัปเหร่อเอาไปเผาไฟ" เท่านั้นเอง
จะนิมนต์พระระดับไหนมาก็ตาม
จะเป็นเจ้าคุณ เป็นสมเด็จ เป็นพระอรหันต์
มาสวดให้ ก็จะไม่ได้กุศล ไม่ได้
กุสลากุศลนั้นต้องเกิดจาก
การได้ยินได้ฟัง เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว
"ก็เอาไปคิดพินิจพิจารณา..
แล้วเอาไปประพฤติปฏิบัติ"
ถ้าได้ทำทั้งสามอย่างนี้แล้ว
คือ ฟัง คิด แล้วก็ทำ
..ก็จะเกิดผลขึ้นมา
เกิดประโยชน์ขึ้นมา เกิดกุศลขึ้นมา..
.....................................
หนังสือสาระธรรม1 หน้า29
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








ยิ้มรับความทุกข์ ได้สุขเป็นรางวัล
ความสุขนั้นเป็นยอดปรารถนาของทุกคน ไม่มีใครที่ไม่วาดหวังชีวิตอันผาสุก แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่กลับรู้จักความสุขน้อยมาก กล่าวคือ มักเห็นว่าความสุขเกิดจากวัตถุสิ่งเสพเท่านั้น ต่อเมื่อได้เสพได้ครอบครองจึงมีความสุข เงินจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต แท้จริงแล้วยังมีความสุขที่ประเสริฐกว่านั้นอีก เช่น ความสุขที่เกิดจากใจอันสงบ ความสุขจากความภาคภูมิใจเมื่อได้ทำความดี รวมทั้งความสุขเมื่อได้ละวาง
ความสุขประเภทหลังนั้นเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งเสพ แม้มีน้อย ไม่ร่ำรวย ก็มีความสุขได้ เป็นสุขที่พบได้กลางใจเรา เป็นเพราะมองไม่เห็นความสุขดังกล่าว ผู้คนจึงพากันดั้นด้นแสวงหาความสุขที่อยู่นอกตัว แต่ไม่ว่าจะมีหรือได้มากเท่าไร ก็ไม่พบความสุขที่แท้ ต่อเมื่อหยุดแสวงหาสิ่งภายนอก หันกลับมามองตน วางใจให้ถูก ดูแลใจให้ดี ก็จะพบความสุขอันประเสริฐได้ไม่ยาก เป็นความสุขที่สัมผัสได้แม้ประสบกับความเจ็บป่วย พลัดพราก หรือยากไร้

พระไพศาล วิสาโล











" หลวงปู่ได้บอกปฏิเสธที่จะไปค้นหาสมบัติตามที่วิญญาณบอก...
ท่านพูดกับเขาว่า... "สมบัติพวกนี้เราไม่ไปเอาหรอกเอามาก็เป็นทุกข์กับตัวเจ้าของเรามาภาวนาที่นี่เพื่อหาความสงบเรามาหาอริยทรัพย์ซึ่งเป็นสมบัติภายในอันผู้หนึ่งผู้ใดไม่สามารถอาจหาญมาเยื้อแย่งแข่งชิงวิ่งขโมยเอาของเราไปได้และเราก็ไม่เป็นกังวลว่า อริยทรัพย์นี้จะสูญหายตายจากเราไปได้มันต่างกันกับทรัพย์ของเจ้า ที่มาบอกให้เราไปเอา ทรัพย์เหล่านี้นั้นเจ้าของต้องมาเป็นกังวลกับมันกลัวมันจะสูญทรัพย์และกลัวว่าคนอื่นจะมาแย่งขโมยเอาไปทำให้เป็นทุกข์เป็นกังวลกับมันมาก ตายไปแล้วจิตยังมาข้องติดกับสมบัติเหล่านี้อยู่ เหมือนกับที่เจ้ากำลังติดข้องอยู่นี้ ตายไปแล้วยังมาเฝ้าหวงแหนสมบัตินี้ เหมือนกับเจ้ากำลังติดข้องอยู่ ทุกข์อยู่ในภพชาติของการเป็นมนุษย์ไม่พอต้องมาเป็นทุกข์ในภพภูมิแห่งผีอีก
แล้วเราจะเอาสมบัติทุกข์นั้นมากกกอดสดดมเหมือนเจ้าอีกทำไมล่ะ
สมบัติที่เรามีอยู่นี้เป็นสมบัติแห่งอริยทรัพย์อันเป็นสมบัติที่สูงค่าหาประมาณมิได้หากจะมาเทียบกับสมบัติที่เจ้ามาบอกให้เราไปเอานั้น แม้มีมากมายก็เอามาเทียบเปรียบประมาณกันไม่ได้เลย
เรามีความสุขในการเป็นเจ้าของอริยทรัพย์นี้ของเรา เราพอเพียงแล้วในทรัพย์ภายนอกทุกอย่างจึงไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปแสวงหาสิ่งที่เป็นของภายนอกมาเพิ่มอีก
ถ้าเจ้ายังเห็นว่าการครองสมบัติภายนอกอันเจ้ามีอยู่นั้นมันเป็นความสุขแล้วละก็ ขอเจ้าจงครองสมบัตินั้นต่อไปแต่เพียงผู้เดียวเถิดอย่าได้มาชักชวนด่วนขอมาให้เราไปเอาสมบัติตามที่เจ้าบอกอีกเลย...
แม้หลวงปู่จะตอบปฏิเสธที่จะไปค้นหาสมบัติเหล่านั้นโดยสิ้นเชิงและไม่ใยดีแล้ว วิญญาณก็ยังมาลบเร้าให้ท่านไปเอาสมบัตินั้นอีก ซึ่งหลวงปู่ก็ปฏิเสธเขาไปทุกครั้ง
จนสุดท้าย วิญญาณก็เลิกรบเร้าท่านในเรื่องนี้ นอกจากจะมาขอให้ท่านแผ่บุญกุศลให้เขาบ้างเป็นบางคราว."...
,...........................,,
.จากหนังสือหลวงปู่ชอบฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
โครงการหนังสือบูรพาจารย์เล่ม 9 หน้า 201 - 202
ชีวะประวัติพระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบฐานสโม











มันไม่ได้ถึงง่ายๆนะศาสนาพุทธนะ
ขนาดเทวทัตเหาะเหิร
เดินอากาศได้ ยังไม่ถึง
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ลงอเวจี
ขนาดนี้ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้านะ
มันถึงยาก
ร้อยต่อสามจะมีมั๊ย
ถึงจริงๆเนี๊ยะ จะมีมั๊ยหละ
ถึงจริงๆนะมันไม่ถึงนะสิ
ถึงแต่ปากออกข้างนอกหมด
ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน
อย่าให้มันไปสิ
ไม่มีจิตดวงใดพ้นสติไปได้ดอก

หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต อ.หนองแสง จ.อุดรธานี








"..ศาสนาไม่ได้เสื่อมที่ไหนหรอก มันเสื่อมที่หัวใจคน บาปบุญคุณโทษมีอยู่ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลนั่นแหละ มรรคผลนิพพานก็มีอยู่อย่างเดิมน่ะแหละ ไม่มีใครยักย้ายไปไหน ไม่ได้ใหม่ ไม่ได้เก่า ไม่ได้เป็นของลึกลับ ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติอยู่ ศาสนาก็ยังมีอยู่ ผู้ไม่เชื่อบาป บาปก็มีอยู่ ผู้ไม่เชื่อบุญ บุญก็มีอยู่นั่นแหละ พระพุทธศาสนาไม่ได้ห่างหายไปจากสังสารที่ไหน พระพุทธศาสนาเป็นของคู่โลกคู่สังสาร ศาสนาไม่ได้เสื่อมไปไหน อยู่ในปัจจุบันนี่แหละ เรามันไม่เอากันเฉยๆ
พวกเรามักเข้าใจว่าพุทธศาสนาอยู่กับพระพุทธเจ้า อยู่กับครูบาอาจารย์ อยู่กับใจเรานี่แหละ กิเลสยังอยู่กับใจเราเลย แล้วธรรมจะไปอยู่ไหนถ้าไม่ได้อยู่ที่ใจ ถ้าศาสนาเป็นของล้าสมัย นรกสวรรค์ก็คงร้างแล้วล่ะ ก็มันนานแล้วนี่ พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่กับผู้หนึ่งผู้ใด ขอให้ใจเรารับให้ได้เถอะ แล้วเราจะเห็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ให้เห็นในภายในนี่
นรกยังมีตราบใดที่ยังมีมนุษย์ทำชั่ว สวรรค์ก็มีอยู่ตราบใดที่ยังมีคนทำดี มรรคผลนิพพานก็ยังมีตราบใดที่ยังมีคนปฏิบัติ พระพุทธศาสนาเป็นของคู่โลกคู่สงสาร แม้จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสหรือไม่มาตรัสก็แล้วแต่ สัจธรรมก็ยังมีอยู่ อย่าไปเข้าใจว่าพุทธศาสนาหายไปไหน มันขึ้นอยู่กับใจเราทั้งนั้น ว่าใจเราจะละได้หรือไม่ได้เท่านั้นเอง
พวกเรามันเข้าใจเหมือนกาลเหมือนเวลา เอากาลไปจำกัดว่าศาสนาเป็นของเนิ่นนาน คงจะเสื่อมแล้วก็เลยไม่สนใจกัน ผู้ปฏิบัติก็มีน้อยลง ผู้เข้าถึงศาสนาก็แทบจะไม่มี ชาวพุทธอุบาสกอุบาสิกาก็แทบจะไม่เข้าถึงพระรัตนตรัย แล้วจะเข้าถึงมรรคผลได้ยังไง เราต้องปฏิบัติ เราจะเข้าถึงพระพุทธเจ้าก็เข้าถึงทางนี้แหละ เราจะเข้าถึงธรรมถึงมรรคผลก็เข้าถึงทางนี้ ตราบใดที่ยังมีผู้ปฏิบัติยังไงก็ไม่เสื่อมไปไหน.."

พระอาจารย์โสภา สมโณ
๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๙







การทำบุญนั้น ตามหลักพระพุทธศาสนา
ไม่ให้ทำมากให้ทำแต่น้อยต้องแบ่งทรัพย์ให้เป็น4ส่วน
ส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นทุน
ส่วนหนึ่งเอาไว้ซื้ออยู่ซื้อกิน
ส่วนหนึ่งเอาไว้ซื้อหยูกซื้อยาเวลาเจ็บป่วย
ส่วนหนึ่งเอาทำบุญให้แบ่งทำบุญเอาไว้ส่วนหนึ่ง อีก 3 ส่วนเอาไว้ดูแลตนเอง
พระองค์ทรงสอนเอาไว้อย่างนั้น
ทำไม่ต้องทำมาก บุญนี้ไม่ใช่เป็นของที่เศร้าหมอง บุญคือความสุข ทำแล้วต้องมีความสุขใจเอิบอิ่มใจ ปลื้มปิติยินดีในคุณงามความดีที่ตนเองได้กระทำนั้น เมื่อจิตใจเศร้าหมองขุ่นมัวยุ่งเหยิงอะไรต่างๆเกิดขึ้น เราก็ระลึกถึงบุญกุศลที่ตนเองได้ทำเอาไว้ มาเปลี่ยนอารมณ์ที่เศร้าหมองขุ่นมัวนั้นให้ดับไป มาเปลี่ยนอารมณ์ที่มีความสุขให้เกิดขึ้นมาแทน เรียกว่าการทำบุญ..

"โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป "
2 มีนาคม 2556..








ดอกบัวสี่เหล่ามีแต่ครั้งพุทธกาลหรือไม่ หรือครั้งนี้ก็มีอยู่
นั่น นั่น นั่น ดอกบานก็บานเต็มภูมิ
เหมือนท่านผู้พ้นเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว
ดอกต่ำกว่านั้นลงมาก็คือ พระอนาคามี
ต่ำกว่านั้นลงมาก็สกทาคามี
ต่ำกว่านั้นลงมาก็คือ พระโสดาบัน ใช่ไหมนั่น นั่น นั่น
เสมอน้ำและใต้น้ำ ก็พวกที่ถือผีก็ถือ แล้วก็ถือลัทธิอื่นก็ถือ
ใต้น้ำน่ะ ปะปนกันอยู่หรือเสมอน้ำ นั่น นั่น มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย
ทุกกาลทุกเวลาด้วย ก็ขึ้นอยู่กับผู้มีบารมีแก่กล้ามาแล้วด้วยหรือไม่เท่านั้น
ถูกไหม นั่น นั่น ทำไมจึงมีผู้ถือศาสนาพุทธน้อยแม๊ะ
ทำไมจึงมีปริญญาเอกน้อยนัก เพราะเขากำลังเรียน
ก สระอา กา ข สระอา ขา อยู่ใช่ไหม นั่น นั่น นั่น
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สูงส่ง
ไม่เป็นฐานันดรศักดิ์ผู้บารมีอ่อนจะมาเลื่อมใสเลย
ไม่เป็นฐานันดรของแมลงวันจะไปเลื่อมใสแมลงภู่ใช่ไหม
นั่น นั่น กัมมุนา วัตตติโลโก สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
ใครอยู่ระดับใดก็เลื่อมใสระดับนั้น ใช่ไหม
.
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต








“การปฏิบัติธรรมนั้นไม่มีโทษมีแต่คุณ คือจิตไม่ขุ่นมัว จิตผ่องใส จะยืน เดิน นั่ง นอน ก็มีความสุขไม่มีความทุกข์ จะเข้าสู่สังคมใดๆ ก็องอาจกล้าหาญ การทำความเพียร เมื่อสมาธิเกิดมีขึ้นแล้วจะไม่มีความหวั่นไหว ไม่ความเกียจคร้านต่อการงาน ทั้งทางโลกทั้งทางธรรม จากนั้นก็เป็นปัญญาที่จะมาเป็นกำลัง เมื่อปัญญาเกิดขึ้นแล้วรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ จะเรียนทางโลกก็สำเร็จ จะทำการธรรมก็สำเร็จ พระพุทธเจ้าท่านจึงสั่งสอนอบรมให้เกิดให้มีขึ้นมาเบื้องต้นตั้งแต่ศีล ศีลเป็นที่ตั้งของสมาธิ สมาธิเป็นที่ตั้งของปัญญา ไม่ว่าศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางมาแห่งวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นด้วยกัน”

#โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู








“ทางเดินของใจนี้เป็นวัฏวน ไม่เหมือนชีวิตของเรา ชีวิตของเราเกิดมาเรียกว่าก้าวเดินแล้ว ไปถึงวันตายก็เรียกว่าสุดทางเดินในชาตินี้ แต่จิตนี้ไม่มีคำว่าสุดในชาตินี้ พอเกิดขึ้นมานี้เข้าพักนี้แล้วตายแล้วก็ออกจากนี้ก็ไป ก้าวเดินตลอดในวงวัฏจักร โดยมีกิเลสเป็นเครื่องปิดกั้นไม่ให้ออกนอกจากวัฏจักรนี้ได้ เป็นมาอย่างนี้ทั้งสัตว์ทั้งบุคคล มีทั่วหน้ากันหมด เพราะกิเลสนี้มีได้ทั้งนั้น นี่ละพาให้สัตว์ทั้งหลายเกิดตาย ๆ และดลบันดาลอยู่ภายในจิต ส่วนมากเป็นส่วนชั่วมักจะผลักจะดันให้เราทำความชั่วช้าลามก โดยถือว่าเป็นความอยากความทะเยอทะยานตามความหลอกลวงของกิเลส ให้อยากให้ทะเยอทะยาน แล้วก็ดิ้นไปตามมัน ไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้งนี้เสียคน ตรงนี้เสียคน
ตายไปแล้วมันไม่อยู่เฉย ๆ กรรมที่ทำลงไปแล้วนี้ไม่ได้อยู่กับอะไรนะ มันอยู่กับจิต กรรมดีก็ดี กรรมชั่วก็ดี เข้าอยู่กับจิตอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีที่อยู่ที่พักอาศัย คือวิบากกรรมที่มันติดตามผู้ทำไปทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว เพราะฉะนั้นพากันระมัดระวังให้มากนะ การเรียกร้องความช่วยเหลือก็คือใจ ได้รับความทุกข์ความลำบากตลอดมาเรื่องของใจนะ ให้มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง มีธรรมเป็นเครื่องอบอุ่น เป็นเครื่องพักหลับพักนอนพักอยู่อะไรก็มีความสบายบ้างถ้ามีธรรม นี้คือที่ยึดของใจ เครื่องหล่อเลี้ยงของใจ ใจจะไม่เดือดร้อนมากมายนักถ้ามีธรรมภายในใจ ถ้าไม่มี ใครจะมีสมบัติเงินทองข้าวของมากน้อยก็ไปเกาะปั๊บ ดีใจสักครู่หนึ่ง พอแย็บออกจากนั้นหาที่พึ่งไม่ได้ก็ว้าเหว่ นี่ร้อนมาก แต่จิตใจมีธรรมนี้มองไปนั้นก็รู้ว่าอันนั้นเสีย เป็นสิ่งอาศัยชั่วคราวเสีย มองเข้ามาข้างในเป็นสิ่งที่อาศัยเป็นจีรังถาวรเป็นบุญเป็นกุศลไปเสียก็อบอุ่น แล้วทำบุญทำกุศลศีลทานเข้าสู่ใจตลอดไป คนนี้ไม่เสียท่า”

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕








การปฏิบัติก็เหมือนอย่างชาวนาทำนา
ก่อนที่จะเป็นแปลงนา แต่ก่อนก็เป็นป่าเป็นดงก็ยังรกๆอยู่ จนกว่าจะเตียน จนกว่าจะเตรียมแปลนาเป็นที่นาเป็นคันนา จนกว่าจะมีน้ำ เราก็ค่อยดูอยู่อีก จนกว่าจะหว่านกล้าลงไป เมื่อหว่านกล้าไปกล้ามันก็เกิดขึ้นมา เป็นร่วงออกมาเป็นเม็ดออกมา จนกว่าเราจะไปเกี่ยวเราก็ไปตัดเอา จนกว่าจะไปสีไปตำ จนกว่าเราจะไปนึ่ง เราก็เอาไปแช่น้ำเสียก่อน นึ่งจนกว่าจะสุขก็ต้องผ่านไฟอีกผ่านน้ำร้อนไปอีก จนกว่าจะสุก นี่เป็นอย่างนี้...มันไม่ใช่ของง่าย!!
การปฏิบัติก็เหมือนกันก็ต้องผ่านอุปสรรคยากเข็ญ แต่ถึงยังไงผลสุดท้ายก็ต้องสุขอยู่แล้ว ก็ได้รับรสเหมือนอย่างที่เราได้หุ่งข้าวสุกแล้ว การภาวนาก็เหมือนกัน ให้ตั้งใจภาวนาถึงแม้จะยากลำบาก ก็อดทนเอา เพราะเราอยากได้มันขาดไม่ได้ สำหรับคนที่อยากได้มันขาดไม่ได้ เหมือนเราหิวข้าวมันขาดไม่ได้ เราก็ต้องเตรียมทำนาหว่านพืช ก็เพื่อจะมารองรับความหิว
บางคนก็ว่าความหิวแบบนี้มันเป็นกิเลสหรือเปล่า มันไม่เป็นกิเลส...เราหิวเท่านั้น เราหิวไปทางบริสุทธิ์ส่วนหิวไปทางกิเลสคือความหิวไปทางที่ต่ำ คือจิตมันตกต่ำ จิตมันหยาบช้า มันตกอยู่ในอำนาจกรรม คนทั้งหลาย กิเลสทั้งหลาย มารทั้งหลาย มันตกอยู่ในกรรม นี้คือจิตมันตกต่ำ มันคิดไปในทางที่ต่ำ เพราะฉะนั้นมันมีข้อแตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าคิดฉะนั้นมันไม่ใช่คิดต่ำคิดสูงเท่านั้นเอง มืดกับสว่างก็ต่างกันอย่างนี้ บุญกับบาปมันต่างกันอย่างนี้ บาปเป็นทุกข์สุขก็คือบุญให้เราเข้าใจอย่างนี้

พระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ในงานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อจัดซื้อเครื่องแพทย์ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ณ หอประชุม รพ. วันที่ ๒๔ มิ.ย. ๖๑










เรื่องจิตตภาวนานั้น
ถ้าไม่หัดไว้ก็แสนจะลำบาก
การภาวนานั้นมีอานิสงส์มาก อย่างแค่ "ช้างฟัดหู งูแลบลิ้น"
แค่นั้นก็ยังมีอานิสงส์มหาศาล
ถ้าได้มากกว่านั้นก็จะยิ่งดีขึ้น
"จิตติดที่ไหนยอมไปเกิด ณ ที่นั้น จิตติดเรือนก็อาจจะมาเกิดเป็นจิ้งจกตุ๊กแกได้
แม้แต่พระภิกษุติดจีวรยังไปเกิดเป็นเล็น น่าหวาดกลัวนัก
แล้วกิเลสมีร้อยแปดประตู
"พุทโธ" มีประตูเดียว
เพราะฉะนั้น ให้ฝึกหัดปฏิบัติให้คุ้นเคย
วาระที่เราจะเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ
จะเข้าจิตได้ทันหรือเปล่า.."

หลวงปู่หลุย จันทสาโร








"คำพูดเป็นดาบชนิดหนึ่ง บางคนใช้ทิ่มตนและแทงคน บางกลุ่มทิ่มแทงกันเอง ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีใครได้ประโยชน์อะไร"

โอวาธรรม
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 140 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร