วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 16:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2019, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2019, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ
ก็ค่อยเรียนรู้ไป. อย่างน้อยก็อยู่ในลู่แล้ว. กรัชกายผู้รู้ก็บอกเขาหน่อย. ไปต่ออย่างไร

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2019, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ


ก็ค่อยเรียนรู้ไป. อย่างน้อยก็อยู่ในลู่แล้ว. กรัชกายผู้รู้ก็บอกเขาหน่อย. ไปต่ออย่างไร


อยู่ในลู่เพี้ยนแล้ว :b13: ยังไม่สำนึกอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2019, 05:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


บิ๊กทู่ อย่างที่ว่านั้นมันผิด ถึงผิดเพียงแค่คิดก็ไม่สู้กระไรนัก แค่คิดนะ แต่อย่าลงมือทำ พอเข้าใจไหม ที่พูดเนี่ย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2019, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


บิ๊กทู่ อย่างที่ว่านั้นมันผิด ถึงผิดเพียงแค่คิดก็ไม่สู้กระไรนัก แค่คิดนะ แต่อย่าลงมือทำ พอเข้าใจไหม ที่พูดเนี่ย

ทำมา17ปีแล้ว. ยังสบายดี

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2019, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


บิ๊กทู่ อย่างที่ว่านั้นมันผิด ถึงผิดเพียงแค่คิดก็ไม่สู้กระไรนัก แค่คิดนะ แต่อย่าลงมือทำ พอเข้าใจไหม ที่พูดเนี่ย



ทำมา17ปีแล้ว. ยังสบายดี


ทำยังงี้น่าหรอ

ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ

:b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2019, 18:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


บิ๊กทู่ อย่างที่ว่านั้นมันผิด ถึงผิดเพียงแค่คิดก็ไม่สู้กระไรนัก แค่คิดนะ แต่อย่าลงมือทำ พอเข้าใจไหม ที่พูดเนี่ย



ทำมา17ปีแล้ว. ยังสบายดี


ทำยังงี้น่าหรอ

ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ

:b1:
ใช้แล้วจร้า

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2019, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็น[u]แรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลมทุกขณะ

อ้างคำพูด:
bigtoo
ใช่แล้วจร้า



ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 03:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็น[u]แรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลมทุกขณะ

อ้างคำพูด:
bigtoo
ใช่แล้วจร้า



ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ท่านพยามยกสิ่งเหล่านี้มาให้ดูบ่อยๆผมรู้สึกขำๆหน่อย. มีผู้คนมากมายที่ได้รับการอบรมปฏิบัติในแนวทางนี้. แนวทางนี้นอกจากได้รับการนอมรับจากหน่วยงานอยู่ภายใต้ราชชูปอุปถัมภ์แล้วยังกระจายเจริญเติบโตทั่วอย่างมาก. และทั่วโลกมากมายหลายสิบประเทศ ฝ่ายใต้คำสอนของพระองค์. ที่มีแต่พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง. ไม่มีความเขื่อใดๆเข้ามาปะปน. มัแต่ความจริงที่ปรากฏ เป็นธรรมขาติภายในกายใจเท่านั้น อาจารย์ผู้สอนก็เป้นอาจารย์ที่ได้นอมรับในระดับสากล ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงก้องโลก. สามารถเปลี่บนตนจากฮินดูมาเป็นพุทธได้อย่างสมความภาคภูมิใจทั้งครอบครับ. ชาวฮินดูถูกสอนให้ตายในศาสนามิให้นอกแนว. อาจมีบ้างคนที่ได้รับกาปฏิบัติแต่ไม่เข้าใจในคำสอนเพราะหลายปัจจัย. คอร์ส10วันเป้นเวลาสั้นมากกับการเดินบนเส้นทางธรรม. บางคนมาเพื่ออยากหายจากโลกที่ตนเป็น บางคนมาเพื่อถ้าทายก็มี. จ้าพเจ้าเห็นมามากมาย. แต่เอาเถอะคนผู้ที่ได้รับสิ่งดีๆก็มีมากมาย ความเจริญถึงเกิดขึ้นได้. ข้าพเจ้าและภรรยาและเพื่อนที่เข้าคอร์สนี้ต่างมีความสุขบนเส้นทางธรรมกันมาเป็นเวลานาน. ผู้ที่ได้วิชาปฏิบัติมาแล้วถ้ารู้จักกาความรู้เพิ่ม. หาบริวารความรู้เพิ่มก็จะสำเร็จได้ไว. ไม่เนินช้าเหมือนข้าพเจ้า

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็น[u]แรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลมทุกขณะ

อ้างคำพูด:
bigtoo
ใช่แล้วจร้า



ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ท่านพยามยกสิ่งเหล่านี้มาให้ดูบ่อยๆผมรู้สึกขำๆหน่อย. มีผู้คนมากมายที่ได้รับการอบรมปฏิบัติในแนวทางนี้. แนวทางนี้นอกจากได้รับการนอมรับจากหน่วยงานอยู่ภายใต้ราชชูปอุปถัมภ์แล้วยังกระจายเจริญเติบโตทั่วอย่างมาก. และทั่วโลกมากมายหลายสิบประเทศ ฝ่ายใต้คำสอนของพระองค์. ที่มีแต่พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง. ไม่มีความเขื่อใดๆเข้ามาปะปน. มัแต่ความจริงที่ปรากฏ เป็นธรรมขาติภายในกายใจเท่านั้น อาจารย์ผู้สอนก็เป้นอาจารย์ที่ได้นอมรับในระดับสากล ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงก้องโลก. สามารถเปลี่บนตนจากฮินดูมาเป็นพุทธได้อย่างสมความภาคภูมิใจทั้งครอบครับ. ชาวฮินดูถูกสอนให้ตายในศาสนามิให้นอกแนว. อาจมีบ้างคนที่ได้รับกาปฏิบัติแต่ไม่เข้าใจในคำสอนเพราะหลายปัจจัย. คอร์ส10วันเป้นเวลาสั้นมากกับการเดินบนเส้นทางธรรม. บางคนมาเพื่ออยากหายจากโลกที่ตนเป็น บางคนมาเพื่อถ้าทายก็มี. จ้าพเจ้าเห็นมามากมาย. แต่เอาเถอะคนผู้ที่ได้รับสิ่งดีๆก็มีมากมาย ความเจริญถึงเกิดขึ้นได้. ข้าพเจ้าและภรรยาและเพื่อนที่เข้าคอร์สนี้ต่างมีความสุขบนเส้นทางธรรมกันมาเป็นเวลานาน. ผู้ที่ได้วิชาปฏิบัติมาแล้วถ้ารู้จักกาความรู้เพิ่ม. หาบริวารความรู้เพิ่มก็จะสำเร็จได้ไว. ไม่เนินช้าเหมือนข้าพเจ้า


นั่นไม่ใช่ทางออก :b13:

ประเด็นสำคัญคือต้องมีคำแนะนำทางออกจากทุกข์นั้น นี่คือจุดบกพร่อง เมื่อแนะนำให้เขาภาวนาแล้วต้องมีทางออกด้วย มันจึงจะไม่ติดไม่ตันอยู่กับทุกขเวทนาเป็นต้น

ธรรม พูดกันจนติดอยู่ในหัว บิ๊กทู่ตอบได้ไหม ธรรมที่ว่า เส้นทางธรรมที่ว่า ได้แก่ อะไร ? ตอบสิขอรับ ธรรม เอ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็น[u]แรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลมทุกขณะ

อ้างคำพูด:
bigtoo
ใช่แล้วจร้า



ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ท่านพยามยกสิ่งเหล่านี้มาให้ดูบ่อยๆผมรู้สึกขำๆหน่อย. มีผู้คนมากมายที่ได้รับการอบรมปฏิบัติในแนวทางนี้. แนวทางนี้นอกจากได้รับการนอมรับจากหน่วยงานอยู่ภายใต้ราชชูปอุปถัมภ์แล้วยังกระจายเจริญเติบโตทั่วอย่างมาก. และทั่วโลกมากมายหลายสิบประเทศ ฝ่ายใต้คำสอนของพระองค์. ที่มีแต่พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง. ไม่มีความเขื่อใดๆเข้ามาปะปน. มัแต่ความจริงที่ปรากฏ เป็นธรรมขาติภายในกายใจเท่านั้น อาจารย์ผู้สอนก็เป้นอาจารย์ที่ได้นอมรับในระดับสากล ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงก้องโลก. สามารถเปลี่บนตนจากฮินดูมาเป็นพุทธได้อย่างสมความภาคภูมิใจทั้งครอบครับ. ชาวฮินดูถูกสอนให้ตายในศาสนามิให้นอกแนว. อาจมีบ้างคนที่ได้รับกาปฏิบัติแต่ไม่เข้าใจในคำสอนเพราะหลายปัจจัย. คอร์ส10วันเป้นเวลาสั้นมากกับการเดินบนเส้นทางธรรม. บางคนมาเพื่ออยากหายจากโลกที่ตนเป็น บางคนมาเพื่อถ้าทายก็มี. จ้าพเจ้าเห็นมามากมาย. แต่เอาเถอะคนผู้ที่ได้รับสิ่งดีๆก็มีมากมาย ความเจริญถึงเกิดขึ้นได้. ข้าพเจ้าและภรรยาและเพื่อนที่เข้าคอร์สนี้ต่างมีความสุขบนเส้นทางธรรมกันมาเป็นเวลานาน. ผู้ที่ได้วิชาปฏิบัติมาแล้วถ้ารู้จักกาความรู้เพิ่ม. หาบริวารความรู้เพิ่มก็จะสำเร็จได้ไว. ไม่เนินช้าเหมือนข้าพเจ้า


นั่นไม่ใช่ทางออก :b13:

ประเด็นสำคัญคือต้องมีคำแนะนำทางออกจากทุกข์นั้น นี่คือจุดบกพร่อง เมื่อแนะนำให้เขาภาวนาแล้วต้องมีทางออกด้วย มันจึงจะไม่ติดไม่ตันอยู่กับทุกขเวทนาเป็นต้น

ธรรม พูดกันจนติดอยู่ในหัว บิ๊กทู่ตอบได้ไหม ธรรมที่ว่า เส้นทางธรรมที่ว่า ได้แก่ อะไร ? ตอบสิขอรับ ธรรม เอ้า
มันมีทางออกอนู่แล้ว. สำหรับการปฏิบัติแต่ผู้ปฏิบัติได้หาทางที่แท้จริงหรือยังเข้าหาอาจารณ์ผู้สอนหรือยัง. การปฏิบัติเราทำตามขั้นตอนมั้ยมีใครรู้บ้างเพราะในคำสอนมีบอกไว้. มีคนชอบทำนอกจากคำสอนอยู่พอสมควรเพราะเขาเรียนรู้จากที่อื่นนำมาปนกัน. การจะมาบอกอะไรตรงไม่มีปรโยชน์อะไร. มีแต่คนที่ยกมาดิสเคดิสเท่านั้น. มันไร้ประโยชน์ครับ. สำนักที่เจริญเติบโตได้นั้นผู้ปฏิบัตินั้นต้องได้รับสิ่งที่ดีๆแกเขา เติบโตดีในเมืองไทยรายได้มาตากการบรจาคของศิษย์เท่านั้น. ไม่ได้มีรายรับจากไหน.และในต่างประเทศมีถึง43ประเทศทั่วโลก.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็น[u]แรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลมทุกขณะ

อ้างคำพูด:
bigtoo
ใช่แล้วจร้า



ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ท่านพยามยกสิ่งเหล่านี้มาให้ดูบ่อยๆผมรู้สึกขำๆหน่อย. มีผู้คนมากมายที่ได้รับการอบรมปฏิบัติในแนวทางนี้. แนวทางนี้นอกจากได้รับการนอมรับจากหน่วยงานอยู่ภายใต้ราชชูปอุปถัมภ์แล้วยังกระจายเจริญเติบโตทั่วอย่างมาก. และทั่วโลกมากมายหลายสิบประเทศ ฝ่ายใต้คำสอนของพระองค์. ที่มีแต่พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง. ไม่มีความเขื่อใดๆเข้ามาปะปน. มัแต่ความจริงที่ปรากฏ เป็นธรรมขาติภายในกายใจเท่านั้น อาจารย์ผู้สอนก็เป้นอาจารย์ที่ได้นอมรับในระดับสากล ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงก้องโลก. สามารถเปลี่บนตนจากฮินดูมาเป็นพุทธได้อย่างสมความภาคภูมิใจทั้งครอบครับ. ชาวฮินดูถูกสอนให้ตายในศาสนามิให้นอกแนว. อาจมีบ้างคนที่ได้รับกาปฏิบัติแต่ไม่เข้าใจในคำสอนเพราะหลายปัจจัย. คอร์ส10วันเป้นเวลาสั้นมากกับการเดินบนเส้นทางธรรม. บางคนมาเพื่ออยากหายจากโลกที่ตนเป็น บางคนมาเพื่อถ้าทายก็มี. จ้าพเจ้าเห็นมามากมาย. แต่เอาเถอะคนผู้ที่ได้รับสิ่งดีๆก็มีมากมาย ความเจริญถึงเกิดขึ้นได้. ข้าพเจ้าและภรรยาและเพื่อนที่เข้าคอร์สนี้ต่างมีความสุขบนเส้นทางธรรมกันมาเป็นเวลานาน. ผู้ที่ได้วิชาปฏิบัติมาแล้วถ้ารู้จักกาความรู้เพิ่ม. หาบริวารความรู้เพิ่มก็จะสำเร็จได้ไว. ไม่เนินช้าเหมือนข้าพเจ้า


นั่นไม่ใช่ทางออก :b13:

ประเด็นสำคัญคือต้องมีคำแนะนำทางออกจากทุกข์นั้น นี่คือจุดบกพร่อง เมื่อแนะนำให้เขาภาวนาแล้วต้องมีทางออกด้วย มันจึงจะไม่ติดไม่ตันอยู่กับทุกขเวทนาเป็นต้น

ธรรม พูดกันจนติดอยู่ในหัว บิ๊กทู่ตอบได้ไหม ธรรมที่ว่า เส้นทางธรรมที่ว่า ได้แก่ อะไร ? ตอบสิขอรับ ธรรม เอ้า



มันมีทางออกอนู่แล้ว. สำหรับการปฏิบัติแต่ผู้ปฏิบัติได้หาทางที่แท้จริงหรือยังเข้าหาอาจารณ์ผู้สอนหรือยัง. การปฏิบัติเราทำตามขั้นตอนมั้ยมีใครรู้บ้างเพราะในคำสอนมีบอกไว้. มีคนชอบทำนอกจากคำสอนอยู่พอสมควรเพราะเขาเรียนรู้จากที่อื่นนำมาปนกัน. การจะมาบอกอะไรตรงไม่มีปรโยชน์อะไร. มีแต่คนที่ยกมาดิสเคดิสเท่านั้น. มันไร้ประโยชน์ครับ. สำนักที่เจริญเติบโตได้นั้นผู้ปฏิบัตินั้นต้องได้รับสิ่งที่ดีๆแกเขา เติบโตดีในเมืองไทยรายได้มาตากการบรจาคของศิษย์เท่านั้น. ไม่ได้มีรายรับจากไหน.และในต่างประเทศมีถึง43ประเทศทั่วโลก.


ข้าพเจ้ามิได้ตื่นเต้นเรื่องความเติบโตอะไรนักหรอก เพียงแต่แย้งว่าใครก็ตามเมื่อตั้งตัวแสดงตนแนะนำให้คนเขาภาวนาอย่างว่าเป็นต้นนั่นแล้ว สิ่งสำคัญจะต้องรู้ทางออกไปจากทุกข์ที่ประสบด้วย จึงจะเรียกว่า รู้คุณ เห็นโทษ และรู้เห็นทางออกไปทั้งจากคุณและโทษนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็น[u]แรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลมทุกขณะ

อ้างคำพูด:
bigtoo
ใช่แล้วจร้า



ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ท่านพยามยกสิ่งเหล่านี้มาให้ดูบ่อยๆผมรู้สึกขำๆหน่อย. มีผู้คนมากมายที่ได้รับการอบรมปฏิบัติในแนวทางนี้. แนวทางนี้นอกจากได้รับการนอมรับจากหน่วยงานอยู่ภายใต้ราชชูปอุปถัมภ์แล้วยังกระจายเจริญเติบโตทั่วอย่างมาก. และทั่วโลกมากมายหลายสิบประเทศ ฝ่ายใต้คำสอนของพระองค์. ที่มีแต่พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง. ไม่มีความเขื่อใดๆเข้ามาปะปน. มัแต่ความจริงที่ปรากฏ เป็นธรรมขาติภายในกายใจเท่านั้น อาจารย์ผู้สอนก็เป้นอาจารย์ที่ได้นอมรับในระดับสากล ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงก้องโลก. สามารถเปลี่บนตนจากฮินดูมาเป็นพุทธได้อย่างสมความภาคภูมิใจทั้งครอบครับ. ชาวฮินดูถูกสอนให้ตายในศาสนามิให้นอกแนว. อาจมีบ้างคนที่ได้รับกาปฏิบัติแต่ไม่เข้าใจในคำสอนเพราะหลายปัจจัย. คอร์ส10วันเป้นเวลาสั้นมากกับการเดินบนเส้นทางธรรม. บางคนมาเพื่ออยากหายจากโลกที่ตนเป็น บางคนมาเพื่อถ้าทายก็มี. จ้าพเจ้าเห็นมามากมาย. แต่เอาเถอะคนผู้ที่ได้รับสิ่งดีๆก็มีมากมาย ความเจริญถึงเกิดขึ้นได้. ข้าพเจ้าและภรรยาและเพื่อนที่เข้าคอร์สนี้ต่างมีความสุขบนเส้นทางธรรมกันมาเป็นเวลานาน. ผู้ที่ได้วิชาปฏิบัติมาแล้วถ้ารู้จักกาความรู้เพิ่ม. หาบริวารความรู้เพิ่มก็จะสำเร็จได้ไว. ไม่เนินช้าเหมือนข้าพเจ้า


นั่นไม่ใช่ทางออก :b13:

ประเด็นสำคัญคือต้องมีคำแนะนำทางออกจากทุกข์นั้น นี่คือจุดบกพร่อง เมื่อแนะนำให้เขาภาวนาแล้วต้องมีทางออกด้วย มันจึงจะไม่ติดไม่ตันอยู่กับทุกขเวทนาเป็นต้น

ธรรม พูดกันจนติดอยู่ในหัว บิ๊กทู่ตอบได้ไหม ธรรมที่ว่า เส้นทางธรรมที่ว่า ได้แก่ อะไร ? ตอบสิขอรับ ธรรม เอ้า



มันมีทางออกอนู่แล้ว. สำหรับการปฏิบัติแต่ผู้ปฏิบัติได้หาทางที่แท้จริงหรือยังเข้าหาอาจารณ์ผู้สอนหรือยัง. การปฏิบัติเราทำตามขั้นตอนมั้ยมีใครรู้บ้างเพราะในคำสอนมีบอกไว้. มีคนชอบทำนอกจากคำสอนอยู่พอสมควรเพราะเขาเรียนรู้จากที่อื่นนำมาปนกัน. การจะมาบอกอะไรตรงไม่มีปรโยชน์อะไร. มีแต่คนที่ยกมาดิสเคดิสเท่านั้น. มันไร้ประโยชน์ครับ. สำนักที่เจริญเติบโตได้นั้นผู้ปฏิบัตินั้นต้องได้รับสิ่งที่ดีๆแกเขา เติบโตดีในเมืองไทยรายได้มาตากการบรจาคของศิษย์เท่านั้น. ไม่ได้มีรายรับจากไหน.และในต่างประเทศมีถึง43ประเทศทั่วโลก.


ข้าพเจ้ามิได้ตื่นเต้นเรื่องความเติบโตอะไรนักหรอก เพียงแต่แย้งว่าใครก็ตามเมื่อตั้งตัวแสดงตนแนะนำให้คนเขาภาวนาอย่างว่าเป็นต้นนั่นแล้ว สิ่งสำคัญจะต้องรู้ทางออกไปจากทุกข์ที่ประสบด้วย จึงจะเรียกว่า รู้คุณ เห็นโทษ และรู้เห็นทางออกไปทั้งจากคุณและโทษนั้น
ผมบอกแล้ว. ผู้ปฏิบัติกระทำอย่างไรควรจะไปปรึกศรอาจารย์ผุ้สอน. ออกมาประจานตัวเองแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร. นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วอาจจะยังเป็นการปิดกั้นผู้คนไม่ให้ได้รับประโยชน์การปฏิบัคดีไอีกด้สย. ซ้ำแล้วเปิดโอกาสให้คนหน้ามืดตามัวเอามากล่าวโทษได้อีก. และที่ยกตัวอย่างมาจริงเท็จประการใดก็ไม่รู้คนยกตัวอย่างมากก็ขาดสติปัญญาจะพิจารณได้ถ้วนถี่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 09:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็น[u]แรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลมทุกขณะ

อ้างคำพูด:
bigtoo
ใช่แล้วจร้า



ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ท่านพยามยกสิ่งเหล่านี้มาให้ดูบ่อยๆผมรู้สึกขำๆหน่อย. มีผู้คนมากมายที่ได้รับการอบรมปฏิบัติในแนวทางนี้. แนวทางนี้นอกจากได้รับการนอมรับจากหน่วยงานอยู่ภายใต้ราชชูปอุปถัมภ์แล้วยังกระจายเจริญเติบโตทั่วอย่างมาก. และทั่วโลกมากมายหลายสิบประเทศ ฝ่ายใต้คำสอนของพระองค์. ที่มีแต่พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง. ไม่มีความเขื่อใดๆเข้ามาปะปน. มัแต่ความจริงที่ปรากฏ เป็นธรรมขาติภายในกายใจเท่านั้น อาจารย์ผู้สอนก็เป้นอาจารย์ที่ได้นอมรับในระดับสากล ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงก้องโลก. สามารถเปลี่บนตนจากฮินดูมาเป็นพุทธได้อย่างสมความภาคภูมิใจทั้งครอบครับ. ชาวฮินดูถูกสอนให้ตายในศาสนามิให้นอกแนว. อาจมีบ้างคนที่ได้รับกาปฏิบัติแต่ไม่เข้าใจในคำสอนเพราะหลายปัจจัย. คอร์ส10วันเป้นเวลาสั้นมากกับการเดินบนเส้นทางธรรม. บางคนมาเพื่ออยากหายจากโลกที่ตนเป็น บางคนมาเพื่อถ้าทายก็มี. จ้าพเจ้าเห็นมามากมาย. แต่เอาเถอะคนผู้ที่ได้รับสิ่งดีๆก็มีมากมาย ความเจริญถึงเกิดขึ้นได้. ข้าพเจ้าและภรรยาและเพื่อนที่เข้าคอร์สนี้ต่างมีความสุขบนเส้นทางธรรมกันมาเป็นเวลานาน. ผู้ที่ได้วิชาปฏิบัติมาแล้วถ้ารู้จักกาความรู้เพิ่ม. หาบริวารความรู้เพิ่มก็จะสำเร็จได้ไว. ไม่เนินช้าเหมือนข้าพเจ้า


นั่นไม่ใช่ทางออก :b13:

ประเด็นสำคัญคือต้องมีคำแนะนำทางออกจากทุกข์นั้น นี่คือจุดบกพร่อง เมื่อแนะนำให้เขาภาวนาแล้วต้องมีทางออกด้วย มันจึงจะไม่ติดไม่ตันอยู่กับทุกขเวทนาเป็นต้น

ธรรม พูดกันจนติดอยู่ในหัว บิ๊กทู่ตอบได้ไหม ธรรมที่ว่า เส้นทางธรรมที่ว่า ได้แก่ อะไร ? ตอบสิขอรับ ธรรม เอ้า



มันมีทางออกอนู่แล้ว. สำหรับการปฏิบัติแต่ผู้ปฏิบัติได้หาทางที่แท้จริงหรือยังเข้าหาอาจารณ์ผู้สอนหรือยัง. การปฏิบัติเราทำตามขั้นตอนมั้ยมีใครรู้บ้างเพราะในคำสอนมีบอกไว้. มีคนชอบทำนอกจากคำสอนอยู่พอสมควรเพราะเขาเรียนรู้จากที่อื่นนำมาปนกัน. การจะมาบอกอะไรตรงไม่มีปรโยชน์อะไร. มีแต่คนที่ยกมาดิสเคดิสเท่านั้น. มันไร้ประโยชน์ครับ. สำนักที่เจริญเติบโตได้นั้นผู้ปฏิบัตินั้นต้องได้รับสิ่งที่ดีๆแกเขา เติบโตดีในเมืองไทยรายได้มาตากการบรจาคของศิษย์เท่านั้น. ไม่ได้มีรายรับจากไหน.และในต่างประเทศมีถึง43ประเทศทั่วโลก.


ข้าพเจ้ามิได้ตื่นเต้นเรื่องความเติบโตอะไรนักหรอก เพียงแต่แย้งว่าใครก็ตามเมื่อตั้งตัวแสดงตนแนะนำให้คนเขาภาวนาอย่างว่าเป็นต้นนั่นแล้ว สิ่งสำคัญจะต้องรู้ทางออกไปจากทุกข์ที่ประสบด้วย จึงจะเรียกว่า รู้คุณ เห็นโทษ และรู้เห็นทางออกไปทั้งจากคุณและโทษนั้น
ผมบอกแล้ว. ผู้ปฏิบัติกระทำอย่างไรควรจะไปปรึกศรอาจารย์ผุ้สอน. ออกมาประจานตัวเองแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร. นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วอาจจะยังเป็นการปิดกั้นผู้คนไม่ให้ได้รับประโยชน์การปฏิบัคดีไอีกด้สย. ซ้ำแล้วเปิดโอกาสให้คนหน้ามืดตามัวเอามากล่าวโทษได้อีก. และที่ยกตัวอย่างมาจริงเท็จประการใดก็ไม่รู้คนยกตัวอย่างมากก็ขาดสติปัญญาจะพิจารณได้ถ้วนถี่


เขาก็บอกแล้วว่าผู้สอนให้อุเบกขา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริง ในระดับเวทนา ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ ที่เป็น[u]แรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลมทุกขณะ

อ้างคำพูด:
bigtoo
ใช่แล้วจร้า



ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ท่านพยามยกสิ่งเหล่านี้มาให้ดูบ่อยๆผมรู้สึกขำๆหน่อย. มีผู้คนมากมายที่ได้รับการอบรมปฏิบัติในแนวทางนี้. แนวทางนี้นอกจากได้รับการนอมรับจากหน่วยงานอยู่ภายใต้ราชชูปอุปถัมภ์แล้วยังกระจายเจริญเติบโตทั่วอย่างมาก. และทั่วโลกมากมายหลายสิบประเทศ ฝ่ายใต้คำสอนของพระองค์. ที่มีแต่พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง. ไม่มีความเขื่อใดๆเข้ามาปะปน. มัแต่ความจริงที่ปรากฏ เป็นธรรมขาติภายในกายใจเท่านั้น อาจารย์ผู้สอนก็เป้นอาจารย์ที่ได้นอมรับในระดับสากล ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงก้องโลก. สามารถเปลี่บนตนจากฮินดูมาเป็นพุทธได้อย่างสมความภาคภูมิใจทั้งครอบครับ. ชาวฮินดูถูกสอนให้ตายในศาสนามิให้นอกแนว. อาจมีบ้างคนที่ได้รับกาปฏิบัติแต่ไม่เข้าใจในคำสอนเพราะหลายปัจจัย. คอร์ส10วันเป้นเวลาสั้นมากกับการเดินบนเส้นทางธรรม. บางคนมาเพื่ออยากหายจากโลกที่ตนเป็น บางคนมาเพื่อถ้าทายก็มี. จ้าพเจ้าเห็นมามากมาย. แต่เอาเถอะคนผู้ที่ได้รับสิ่งดีๆก็มีมากมาย ความเจริญถึงเกิดขึ้นได้. ข้าพเจ้าและภรรยาและเพื่อนที่เข้าคอร์สนี้ต่างมีความสุขบนเส้นทางธรรมกันมาเป็นเวลานาน. ผู้ที่ได้วิชาปฏิบัติมาแล้วถ้ารู้จักกาความรู้เพิ่ม. หาบริวารความรู้เพิ่มก็จะสำเร็จได้ไว. ไม่เนินช้าเหมือนข้าพเจ้า


นั่นไม่ใช่ทางออก :b13:

ประเด็นสำคัญคือต้องมีคำแนะนำทางออกจากทุกข์นั้น นี่คือจุดบกพร่อง เมื่อแนะนำให้เขาภาวนาแล้วต้องมีทางออกด้วย มันจึงจะไม่ติดไม่ตันอยู่กับทุกขเวทนาเป็นต้น

ธรรม พูดกันจนติดอยู่ในหัว บิ๊กทู่ตอบได้ไหม ธรรมที่ว่า เส้นทางธรรมที่ว่า ได้แก่ อะไร ? ตอบสิขอรับ ธรรม เอ้า



มันมีทางออกอนู่แล้ว. สำหรับการปฏิบัติแต่ผู้ปฏิบัติได้หาทางที่แท้จริงหรือยังเข้าหาอาจารณ์ผู้สอนหรือยัง. การปฏิบัติเราทำตามขั้นตอนมั้ยมีใครรู้บ้างเพราะในคำสอนมีบอกไว้. มีคนชอบทำนอกจากคำสอนอยู่พอสมควรเพราะเขาเรียนรู้จากที่อื่นนำมาปนกัน. การจะมาบอกอะไรตรงไม่มีปรโยชน์อะไร. มีแต่คนที่ยกมาดิสเคดิสเท่านั้น. มันไร้ประโยชน์ครับ. สำนักที่เจริญเติบโตได้นั้นผู้ปฏิบัตินั้นต้องได้รับสิ่งที่ดีๆแกเขา เติบโตดีในเมืองไทยรายได้มาตากการบรจาคของศิษย์เท่านั้น. ไม่ได้มีรายรับจากไหน.และในต่างประเทศมีถึง43ประเทศทั่วโลก.


ข้าพเจ้ามิได้ตื่นเต้นเรื่องความเติบโตอะไรนักหรอก เพียงแต่แย้งว่าใครก็ตามเมื่อตั้งตัวแสดงตนแนะนำให้คนเขาภาวนาอย่างว่าเป็นต้นนั่นแล้ว สิ่งสำคัญจะต้องรู้ทางออกไปจากทุกข์ที่ประสบด้วย จึงจะเรียกว่า รู้คุณ เห็นโทษ และรู้เห็นทางออกไปทั้งจากคุณและโทษนั้น
ผมบอกแล้ว. ผู้ปฏิบัติกระทำอย่างไรควรจะไปปรึกศรอาจารย์ผุ้สอน. ออกมาประจานตัวเองแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร. นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วอาจจะยังเป็นการปิดกั้นผู้คนไม่ให้ได้รับประโยชน์การปฏิบัคดีไอีกด้สย. ซ้ำแล้วเปิดโอกาสให้คนหน้ามืดตามัวเอามากล่าวโทษได้อีก. และที่ยกตัวอย่างมาจริงเท็จประการใดก็ไม่รู้คนยกตัวอย่างมากก็ขาดสติปัญญาจะพิจารณได้ถ้วนถี่


เขาก็บอกแล้วว่าผู้สอนให้อุเบกขา :b1:
ก่อนจะอุเบกขา. ก็ต่องถามปฏิบัติอย่างไรถ้านอกแนวก็ให้เลือกจะเอาอย่างไร ถ้าเดินบนเส้นทางนี้ก๋ต้องเปิดใจทำตาม. มีเวทนาอะไรไม่ว่าสุขทุกข์ก็ต้องอุเบกขา. จบ. ถ้าไม่เเข้าใจก็เลิกไปก็มีแค่นี้ จะต้องอะไรมาก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 204 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร