วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 08:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:



ก่อนจะอุเบกขา. ก็ต่องถามปฏิบัติอย่างไรถ้านอกแนวก็ให้เลือกจะเอาอย่างไร ถ้าเดินบนเส้นทางนี้ก๋ต้องเปิดใจทำตาม. มีเวทนาอะไรไม่ว่าสุขทุกข์ก็ต้องอุเบกขา. จบ. ถ้าไม่เเข้าใจก็เลิกไปก็มีแค่นี้ จะต้องอะไรมาก


พูดอย่างนั้น เขาเรียกว่าพูดแบบไม่รับผิดชอบ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:



ก่อนจะอุเบกขา. ก็ต่องถามปฏิบัติอย่างไรถ้านอกแนวก็ให้เลือกจะเอาอย่างไร ถ้าเดินบนเส้นทางนี้ก๋ต้องเปิดใจทำตาม. มีเวทนาอะไรไม่ว่าสุขทุกข์ก็ต้องอุเบกขา. จบ. ถ้าไม่เเข้าใจก็เลิกไปก็มีแค่นี้ จะต้องอะไรมาก


พูดอย่างนั้น เขาเรียกว่าพูดแบบไม่รับผิดชอบ คิกๆๆ

ผู้แสดงเรื่องการปฏิบัติของผู้อื่นโดยไม่รู้ที่มาที่ไปจริงๆ. คือผู้ที่ขาดการรับผิดชอบต่อสังคมอยาางมาก. เพราะตัวเองไม่รู้อะไรเลยว่สอะไรคืออะไร เป็นตัวอย่างที่เสี่ยมไม่น่ารัก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:



ก่อนจะอุเบกขา. ก็ต่องถามปฏิบัติอย่างไรถ้านอกแนวก็ให้เลือกจะเอาอย่างไร ถ้าเดินบนเส้นทางนี้ก๋ต้องเปิดใจทำตาม. มีเวทนาอะไรไม่ว่าสุขทุกข์ก็ต้องอุเบกขา. จบ. ถ้าไม่เเข้าใจก็เลิกไปก็มีแค่นี้ จะต้องอะไรมาก


พูดอย่างนั้น เขาเรียกว่าพูดแบบไม่รับผิดชอบ คิกๆๆ

ผู้แสดงเรื่องการปฏิบัติของผู้อื่นโดยไม่รู้ที่มาที่ไปจริงๆ. คือผู้ที่ขาดการรับผิดชอบต่อสังคมอยาางมาก. เพราะตัวเองไม่รู้อะไรเลยว่สอะไรคืออะไร เป็นตัวอย่างที่เสี่ยมไม่น่ารัก


นอกจากไม่รับผิดชอบต่อชีวิตแล้ว ยังเลี่ยงบาลีอีก

บอกแล้วว่า ใครจะสอนขั้นภาวนาเนี่ยนะ ตนเองจะต้องแก้ปัญหาภาคปฏิบัติได้ คือ มีทางออก

แม้แต่อุเบกขาที่พูด ผู้นั้นๆๆๆต้องประสบกับปัญหาเอง ประสบทุกข์เองแล้วถามใจตนเองดูสิอุเบกขาได้ไหม มิใช่เอาศัพท์อุเบกขามาพูด มันต้องประสบทุกข์ประสบปัญหาต่อหน้าแล้วอุเบกขา เป็นไง อุเบกขา

อ้างคำพูด:
ดิฉันเคยไปฝึกปฏิบัติธรรม ในสายโคเอ็นก้าที่ พิษณุโลก หลักสูตร 10 วันเต็ม การพิจารณาวิปัสสนา ตามหลักสูตร เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง และรู้สึกเหมือนกับว่าการพิจารณาจะเป็นไปตามที่ครูอาจารย์แนะนำในหลักสูตร เมื่อปี 53 ที่ผ่านมา ผ่านมาหลายปีแล้ว กลับมาแรกๆก้อปฏิบัติวันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมงตลอด
ช่วงหลังห่างไม่ได้ปฏิบัติอีก มีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิตเป็นไปตามเหตุและปัจจัย แต่
ดิฉันยังรู้สึกว่า เสียงที่รู้สึกได้ในจิตยังส่งเสียงอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆกับคนสวดมนต์หรือดนตรีอะไรแว่วๆอยู่ในจิตตลอดเวลา เหมือนสัญญาณเตือนว่าให้กลับไปเส้นทางนี้ ไม่ทราบว่าเป็นการอุปาทานเองไปมั๊ย เคยปรึกษาพี่ที่เป็นเสมือนญาติธรรมกัน ท่านว่าเป็นสัญญาณความทรงจำเก่าจากอดีตชาติอย่าไปยึดติด แต่ทุกครั้งที่จิตว่างๆ จากการงานธุระ หรือไม่มีเรื่องให้คิด เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา
ขอความอนุเคราะห์ผู้รู้ทั้งหลายช่วยชี้แนะด้วยค่ะ


ต้องประสบปัญหาประสบกับสภาวะนั้นๆด้วยตนเอง อุเบกขาสิ เขาติดไปไม่ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:



ก่อนจะอุเบกขา. ก็ต่องถามปฏิบัติอย่างไรถ้านอกแนวก็ให้เลือกจะเอาอย่างไร ถ้าเดินบนเส้นทางนี้ก๋ต้องเปิดใจทำตาม. มีเวทนาอะไรไม่ว่าสุขทุกข์ก็ต้องอุเบกขา. จบ. ถ้าไม่เเข้าใจก็เลิกไปก็มีแค่นี้ จะต้องอะไรมาก


พูดอย่างนั้น เขาเรียกว่าพูดแบบไม่รับผิดชอบ คิกๆๆ

ผู้แสดงเรื่องการปฏิบัติของผู้อื่นโดยไม่รู้ที่มาที่ไปจริงๆ. คือผู้ที่ขาดการรับผิดชอบต่อสังคมอยาางมาก. เพราะตัวเองไม่รู้อะไรเลยว่สอะไรคืออะไร เป็นตัวอย่างที่เสี่ยมไม่น่ารัก


นอกจากไม่รับผิดชอบต่อชีวิตแล้ว ยังเลี่ยงบาลีอีก

บอกแล้วว่า ใครจะสอนขั้นภาวนาเนี่ยนะ ตนเองจะต้องแก้ปัญหาภาคปฏิบัติได้ คือ มีทางออก

แม้แต่อุเบกขาที่พูด ผู้นั้นๆๆๆต้องประสบกับปัญหาเอง ประสบทุกข์เองแล้วถามใจตนเองดูสิอุเบกขาได้ไหม มิใช่เอาศัพท์อุเบกขามาพูด มันต้องประสบทุกข์ประสบปัญหาต่อหน้าแล้วอุเบกขา เป็นไง อุเบกขา

อ้างคำพูด:
ดิฉันเคยไปฝึกปฏิบัติธรรม ในสายโคเอ็นก้าที่ พิษณุโลก หลักสูตร 10 วันเต็ม การพิจารณาวิปัสสนา ตามหลักสูตร เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง และรู้สึกเหมือนกับว่าการพิจารณาจะเป็นไปตามที่ครูอาจารย์แนะนำในหลักสูตร เมื่อปี 53 ที่ผ่านมา ผ่านมาหลายปีแล้ว กลับมาแรกๆก้อปฏิบัติวันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมงตลอด
ช่วงหลังห่างไม่ได้ปฏิบัติอีก มีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิตเป็นไปตามเหตุและปัจจัย แต่
ดิฉันยังรู้สึกว่า เสียงที่รู้สึกได้ในจิตยังส่งเสียงอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆกับคนสวดมนต์หรือดนตรีอะไรแว่วๆอยู่ในจิตตลอดเวลา เหมือนสัญญาณเตือนว่าให้กลับไปเส้นทางนี้ ไม่ทราบว่าเป็นการอุปาทานเองไปมั๊ย เคยปรึกษาพี่ที่เป็นเสมือนญาติธรรมกัน ท่านว่าเป็นสัญญาณความทรงจำเก่าจากอดีตชาติอย่าไปยึดติด แต่ทุกครั้งที่จิตว่างๆ จากการงานธุระ หรือไม่มีเรื่องให้คิด เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา
ขอความอนุเคราะห์ผู้รู้ทั้งหลายช่วยชี้แนะด้วยค่ะ


ต้องประสบปัญหาประสบกับสภาวะนั้นๆด้วยตนเอง อุเบกขาสิ เขาติดไปไม่ได้

กรัชกายรู้มั้ย. ถ้ารู้ก็ชี้แนะเขาไป. ถ้าไม่รู้ก็อยู่เฉยๆ. เขาแค่อยากจะบอกว่ามันมีความวิเศษอะไรสักอย่างก็แค่นั้น

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:



ก่อนจะอุเบกขา. ก็ต่องถามปฏิบัติอย่างไรถ้านอกแนวก็ให้เลือกจะเอาอย่างไร ถ้าเดินบนเส้นทางนี้ก๋ต้องเปิดใจทำตาม. มีเวทนาอะไรไม่ว่าสุขทุกข์ก็ต้องอุเบกขา. จบ. ถ้าไม่เเข้าใจก็เลิกไปก็มีแค่นี้ จะต้องอะไรมาก


พูดอย่างนั้น เขาเรียกว่าพูดแบบไม่รับผิดชอบ คิกๆๆ

ผู้แสดงเรื่องการปฏิบัติของผู้อื่นโดยไม่รู้ที่มาที่ไปจริงๆ. คือผู้ที่ขาดการรับผิดชอบต่อสังคมอยาางมาก. เพราะตัวเองไม่รู้อะไรเลยว่สอะไรคืออะไร เป็นตัวอย่างที่เสี่ยมไม่น่ารัก


นอกจากไม่รับผิดชอบต่อชีวิตแล้ว ยังเลี่ยงบาลีอีก

บอกแล้วว่า ใครจะสอนขั้นภาวนาเนี่ยนะ ตนเองจะต้องแก้ปัญหาภาคปฏิบัติได้ คือ มีทางออก

แม้แต่อุเบกขาที่พูด ผู้นั้นๆๆๆต้องประสบกับปัญหาเอง ประสบทุกข์เองแล้วถามใจตนเองดูสิอุเบกขาได้ไหม มิใช่เอาศัพท์อุเบกขามาพูด มันต้องประสบทุกข์ประสบปัญหาต่อหน้าแล้วอุเบกขา เป็นไง อุเบกขา

อ้างคำพูด:
ดิฉันเคยไปฝึกปฏิบัติธรรม ในสายโคเอ็นก้าที่ พิษณุโลก หลักสูตร 10 วันเต็ม การพิจารณาวิปัสสนา ตามหลักสูตร เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง และรู้สึกเหมือนกับว่าการพิจารณาจะเป็นไปตามที่ครูอาจารย์แนะนำในหลักสูตร เมื่อปี 53 ที่ผ่านมา ผ่านมาหลายปีแล้ว กลับมาแรกๆก้อปฏิบัติวันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมงตลอด
ช่วงหลังห่างไม่ได้ปฏิบัติอีก มีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิตเป็นไปตามเหตุและปัจจัย แต่
ดิฉันยังรู้สึกว่า เสียงที่รู้สึกได้ในจิตยังส่งเสียงอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆกับคนสวดมนต์หรือดนตรีอะไรแว่วๆอยู่ในจิตตลอดเวลา เหมือนสัญญาณเตือนว่าให้กลับไปเส้นทางนี้ ไม่ทราบว่าเป็นการอุปาทานเองไปมั๊ย เคยปรึกษาพี่ที่เป็นเสมือนญาติธรรมกัน ท่านว่าเป็นสัญญาณความทรงจำเก่าจากอดีตชาติอย่าไปยึดติด แต่ทุกครั้งที่จิตว่างๆ จากการงานธุระ หรือไม่มีเรื่องให้คิด เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา
ขอความอนุเคราะห์ผู้รู้ทั้งหลายช่วยชี้แนะด้วยค่ะ


ต้องประสบปัญหาประสบกับสภาวะนั้นๆด้วยตนเอง อุเบกขาสิ เขาติดไปไม่ได้

กรัชกายรู้มั้ย. ถ้ารู้ก็ชี้แนะเขาไป. ถ้าไม่รู้ก็อยู่เฉยๆ. เขาแค่อยากจะบอกว่ามันมีความวิเศษอะไรสักอย่างก็แค่นั้น


พ่ะนะ เห็นเป็นของวิเศษไปอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ



ไม่ได้แกล้งว่า แกล้งพูดนะ ตัวอย่างเหล่านี้ผู้ปฏิบัติไม่มีทางออก ถึงได้บอกว่า แนะนำให้ภาวนาแล้ว ต้องแนะนำทางออกด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ



ไม่ได้แกล้งว่า แกล้งพูดนะ ตัวอย่างเหล่านี้ผู้ปฏิบัติไม่มีทางออก ถึงได้บอกว่า แนะนำให้ภาวนาแล้ว ต้องแนะนำทางออกด้วย

เขาแค่อยากบอกว่าวิธีนี้มีสิ่งวิเศษเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้นเอง. มันเยี่ยมมาก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
คนไม่รู้เนี่ย
คิดตามไม่เป็น
ก็ลืมตาดูอยู่เนี่ยค่ะ
รู้สึกตัวไหมว่ากำลังเห็นผิดแน่นอน
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 10:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
:b12:
คนไม่รู้เนี่ย
คิดตามไม่เป็น
ก็ลืมตาดูอยู่เนี่ยค่ะ
รู้สึกตัวไหมว่ากำลังเห็นผิดแน่นอน
:b32: :b32:
ศิษย์พี่คุณเจาไปหลายคนแล้ว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ



ไม่ได้แกล้งว่า แกล้งพูดนะ ตัวอย่างเหล่านี้ผู้ปฏิบัติไม่มีทางออก ถึงได้บอกว่า แนะนำให้ภาวนาแล้ว ต้องแนะนำทางออกด้วย

เขาแค่อยากบอกว่าวิธีนี้มีสิ่งวิเศษเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้นเอง. มันเยี่ยมมาก


นั่นแหละอุปาทาน คิกๆๆ ทำไปยึดติดไป :b32: คิดว่าสิ่งนั้่นเป็นนิจจัง :b13:

ได้ขอสรุปว่า ที่บิ๊กทู่พูดว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นการพูดเท่ห์ๆ อุเทน พรหมมินทร์

มนต์เมืองเหนือ :b35:

https://www.youtube.com/watch?v=9WWlCvHCcoc

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ



ไม่ได้แกล้งว่า แกล้งพูดนะ ตัวอย่างเหล่านี้ผู้ปฏิบัติไม่มีทางออก ถึงได้บอกว่า แนะนำให้ภาวนาแล้ว ต้องแนะนำทางออกด้วย

เขาแค่อยากบอกว่าวิธีนี้มีสิ่งวิเศษเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้นเอง. มันเยี่ยมมาก


นั่นแหละอุปาทาน คิกๆๆ ทำไปยึดติดไป :b32: คิดว่าสิ่งนั้่นเป็นนิจจัง :b13:

ได้ขอสรุปว่า ที่บิ๊กทู่พูดว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นการพูดเท่ห์ๆ อุเทน พรหมมินทร์

มนต์เมืองเหนือ :b35:

https://www.youtube.com/watch?v=9WWlCvHCcoc

เขาแค่อยากบอกให้รู้ว่ามันเยี่ยม. รู้ตัวตนจริงๆสภาพมีจริง. รู้ได้ด้วยตัวเอง. ไม่ใช่ฟังใครมา

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ



ไม่ได้แกล้งว่า แกล้งพูดนะ ตัวอย่างเหล่านี้ผู้ปฏิบัติไม่มีทางออก ถึงได้บอกว่า แนะนำให้ภาวนาแล้ว ต้องแนะนำทางออกด้วย

เขาแค่อยากบอกว่าวิธีนี้มีสิ่งวิเศษเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้นเอง. มันเยี่ยมมาก


นั่นแหละอุปาทาน คิกๆๆ ทำไปยึดติดไป :b32: คิดว่าสิ่งนั้่นเป็นนิจจัง :b13:

ได้ขอสรุปว่า ที่บิ๊กทู่พูดว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นการพูดเท่ห์ๆ อุเทน พรหมมินทร์

มนต์เมืองเหนือ :b35:

https://www.youtube.com/watch?v=9WWlCvHCcoc

เขาแค่อยากบอกให้รู้ว่ามันเยี่ยม. รู้ตัวตนจริงๆสภาพมีจริง. รู้ได้ด้วยตัวเอง. ไม่ใช่ฟังใครมา


เขาว่าปัญหาทั้งหมดนั้น ผมจะต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2019, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


อีกตัวอย่างหนึ่ง

ก่อนอื่นผมขอแนะนำนำตัวก่อน คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องการนั่งสมาธิสักเท่าไหร่ ส่วนมากนั่งเอง แต่ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ ได้มีโอกาสไปเข้าครอส์ปฏิบัติธรรมของท่าน อ.โกเอ็นก้า 10 วันมา ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงครั้งที่ 3 ผมได้เข้าปฏิบัติ 10 วันอีกครั้ง และในช่วงอธิษฐานบารมี จะต้องนั่งโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง ของการเริ่มปฏิบัติวันที่ 3 ใน 3 วันแรก จะทำอานาปานสติ

พอวันที่ 4 จะเข้าช่วงอธิษฐานบารมี ผมนั่งมามีอาการหลายอย่าง ตัวโยกบ้าง เหมือนมีประจุไฟฟ้าตามตัวบ้าง แต่มันหนักสุดตอนวันที่ 9 ตอนเช้า ผม รู้สึก เจ็บขามาก เพราะไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลย
ผมเลยบอกตัวเองว่า เป็นไงเป็นกัน จากนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย และหรือ
เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งตลอดทั้งขา และหลังจากนั้น ความรู้สึกร้อน เหมือนโดนเผาจากข้างใน ก็เริ่มที่แขนข้างซ้าย แล้วลามมาแขนข้างขวา
จากนั้นก็ตั้งแต่อกจนถึงท้อง รู้สึกแสบร้อนไปหมด
จนมาอีกทีในวันที่ 10 ผมก็เกิดรู้สึกแสบร้อน ทางแขนด้านซ้าย และเหมือนโดนเผา มีไอร้อนออกมา แสบร้อนมาก
จากนั้น ก็ขึ้นไปถึงหัว และถึงเท้า แต่แปลกมากที่เป็นเฉพาะทางซีกซ้ายทั้งหมด ทางด้านซีกขวา ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นอย่างนี้ เกือบทั้งวัน
ผมต้องนั่งอธิษฐานบารมี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ก็เกิดแต่อาการอย่างนี้

แต่พอออกจากสมาธิ จับที่ผิวหนังทั้งด้านที่คล้ายทั้งหมด ก็ไม่รู้สึกมีอาการ แสบร้อนเกิดขึ้น ผิวหนังเป็นปกติ
แต่ในสมาธิ ผมรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก และแปลกมากที่มันมีแค่ครึ่งซีกซ้าย มีใครพอจะแนะนำได้ไหม ว่าผมเป็นอะไร และต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ



ไม่ได้แกล้งว่า แกล้งพูดนะ ตัวอย่างเหล่านี้ผู้ปฏิบัติไม่มีทางออก ถึงได้บอกว่า แนะนำให้ภาวนาแล้ว ต้องแนะนำทางออกด้วย

เขาแค่อยากบอกว่าวิธีนี้มีสิ่งวิเศษเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้นเอง. มันเยี่ยมมาก


นั่นแหละอุปาทาน คิกๆๆ ทำไปยึดติดไป :b32: คิดว่าสิ่งนั้่นเป็นนิจจัง :b13:

ได้ขอสรุปว่า ที่บิ๊กทู่พูดว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นการพูดเท่ห์ๆ อุเทน พรหมมินทร์

มนต์เมืองเหนือ :b35:

https://www.youtube.com/watch?v=9WWlCvHCcoc

เขาแค่อยากบอกให้รู้ว่ามันเยี่ยม. รู้ตัวตนจริงๆสภาพมีจริง. รู้ได้ด้วยตัวเอง. ไม่ใช่ฟังใครมา


เขาว่าปัญหาทั้งหมดนั้น ผมจะต้องทำยังไงต่อไป ขอบคุณครับ :b32:
ก็บอกแล้วเจ่แค่ทดสอบว่าพวกคุณจะมีความรู้รับรู้อะไรแบบเขาได้หรือเปล่าเท่านั้น

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2019, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ก็บอกแล้วเจ่แค่ทดสอบว่าพวกคุณจะมีความรู้รับรู้อะไรแบบเขาได้หรือเปล่าเท่านั้น


ยังคิดเป็นจริงเป็นจังอีกน่า เห็นท่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นต่อยหอย :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2019, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ก็บอกแล้วเจ่แค่ทดสอบว่าพวกคุณจะมีความรู้รับรู้อะไรแบบเขาได้หรือเปล่าเท่านั้น


ยังคิดเป็นจริงเป็นจังอีกน่า เห็นท่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นต่อยหอย :b13:
เขามาทดสอบ. คุณรู้อะไรก็บอกเขาไป. ซิ. ทำได้แบบเขาป่าว. ที่เขาบอกมา

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 100 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร