ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57345 |
หน้า 7 จากทั้งหมด 20 |
เจ้าของ: | luna [ 27 มี.ค. 2019, 12:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
วาจาใจที่ฝึกดีแล้ว ย่อมมองเห็นและพ้นห้วงความคิดการยึดติดในกุศลอกุศล ฝึกฝนพัฒนาตนให้แจ้งในกายวาจาใจหยาบและละเอียด มิติทุกภพจบที่ใจ. |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 27 มี.ค. 2019, 12:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
luna เขียน: [url]Y7414436-2/url] คุณ luna จะหมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่ http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 14436.html |
เจ้าของ: | luna [ 27 มี.ค. 2019, 12:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
eragon_joe เขียน: luna เขียน: [url]Y7414436-2/url] คุณ luna จะหมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่ http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 14436.html ใช่แล้วท่านเอกอน แต่ผมต้องการ แค่รูปแผนที่ทางธรรม ยอมรับครับว่า ลืมไปเยอะ ต้องมา หัดเอาใหม่ครับ การโฟสภาพ เคยทำได้ ลืมขั้นตอน มันมีเว็ปฝากรูป แล้วเอาลิ๊งมาฝากในระบบ แต่ก็ลองผิดลองถูกอยู่ครับท่านเอกอน ขอบใจมาก |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 27 มี.ค. 2019, 12:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
luna เขียน: eragon_joe เขียน: luna เขียน: [url]Y7414436-2/url] คุณ luna จะหมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่ http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 14436.html ใช่แล้วท่านเอกอน แต่ผมต้องการ แค่รูปแผนที่ทางธรรม ยอมรับครับว่า ลืมไปเยอะ ต้องมา หัดเอาใหม่ครับ การโฟสภาพ เคยทำได้ ลืมขั้นตอน มันมีเว็ปฝากรูป แล้วเอาลิ๊งมาฝากในระบบ แต่ก็ลองผิดลองถูกอยู่ครับท่านเอกอน ขอบใจมาก ... พยายามทำให้สำเร็จนะคะ ... หวังว่าจะมีผู้ดูแลระบบที่มีความชำนาญมาช่วยให้คำแนะนำนะคะ เพราะเรื่องพวกนี้ เอกอน ก็ไม่ค่อยถนัด |
เจ้าของ: | แค่อากาศ [ 27 มี.ค. 2019, 13:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
eragon_joe เขียน: luna เขียน: eragon_joe เขียน: luna เขียน: [url]Y7414436-2/url] คุณ luna จะหมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่ http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 14436.html ใช่แล้วท่านเอกอน แต่ผมต้องการ แค่รูปแผนที่ทางธรรม ยอมรับครับว่า ลืมไปเยอะ ต้องมา หัดเอาใหม่ครับ การโฟสภาพ เคยทำได้ ลืมขั้นตอน มันมีเว็ปฝากรูป แล้วเอาลิ๊งมาฝากในระบบ แต่ก็ลองผิดลองถูกอยู่ครับท่านเอกอน ขอบใจมาก ... พยายามทำให้สำเร็จนะคะ ... หวังว่าจะมีผู้ดูแลระบบที่มีความชำนาญมาช่วยให้คำแนะนำนะคะ เพราะเรื่องพวกนี้ เอกอน ก็ไม่ค่อยถนัด นี่ถึงเรียกการสนทนาธรรม |
เจ้าของ: | แค่อากาศ [ 27 มี.ค. 2019, 14:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
ชอบๆๆๆแบบทา่น LUNA งั้นมาคุยกันพอให้เจริญใจครับ 1. รูปธรรม นามธรรม หมายเอาที่ใด การแยกรูปแยกนามแยกยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 2. ความเสมิอด้วยกันเป็นแบบไหน สำหรับท่าน ความเสมอกันท่านเห็นยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 3. ความไม่มีตัวตน คือ อะไร ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร ความว่าธาตุ ๔ อันกอปรกันเกิดขึ้นแต่กายนี้ ท่านเห็นเป็นธาตุจริง คือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นรับรู้ลงในธรรม ก็เมื่อเห็นเป็นธาตุแล้ว ยังจะมีธาตุที่ทำท่านั่งสมาธิอยู่อีกหรือไม่ หรือที่เห็นนั้นคือความคิด ไม่ได้เห็นเป็นธาตุจริง อรูปที่เข้าได้ก็ดี จิตที่จรออกจากร่างได้ก็ดี เมื่อมองดูกายเห็นเป็นแค่ธาตุจริง หรือยังเห็นเป็นตัวตนบุคคลอันนั่งหรือนอนอยู่ท่านั้นๆนี้ๆ ที่ถามไม่ใช่ลองภูมิ หรือท้าทายนะครับ การถามดังนี้หากเมือ่ท่านเข้าถึงจริงแล้วมีคำตอบ ความสืบต่อแนะนำให้เข้าถึงได้ย่อมมีมาก เกื้อกูลได้แก่ผู้อื่น หากท่านยังไม่ถึง เราก็สามารถแลก้เปลี่ยนพูดคุยกันเพื่อประโยชน์ยิ่งๆขึ้นได้ ย่อมไม่หมิ่นธรรมกัน บางอย่างเราอาจจะเห็นแบบสายปริยัติ ท่านรู้หมดจริงนะ แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาตินั้นเลย เหมือนรู้จัก KFC เห็นคนกิน KFC แต่ตนไม่อาจจะได้กินเลยตลอดทั้งชาติ ได้แค่จินตนาการ ผมเองก็ไม่ถภึงธรรม ไม่รู้ธรรม แค่ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป จึงไม่อาจจะคุยธรรมสูงได้ ก็จึงได้แต่เรียนรู้จากพวกท่านๆนี่แหละครับ อย่างไรก็แวะมาตอบผมด้วยนะครับ มาคุยกันสนุกๆครับ นานๆจะมีคนคุยธรรม ส่วนมากเห็นตัวอะไรก็ไม่รู้คุยกัน ถ้าท่านเป็น ลูนาซี (LUNA SEA) ผมจะเป็น Hyde L'Arc~en~Ciel เรามาเป็น J-Rock ด้วยกัน |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 27 มี.ค. 2019, 16:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
แค่อากาศ เขียน: eragon_joe เขียน: luna เขียน: eragon_joe เขียน: luna เขียน: [url]Y7414436-2/url] คุณ luna จะหมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่ http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 14436.html ใช่แล้วท่านเอกอน แต่ผมต้องการ แค่รูปแผนที่ทางธรรม ยอมรับครับว่า ลืมไปเยอะ ต้องมา หัดเอาใหม่ครับ การโฟสภาพ เคยทำได้ ลืมขั้นตอน มันมีเว็ปฝากรูป แล้วเอาลิ๊งมาฝากในระบบ แต่ก็ลองผิดลองถูกอยู่ครับท่านเอกอน ขอบใจมาก ... พยายามทำให้สำเร็จนะคะ ... หวังว่าจะมีผู้ดูแลระบบที่มีความชำนาญมาช่วยให้คำแนะนำนะคะ เพราะเรื่องพวกนี้ เอกอน ก็ไม่ค่อยถนัด นี่ถึงเรียกการสนทนาธรรม ไม่ใช่หรอก ... เอกอนไม่ใช่นักสนทนาธรรมที่มีภูมิธรรมที่แข็งแรง ดังนั้น การอ่อนน้อมถ่อมตนโดยมาก จึงเป็นเรื่องธรรมดา เพราะถ้าเอกอนจะไปแสดงกิริยาก้าวร้าว เอกอนก็ไปต่อกรกับใครลำบาก เพราะภูมิไม่แข็ง การติดตามดูตามฟังอย่างสงบปากสงบคำ สงบอารมณ์จึงเป็นโซนปลอดภัย คือ เอกอนมัวแต่อยู่ในโซนที่ปลอดภัยน่ะ ปลอดภัย ปอดแหก คือนั่นล่ะ การสนทนาธรรม ไม่ได้หมายความว่าจะต้องครองมารยาทกันอย่างเดียว มันก็มีการออก step กันได้บ้าง อยู่ที่ไหวพริบของแต่ละท่าน คือ ตามความเข้าใจของเอกอน การสนทนาธรรมมันก็อาจจะมีการออก step ได้หลายรูปแบบน่ะ ซึ่งในมุมมองของเอกอน คนที่เล่นไปกับ Step แสดงธรรม สนทนาธรรมในทุกรูปแบบได้โดยจิตทรงตัว ไม่แสดงอาการกระเพื่มหวั่นไหวต่อการปะทะคารม เอกอนชื่นชมนะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เอกอนทำไม่ได้ ส่วนเรื่องนัยยะแห่งธรรมที่แสดง นั้นก็ต้องพิจารณาไปตามเนื้อความ บางครั้งสายตาเอกอนก็มีไม่ตรงกับท่านอื่น ๆ บ้าง อย่างเช่น น้องเม วาทะของน้องเมมักจะผันผวน ลวงตา แต่ก็จะซ่อนอารมณ์ธรรมบางอย่างเอาไว้ตลอด คือ...เมื่อจิตว่าง ๆ สบาย ๆ เอกอนมักจะเห็นความงามจากมุมที่น้องเมมอบให้เสมอ อันนี้ค้านกับสายตาทุกคนใช่มั๊ย ... คือไม่รู้สิ เหมือนกับว่า น้องเมพร้อมที่จะโยนทุกอย่างพุ่งมาหาเอกอน แต่เวลาอ่าน เอกอนกลับได้รับความรู้สึกเป็นกระแสลึก ๆ เหมือนกับเห็นน้องเมที่แววตาอ่อนหวาน ฉ่ำเย็น ยิ้มละไม กระซิบอยู่ข้างหูตลอด "พี่เอกอน อ่านดี ๆ น๊ะจ๊ะ พิจารณาตามดี ๆ น๊ะจ๊ะ" คือ เอกอนเห็น 2 อย่างในเวลาเดียวกัน เห็นวาทะอันยั่วยวน และเห็น ความรัก ความเมตตา ความสงบเย็น อย่างสนทนากับท่านอื่น เอกอน ก็พอจะรับรู้ได้ ซึ่ง ทุกคนล้วนมีธรรมที่งดงามพอที่จะนำมาโชว์ได้ทั้งหมดนั่นล่ะ ก็เมื่อลงมาลานเพื่อสนทนาธรรมแล้ว ก็เปิดใจสนทนาไปตามกลไก ใช้ความสามารถที่ฝึกปฏิบัติมาอย่างเต็มที่ ที่ลานแห่งนี้ ก็มีทั้งผู้ให้ และผู้รับ ผู้สนทนาก็เป็นทั้งผู้ให้ และ ผู้รับ เป็นผู้ให้หนทางแห่งการขัดเกลา และเป็นผู้ได้รับการขัดเกลา การขัดเกลาทำให้ธรรมที่มีอยู่ยิ่งงดงามขึ้น ... มันเป็นกลไกเช่นนั้น เอกอนสนทนากับน้องเมมาพอสมควร เอกอนโดยมากจะเป็นผู้ที่ได้รับจากน้องเม นะคะ แปลกมั๊ย ซึ่งในความรู้สึกของเอกอนเป็นอย่างนั้นนะ ใครพอจะบอก(เดา)ได้บ้างมั๊ยคะ ว่าทำไมเอกอนจึงรู้สึกอย่างนั้น |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 27 มี.ค. 2019, 19:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
เดาได้..แต่ไม่บอก.. ก็บอกไปแล้วนี้..ว่าเดา.. |
เจ้าของ: | luna [ 28 มี.ค. 2019, 02:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
แค่อากาศ เขียน: ชอบๆๆๆแบบทา่น LUNA งั้นมาคุยกันพอให้เจริญใจครับ 1. รูปธรรม นามธรรม หมายเอาที่ใด การแยกรูปแยกนามแยกยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 2. ความเสมิอด้วยกันเป็นแบบไหน สำหรับท่าน ความเสมอกันท่านเห็นยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 3. ความไม่มีตัวตน คือ อะไร ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร ความว่าธาตุ ๔ อันกอปรกันเกิดขึ้นแต่กายนี้ ท่านเห็นเป็นธาตุจริง คือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นรับรู้ลงในธรรม ก็เมื่อเห็นเป็นธาตุแล้ว ยังจะมีธาตุที่ทำท่านั่งสมาธิอยู่อีกหรือไม่ หรือที่เห็นนั้นคือความคิด ไม่ได้เห็นเป็นธาตุจริง อรูปที่เข้าได้ก็ดี จิตที่จรออกจากร่างได้ก็ดี เมื่อมองดูกายเห็นเป็นแค่ธาตุจริง หรือยังเห็นเป็นตัวตนบุคคลอันนั่งหรือนอนอยู่ท่านั้นๆนี้ๆ ที่ถามไม่ใช่ลองภูมิ หรือท้าทายนะครับ การถามดังนี้หากเมือ่ท่านเข้าถึงจริงแล้วมีคำตอบ ความสืบต่อแนะนำให้เข้าถึงได้ย่อมมีมาก เกื้อกูลได้แก่ผู้อื่น หากท่านยังไม่ถึง เราก็สามารถแลก้เปลี่ยนพูดคุยกันเพื่อประโยชน์ยิ่งๆขึ้นได้ ย่อมไม่หมิ่นธรรมกัน บางอย่างเราอาจจะเห็นแบบสายปริยัติ ท่านรู้หมดจริงนะ แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาตินั้นเลย เหมือนรู้จัก KFC เห็นคนกิน KFC แต่ตนไม่อาจจะได้กินเลยตลอดทั้งชาติ ได้แค่จินตนาการ ผมเองก็ไม่ถภึงธรรม ไม่รู้ธรรม แค่ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป จึงไม่อาจจะคุยธรรมสูงได้ ก็จึงได้แต่เรียนรู้จากพวกท่านๆนี่แหละครับ อย่างไรก็แวะมาตอบผมด้วยนะครับ มาคุยกันสนุกๆครับ นานๆจะมีคนคุยธรรม ส่วนมากเห็นตัวอะไรก็ไม่รู้คุยกัน ถ้าท่านเป็น ลูนาซี (LUNA SEA) ผมจะเป็น Hyde L'Arc~en~Ciel เรามาเป็น J-Rock ด้วยกัน ผมขอแสดงขั้นตอนการละอาสวะแทนคำถามของท่านอากาศเป็นประสบการณ์ทางธรรมที่ผมพอจะระลึกได้นิดหน่อย ผมยินดีเป็นมิตรกับทุกท่าน ชื่อเรื่องธรรมะจักรวาลย้อนหนึ่ง เจ็ดวันบรรลุธรรม บรรพชิต และ ฆารวาสบุคคลใดยึดพระปริยัติ เป็นครูเป็นอาจารย์จะไม่มีบรรพชิตอุบาสกอุบาสิกาสำเร็จท่านใดเป็นพระอรหันต์ ได้เลย บรรพชิต อุบาสก อุบาสิกา ถือตนเป็นครูเป็นอาจารย์วางพระปริยัตให้เบาบางจนหมดจากสัญญาให้มากที่สุด บรรพชิต และ ฆารวาสก็จะบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ออกบวชได้ 7 วัน ในวันสำคัญทางพระศาสนาเป็นวันมาฆบูชาวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่วัดวังชมพู จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเอาหมายสำคัญในอดีต พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตและหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้เดินธุดงค์มาบำเพ็ญภาวนาที่ถ้ำพระฤาษีในจังหวัดเพชรบูรณ์ ทางวัดจึงได้นิมนต์พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมาเมตตาชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหลวงตามหาบัววัดป่าบ้านตาดหลวงปู่ท่อนวัดป่าศรีอภัยวัน หลวงปู่บุญเพ็งวัดถ้ำกลองเพลหลวงปู่จันทาวัดป่าเขาน้อยหลวงปู่เหรียญวัดอรัญญบรรพตมาแสดงธรรมอบรมกรรมฐานตลอดถึงการเจริญวิปัสสนากรรมฐานตลอดคืนพระได้นอนจงกลมรอบอุโบสถกับเพื่อนพระจน รุ่งขึ้นของวันใหม่วันที่ 26 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2537 ภายในโบสถ์โดยมีหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ มาร่วมลงปาฏิโมกข์สังฆกรรม พระกฤษฎาได้แสดงอาบัติและระลึกถึงนิมิตก่อนรุ่งอรุณ ที่เทวดาเต็มท้องฟ้ามาร้องรำดีดสีตีเป่าเครื่องดนตรี โปรยข้าวตอกดอกไม้ทิพย์ แสดงความดีใจ ก็ยิ่งทำให้พระกฤษฎาสุขใจ นึกอยู่ในใจว่าเราควรทำจิตให้ผ่องใสและเจริญพระกรรมฐาน วิปัสสนาดูลมหายใจเข้าออกอันธรรมดา คนที่ยังไม่เคยมองดูจิตของตัวเอง ไม่เคยฝึกฝน ขัดเกลารูปลักษณ์ เปรียบเหมือนกลุ่มดวงดาวที่กระจายอยู่ในห้วงจักรวาลนักปฏิบัติธรรมจะต้องรวบรวม จิตที่แตกกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวของเรา ให้รวมเป็นจิตหนึ่งพระกฤษฎาก็เป็นนักปฏิบัติธรรมตามทฤษฎีธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ด้วยการกำหนดรู้ดูเวทนาทางกายต่อเนื่องด้วยเวทนาในจิตพระกฤษฎาจับดูอาการที่เวทนาในกายแสดงตัวเดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวปวดเดี๋ยวปวดแสบปวดร้อนและก็เฉย ๆ ผู้รู้พูดจาโต้ตอบในความคิดกับพระกฤษฎา ว่ากำหนดรู้ดูเวทนาในจิตยิ่งกำหนดรู้ทุกข์ก็ยิ่งแสดงตัวความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ เวทนาเพิ่มขึ้น ยิ่งอยากให้หายเจ็บหายปวดหายเมื่อยเท่าไรกับกายเป็นความร้อนที่ร้อนสูงขึ้น จนร่างที่นั่งพับเพียบของพระกฤษฎา สั่นสะท้านไปด้วยทุกข์ เวทนา ราวกับกระดูกจะแยกชีกออกจากเนื้อ กระดูกถูกบด ร่างนั่งอยู่ในกองไฟ พระกฤษฎายังคงนั่งลืมตาดูทุกข์หูฟังเสียงพระสงฆ์เกิดแรงบันดานใจจากพระอริยครูสายในดง เล่าลือกันว่าบรมครูเทพโลกอุดร หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร องค์ท่านชอบฟังบทสวดพระปาฏิโมกข์มาก อาศัยกำลังใจจากตรงนี้ เกิดสนใจขึ้นมาในเวลานั้นต้องมีอะไรสินะหลวงปู่ใหญ่ท่านถึงชอบฟังจึงกำหนดจิตพิจารณาตามเสียงสวดของพระปาฎิโมกข์ ขณะเดียวกันนั้นภายในจิตใจก็เกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรง ไม่อยากจะนั่งต่อแล้ว จิตที่คิดไม่ดีเอาแต่จะเลิกล้มการนั่งในอริยบทเดียว เพื่อหาทางออก ที่จะพยายามขยับขยายสภาวะทุกขเวทนาในการปรับเปลี่ยนอริยบท ให้ได้รับความสบายขึ้น ์ชั่วขณะพระสวดพระปาฏิโมกข์ ใกล้จะจบลงพระกฤษฎาก็รวบรวมความกล้าอธิษฐานเอาบารมีความเพียรไม่ลดละแบบสู้ตายยอมตาย หากแม้นว่าเสียงพระสวดพระปาฏิโมกข์ยังจบลง เราพระกฤษฎาจะไม่สับเปลี่ยนอริยาบถถ้าเปลี่ยนอริยบถขอให้ตกนรกหมกไหม้อย่าได้ผุดอย่าได้เกิดกันเลย มีจิตจดจ่อ จับกับความรู้สึกในเวทนาเหล่านั้น พระยังคงส่งกระแสจิตไปตามทำนองพระปาฏิโมกข์ ในอาการสำรวม แต่กำหนดรู้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนบุคลเขาเราเกิดขึ้นอยู่ตั้งอยู่ดับไป อนุโลมกลับไปกลับมา อยู่ ๆ จิตที่แสดงตัวว่าร้อนรุ่มวุ่นวายก็สงบตัวลงความร้อนในจิตใจ กลับกลายเป็นความเย็นที่ลดลง น้ำตาไหลรินอาบแก้มพระกฤษฎาเกิดความสงสารคนไปทั้งโลกอยากให้เค้ามาเห็นทางพ้นทุกข์อย่างเรา บริเวณปริมณฑลตรงที่พระนั่งพับเพียบอยู่นั้นมีละอองธรรมะที่ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกและเกิดพลังจากภายนอก พลังมหาศาลดึงจิตให้หลุดออกจากร่างเปลือกของสมมติ พ้นจากแรงดึงดูดของจักรวาลโลกเกิดรัศมีแสงทิพย์สีขาว สว่างทลุขึ้นไปทุก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ที่สุดถึงพรหม ตลอดถึงพระนิพพาน จิตพูดว่าจิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว (จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว ) รูปลักษณ์ภาพที่ปรากฏ ฉายอยู่ตรงหน้าพระกฤษฎา ก็คือพระพุทธะสมณะโคดมบรมครูผู้ที่เสด็จไปดีแล้วนั่งอยู่บนอาสนะดอกบัวทิพย ์1000 กลีบ พร้อมกับทรงยิ้ม และทรงตรัสธรรมะกับจิตที่บริสุทธิ์ของพระกฤษฏาว่าพระพุทธเจ้า....พระธรรม...พระสงฆ์เกิดขึ้นมานานแล้ว...... อีกคุณบิดามารดา.....ถ้าใครให้เราสึกเรายอมตาย พระกฤษฎาเข้าใจในเวลานี้เองว่าในสมัยพุทธกาล พระอริยะเจ้า อยู่ด้วยกันมากรูปก็เท่ากับอยู่รูปเดียว อาคารสิ่งก่อสร้างไม่ปรากฏรูปลักษณ์ รูปเรารูปเค้าไม่มีตัวตนอยู่จริง ดวงจิตบริสุทธิ์ลอยเด่นกลางจักรวาล สมจริงที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมะผู้นั้นเห็นเราคือพระพุทธะ เมื่อธรรมะได้เกิดขึ้นแล้วกับพระกฤษฎาก็บรรลุพระโพธิญาณ มีศีลอันสงบดีแล้วมีพระพุทธคุณอันแผ่ซ่านออกจากร่างกาย พบตัวตนที่แท้จริงในเปลือกร่างสมมติ นับแต่ออกก้าวเดินก็ล้มลุกคุกคานมาตลอด ค้นคว้าหาแนวทางตรัสรู้ใหม่ๆ เดิมทีเกิดในสกุลฆราวาสธรรมดาตระกูล กองทรง รู้เห็นเรื่องราวพระพุทธประวัติ เกิดเลื่อมใสคิดตามเรียนแบบพระองค์ ทิ้งการเรียน ทิ้งครอบครัวพ่อแม่ สมบัติออกบวชหวังสำเร็จพระโพธิญาณ เมื่อรู้แจ้งแล้วก็รู้ว่าประเพณีวัฒนธรรมของ ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งก็ใช้ได้ในยุคนั้นจะนำมาใช้หรือลอกเลียนแบบทั้งหมดไม่เกิดประโยชน์เสียเวลาจะตายทิ้งเสียเปล่า คำว่าพระไม่ได้มีแค่ผู้นุ่งห่มผ้าเหลืองเท่านั้นสกุลชาวบ้านธรรมดา ก็เป็นพระได้ พระเป็นที่จิต จิตที่เป็นหนึ่งเท่านั้นจิตหนึ่งคือพุทธะ ผ้าเหลืองป็นเพียงแค่สัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นนักบวชลัทธินั้น คณะนี้ สาวกพระศาสดาองค์นั้นเท่านั้น เรื่องของจิตของใจคนทุกคนต้องปฏิบัติเอาเองเป็นเรื่องรีบด่วนก่อนที่จะตายทิ้งไปเปล่า ตนจึงควรเป็นที่พึ่งของตน จะให้พระศาสดาทำแทนตรัสรู้แทนกันไม่ได้ท่านทั้งหลายต้องทำเอาเองพรากเพียรพยายามด้วยตัวของท่านเอง เมื่อรู้ความจริงที่เปิดออกก็ไม่ต้องแบกร่างและโครงกระดูกด้วยความติดยึดยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไป หัวสมองของพระก็โปร่งใส ร่างกายก็มีสภาพไร้น้ำหนัก ด้วยสัญญาที่คลาดเคลื่อน ตัณหาความทะยานอยากอุปปทานตัวคิด จิตที่อยู่เหนือโลกหนือธรรมะ ก็เท่ากับได้ลาขาดจากความโง่ ออกเที่ยวโปรดสัตว์ไป ในสกุลชาวบ้านธรรมดาไม่คิดสะสมพรรษา คำว่าตรัสรู้ก็คือการที่มารู้แจ้งเรื่องที่พ้นสมัยของ พระศาสดาพระองค์นั้นในอดีตหรือพูดง่าย ๆ ก็คือมารู้เรื่องที่พญามารซ่อนมรรคผลพระนิพพานเอาไว้ หลังพุทธปรินิพพาน ได้รับความเมตา จากหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี ( ภูจ้อก้อ ) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร มีหลักฐานเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในคำสอนของพระเยซูไหมครับ ถ้ามีนำมาโชว์ ถ้าไม่มีเท่ากับว่าคุณกำลังให้ร้ายพระศาสนจักรอยู่ครับ เรียนคุณ MichaeLPauL ผมสารภาพตามตรงว่าวันอาทิตย์ที่ 22 -6-51 ที่ผ่านมา ผมไปค้นหาหนังสือเล่นนั้นแต่ไม่พบแล้ว แต่ถ้าคุณ MichaeLPauL จะใช้พลังจิตตรวจสอบความรู้นอกตำราผมก็ยินดี เรื่องนี้เกิดที่วัดหลวงปู่ชอบสร้างเอาไว้ วัดป่าบ้านบง ผมได้มีโอกาสไปบำเพ็ญเพียร เพื่อน ๆผมได้เลือกกุฏิ ที่พักก่อนหน้าผม ส่วนตัวผมเองมีสิ่งศักสิทธิ์ดนใจให้ไปได้กุฏิไม้ไผ่มุงแฝก มารู้เอาที่หลังว่าเป็นกุฎิที่หลวงปู่ชอบท่านมาภาวนา พระในวันว่าเป็นกุฏิหลวงปู่ชอบ คุณ MichaeLPauL ก่อนขึ้นกุฏิผมแสดงอาการกราบคารวะที่บันไดทางขึ้นกุฏิหลวงปู่ชอบ ผมมาอาศัยฝึกภาวนาไม่ได้คิดมาจับจองเป็นของตน การภาวนาของผมก็เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป จนมีอยู่คืนหนึ่งเดินจงกรมแล้วก็ขึ้นกุฏิเข้าที่ภาวนา ปรากฏว่าเห็นร่างตนเองนอนตายและจิตกำลังจะออกไปเที่ยวแต่บังคับไม่ให้จิตออกนอกกาย จึงกำหนดดู หนังเลือดเนื้อ ข้างในเป็นอะไร ก็ปรากฏเป็นโครงกระดูก ตั้งคำถามเข้าไปอีกว่า ในโครงกระดูกมีอะไรอยู่ข้างในอีก ก็กลับคืนเป็นฝุ่นผงขี้เถ้า จึงเพ่งลงไปอีกที่ฝุ่นผงขี้เถ้าก็พบความจริง เป็นความว่างเปล่า ก็ ภาวนาตามปกติปรากฏภาพนิมิต พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลท่านไม่ได้บอกชื่อหรือนามท่านแต่ท่านก็ให้เรานั่งนิพพานให้ดู และท่านยังแสดงอาการนิพพานในท่านั่งให้ดู ท่านนั่งไปสักพักก็ล้มพับไป แล้วก็เปลี่ยนเป็นรูปเดิน เดินไปสุดทางจงกลม แล้วก็เดินมาถึงกลางทางจงกลมก็ล้มลงนิพพาน จากนั้นเปลี่ยนเป็นรูปยืนท่านยืนได้สักพักหนึ่งก็ล้มลงกับพื้นกองกับพื้นดิน รูปนอนก็นอนตะแคงและก็หลับตานิพพานไปเลย เกิดธรรมะสังเวชบงตกกับชีวิต ถ้าเวลาตายของเรามาถึงจะหลบไปตายในถ้ำด้วยรูปนั่งไม่ต้องการให้ใครมาพบมาเห็น ก่อนหน้านั้นที่จะถึงกิเลสนิพพาน ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน ก็จะมีฝนนี้เรียกว่าฝนโบกขรพรรษสีเม็ดน้ำฝน แดงเรื่อ เหมือนแก้วทับทิม ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกาย ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกแต่ก่อให้เกิดความชุ่มชื่นเย็นของสายฝนที่ผัสผัสผิวกาย เป็นอยู่อย่างนี้นานทีเดียวนอนหลับเป็นเห็นเทพเทวาพากันมารดน้ำสังข์ ประกอบกับเห็นนิมิตรูปเจดีย์สีขาวล้อมรอบไปด้วยไม้กางเขน มีอักษรจารึกเป็นคำว่า เจดีย์พระคุณแม่ จนวันที่ผมทิ้งสำนักเดินทางไปหาวิเวกที่วัดป่าเขาเจริญธรรม ผมก็ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาตั้งสัจจะไม่ทานข้าวทานแต่น้ำ เร่งความเพียนเพื่อเผากิเลสให้หมดในชาตินี้ แต่ก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ผมลงมาปักกลดข้างล้างกุฏิ ผมก็นอนภาวนาจนหลับดิ่งลึก มาตื่นเอาตอนหูได้ยินเสียงปีกนกตีกับอะไรก็ไม่ทราบ เสียงปีกของนกตีถี่มาก จนผมต้องถอนจิตออกจากฌาน ลืมตาขึ้นดูก็เห็นนกกางเขน คู่หนึ่งบินลงมาจิกตีงูสิงที่เลื่อยมาทางกลดที่ผมปักอยู่ พอนกกางเขนเห็นว่าผมตื่นแล้ว ผมก็เข้าใจทันที่ว่านกกางเขนเค้ามาให้ความคุ้มครองเราในขณะที่นอนภาวนา คุณ MichaeLPauL ผมได้บอกขอบใจนกกางเขนที่เขามาปกป้องเราไม่ให้ได้รับอันตรายจากงูสิงตัวใหญ่ และผมก็ใช้ไม้กลดเขี่ยงูให้ออกพ้นทางจนมันเลื่อนเข้าไปในป่า ผมมารู้ทีหลังคุณ MichaeLPauL ว่าผมไปปักกลดปิดทางเข้ารูของงูสิงตัวใหญ่ พ้นเรื่องงูไปผมก็มาพบเห็นวิญญาณจากนักซิ่งมอเตอร์ไซด์ตายคารถ ญาติก็เอามาฝากไว้ที่วัดผมก็ลงไปชักอนิจจา เวลา 2 ทุ่มก่อนเดินจากซากมอเตอร์ไซด์ก็เกิดวิตกว่า ไม่มีชิ้นดีอย่างนี้ใครจะขับไปได้ กลางดึกสะงัดในฝันได้ยินเสียงวัยรุ่นมาตะโกนเรียกหน้ากุฏิ หลวงพี่ ๆ ไปขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกัน ผมก็ออกมาจากกุฏิอ้าวมอเตอร์ไซด์มันพังไปแล้ว ทำไมมันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ละ วิญญาณก็บอกว่าคนที่ตายแล้วสามารถรวบรวมสสานและพลังงานที่อยู่รอบ ๆตัวเป็นวัตถุต่างๆได้อย่างสบาย แล้วผมกับวิญญาณก็นั่งรถไปเที่ยวพอมีบ้านขวางอยู่ข้างหน้าผีก็ไม่หลบพระก็ซ้อนท้ายไปพอสมควร ชนจะๆ กันเห็นๆ ก็กลายเป็นความว่างเปล่าขับไปแหวไปไม่มีสิ่งกรีดขวางหวาดเสียวไปหมด จนขับมาส่งที่หน้ากุฏิแล้วหมุ่นนักบิดเมืองผีก็กล่าวอำลาจากไป หลังจากที่ผีนักซิ่งหายลับตาไปแล้ว ก็สะดุ้งตื่นลุกออกมาเข้าทางจงกลมต่อ เดินไปก็พิจารณาธรรมะ ไปจนเป็นเช้าวันใหม่ ก็ไปวางดอกไม้จันทน์ให้ผีนักซิ่ง และก็ร่วมเผาจนเก็บกระดูก และก็ขึ้นเขาไปปฏิบัติธรรมต่อแต่คืนนี้ว่าจะไม่เดิน เอาแค่นั่งสมาธิกับนอนภาวนาเท่านั้น คืนนี้ได้รับคำตักเตือนจากจ้าวป่าเจ้าเขา มาให้ปัญญา ท่าน ๆ การอดนอนผ่อนอาหารเอาแค่พอดี อย่าทำให้มันเกินเลย พุทธเจ้าในอดีตก็ไม่กิเลสนิพพานด้วยการอดอาหาร สังขารต้องการอาหาร แม้แต่ผมก็ยังมีอาหารทิพย์ทาน ส่วนท่านนั้นไม่พักผ่อนก็ไม่เป็นไรแต่ร่างกายต้องการอาหาร การภวนามันจึงจะเป็นไปในมรรคผล เสียงเจ้าป่าท่านนี้ดังมาจากแท่นศิลาอาสน์ นั่งคู่กับมเหสีแต่งองค์ด้วยชุดกษัตริย์โบราณกำลังเสวยอาหารทิพย์อยู่บนฟ้าสวรรค์ที่แหวกเป็นชั้น ๆ ฟ้ามองมาที่โลกมนุษย์ บอกให้สติพระอยู่ เมื่อตนพิจารณาตามก็เห็นว่ากำลังตกอยู่ในความประมาทตามคำบอกของบัณฑิตทางธรรม ก็ละความเพียรอันทำให้ตนลำบากเปล่า ลงจากเขาไปหามะกูดเชื่อมทานเพื่อให้ร่างกายได้มีกำลังกลับคืนมา และก็ลงจงกลมต่อในขณะที่เดินไปก็คิดไปว่า อภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ในครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จไปโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา คุณ MichaeLPauL ผมก็ได้เอามาย่นย่อลงเหลือแค่การเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสัจจะปรมัตถ์แล้วไม่มี เหตุเพราะความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นคนเป็นสัตว์มันจึงผิดจากบัญญัติ เมื่อปัญญาญาณสามารถแยกสมมุติบัญญัติจริงตามสมมุติ วิมุติตามจริงออกจากกัน เป็นเอกเทศก็ลงจากทางจงกลมเดินขึ้นกุฏินั่งภาวนาจนได้นิมิตในระนาบเดียวกันกับผู้มีความบริสุทธิ์หลุดพ้นไปแล้วก่อนหน้าพระ เสียงหัวเราะกับคำแสดงความชื่นชม ดังเข้ามาในกุฏิ หุหุหุ พระอมิตาภะรูปนี้นั่งตรัสรู้ไม่เหมือนใคร และมีเสียงกำชับว่ารู้รึยังว่าท่านเป็นใคร ผมรู้สึกได้ถึงเสียงที่ตั้งคำถามเสียงที่ทรงอำนาจนั้น ผมตอบว่าไม่รู้ครับ เสียงนั้นก็นำทางกระแสจิตอีกว่า ระลึกดี ๆ ว่าท่านเป็นใคร คุณ MichaeLPauL ผมพยายามระลึกชาติจนทำใจให้นิ่งได้แล้ว ก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นพระเยซูคริสต์ แขวนบนไม้กางเขน การเห็นเห็นเป็นภาพ 3 มิติ มีรูปที่ตรึงกับไม้กางเขน กับภาพนั่งคุกเข่าลงบนก้อนหินสวดภาวนาและภาพยืนภาวนา ส่วนภายไต้ไม้กางเขนลงมา มีลูกแกะแยกออกจากความมืด และก็มีเสียงกำกับว่า รู้ภพชาติของตนแล้วซินะผมตอบว่าทราบแล้วครับว่าผมเป็นพระเยซูคริสต์กลับมาเกิด และพร้อมกับคำเชิญชวนให้ออกมาข้างนอกจะพาไปดูของดีและผมก็เดินลงมาหาเจ้าของเสียงที่ทรงพลังทันใดนั้นผ้าม่านที่มีคนหามเกี้ยว ก็เปิดออกให้เห็นใบหน้า ที่แท้เกี้ยวหามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตท่านเรียกให้เข้าไปนั่งกับท่านพอท่านพูดจบ ตัวผมก็เข้าไปนั่งในเกี้ยวหามพร้อมท่านพระอาจารย์มั่น คนหามเกี้ยวก็ทะยานออกจากป่าเดินเหินอากาศจนมาลงที่อำเภอหนองไผ่และท่านอาจารย์มั่นกับผมก็ลงจากเกี้ยวและท่านก็ชี้ให้พระดู ขุมทองคำอยู่ไต้พสุธาเป็นทองคำทั้งสิ้นดูแล้วก็ไม่ได้เกิดความโลภขึ้นมาเลย และท่านก็พาเดินดูทรัพย์ไต้ดินจนได้เวลากลับท่านก็บอกให้คนหามเกี้ยวพระไปส่งพระที่กุฎิและท่านก็ลาจากไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวพระ เมื่อท่านอาจารย์มั่นจากไปไม่นานก็มองเห็นพระเดินออกมาจากทะเลทราย แล้วท่านก็บอกว่า ผมพระพระมหากัสสปะ ทราบว่าท่านพ้นทุกข์เข้าถึงแดนอำมตะแล้วก็เลยนำเอาพระอบทองคำที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุมามอบให้ท่านเก็บรักษา ก่อนผมจะกลับไบในทีที่ผมมาผมก็จะมอบหนังเท้าของผมให้ท่านไป ผมมาพบความหมายของหนังไม่ยึดติดตัวอักษรคัมภีร์ แต่ก็ไม่ทิ้งตัวอักษรคัมภีร์ อยู่เหนือการยอมรับ และเหนือการปฏิเสธ นั่นแหละ คือ ธรรมะที่แท้จริง คุณ MichaeLPauL และพระพระมหากัสสปะก็เดินทางข้ามทะเลทรายห่างออกไป ๆจนลับตาผมไป ท่านอากาศ ก่อนเกิดมาเป็นเรา การระลึกชาติแต่หนหลัง ในอดีตชาติเรามีชื่อ พระอาจารย์ดนัย กัลยาณธัมโม https://youtu.be/gGgiHJb3q_E |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 28 มี.ค. 2019, 04:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
luna เขียน: แค่อากาศ เขียน: ชอบๆๆๆแบบทา่น LUNA งั้นมาคุยกันพอให้เจริญใจครับ 1. รูปธรรม นามธรรม หมายเอาที่ใด การแยกรูปแยกนามแยกยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 2. ความเสมิอด้วยกันเป็นแบบไหน สำหรับท่าน ความเสมอกันท่านเห็นยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 3. ความไม่มีตัวตน คือ อะไร ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร ความว่าธาตุ ๔ อันกอปรกันเกิดขึ้นแต่กายนี้ ท่านเห็นเป็นธาตุจริง คือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นรับรู้ลงในธรรม ก็เมื่อเห็นเป็นธาตุแล้ว ยังจะมีธาตุที่ทำท่านั่งสมาธิอยู่อีกหรือไม่ หรือที่เห็นนั้นคือความคิด ไม่ได้เห็นเป็นธาตุจริง อรูปที่เข้าได้ก็ดี จิตที่จรออกจากร่างได้ก็ดี เมื่อมองดูกายเห็นเป็นแค่ธาตุจริง หรือยังเห็นเป็นตัวตนบุคคลอันนั่งหรือนอนอยู่ท่านั้นๆนี้ๆ ที่ถามไม่ใช่ลองภูมิ หรือท้าทายนะครับ การถามดังนี้หากเมือ่ท่านเข้าถึงจริงแล้วมีคำตอบ ความสืบต่อแนะนำให้เข้าถึงได้ย่อมมีมาก เกื้อกูลได้แก่ผู้อื่น หากท่านยังไม่ถึง เราก็สามารถแลก้เปลี่ยนพูดคุยกันเพื่อประโยชน์ยิ่งๆขึ้นได้ ย่อมไม่หมิ่นธรรมกัน บางอย่างเราอาจจะเห็นแบบสายปริยัติ ท่านรู้หมดจริงนะ แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาตินั้นเลย เหมือนรู้จัก KFC เห็นคนกิน KFC แต่ตนไม่อาจจะได้กินเลยตลอดทั้งชาติ ได้แค่จินตนาการ ผมเองก็ไม่ถภึงธรรม ไม่รู้ธรรม แค่ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป จึงไม่อาจจะคุยธรรมสูงได้ ก็จึงได้แต่เรียนรู้จากพวกท่านๆนี่แหละครับ อย่างไรก็แวะมาตอบผมด้วยนะครับ มาคุยกันสนุกๆครับ นานๆจะมีคนคุยธรรม ส่วนมากเห็นตัวอะไรก็ไม่รู้คุยกัน ถ้าท่านเป็น ลูนาซี (LUNA SEA) ผมจะเป็น Hyde L'Arc~en~Ciel เรามาเป็น J-Rock ด้วยกัน ผมขอแสดงขั้นตอนการละอาสวะแทนคำถามของท่านอากาศเป็นประสบการณ์ทางธรรมที่ผมพอจะระลึกได้นิดหน่อย ผมยินดีเป็นมิตรกับทุกท่าน ชื่อเรื่องธรรมะจักรวาลย้อนหนึ่ง เจ็ดวันบรรลุธรรม บรรพชิต และ ฆารวาสบุคคลใดยึดพระปริยัติ เป็นครูเป็นอาจารย์จะไม่มีบรรพชิตอุบาสกอุบาสิกาสำเร็จท่านใดเป็นพระอรหันต์ ได้เลย บรรพชิต อุบาสก อุบาสิกา ถือตนเป็นครูเป็นอาจารย์วางพระปริยัตให้เบาบางจนหมดจากสัญญาให้มากที่สุด บรรพชิต และ ฆารวาสก็จะบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ออกบวชได้ 7 วัน ในวันสำคัญทางพระศาสนาเป็นวันมาฆบูชาวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่วัดวังชมพู จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเอาหมายสำคัญในอดีต พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตและหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้เดินธุดงค์มาบำเพ็ญภาวนาที่ถ้ำพระฤาษีในจังหวัดเพชรบูรณ์ ทางวัดจึงได้นิมนต์พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมาเมตตาชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหลวงตามหาบัววัดป่าบ้านตาดหลวงปู่ท่อนวัดป่าศรีอภัยวัน หลวงปู่บุญเพ็งวัดถ้ำกลองเพลหลวงปู่จันทาวัดป่าเขาน้อยหลวงปู่เหรียญวัดอรัญญบรรพตมาแสดงธรรมอบรมกรรมฐานตลอดถึงการเจริญวิปัสสนากรรมฐานตลอดคืนพระได้นอนจงกลมรอบอุโบสถกับเพื่อนพระจน รุ่งขึ้นของวันใหม่วันที่ 26 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2537 ภายในโบสถ์โดยมีหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ มาร่วมลงปาฏิโมกข์สังฆกรรม พระกฤษฎาได้แสดงอาบัติและระลึกถึงนิมิตก่อนรุ่งอรุณ ที่เทวดาเต็มท้องฟ้ามาร้องรำดีดสีตีเป่าเครื่องดนตรี โปรยข้าวตอกดอกไม้ทิพย์ แสดงความดีใจ ก็ยิ่งทำให้พระกฤษฎาสุขใจ นึกอยู่ในใจว่าเราควรทำจิตให้ผ่องใสและเจริญพระกรรมฐาน วิปัสสนาดูลมหายใจเข้าออกอันธรรมดา คนที่ยังไม่เคยมองดูจิตของตัวเอง ไม่เคยฝึกฝน ขัดเกลารูปลักษณ์ เปรียบเหมือนกลุ่มดวงดาวที่กระจายอยู่ในห้วงจักรวาลนักปฏิบัติธรรมจะต้องรวบรวม จิตที่แตกกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวของเรา ให้รวมเป็นจิตหนึ่งพระกฤษฎาก็เป็นนักปฏิบัติธรรมตามทฤษฎีธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ด้วยการกำหนดรู้ดูเวทนาทางกายต่อเนื่องด้วยเวทนาในจิตพระกฤษฎาจับดูอาการที่เวทนาในกายแสดงตัวเดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวปวดเดี๋ยวปวดแสบปวดร้อนและก็เฉย ๆ ผู้รู้พูดจาโต้ตอบในความคิดกับพระกฤษฎา ว่ากำหนดรู้ดูเวทนาในจิตยิ่งกำหนดรู้ทุกข์ก็ยิ่งแสดงตัวความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ เวทนาเพิ่มขึ้น ยิ่งอยากให้หายเจ็บหายปวดหายเมื่อยเท่าไรกับกายเป็นความร้อนที่ร้อนสูงขึ้น จนร่างที่นั่งพับเพียบของพระกฤษฎา สั่นสะท้านไปด้วยทุกข์ เวทนา ราวกับกระดูกจะแยกชีกออกจากเนื้อ กระดูกถูกบด ร่างนั่งอยู่ในกองไฟ พระกฤษฎายังคงนั่งลืมตาดูทุกข์หูฟังเสียงพระสงฆ์เกิดแรงบันดานใจจากพระอริยครูสายในดง เล่าลือกันว่าบรมครูเทพโลกอุดร หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร องค์ท่านชอบฟังบทสวดพระปาฏิโมกข์มาก อาศัยกำลังใจจากตรงนี้ เกิดสนใจขึ้นมาในเวลานั้นต้องมีอะไรสินะหลวงปู่ใหญ่ท่านถึงชอบฟังจึงกำหนดจิตพิจารณาตามเสียงสวดของพระปาฎิโมกข์ ขณะเดียวกันนั้นภายในจิตใจก็เกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรง ไม่อยากจะนั่งต่อแล้ว จิตที่คิดไม่ดีเอาแต่จะเลิกล้มการนั่งในอริยบทเดียว เพื่อหาทางออก ที่จะพยายามขยับขยายสภาวะทุกขเวทนาในการปรับเปลี่ยนอริยบท ให้ได้รับความสบายขึ้น ์ชั่วขณะพระสวดพระปาฏิโมกข์ ใกล้จะจบลงพระกฤษฎาก็รวบรวมความกล้าอธิษฐานเอาบารมีความเพียรไม่ลดละแบบสู้ตายยอมตาย หากแม้นว่าเสียงพระสวดพระปาฏิโมกข์ยังจบลง เราพระกฤษฎาจะไม่สับเปลี่ยนอริยาบถถ้าเปลี่ยนอริยบถขอให้ตกนรกหมกไหม้อย่าได้ผุดอย่าได้เกิดกันเลย มีจิตจดจ่อ จับกับความรู้สึกในเวทนาเหล่านั้น พระยังคงส่งกระแสจิตไปตามทำนองพระปาฏิโมกข์ ในอาการสำรวม แต่กำหนดรู้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนบุคลเขาเราเกิดขึ้นอยู่ตั้งอยู่ดับไป อนุโลมกลับไปกลับมา อยู่ ๆ จิตที่แสดงตัวว่าร้อนรุ่มวุ่นวายก็สงบตัวลงความร้อนในจิตใจ กลับกลายเป็นความเย็นที่ลดลง น้ำตาไหลรินอาบแก้มพระกฤษฎาเกิดความสงสารคนไปทั้งโลกอยากให้เค้ามาเห็นทางพ้นทุกข์อย่างเรา บริเวณปริมณฑลตรงที่พระนั่งพับเพียบอยู่นั้นมีละอองธรรมะที่ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกและเกิดพลังจากภายนอก พลังมหาศาลดึงจิตให้หลุดออกจากร่างเปลือกของสมมติ พ้นจากแรงดึงดูดของจักรวาลโลกเกิดรัศมีแสงทิพย์สีขาว สว่างทลุขึ้นไปทุก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ที่สุดถึงพรหม ตลอดถึงพระนิพพาน จิตพูดว่าจิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว (จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว ) รูปลักษณ์ภาพที่ปรากฏ ฉายอยู่ตรงหน้าพระกฤษฎา ก็คือพระพุทธะสมณะโคดมบรมครูผู้ที่เสด็จไปดีแล้วนั่งอยู่บนอาสนะดอกบัวทิพย ์1000 กลีบ พร้อมกับทรงยิ้ม และทรงตรัสธรรมะกับจิตที่บริสุทธิ์ของพระกฤษฏาว่าพระพุทธเจ้า....พระธรรม...พระสงฆ์เกิดขึ้นมานานแล้ว...... อีกคุณบิดามารดา.....ถ้าใครให้เราสึกเรายอมตาย พระกฤษฎาเข้าใจในเวลานี้เองว่าในสมัยพุทธกาล พระอริยะเจ้า อยู่ด้วยกันมากรูปก็เท่ากับอยู่รูปเดียว อาคารสิ่งก่อสร้างไม่ปรากฏรูปลักษณ์ รูปเรารูปเค้าไม่มีตัวตนอยู่จริง ดวงจิตบริสุทธิ์ลอยเด่นกลางจักรวาล สมจริงที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมะผู้นั้นเห็นเราคือพระพุทธะ เมื่อธรรมะได้เกิดขึ้นแล้วกับพระกฤษฎาก็บรรลุพระโพธิญาณ มีศีลอันสงบดีแล้วมีพระพุทธคุณอันแผ่ซ่านออกจากร่างกาย พบตัวตนที่แท้จริงในเปลือกร่างสมมติ นับแต่ออกก้าวเดินก็ล้มลุกคุกคานมาตลอด ค้นคว้าหาแนวทางตรัสรู้ใหม่ๆ เดิมทีเกิดในสกุลฆราวาสธรรมดาตระกูล กองทรง รู้เห็นเรื่องราวพระพุทธประวัติ เกิดเลื่อมใสคิดตามเรียนแบบพระองค์ ทิ้งการเรียน ทิ้งครอบครัวพ่อแม่ สมบัติออกบวชหวังสำเร็จพระโพธิญาณ เมื่อรู้แจ้งแล้วก็รู้ว่าประเพณีวัฒนธรรมของ ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งก็ใช้ได้ในยุคนั้นจะนำมาใช้หรือลอกเลียนแบบทั้งหมดไม่เกิดประโยชน์เสียเวลาจะตายทิ้งเสียเปล่า คำว่าพระไม่ได้มีแค่ผู้นุ่งห่มผ้าเหลืองเท่านั้นสกุลชาวบ้านธรรมดา ก็เป็นพระได้ พระเป็นที่จิต จิตที่เป็นหนึ่งเท่านั้นจิตหนึ่งคือพุทธะ ผ้าเหลืองป็นเพียงแค่สัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นนักบวชลัทธินั้น คณะนี้ สาวกพระศาสดาองค์นั้นเท่านั้น เรื่องของจิตของใจคนทุกคนต้องปฏิบัติเอาเองเป็นเรื่องรีบด่วนก่อนที่จะตายทิ้งไปเปล่า ตนจึงควรเป็นที่พึ่งของตน จะให้พระศาสดาทำแทนตรัสรู้แทนกันไม่ได้ท่านทั้งหลายต้องทำเอาเองพรากเพียรพยายามด้วยตัวของท่านเอง เมื่อรู้ความจริงที่เปิดออกก็ไม่ต้องแบกร่างและโครงกระดูกด้วยความติดยึดยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไป หัวสมองของพระก็โปร่งใส ร่างกายก็มีสภาพไร้น้ำหนัก ด้วยสัญญาที่คลาดเคลื่อน ตัณหาความทะยานอยากอุปปทานตัวคิด จิตที่อยู่เหนือโลกหนือธรรมะ ก็เท่ากับได้ลาขาดจากความโง่ ออกเที่ยวโปรดสัตว์ไป ในสกุลชาวบ้านธรรมดาไม่คิดสะสมพรรษา คำว่าตรัสรู้ก็คือการที่มารู้แจ้งเรื่องที่พ้นสมัยของ พระศาสดาพระองค์นั้นในอดีตหรือพูดง่าย ๆ ก็คือมารู้เรื่องที่พญามารซ่อนมรรคผลพระนิพพานเอาไว้ หลังพุทธปรินิพพาน ได้รับความเมตา จากหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี ( ภูจ้อก้อ ) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร มีหลักฐานเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในคำสอนของพระเยซูไหมครับ ถ้ามีนำมาโชว์ ถ้าไม่มีเท่ากับว่าคุณกำลังให้ร้ายพระศาสนจักรอยู่ครับ เรียนคุณ MichaeLPauL ผมสารภาพตามตรงว่าวันอาทิตย์ที่ 22 -6-51 ที่ผ่านมา ผมไปค้นหาหนังสือเล่นนั้นแต่ไม่พบแล้ว แต่ถ้าคุณ MichaeLPauL จะใช้พลังจิตตรวจสอบความรู้นอกตำราผมก็ยินดี เรื่องนี้เกิดที่วัดหลวงปู่ชอบสร้างเอาไว้ วัดป่าบ้านบง ผมได้มีโอกาสไปบำเพ็ญเพียร เพื่อน ๆผมได้เลือกกุฏิ ที่พักก่อนหน้าผม ส่วนตัวผมเองมีสิ่งศักสิทธิ์ดนใจให้ไปได้กุฏิไม้ไผ่มุงแฝก มารู้เอาที่หลังว่าเป็นกุฎิที่หลวงปู่ชอบท่านมาภาวนา พระในวันว่าเป็นกุฏิหลวงปู่ชอบ คุณ MichaeLPauL ก่อนขึ้นกุฏิผมแสดงอาการกราบคารวะที่บันไดทางขึ้นกุฏิหลวงปู่ชอบ ผมมาอาศัยฝึกภาวนาไม่ได้คิดมาจับจองเป็นของตน การภาวนาของผมก็เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป จนมีอยู่คืนหนึ่งเดินจงกรมแล้วก็ขึ้นกุฏิเข้าที่ภาวนา ปรากฏว่าเห็นร่างตนเองนอนตายและจิตกำลังจะออกไปเที่ยวแต่บังคับไม่ให้จิตออกนอกกาย จึงกำหนดดู หนังเลือดเนื้อ ข้างในเป็นอะไร ก็ปรากฏเป็นโครงกระดูก ตั้งคำถามเข้าไปอีกว่า ในโครงกระดูกมีอะไรอยู่ข้างในอีก ก็กลับคืนเป็นฝุ่นผงขี้เถ้า จึงเพ่งลงไปอีกที่ฝุ่นผงขี้เถ้าก็พบความจริง เป็นความว่างเปล่า ก็ ภาวนาตามปกติปรากฏภาพนิมิต พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลท่านไม่ได้บอกชื่อหรือนามท่านแต่ท่านก็ให้เรานั่งนิพพานให้ดู และท่านยังแสดงอาการนิพพานในท่านั่งให้ดู ท่านนั่งไปสักพักก็ล้มพับไป แล้วก็เปลี่ยนเป็นรูปเดิน เดินไปสุดทางจงกลม แล้วก็เดินมาถึงกลางทางจงกลมก็ล้มลงนิพพาน จากนั้นเปลี่ยนเป็นรูปยืนท่านยืนได้สักพักหนึ่งก็ล้มลงกับพื้นกองกับพื้นดิน รูปนอนก็นอนตะแคงและก็หลับตานิพพานไปเลย เกิดธรรมะสังเวชบงตกกับชีวิต ถ้าเวลาตายของเรามาถึงจะหลบไปตายในถ้ำด้วยรูปนั่งไม่ต้องการให้ใครมาพบมาเห็น ก่อนหน้านั้นที่จะถึงกิเลสนิพพาน ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน ก็จะมีฝนนี้เรียกว่าฝนโบกขรพรรษสีเม็ดน้ำฝน แดงเรื่อ เหมือนแก้วทับทิม ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกาย ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกแต่ก่อให้เกิดความชุ่มชื่นเย็นของสายฝนที่ผัสผัสผิวกาย เป็นอยู่อย่างนี้นานทีเดียวนอนหลับเป็นเห็นเทพเทวาพากันมารดน้ำสังข์ ประกอบกับเห็นนิมิตรูปเจดีย์สีขาวล้อมรอบไปด้วยไม้กางเขน มีอักษรจารึกเป็นคำว่า เจดีย์พระคุณแม่ จนวันที่ผมทิ้งสำนักเดินทางไปหาวิเวกที่วัดป่าเขาเจริญธรรม ผมก็ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาตั้งสัจจะไม่ทานข้าวทานแต่น้ำ เร่งความเพียนเพื่อเผากิเลสให้หมดในชาตินี้ แต่ก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ผมลงมาปักกลดข้างล้างกุฏิ ผมก็นอนภาวนาจนหลับดิ่งลึก มาตื่นเอาตอนหูได้ยินเสียงปีกนกตีกับอะไรก็ไม่ทราบ เสียงปีกของนกตีถี่มาก จนผมต้องถอนจิตออกจากฌาน ลืมตาขึ้นดูก็เห็นนกกางเขน คู่หนึ่งบินลงมาจิกตีงูสิงที่เลื่อยมาทางกลดที่ผมปักอยู่ พอนกกางเขนเห็นว่าผมตื่นแล้ว ผมก็เข้าใจทันที่ว่านกกางเขนเค้ามาให้ความคุ้มครองเราในขณะที่นอนภาวนา คุณ MichaeLPauL ผมได้บอกขอบใจนกกางเขนที่เขามาปกป้องเราไม่ให้ได้รับอันตรายจากงูสิงตัวใหญ่ และผมก็ใช้ไม้กลดเขี่ยงูให้ออกพ้นทางจนมันเลื่อนเข้าไปในป่า ผมมารู้ทีหลังคุณ MichaeLPauL ว่าผมไปปักกลดปิดทางเข้ารูของงูสิงตัวใหญ่ พ้นเรื่องงูไปผมก็มาพบเห็นวิญญาณจากนักซิ่งมอเตอร์ไซด์ตายคารถ ญาติก็เอามาฝากไว้ที่วัดผมก็ลงไปชักอนิจจา เวลา 2 ทุ่มก่อนเดินจากซากมอเตอร์ไซด์ก็เกิดวิตกว่า ไม่มีชิ้นดีอย่างนี้ใครจะขับไปได้ กลางดึกสะงัดในฝันได้ยินเสียงวัยรุ่นมาตะโกนเรียกหน้ากุฏิ หลวงพี่ ๆ ไปขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกัน ผมก็ออกมาจากกุฏิอ้าวมอเตอร์ไซด์มันพังไปแล้ว ทำไมมันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ละ วิญญาณก็บอกว่าคนที่ตายแล้วสามารถรวบรวมสสานและพลังงานที่อยู่รอบ ๆตัวเป็นวัตถุต่างๆได้อย่างสบาย แล้วผมกับวิญญาณก็นั่งรถไปเที่ยวพอมีบ้านขวางอยู่ข้างหน้าผีก็ไม่หลบพระก็ซ้อนท้ายไปพอสมควร ชนจะๆ กันเห็นๆ ก็กลายเป็นความว่างเปล่าขับไปแหวไปไม่มีสิ่งกรีดขวางหวาดเสียวไปหมด จนขับมาส่งที่หน้ากุฏิแล้วหมุ่นนักบิดเมืองผีก็กล่าวอำลาจากไป หลังจากที่ผีนักซิ่งหายลับตาไปแล้ว ก็สะดุ้งตื่นลุกออกมาเข้าทางจงกลมต่อ เดินไปก็พิจารณาธรรมะ ไปจนเป็นเช้าวันใหม่ ก็ไปวางดอกไม้จันทน์ให้ผีนักซิ่ง และก็ร่วมเผาจนเก็บกระดูก และก็ขึ้นเขาไปปฏิบัติธรรมต่อแต่คืนนี้ว่าจะไม่เดิน เอาแค่นั่งสมาธิกับนอนภาวนาเท่านั้น คืนนี้ได้รับคำตักเตือนจากจ้าวป่าเจ้าเขา มาให้ปัญญา ท่าน ๆ การอดนอนผ่อนอาหารเอาแค่พอดี อย่าทำให้มันเกินเลย พุทธเจ้าในอดีตก็ไม่กิเลสนิพพานด้วยการอดอาหาร สังขารต้องการอาหาร แม้แต่ผมก็ยังมีอาหารทิพย์ทาน ส่วนท่านนั้นไม่พักผ่อนก็ไม่เป็นไรแต่ร่างกายต้องการอาหาร การภวนามันจึงจะเป็นไปในมรรคผล เสียงเจ้าป่าท่านนี้ดังมาจากแท่นศิลาอาสน์ นั่งคู่กับมเหสีแต่งองค์ด้วยชุดกษัตริย์โบราณกำลังเสวยอาหารทิพย์อยู่บนฟ้าสวรรค์ที่แหวกเป็นชั้น ๆ ฟ้ามองมาที่โลกมนุษย์ บอกให้สติพระอยู่ เมื่อตนพิจารณาตามก็เห็นว่ากำลังตกอยู่ในความประมาทตามคำบอกของบัณฑิตทางธรรม ก็ละความเพียรอันทำให้ตนลำบากเปล่า ลงจากเขาไปหามะกูดเชื่อมทานเพื่อให้ร่างกายได้มีกำลังกลับคืนมา และก็ลงจงกลมต่อในขณะที่เดินไปก็คิดไปว่า อภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ในครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จไปโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา คุณ MichaeLPauL ผมก็ได้เอามาย่นย่อลงเหลือแค่การเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสัจจะปรมัตถ์แล้วไม่มี เหตุเพราะความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นคนเป็นสัตว์มันจึงผิดจากบัญญัติ เมื่อปัญญาญาณสามารถแยกสมมุติบัญญัติจริงตามสมมุติ วิมุติตามจริงออกจากกัน เป็นเอกเทศก็ลงจากทางจงกลมเดินขึ้นกุฏินั่งภาวนาจนได้นิมิตในระนาบเดียวกันกับผู้มีความบริสุทธิ์หลุดพ้นไปแล้วก่อนหน้าพระ เสียงหัวเราะกับคำแสดงความชื่นชม ดังเข้ามาในกุฏิ หุหุหุ พระอมิตาภะรูปนี้นั่งตรัสรู้ไม่เหมือนใคร และมีเสียงกำชับว่ารู้รึยังว่าท่านเป็นใคร ผมรู้สึกได้ถึงเสียงที่ตั้งคำถามเสียงที่ทรงอำนาจนั้น ผมตอบว่าไม่รู้ครับ เสียงนั้นก็นำทางกระแสจิตอีกว่า ระลึกดี ๆ ว่าท่านเป็นใคร คุณ MichaeLPauL ผมพยายามระลึกชาติจนทำใจให้นิ่งได้แล้ว ก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นพระเยซูคริสต์ แขวนบนไม้กางเขน การเห็นเห็นเป็นภาพ 3 มิติ มีรูปที่ตรึงกับไม้กางเขน กับภาพนั่งคุกเข่าลงบนก้อนหินสวดภาวนาและภาพยืนภาวนา ส่วนภายไต้ไม้กางเขนลงมา มีลูกแกะแยกออกจากความมืด และก็มีเสียงกำกับว่า รู้ภพชาติของตนแล้วซินะผมตอบว่าทราบแล้วครับว่าผมเป็นพระเยซูคริสต์กลับมาเกิด และพร้อมกับคำเชิญชวนให้ออกมาข้างนอกจะพาไปดูของดีและผมก็เดินลงมาหาเจ้าของเสียงที่ทรงพลังทันใดนั้นผ้าม่านที่มีคนหามเกี้ยว ก็เปิดออกให้เห็นใบหน้า ที่แท้เกี้ยวหามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตท่านเรียกให้เข้าไปนั่งกับท่านพอท่านพูดจบ ตัวผมก็เข้าไปนั่งในเกี้ยวหามพร้อมท่านพระอาจารย์มั่น คนหามเกี้ยวก็ทะยานออกจากป่าเดินเหินอากาศจนมาลงที่อำเภอหนองไผ่และท่านอาจารย์มั่นกับผมก็ลงจากเกี้ยวและท่านก็ชี้ให้พระดู ขุมทองคำอยู่ไต้พสุธาเป็นทองคำทั้งสิ้นดูแล้วก็ไม่ได้เกิดความโลภขึ้นมาเลย และท่านก็พาเดินดูทรัพย์ไต้ดินจนได้เวลากลับท่านก็บอกให้คนหามเกี้ยวพระไปส่งพระที่กุฎิและท่านก็ลาจากไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวพระ เมื่อท่านอาจารย์มั่นจากไปไม่นานก็มองเห็นพระเดินออกมาจากทะเลทราย แล้วท่านก็บอกว่า ผมพระพระมหากัสสปะ ทราบว่าท่านพ้นทุกข์เข้าถึงแดนอำมตะแล้วก็เลยนำเอาพระอบทองคำที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุมามอบให้ท่านเก็บรักษา ก่อนผมจะกลับไบในทีที่ผมมาผมก็จะมอบหนังเท้าของผมให้ท่านไป ผมมาพบความหมายของหนังไม่ยึดติดตัวอักษรคัมภีร์ แต่ก็ไม่ทิ้งตัวอักษรคัมภีร์ อยู่เหนือการยอมรับ และเหนือการปฏิเสธ นั่นแหละ คือ ธรรมะที่แท้จริง คุณ MichaeLPauL และพระพระมหากัสสปะก็เดินทางข้ามทะเลทรายห่างออกไป ๆจนลับตาผมไป ท่านอากาศ ก่อนเกิดมาเป็นเรา การระลึกชาติแต่หนหลัง ในอดีตชาติเรามีชื่อ พระอาจารย์ดนัย กัลยาณธัมโม https://youtu.be/gGgiHJb3q_E เป็นเรื่องของคุณLuna เอง..ใช่มั้ยเนี้ย? |
เจ้าของ: | luna [ 28 มี.ค. 2019, 06:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
กบนอกกะลา เขียน: luna เขียน: แค่อากาศ เขียน: ชอบๆๆๆแบบทา่น LUNA งั้นมาคุยกันพอให้เจริญใจครับ 1. รูปธรรม นามธรรม หมายเอาที่ใด การแยกรูปแยกนามแยกยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 2. ความเสมิอด้วยกันเป็นแบบไหน สำหรับท่าน ความเสมอกันท่านเห็นยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 3. ความไม่มีตัวตน คือ อะไร ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร ความว่าธาตุ ๔ อันกอปรกันเกิดขึ้นแต่กายนี้ ท่านเห็นเป็นธาตุจริง คือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นรับรู้ลงในธรรม ก็เมื่อเห็นเป็นธาตุแล้ว ยังจะมีธาตุที่ทำท่านั่งสมาธิอยู่อีกหรือไม่ หรือที่เห็นนั้นคือความคิด ไม่ได้เห็นเป็นธาตุจริง อรูปที่เข้าได้ก็ดี จิตที่จรออกจากร่างได้ก็ดี เมื่อมองดูกายเห็นเป็นแค่ธาตุจริง หรือยังเห็นเป็นตัวตนบุคคลอันนั่งหรือนอนอยู่ท่านั้นๆนี้ๆ ที่ถามไม่ใช่ลองภูมิ หรือท้าทายนะครับ การถามดังนี้หากเมือ่ท่านเข้าถึงจริงแล้วมีคำตอบ ความสืบต่อแนะนำให้เข้าถึงได้ย่อมมีมาก เกื้อกูลได้แก่ผู้อื่น หากท่านยังไม่ถึง เราก็สามารถแลก้เปลี่ยนพูดคุยกันเพื่อประโยชน์ยิ่งๆขึ้นได้ ย่อมไม่หมิ่นธรรมกัน บางอย่างเราอาจจะเห็นแบบสายปริยัติ ท่านรู้หมดจริงนะ แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาตินั้นเลย เหมือนรู้จัก KFC เห็นคนกิน KFC แต่ตนไม่อาจจะได้กินเลยตลอดทั้งชาติ ได้แค่จินตนาการ ผมเองก็ไม่ถภึงธรรม ไม่รู้ธรรม แค่ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป จึงไม่อาจจะคุยธรรมสูงได้ ก็จึงได้แต่เรียนรู้จากพวกท่านๆนี่แหละครับ อย่างไรก็แวะมาตอบผมด้วยนะครับ มาคุยกันสนุกๆครับ นานๆจะมีคนคุยธรรม ส่วนมากเห็นตัวอะไรก็ไม่รู้คุยกัน ถ้าท่านเป็น ลูนาซี (LUNA SEA) ผมจะเป็น Hyde L'Arc~en~Ciel เรามาเป็น J-Rock ด้วยกัน ผมขอแสดงขั้นตอนการละอาสวะแทนคำถามของท่านอากาศเป็นประสบการณ์ทางธรรมที่ผมพอจะระลึกได้นิดหน่อย ผมยินดีเป็นมิตรกับทุกท่าน ชื่อเรื่องธรรมะจักรวาลย้อนหนึ่ง เจ็ดวันบรรลุธรรม บรรพชิต และ ฆารวาสบุคคลใดยึดพระปริยัติ เป็นครูเป็นอาจารย์จะไม่มีบรรพชิตอุบาสกอุบาสิกาสำเร็จท่านใดเป็นพระอรหันต์ ได้เลย บรรพชิต อุบาสก อุบาสิกา ถือตนเป็นครูเป็นอาจารย์วางพระปริยัตให้เบาบางจนหมดจากสัญญาให้มากที่สุด บรรพชิต และ ฆารวาสก็จะบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ออกบวชได้ 7 วัน ในวันสำคัญทางพระศาสนาเป็นวันมาฆบูชาวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่วัดวังชมพู จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเอาหมายสำคัญในอดีต พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตและหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้เดินธุดงค์มาบำเพ็ญภาวนาที่ถ้ำพระฤาษีในจังหวัดเพชรบูรณ์ ทางวัดจึงได้นิมนต์พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมาเมตตาชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหลวงตามหาบัววัดป่าบ้านตาดหลวงปู่ท่อนวัดป่าศรีอภัยวัน หลวงปู่บุญเพ็งวัดถ้ำกลองเพลหลวงปู่จันทาวัดป่าเขาน้อยหลวงปู่เหรียญวัดอรัญญบรรพตมาแสดงธรรมอบรมกรรมฐานตลอดถึงการเจริญวิปัสสนากรรมฐานตลอดคืนพระได้นอนจงกลมรอบอุโบสถกับเพื่อนพระจน รุ่งขึ้นของวันใหม่วันที่ 26 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2537 ภายในโบสถ์โดยมีหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ มาร่วมลงปาฏิโมกข์สังฆกรรม พระกฤษฎาได้แสดงอาบัติและระลึกถึงนิมิตก่อนรุ่งอรุณ ที่เทวดาเต็มท้องฟ้ามาร้องรำดีดสีตีเป่าเครื่องดนตรี โปรยข้าวตอกดอกไม้ทิพย์ แสดงความดีใจ ก็ยิ่งทำให้พระกฤษฎาสุขใจ นึกอยู่ในใจว่าเราควรทำจิตให้ผ่องใสและเจริญพระกรรมฐาน วิปัสสนาดูลมหายใจเข้าออกอันธรรมดา คนที่ยังไม่เคยมองดูจิตของตัวเอง ไม่เคยฝึกฝน ขัดเกลารูปลักษณ์ เปรียบเหมือนกลุ่มดวงดาวที่กระจายอยู่ในห้วงจักรวาลนักปฏิบัติธรรมจะต้องรวบรวม จิตที่แตกกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวของเรา ให้รวมเป็นจิตหนึ่งพระกฤษฎาก็เป็นนักปฏิบัติธรรมตามทฤษฎีธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ด้วยการกำหนดรู้ดูเวทนาทางกายต่อเนื่องด้วยเวทนาในจิตพระกฤษฎาจับดูอาการที่เวทนาในกายแสดงตัวเดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวปวดเดี๋ยวปวดแสบปวดร้อนและก็เฉย ๆ ผู้รู้พูดจาโต้ตอบในความคิดกับพระกฤษฎา ว่ากำหนดรู้ดูเวทนาในจิตยิ่งกำหนดรู้ทุกข์ก็ยิ่งแสดงตัวความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ เวทนาเพิ่มขึ้น ยิ่งอยากให้หายเจ็บหายปวดหายเมื่อยเท่าไรกับกายเป็นความร้อนที่ร้อนสูงขึ้น จนร่างที่นั่งพับเพียบของพระกฤษฎา สั่นสะท้านไปด้วยทุกข์ เวทนา ราวกับกระดูกจะแยกชีกออกจากเนื้อ กระดูกถูกบด ร่างนั่งอยู่ในกองไฟ พระกฤษฎายังคงนั่งลืมตาดูทุกข์หูฟังเสียงพระสงฆ์เกิดแรงบันดานใจจากพระอริยครูสายในดง เล่าลือกันว่าบรมครูเทพโลกอุดร หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร องค์ท่านชอบฟังบทสวดพระปาฏิโมกข์มาก อาศัยกำลังใจจากตรงนี้ เกิดสนใจขึ้นมาในเวลานั้นต้องมีอะไรสินะหลวงปู่ใหญ่ท่านถึงชอบฟังจึงกำหนดจิตพิจารณาตามเสียงสวดของพระปาฎิโมกข์ ขณะเดียวกันนั้นภายในจิตใจก็เกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรง ไม่อยากจะนั่งต่อแล้ว จิตที่คิดไม่ดีเอาแต่จะเลิกล้มการนั่งในอริยบทเดียว เพื่อหาทางออก ที่จะพยายามขยับขยายสภาวะทุกขเวทนาในการปรับเปลี่ยนอริยบท ให้ได้รับความสบายขึ้น ์ชั่วขณะพระสวดพระปาฏิโมกข์ ใกล้จะจบลงพระกฤษฎาก็รวบรวมความกล้าอธิษฐานเอาบารมีความเพียรไม่ลดละแบบสู้ตายยอมตาย หากแม้นว่าเสียงพระสวดพระปาฏิโมกข์ยังจบลง เราพระกฤษฎาจะไม่สับเปลี่ยนอริยาบถถ้าเปลี่ยนอริยบถขอให้ตกนรกหมกไหม้อย่าได้ผุดอย่าได้เกิดกันเลย มีจิตจดจ่อ จับกับความรู้สึกในเวทนาเหล่านั้น พระยังคงส่งกระแสจิตไปตามทำนองพระปาฏิโมกข์ ในอาการสำรวม แต่กำหนดรู้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนบุคลเขาเราเกิดขึ้นอยู่ตั้งอยู่ดับไป อนุโลมกลับไปกลับมา อยู่ ๆ จิตที่แสดงตัวว่าร้อนรุ่มวุ่นวายก็สงบตัวลงความร้อนในจิตใจ กลับกลายเป็นความเย็นที่ลดลง น้ำตาไหลรินอาบแก้มพระกฤษฎาเกิดความสงสารคนไปทั้งโลกอยากให้เค้ามาเห็นทางพ้นทุกข์อย่างเรา บริเวณปริมณฑลตรงที่พระนั่งพับเพียบอยู่นั้นมีละอองธรรมะที่ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกและเกิดพลังจากภายนอก พลังมหาศาลดึงจิตให้หลุดออกจากร่างเปลือกของสมมติ พ้นจากแรงดึงดูดของจักรวาลโลกเกิดรัศมีแสงทิพย์สีขาว สว่างทลุขึ้นไปทุก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ที่สุดถึงพรหม ตลอดถึงพระนิพพาน จิตพูดว่าจิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว (จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว ) รูปลักษณ์ภาพที่ปรากฏ ฉายอยู่ตรงหน้าพระกฤษฎา ก็คือพระพุทธะสมณะโคดมบรมครูผู้ที่เสด็จไปดีแล้วนั่งอยู่บนอาสนะดอกบัวทิพย ์1000 กลีบ พร้อมกับทรงยิ้ม และทรงตรัสธรรมะกับจิตที่บริสุทธิ์ของพระกฤษฏาว่าพระพุทธเจ้า....พระธรรม...พระสงฆ์เกิดขึ้นมานานแล้ว...... อีกคุณบิดามารดา.....ถ้าใครให้เราสึกเรายอมตาย พระกฤษฎาเข้าใจในเวลานี้เองว่าในสมัยพุทธกาล พระอริยะเจ้า อยู่ด้วยกันมากรูปก็เท่ากับอยู่รูปเดียว อาคารสิ่งก่อสร้างไม่ปรากฏรูปลักษณ์ รูปเรารูปเค้าไม่มีตัวตนอยู่จริง ดวงจิตบริสุทธิ์ลอยเด่นกลางจักรวาล สมจริงที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมะผู้นั้นเห็นเราคือพระพุทธะ เมื่อธรรมะได้เกิดขึ้นแล้วกับพระกฤษฎาก็บรรลุพระโพธิญาณ มีศีลอันสงบดีแล้วมีพระพุทธคุณอันแผ่ซ่านออกจากร่างกาย พบตัวตนที่แท้จริงในเปลือกร่างสมมติ นับแต่ออกก้าวเดินก็ล้มลุกคุกคานมาตลอด ค้นคว้าหาแนวทางตรัสรู้ใหม่ๆ เดิมทีเกิดในสกุลฆราวาสธรรมดาตระกูล กองทรง รู้เห็นเรื่องราวพระพุทธประวัติ เกิดเลื่อมใสคิดตามเรียนแบบพระองค์ ทิ้งการเรียน ทิ้งครอบครัวพ่อแม่ สมบัติออกบวชหวังสำเร็จพระโพธิญาณ เมื่อรู้แจ้งแล้วก็รู้ว่าประเพณีวัฒนธรรมของ ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งก็ใช้ได้ในยุคนั้นจะนำมาใช้หรือลอกเลียนแบบทั้งหมดไม่เกิดประโยชน์เสียเวลาจะตายทิ้งเสียเปล่า คำว่าพระไม่ได้มีแค่ผู้นุ่งห่มผ้าเหลืองเท่านั้นสกุลชาวบ้านธรรมดา ก็เป็นพระได้ พระเป็นที่จิต จิตที่เป็นหนึ่งเท่านั้นจิตหนึ่งคือพุทธะ ผ้าเหลืองป็นเพียงแค่สัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นนักบวชลัทธินั้น คณะนี้ สาวกพระศาสดาองค์นั้นเท่านั้น เรื่องของจิตของใจคนทุกคนต้องปฏิบัติเอาเองเป็นเรื่องรีบด่วนก่อนที่จะตายทิ้งไปเปล่า ตนจึงควรเป็นที่พึ่งของตน จะให้พระศาสดาทำแทนตรัสรู้แทนกันไม่ได้ท่านทั้งหลายต้องทำเอาเองพรากเพียรพยายามด้วยตัวของท่านเอง เมื่อรู้ความจริงที่เปิดออกก็ไม่ต้องแบกร่างและโครงกระดูกด้วยความติดยึดยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไป หัวสมองของพระก็โปร่งใส ร่างกายก็มีสภาพไร้น้ำหนัก ด้วยสัญญาที่คลาดเคลื่อน ตัณหาความทะยานอยากอุปปทานตัวคิด จิตที่อยู่เหนือโลกหนือธรรมะ ก็เท่ากับได้ลาขาดจากความโง่ ออกเที่ยวโปรดสัตว์ไป ในสกุลชาวบ้านธรรมดาไม่คิดสะสมพรรษา คำว่าตรัสรู้ก็คือการที่มารู้แจ้งเรื่องที่พ้นสมัยของ พระศาสดาพระองค์นั้นในอดีตหรือพูดง่าย ๆ ก็คือมารู้เรื่องที่พญามารซ่อนมรรคผลพระนิพพานเอาไว้ หลังพุทธปรินิพพาน ได้รับความเมตา จากหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี ( ภูจ้อก้อ ) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร มีหลักฐานเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในคำสอนของพระเยซูไหมครับ ถ้ามีนำมาโชว์ ถ้าไม่มีเท่ากับว่าคุณกำลังให้ร้ายพระศาสนจักรอยู่ครับ เรียนคุณ MichaeLPauL ผมสารภาพตามตรงว่าวันอาทิตย์ที่ 22 -6-51 ที่ผ่านมา ผมไปค้นหาหนังสือเล่นนั้นแต่ไม่พบแล้ว แต่ถ้าคุณ MichaeLPauL จะใช้พลังจิตตรวจสอบความรู้นอกตำราผมก็ยินดี เรื่องนี้เกิดที่วัดหลวงปู่ชอบสร้างเอาไว้ วัดป่าบ้านบง ผมได้มีโอกาสไปบำเพ็ญเพียร เพื่อน ๆผมได้เลือกกุฏิ ที่พักก่อนหน้าผม ส่วนตัวผมเองมีสิ่งศักสิทธิ์ดนใจให้ไปได้กุฏิไม้ไผ่มุงแฝก มารู้เอาที่หลังว่าเป็นกุฎิที่หลวงปู่ชอบท่านมาภาวนา พระในวันว่าเป็นกุฏิหลวงปู่ชอบ คุณ MichaeLPauL ก่อนขึ้นกุฏิผมแสดงอาการกราบคารวะที่บันไดทางขึ้นกุฏิหลวงปู่ชอบ ผมมาอาศัยฝึกภาวนาไม่ได้คิดมาจับจองเป็นของตน การภาวนาของผมก็เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป จนมีอยู่คืนหนึ่งเดินจงกรมแล้วก็ขึ้นกุฏิเข้าที่ภาวนา ปรากฏว่าเห็นร่างตนเองนอนตายและจิตกำลังจะออกไปเที่ยวแต่บังคับไม่ให้จิตออกนอกกาย จึงกำหนดดู หนังเลือดเนื้อ ข้างในเป็นอะไร ก็ปรากฏเป็นโครงกระดูก ตั้งคำถามเข้าไปอีกว่า ในโครงกระดูกมีอะไรอยู่ข้างในอีก ก็กลับคืนเป็นฝุ่นผงขี้เถ้า จึงเพ่งลงไปอีกที่ฝุ่นผงขี้เถ้าก็พบความจริง เป็นความว่างเปล่า ก็ ภาวนาตามปกติปรากฏภาพนิมิต พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลท่านไม่ได้บอกชื่อหรือนามท่านแต่ท่านก็ให้เรานั่งนิพพานให้ดู และท่านยังแสดงอาการนิพพานในท่านั่งให้ดู ท่านนั่งไปสักพักก็ล้มพับไป แล้วก็เปลี่ยนเป็นรูปเดิน เดินไปสุดทางจงกลม แล้วก็เดินมาถึงกลางทางจงกลมก็ล้มลงนิพพาน จากนั้นเปลี่ยนเป็นรูปยืนท่านยืนได้สักพักหนึ่งก็ล้มลงกับพื้นกองกับพื้นดิน รูปนอนก็นอนตะแคงและก็หลับตานิพพานไปเลย เกิดธรรมะสังเวชบงตกกับชีวิต ถ้าเวลาตายของเรามาถึงจะหลบไปตายในถ้ำด้วยรูปนั่งไม่ต้องการให้ใครมาพบมาเห็น ก่อนหน้านั้นที่จะถึงกิเลสนิพพาน ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน ก็จะมีฝนนี้เรียกว่าฝนโบกขรพรรษสีเม็ดน้ำฝน แดงเรื่อ เหมือนแก้วทับทิม ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกาย ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกแต่ก่อให้เกิดความชุ่มชื่นเย็นของสายฝนที่ผัสผัสผิวกาย เป็นอยู่อย่างนี้นานทีเดียวนอนหลับเป็นเห็นเทพเทวาพากันมารดน้ำสังข์ ประกอบกับเห็นนิมิตรูปเจดีย์สีขาวล้อมรอบไปด้วยไม้กางเขน มีอักษรจารึกเป็นคำว่า เจดีย์พระคุณแม่ จนวันที่ผมทิ้งสำนักเดินทางไปหาวิเวกที่วัดป่าเขาเจริญธรรม ผมก็ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาตั้งสัจจะไม่ทานข้าวทานแต่น้ำ เร่งความเพียนเพื่อเผากิเลสให้หมดในชาตินี้ แต่ก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ผมลงมาปักกลดข้างล้างกุฏิ ผมก็นอนภาวนาจนหลับดิ่งลึก มาตื่นเอาตอนหูได้ยินเสียงปีกนกตีกับอะไรก็ไม่ทราบ เสียงปีกของนกตีถี่มาก จนผมต้องถอนจิตออกจากฌาน ลืมตาขึ้นดูก็เห็นนกกางเขน คู่หนึ่งบินลงมาจิกตีงูสิงที่เลื่อยมาทางกลดที่ผมปักอยู่ พอนกกางเขนเห็นว่าผมตื่นแล้ว ผมก็เข้าใจทันที่ว่านกกางเขนเค้ามาให้ความคุ้มครองเราในขณะที่นอนภาวนา คุณ MichaeLPauL ผมได้บอกขอบใจนกกางเขนที่เขามาปกป้องเราไม่ให้ได้รับอันตรายจากงูสิงตัวใหญ่ และผมก็ใช้ไม้กลดเขี่ยงูให้ออกพ้นทางจนมันเลื่อนเข้าไปในป่า ผมมารู้ทีหลังคุณ MichaeLPauL ว่าผมไปปักกลดปิดทางเข้ารูของงูสิงตัวใหญ่ พ้นเรื่องงูไปผมก็มาพบเห็นวิญญาณจากนักซิ่งมอเตอร์ไซด์ตายคารถ ญาติก็เอามาฝากไว้ที่วัดผมก็ลงไปชักอนิจจา เวลา 2 ทุ่มก่อนเดินจากซากมอเตอร์ไซด์ก็เกิดวิตกว่า ไม่มีชิ้นดีอย่างนี้ใครจะขับไปได้ กลางดึกสะงัดในฝันได้ยินเสียงวัยรุ่นมาตะโกนเรียกหน้ากุฏิ หลวงพี่ ๆ ไปขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกัน ผมก็ออกมาจากกุฏิอ้าวมอเตอร์ไซด์มันพังไปแล้ว ทำไมมันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ละ วิญญาณก็บอกว่าคนที่ตายแล้วสามารถรวบรวมสสานและพลังงานที่อยู่รอบ ๆตัวเป็นวัตถุต่างๆได้อย่างสบาย แล้วผมกับวิญญาณก็นั่งรถไปเที่ยวพอมีบ้านขวางอยู่ข้างหน้าผีก็ไม่หลบพระก็ซ้อนท้ายไปพอสมควร ชนจะๆ กันเห็นๆ ก็กลายเป็นความว่างเปล่าขับไปแหวไปไม่มีสิ่งกรีดขวางหวาดเสียวไปหมด จนขับมาส่งที่หน้ากุฏิแล้วหมุ่นนักบิดเมืองผีก็กล่าวอำลาจากไป หลังจากที่ผีนักซิ่งหายลับตาไปแล้ว ก็สะดุ้งตื่นลุกออกมาเข้าทางจงกลมต่อ เดินไปก็พิจารณาธรรมะ ไปจนเป็นเช้าวันใหม่ ก็ไปวางดอกไม้จันทน์ให้ผีนักซิ่ง และก็ร่วมเผาจนเก็บกระดูก และก็ขึ้นเขาไปปฏิบัติธรรมต่อแต่คืนนี้ว่าจะไม่เดิน เอาแค่นั่งสมาธิกับนอนภาวนาเท่านั้น คืนนี้ได้รับคำตักเตือนจากจ้าวป่าเจ้าเขา มาให้ปัญญา ท่าน ๆ การอดนอนผ่อนอาหารเอาแค่พอดี อย่าทำให้มันเกินเลย พุทธเจ้าในอดีตก็ไม่กิเลสนิพพานด้วยการอดอาหาร สังขารต้องการอาหาร แม้แต่ผมก็ยังมีอาหารทิพย์ทาน ส่วนท่านนั้นไม่พักผ่อนก็ไม่เป็นไรแต่ร่างกายต้องการอาหาร การภวนามันจึงจะเป็นไปในมรรคผล เสียงเจ้าป่าท่านนี้ดังมาจากแท่นศิลาอาสน์ นั่งคู่กับมเหสีแต่งองค์ด้วยชุดกษัตริย์โบราณกำลังเสวยอาหารทิพย์อยู่บนฟ้าสวรรค์ที่แหวกเป็นชั้น ๆ ฟ้ามองมาที่โลกมนุษย์ บอกให้สติพระอยู่ เมื่อตนพิจารณาตามก็เห็นว่ากำลังตกอยู่ในความประมาทตามคำบอกของบัณฑิตทางธรรม ก็ละความเพียรอันทำให้ตนลำบากเปล่า ลงจากเขาไปหามะกูดเชื่อมทานเพื่อให้ร่างกายได้มีกำลังกลับคืนมา และก็ลงจงกลมต่อในขณะที่เดินไปก็คิดไปว่า อภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ในครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จไปโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา คุณ MichaeLPauL ผมก็ได้เอามาย่นย่อลงเหลือแค่การเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสัจจะปรมัตถ์แล้วไม่มี เหตุเพราะความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นคนเป็นสัตว์มันจึงผิดจากบัญญัติ เมื่อปัญญาญาณสามารถแยกสมมุติบัญญัติจริงตามสมมุติ วิมุติตามจริงออกจากกัน เป็นเอกเทศก็ลงจากทางจงกลมเดินขึ้นกุฏินั่งภาวนาจนได้นิมิตในระนาบเดียวกันกับผู้มีความบริสุทธิ์หลุดพ้นไปแล้วก่อนหน้าพระ เสียงหัวเราะกับคำแสดงความชื่นชม ดังเข้ามาในกุฏิ หุหุหุ พระอมิตาภะรูปนี้นั่งตรัสรู้ไม่เหมือนใคร และมีเสียงกำชับว่ารู้รึยังว่าท่านเป็นใคร ผมรู้สึกได้ถึงเสียงที่ตั้งคำถามเสียงที่ทรงอำนาจนั้น ผมตอบว่าไม่รู้ครับ เสียงนั้นก็นำทางกระแสจิตอีกว่า ระลึกดี ๆ ว่าท่านเป็นใคร คุณ MichaeLPauL ผมพยายามระลึกชาติจนทำใจให้นิ่งได้แล้ว ก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นพระเยซูคริสต์ แขวนบนไม้กางเขน การเห็นเห็นเป็นภาพ 3 มิติ มีรูปที่ตรึงกับไม้กางเขน กับภาพนั่งคุกเข่าลงบนก้อนหินสวดภาวนาและภาพยืนภาวนา ส่วนภายไต้ไม้กางเขนลงมา มีลูกแกะแยกออกจากความมืด และก็มีเสียงกำกับว่า รู้ภพชาติของตนแล้วซินะผมตอบว่าทราบแล้วครับว่าผมเป็นพระเยซูคริสต์กลับมาเกิด และพร้อมกับคำเชิญชวนให้ออกมาข้างนอกจะพาไปดูของดีและผมก็เดินลงมาหาเจ้าของเสียงที่ทรงพลังทันใดนั้นผ้าม่านที่มีคนหามเกี้ยว ก็เปิดออกให้เห็นใบหน้า ที่แท้เกี้ยวหามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตท่านเรียกให้เข้าไปนั่งกับท่านพอท่านพูดจบ ตัวผมก็เข้าไปนั่งในเกี้ยวหามพร้อมท่านพระอาจารย์มั่น คนหามเกี้ยวก็ทะยานออกจากป่าเดินเหินอากาศจนมาลงที่อำเภอหนองไผ่และท่านอาจารย์มั่นกับผมก็ลงจากเกี้ยวและท่านก็ชี้ให้พระดู ขุมทองคำอยู่ไต้พสุธาเป็นทองคำทั้งสิ้นดูแล้วก็ไม่ได้เกิดความโลภขึ้นมาเลย และท่านก็พาเดินดูทรัพย์ไต้ดินจนได้เวลากลับท่านก็บอกให้คนหามเกี้ยวพระไปส่งพระที่กุฎิและท่านก็ลาจากไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวพระ เมื่อท่านอาจารย์มั่นจากไปไม่นานก็มองเห็นพระเดินออกมาจากทะเลทราย แล้วท่านก็บอกว่า ผมพระพระมหากัสสปะ ทราบว่าท่านพ้นทุกข์เข้าถึงแดนอำมตะแล้วก็เลยนำเอาพระอบทองคำที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุมามอบให้ท่านเก็บรักษา ก่อนผมจะกลับไบในทีที่ผมมาผมก็จะมอบหนังเท้าของผมให้ท่านไป ผมมาพบความหมายของหนังไม่ยึดติดตัวอักษรคัมภีร์ แต่ก็ไม่ทิ้งตัวอักษรคัมภีร์ อยู่เหนือการยอมรับ และเหนือการปฏิเสธ นั่นแหละ คือ ธรรมะที่แท้จริง คุณ MichaeLPauL และพระพระมหากัสสปะก็เดินทางข้ามทะเลทรายห่างออกไป ๆจนลับตาผมไป ท่านอากาศ ก่อนเกิดมาเป็นเรา การระลึกชาติแต่หนหลัง ในอดีตชาติเรามีชื่อ พระอาจารย์ดนัย กัลยาณธัมโม https://youtu.be/gGgiHJb3q_E เป็นเรื่องของคุณLuna เอง..ใช่มั้ยเนี้ย? ใช่ครับ https://youtu.be/kVgKOKXIlhM |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 28 มี.ค. 2019, 07:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
luna เขียน: กบนอกกะลา เขียน: luna เขียน: แค่อากาศ เขียน: ชอบๆๆๆแบบทา่น LUNA งั้นมาคุยกันพอให้เจริญใจครับ 1. รูปธรรม นามธรรม หมายเอาที่ใด การแยกรูปแยกนามแยกยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 2. ความเสมิอด้วยกันเป็นแบบไหน สำหรับท่าน ความเสมอกันท่านเห็นยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 3. ความไม่มีตัวตน คือ อะไร ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร ความว่าธาตุ ๔ อันกอปรกันเกิดขึ้นแต่กายนี้ ท่านเห็นเป็นธาตุจริง คือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นรับรู้ลงในธรรม ก็เมื่อเห็นเป็นธาตุแล้ว ยังจะมีธาตุที่ทำท่านั่งสมาธิอยู่อีกหรือไม่ หรือที่เห็นนั้นคือความคิด ไม่ได้เห็นเป็นธาตุจริง อรูปที่เข้าได้ก็ดี จิตที่จรออกจากร่างได้ก็ดี เมื่อมองดูกายเห็นเป็นแค่ธาตุจริง หรือยังเห็นเป็นตัวตนบุคคลอันนั่งหรือนอนอยู่ท่านั้นๆนี้ๆ ที่ถามไม่ใช่ลองภูมิ หรือท้าทายนะครับ การถามดังนี้หากเมือ่ท่านเข้าถึงจริงแล้วมีคำตอบ ความสืบต่อแนะนำให้เข้าถึงได้ย่อมมีมาก เกื้อกูลได้แก่ผู้อื่น หากท่านยังไม่ถึง เราก็สามารถแลก้เปลี่ยนพูดคุยกันเพื่อประโยชน์ยิ่งๆขึ้นได้ ย่อมไม่หมิ่นธรรมกัน บางอย่างเราอาจจะเห็นแบบสายปริยัติ ท่านรู้หมดจริงนะ แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาตินั้นเลย เหมือนรู้จัก KFC เห็นคนกิน KFC แต่ตนไม่อาจจะได้กินเลยตลอดทั้งชาติ ได้แค่จินตนาการ ผมเองก็ไม่ถภึงธรรม ไม่รู้ธรรม แค่ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป จึงไม่อาจจะคุยธรรมสูงได้ ก็จึงได้แต่เรียนรู้จากพวกท่านๆนี่แหละครับ อย่างไรก็แวะมาตอบผมด้วยนะครับ มาคุยกันสนุกๆครับ นานๆจะมีคนคุยธรรม ส่วนมากเห็นตัวอะไรก็ไม่รู้คุยกัน ถ้าท่านเป็น ลูนาซี (LUNA SEA) ผมจะเป็น Hyde L'Arc~en~Ciel เรามาเป็น J-Rock ด้วยกัน ผมขอแสดงขั้นตอนการละอาสวะแทนคำถามของท่านอากาศเป็นประสบการณ์ทางธรรมที่ผมพอจะระลึกได้นิดหน่อย ผมยินดีเป็นมิตรกับทุกท่าน ชื่อเรื่องธรรมะจักรวาลย้อนหนึ่ง เจ็ดวันบรรลุธรรม บรรพชิต และ ฆารวาสบุคคลใดยึดพระปริยัติ เป็นครูเป็นอาจารย์จะไม่มีบรรพชิตอุบาสกอุบาสิกาสำเร็จท่านใดเป็นพระอรหันต์ ได้เลย บรรพชิต อุบาสก อุบาสิกา ถือตนเป็นครูเป็นอาจารย์วางพระปริยัตให้เบาบางจนหมดจากสัญญาให้มากที่สุด บรรพชิต และ ฆารวาสก็จะบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ออกบวชได้ 7 วัน ในวันสำคัญทางพระศาสนาเป็นวันมาฆบูชาวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่วัดวังชมพู จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเอาหมายสำคัญในอดีต พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตและหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้เดินธุดงค์มาบำเพ็ญภาวนาที่ถ้ำพระฤาษีในจังหวัดเพชรบูรณ์ ทางวัดจึงได้นิมนต์พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมาเมตตาชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหลวงตามหาบัววัดป่าบ้านตาดหลวงปู่ท่อนวัดป่าศรีอภัยวัน หลวงปู่บุญเพ็งวัดถ้ำกลองเพลหลวงปู่จันทาวัดป่าเขาน้อยหลวงปู่เหรียญวัดอรัญญบรรพตมาแสดงธรรมอบรมกรรมฐานตลอดถึงการเจริญวิปัสสนากรรมฐานตลอดคืนพระได้นอนจงกลมรอบอุโบสถกับเพื่อนพระจน รุ่งขึ้นของวันใหม่วันที่ 26 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2537 ภายในโบสถ์โดยมีหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ มาร่วมลงปาฏิโมกข์สังฆกรรม พระกฤษฎาได้แสดงอาบัติและระลึกถึงนิมิตก่อนรุ่งอรุณ ที่เทวดาเต็มท้องฟ้ามาร้องรำดีดสีตีเป่าเครื่องดนตรี โปรยข้าวตอกดอกไม้ทิพย์ แสดงความดีใจ ก็ยิ่งทำให้พระกฤษฎาสุขใจ นึกอยู่ในใจว่าเราควรทำจิตให้ผ่องใสและเจริญพระกรรมฐาน วิปัสสนาดูลมหายใจเข้าออกอันธรรมดา คนที่ยังไม่เคยมองดูจิตของตัวเอง ไม่เคยฝึกฝน ขัดเกลารูปลักษณ์ เปรียบเหมือนกลุ่มดวงดาวที่กระจายอยู่ในห้วงจักรวาลนักปฏิบัติธรรมจะต้องรวบรวม จิตที่แตกกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวของเรา ให้รวมเป็นจิตหนึ่งพระกฤษฎาก็เป็นนักปฏิบัติธรรมตามทฤษฎีธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ด้วยการกำหนดรู้ดูเวทนาทางกายต่อเนื่องด้วยเวทนาในจิตพระกฤษฎาจับดูอาการที่เวทนาในกายแสดงตัวเดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวปวดเดี๋ยวปวดแสบปวดร้อนและก็เฉย ๆ ผู้รู้พูดจาโต้ตอบในความคิดกับพระกฤษฎา ว่ากำหนดรู้ดูเวทนาในจิตยิ่งกำหนดรู้ทุกข์ก็ยิ่งแสดงตัวความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ เวทนาเพิ่มขึ้น ยิ่งอยากให้หายเจ็บหายปวดหายเมื่อยเท่าไรกับกายเป็นความร้อนที่ร้อนสูงขึ้น จนร่างที่นั่งพับเพียบของพระกฤษฎา สั่นสะท้านไปด้วยทุกข์ เวทนา ราวกับกระดูกจะแยกชีกออกจากเนื้อ กระดูกถูกบด ร่างนั่งอยู่ในกองไฟ พระกฤษฎายังคงนั่งลืมตาดูทุกข์หูฟังเสียงพระสงฆ์เกิดแรงบันดานใจจากพระอริยครูสายในดง เล่าลือกันว่าบรมครูเทพโลกอุดร หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร องค์ท่านชอบฟังบทสวดพระปาฏิโมกข์มาก อาศัยกำลังใจจากตรงนี้ เกิดสนใจขึ้นมาในเวลานั้นต้องมีอะไรสินะหลวงปู่ใหญ่ท่านถึงชอบฟังจึงกำหนดจิตพิจารณาตามเสียงสวดของพระปาฎิโมกข์ ขณะเดียวกันนั้นภายในจิตใจก็เกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรง ไม่อยากจะนั่งต่อแล้ว จิตที่คิดไม่ดีเอาแต่จะเลิกล้มการนั่งในอริยบทเดียว เพื่อหาทางออก ที่จะพยายามขยับขยายสภาวะทุกขเวทนาในการปรับเปลี่ยนอริยบท ให้ได้รับความสบายขึ้น ์ชั่วขณะพระสวดพระปาฏิโมกข์ ใกล้จะจบลงพระกฤษฎาก็รวบรวมความกล้าอธิษฐานเอาบารมีความเพียรไม่ลดละแบบสู้ตายยอมตาย หากแม้นว่าเสียงพระสวดพระปาฏิโมกข์ยังจบลง เราพระกฤษฎาจะไม่สับเปลี่ยนอริยาบถถ้าเปลี่ยนอริยบถขอให้ตกนรกหมกไหม้อย่าได้ผุดอย่าได้เกิดกันเลย มีจิตจดจ่อ จับกับความรู้สึกในเวทนาเหล่านั้น พระยังคงส่งกระแสจิตไปตามทำนองพระปาฏิโมกข์ ในอาการสำรวม แต่กำหนดรู้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนบุคลเขาเราเกิดขึ้นอยู่ตั้งอยู่ดับไป อนุโลมกลับไปกลับมา อยู่ ๆ จิตที่แสดงตัวว่าร้อนรุ่มวุ่นวายก็สงบตัวลงความร้อนในจิตใจ กลับกลายเป็นความเย็นที่ลดลง น้ำตาไหลรินอาบแก้มพระกฤษฎาเกิดความสงสารคนไปทั้งโลกอยากให้เค้ามาเห็นทางพ้นทุกข์อย่างเรา บริเวณปริมณฑลตรงที่พระนั่งพับเพียบอยู่นั้นมีละอองธรรมะที่ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกและเกิดพลังจากภายนอก พลังมหาศาลดึงจิตให้หลุดออกจากร่างเปลือกของสมมติ พ้นจากแรงดึงดูดของจักรวาลโลกเกิดรัศมีแสงทิพย์สีขาว สว่างทลุขึ้นไปทุก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ที่สุดถึงพรหม ตลอดถึงพระนิพพาน จิตพูดว่าจิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว (จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว ) รูปลักษณ์ภาพที่ปรากฏ ฉายอยู่ตรงหน้าพระกฤษฎา ก็คือพระพุทธะสมณะโคดมบรมครูผู้ที่เสด็จไปดีแล้วนั่งอยู่บนอาสนะดอกบัวทิพย ์1000 กลีบ พร้อมกับทรงยิ้ม และทรงตรัสธรรมะกับจิตที่บริสุทธิ์ของพระกฤษฏาว่าพระพุทธเจ้า....พระธรรม...พระสงฆ์เกิดขึ้นมานานแล้ว...... อีกคุณบิดามารดา.....ถ้าใครให้เราสึกเรายอมตาย พระกฤษฎาเข้าใจในเวลานี้เองว่าในสมัยพุทธกาล พระอริยะเจ้า อยู่ด้วยกันมากรูปก็เท่ากับอยู่รูปเดียว อาคารสิ่งก่อสร้างไม่ปรากฏรูปลักษณ์ รูปเรารูปเค้าไม่มีตัวตนอยู่จริง ดวงจิตบริสุทธิ์ลอยเด่นกลางจักรวาล สมจริงที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมะผู้นั้นเห็นเราคือพระพุทธะ เมื่อธรรมะได้เกิดขึ้นแล้วกับพระกฤษฎาก็บรรลุพระโพธิญาณ มีศีลอันสงบดีแล้วมีพระพุทธคุณอันแผ่ซ่านออกจากร่างกาย พบตัวตนที่แท้จริงในเปลือกร่างสมมติ นับแต่ออกก้าวเดินก็ล้มลุกคุกคานมาตลอด ค้นคว้าหาแนวทางตรัสรู้ใหม่ๆ เดิมทีเกิดในสกุลฆราวาสธรรมดาตระกูล กองทรง รู้เห็นเรื่องราวพระพุทธประวัติ เกิดเลื่อมใสคิดตามเรียนแบบพระองค์ ทิ้งการเรียน ทิ้งครอบครัวพ่อแม่ สมบัติออกบวชหวังสำเร็จพระโพธิญาณ เมื่อรู้แจ้งแล้วก็รู้ว่าประเพณีวัฒนธรรมของ ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งก็ใช้ได้ในยุคนั้นจะนำมาใช้หรือลอกเลียนแบบทั้งหมดไม่เกิดประโยชน์เสียเวลาจะตายทิ้งเสียเปล่า คำว่าพระไม่ได้มีแค่ผู้นุ่งห่มผ้าเหลืองเท่านั้นสกุลชาวบ้านธรรมดา ก็เป็นพระได้ พระเป็นที่จิต จิตที่เป็นหนึ่งเท่านั้นจิตหนึ่งคือพุทธะ ผ้าเหลืองป็นเพียงแค่สัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นนักบวชลัทธินั้น คณะนี้ สาวกพระศาสดาองค์นั้นเท่านั้น เรื่องของจิตของใจคนทุกคนต้องปฏิบัติเอาเองเป็นเรื่องรีบด่วนก่อนที่จะตายทิ้งไปเปล่า ตนจึงควรเป็นที่พึ่งของตน จะให้พระศาสดาทำแทนตรัสรู้แทนกันไม่ได้ท่านทั้งหลายต้องทำเอาเองพรากเพียรพยายามด้วยตัวของท่านเอง เมื่อรู้ความจริงที่เปิดออกก็ไม่ต้องแบกร่างและโครงกระดูกด้วยความติดยึดยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไป หัวสมองของพระก็โปร่งใส ร่างกายก็มีสภาพไร้น้ำหนัก ด้วยสัญญาที่คลาดเคลื่อน ตัณหาความทะยานอยากอุปปทานตัวคิด จิตที่อยู่เหนือโลกหนือธรรมะ ก็เท่ากับได้ลาขาดจากความโง่ ออกเที่ยวโปรดสัตว์ไป ในสกุลชาวบ้านธรรมดาไม่คิดสะสมพรรษา คำว่าตรัสรู้ก็คือการที่มารู้แจ้งเรื่องที่พ้นสมัยของ พระศาสดาพระองค์นั้นในอดีตหรือพูดง่าย ๆ ก็คือมารู้เรื่องที่พญามารซ่อนมรรคผลพระนิพพานเอาไว้ หลังพุทธปรินิพพาน ได้รับความเมตา จากหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี ( ภูจ้อก้อ ) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร มีหลักฐานเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในคำสอนของพระเยซูไหมครับ ถ้ามีนำมาโชว์ ถ้าไม่มีเท่ากับว่าคุณกำลังให้ร้ายพระศาสนจักรอยู่ครับ เรียนคุณ MichaeLPauL ผมสารภาพตามตรงว่าวันอาทิตย์ที่ 22 -6-51 ที่ผ่านมา ผมไปค้นหาหนังสือเล่นนั้นแต่ไม่พบแล้ว แต่ถ้าคุณ MichaeLPauL จะใช้พลังจิตตรวจสอบความรู้นอกตำราผมก็ยินดี เรื่องนี้เกิดที่วัดหลวงปู่ชอบสร้างเอาไว้ วัดป่าบ้านบง ผมได้มีโอกาสไปบำเพ็ญเพียร เพื่อน ๆผมได้เลือกกุฏิ ที่พักก่อนหน้าผม ส่วนตัวผมเองมีสิ่งศักสิทธิ์ดนใจให้ไปได้กุฏิไม้ไผ่มุงแฝก มารู้เอาที่หลังว่าเป็นกุฎิที่หลวงปู่ชอบท่านมาภาวนา พระในวันว่าเป็นกุฏิหลวงปู่ชอบ คุณ MichaeLPauL ก่อนขึ้นกุฏิผมแสดงอาการกราบคารวะที่บันไดทางขึ้นกุฏิหลวงปู่ชอบ ผมมาอาศัยฝึกภาวนาไม่ได้คิดมาจับจองเป็นของตน การภาวนาของผมก็เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป จนมีอยู่คืนหนึ่งเดินจงกรมแล้วก็ขึ้นกุฏิเข้าที่ภาวนา ปรากฏว่าเห็นร่างตนเองนอนตายและจิตกำลังจะออกไปเที่ยวแต่บังคับไม่ให้จิตออกนอกกาย จึงกำหนดดู หนังเลือดเนื้อ ข้างในเป็นอะไร ก็ปรากฏเป็นโครงกระดูก ตั้งคำถามเข้าไปอีกว่า ในโครงกระดูกมีอะไรอยู่ข้างในอีก ก็กลับคืนเป็นฝุ่นผงขี้เถ้า จึงเพ่งลงไปอีกที่ฝุ่นผงขี้เถ้าก็พบความจริง เป็นความว่างเปล่า ก็ ภาวนาตามปกติปรากฏภาพนิมิต พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลท่านไม่ได้บอกชื่อหรือนามท่านแต่ท่านก็ให้เรานั่งนิพพานให้ดู และท่านยังแสดงอาการนิพพานในท่านั่งให้ดู ท่านนั่งไปสักพักก็ล้มพับไป แล้วก็เปลี่ยนเป็นรูปเดิน เดินไปสุดทางจงกลม แล้วก็เดินมาถึงกลางทางจงกลมก็ล้มลงนิพพาน จากนั้นเปลี่ยนเป็นรูปยืนท่านยืนได้สักพักหนึ่งก็ล้มลงกับพื้นกองกับพื้นดิน รูปนอนก็นอนตะแคงและก็หลับตานิพพานไปเลย เกิดธรรมะสังเวชบงตกกับชีวิต ถ้าเวลาตายของเรามาถึงจะหลบไปตายในถ้ำด้วยรูปนั่งไม่ต้องการให้ใครมาพบมาเห็น ก่อนหน้านั้นที่จะถึงกิเลสนิพพาน ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน ก็จะมีฝนนี้เรียกว่าฝนโบกขรพรรษสีเม็ดน้ำฝน แดงเรื่อ เหมือนแก้วทับทิม ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกาย ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกแต่ก่อให้เกิดความชุ่มชื่นเย็นของสายฝนที่ผัสผัสผิวกาย เป็นอยู่อย่างนี้นานทีเดียวนอนหลับเป็นเห็นเทพเทวาพากันมารดน้ำสังข์ ประกอบกับเห็นนิมิตรูปเจดีย์สีขาวล้อมรอบไปด้วยไม้กางเขน มีอักษรจารึกเป็นคำว่า เจดีย์พระคุณแม่ จนวันที่ผมทิ้งสำนักเดินทางไปหาวิเวกที่วัดป่าเขาเจริญธรรม ผมก็ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาตั้งสัจจะไม่ทานข้าวทานแต่น้ำ เร่งความเพียนเพื่อเผากิเลสให้หมดในชาตินี้ แต่ก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ผมลงมาปักกลดข้างล้างกุฏิ ผมก็นอนภาวนาจนหลับดิ่งลึก มาตื่นเอาตอนหูได้ยินเสียงปีกนกตีกับอะไรก็ไม่ทราบ เสียงปีกของนกตีถี่มาก จนผมต้องถอนจิตออกจากฌาน ลืมตาขึ้นดูก็เห็นนกกางเขน คู่หนึ่งบินลงมาจิกตีงูสิงที่เลื่อยมาทางกลดที่ผมปักอยู่ พอนกกางเขนเห็นว่าผมตื่นแล้ว ผมก็เข้าใจทันที่ว่านกกางเขนเค้ามาให้ความคุ้มครองเราในขณะที่นอนภาวนา คุณ MichaeLPauL ผมได้บอกขอบใจนกกางเขนที่เขามาปกป้องเราไม่ให้ได้รับอันตรายจากงูสิงตัวใหญ่ และผมก็ใช้ไม้กลดเขี่ยงูให้ออกพ้นทางจนมันเลื่อนเข้าไปในป่า ผมมารู้ทีหลังคุณ MichaeLPauL ว่าผมไปปักกลดปิดทางเข้ารูของงูสิงตัวใหญ่ พ้นเรื่องงูไปผมก็มาพบเห็นวิญญาณจากนักซิ่งมอเตอร์ไซด์ตายคารถ ญาติก็เอามาฝากไว้ที่วัดผมก็ลงไปชักอนิจจา เวลา 2 ทุ่มก่อนเดินจากซากมอเตอร์ไซด์ก็เกิดวิตกว่า ไม่มีชิ้นดีอย่างนี้ใครจะขับไปได้ กลางดึกสะงัดในฝันได้ยินเสียงวัยรุ่นมาตะโกนเรียกหน้ากุฏิ หลวงพี่ ๆ ไปขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกัน ผมก็ออกมาจากกุฏิอ้าวมอเตอร์ไซด์มันพังไปแล้ว ทำไมมันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ละ วิญญาณก็บอกว่าคนที่ตายแล้วสามารถรวบรวมสสานและพลังงานที่อยู่รอบ ๆตัวเป็นวัตถุต่างๆได้อย่างสบาย แล้วผมกับวิญญาณก็นั่งรถไปเที่ยวพอมีบ้านขวางอยู่ข้างหน้าผีก็ไม่หลบพระก็ซ้อนท้ายไปพอสมควร ชนจะๆ กันเห็นๆ ก็กลายเป็นความว่างเปล่าขับไปแหวไปไม่มีสิ่งกรีดขวางหวาดเสียวไปหมด จนขับมาส่งที่หน้ากุฏิแล้วหมุ่นนักบิดเมืองผีก็กล่าวอำลาจากไป หลังจากที่ผีนักซิ่งหายลับตาไปแล้ว ก็สะดุ้งตื่นลุกออกมาเข้าทางจงกลมต่อ เดินไปก็พิจารณาธรรมะ ไปจนเป็นเช้าวันใหม่ ก็ไปวางดอกไม้จันทน์ให้ผีนักซิ่ง และก็ร่วมเผาจนเก็บกระดูก และก็ขึ้นเขาไปปฏิบัติธรรมต่อแต่คืนนี้ว่าจะไม่เดิน เอาแค่นั่งสมาธิกับนอนภาวนาเท่านั้น คืนนี้ได้รับคำตักเตือนจากจ้าวป่าเจ้าเขา มาให้ปัญญา ท่าน ๆ การอดนอนผ่อนอาหารเอาแค่พอดี อย่าทำให้มันเกินเลย พุทธเจ้าในอดีตก็ไม่กิเลสนิพพานด้วยการอดอาหาร สังขารต้องการอาหาร แม้แต่ผมก็ยังมีอาหารทิพย์ทาน ส่วนท่านนั้นไม่พักผ่อนก็ไม่เป็นไรแต่ร่างกายต้องการอาหาร การภวนามันจึงจะเป็นไปในมรรคผล เสียงเจ้าป่าท่านนี้ดังมาจากแท่นศิลาอาสน์ นั่งคู่กับมเหสีแต่งองค์ด้วยชุดกษัตริย์โบราณกำลังเสวยอาหารทิพย์อยู่บนฟ้าสวรรค์ที่แหวกเป็นชั้น ๆ ฟ้ามองมาที่โลกมนุษย์ บอกให้สติพระอยู่ เมื่อตนพิจารณาตามก็เห็นว่ากำลังตกอยู่ในความประมาทตามคำบอกของบัณฑิตทางธรรม ก็ละความเพียรอันทำให้ตนลำบากเปล่า ลงจากเขาไปหามะกูดเชื่อมทานเพื่อให้ร่างกายได้มีกำลังกลับคืนมา และก็ลงจงกลมต่อในขณะที่เดินไปก็คิดไปว่า อภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ในครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จไปโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา คุณ MichaeLPauL ผมก็ได้เอามาย่นย่อลงเหลือแค่การเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสัจจะปรมัตถ์แล้วไม่มี เหตุเพราะความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นคนเป็นสัตว์มันจึงผิดจากบัญญัติ เมื่อปัญญาญาณสามารถแยกสมมุติบัญญัติจริงตามสมมุติ วิมุติตามจริงออกจากกัน เป็นเอกเทศก็ลงจากทางจงกลมเดินขึ้นกุฏินั่งภาวนาจนได้นิมิตในระนาบเดียวกันกับผู้มีความบริสุทธิ์หลุดพ้นไปแล้วก่อนหน้าพระ เสียงหัวเราะกับคำแสดงความชื่นชม ดังเข้ามาในกุฏิ หุหุหุ พระอมิตาภะรูปนี้นั่งตรัสรู้ไม่เหมือนใคร และมีเสียงกำชับว่ารู้รึยังว่าท่านเป็นใคร ผมรู้สึกได้ถึงเสียงที่ตั้งคำถามเสียงที่ทรงอำนาจนั้น ผมตอบว่าไม่รู้ครับ เสียงนั้นก็นำทางกระแสจิตอีกว่า ระลึกดี ๆ ว่าท่านเป็นใคร คุณ MichaeLPauL ผมพยายามระลึกชาติจนทำใจให้นิ่งได้แล้ว ก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นพระเยซูคริสต์ แขวนบนไม้กางเขน การเห็นเห็นเป็นภาพ 3 มิติ มีรูปที่ตรึงกับไม้กางเขน กับภาพนั่งคุกเข่าลงบนก้อนหินสวดภาวนาและภาพยืนภาวนา ส่วนภายไต้ไม้กางเขนลงมา มีลูกแกะแยกออกจากความมืด และก็มีเสียงกำกับว่า รู้ภพชาติของตนแล้วซินะผมตอบว่าทราบแล้วครับว่าผมเป็นพระเยซูคริสต์กลับมาเกิด และพร้อมกับคำเชิญชวนให้ออกมาข้างนอกจะพาไปดูของดีและผมก็เดินลงมาหาเจ้าของเสียงที่ทรงพลังทันใดนั้นผ้าม่านที่มีคนหามเกี้ยว ก็เปิดออกให้เห็นใบหน้า ที่แท้เกี้ยวหามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตท่านเรียกให้เข้าไปนั่งกับท่านพอท่านพูดจบ ตัวผมก็เข้าไปนั่งในเกี้ยวหามพร้อมท่านพระอาจารย์มั่น คนหามเกี้ยวก็ทะยานออกจากป่าเดินเหินอากาศจนมาลงที่อำเภอหนองไผ่และท่านอาจารย์มั่นกับผมก็ลงจากเกี้ยวและท่านก็ชี้ให้พระดู ขุมทองคำอยู่ไต้พสุธาเป็นทองคำทั้งสิ้นดูแล้วก็ไม่ได้เกิดความโลภขึ้นมาเลย และท่านก็พาเดินดูทรัพย์ไต้ดินจนได้เวลากลับท่านก็บอกให้คนหามเกี้ยวพระไปส่งพระที่กุฎิและท่านก็ลาจากไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวพระ เมื่อท่านอาจารย์มั่นจากไปไม่นานก็มองเห็นพระเดินออกมาจากทะเลทราย แล้วท่านก็บอกว่า ผมพระพระมหากัสสปะ ทราบว่าท่านพ้นทุกข์เข้าถึงแดนอำมตะแล้วก็เลยนำเอาพระอบทองคำที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุมามอบให้ท่านเก็บรักษา ก่อนผมจะกลับไบในทีที่ผมมาผมก็จะมอบหนังเท้าของผมให้ท่านไป ผมมาพบความหมายของหนังไม่ยึดติดตัวอักษรคัมภีร์ แต่ก็ไม่ทิ้งตัวอักษรคัมภีร์ อยู่เหนือการยอมรับ และเหนือการปฏิเสธ นั่นแหละ คือ ธรรมะที่แท้จริง คุณ MichaeLPauL และพระพระมหากัสสปะก็เดินทางข้ามทะเลทรายห่างออกไป ๆจนลับตาผมไป ท่านอากาศ ก่อนเกิดมาเป็นเรา การระลึกชาติแต่หนหลัง ในอดีตชาติเรามีชื่อ พระอาจารย์ดนัย กัลยาณธัมโม https://youtu.be/gGgiHJb3q_E เป็นเรื่องของคุณLuna เอง..ใช่มั้ยเนี้ย? ใช่ครับ https://youtu.be/kVgKOKXIlhM 2537 ...คุณLuna ว่า..บวชได้ 7 วัน ลงสวดปาติโมกข์ แสดงว่า..เป็นพระไม่ใช่เณรน้อย...แล้วก็อยู่ในพิธีสำคัญ... ในวันนั้น คุณLuna..เป็นพระหรือเป็นเณร..ละครับ? พระดนัย..ที่คุณLuna ว่าเป็นชื่อในอดีต..ถูกช้างเหยียบมรณภาพที่เขาใหญ่ ปี 2530... จาก 2530 ถึง 2537 หากลบช่วงตั้งครรภ์ออกไป..เด็กอายุก็ควรจะ 6 ขวบ อื่มม.....นะ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 28 มี.ค. 2019, 07:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
คำพูด..ที่ใช้พูด..คำเดียวกัน..แต่คนละความหมาย..ก็ทำให้การสื่อสาร..ไม่ราบรื่นได้ อย่างเช่น..ผู้รู้ ผู้รู้..ของคุณลูน่า...เป็นเสียงกระซิบ...กระซิบให้เลิกนั่ง..กระซิบให้เปลี่ยนท่านั่ง....เป็นต้น..เจ้าเสียงประเภทชักนำให้จิตใจห่างจากกุศลพวกนี้...ผมเรียกมันว่า..ไอ้ชั่ว.หรือ..ความชั่ว...แล้วแต่อารมณ์.. การทิ้งผู้รู้..ประเภทนี้..ก็ควรอยู่.. ส่วน..ผู้รู้..ของผม..คือ..รู้อย่างเดียว...ไม่มีตัวไหนต้องมากระซิบ.. นี้แหละ..อันตรายของคำพูด...หากไม่อยู่บนฐานเดียวกัน..ก็อาจทะเลาะกันไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ.. |
เจ้าของ: | luna [ 28 มี.ค. 2019, 08:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
กบนอกกะลา เขียน: luna เขียน: กบนอกกะลา เขียน: luna เขียน: แค่อากาศ เขียน: ชอบๆๆๆแบบทา่น LUNA งั้นมาคุยกันพอให้เจริญใจครับ 1. รูปธรรม นามธรรม หมายเอาที่ใด การแยกรูปแยกนามแยกยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 2. ความเสมิอด้วยกันเป็นแบบไหน สำหรับท่าน ความเสมอกันท่านเห็นยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร 3. ความไม่มีตัวตน คือ อะไร ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร ความว่าธาตุ ๔ อันกอปรกันเกิดขึ้นแต่กายนี้ ท่านเห็นเป็นธาตุจริง คือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นรับรู้ลงในธรรม ก็เมื่อเห็นเป็นธาตุแล้ว ยังจะมีธาตุที่ทำท่านั่งสมาธิอยู่อีกหรือไม่ หรือที่เห็นนั้นคือความคิด ไม่ได้เห็นเป็นธาตุจริง อรูปที่เข้าได้ก็ดี จิตที่จรออกจากร่างได้ก็ดี เมื่อมองดูกายเห็นเป็นแค่ธาตุจริง หรือยังเห็นเป็นตัวตนบุคคลอันนั่งหรือนอนอยู่ท่านั้นๆนี้ๆ ที่ถามไม่ใช่ลองภูมิ หรือท้าทายนะครับ การถามดังนี้หากเมือ่ท่านเข้าถึงจริงแล้วมีคำตอบ ความสืบต่อแนะนำให้เข้าถึงได้ย่อมมีมาก เกื้อกูลได้แก่ผู้อื่น หากท่านยังไม่ถึง เราก็สามารถแลก้เปลี่ยนพูดคุยกันเพื่อประโยชน์ยิ่งๆขึ้นได้ ย่อมไม่หมิ่นธรรมกัน บางอย่างเราอาจจะเห็นแบบสายปริยัติ ท่านรู้หมดจริงนะ แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาตินั้นเลย เหมือนรู้จัก KFC เห็นคนกิน KFC แต่ตนไม่อาจจะได้กินเลยตลอดทั้งชาติ ได้แค่จินตนาการ ผมเองก็ไม่ถภึงธรรม ไม่รู้ธรรม แค่ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป จึงไม่อาจจะคุยธรรมสูงได้ ่จึงได้แต่เรียนรู้จากพวกท่านๆนี่แหละครับ อย่างไรก็แวะมาตอบผมด้วยนะครับ มาคุยกันสนุกๆครับ นานๆจะมีคนคุยธรรม ส่วนมากเห็นตัวอะไรก็ไม่รู้คุยกัน ถ้าท่านเป็น ลูนาซี (LUNA SEA) ผมจะเป็น Hyde L'Arc~en~Ciel เรามาเป็น J-Rock ด้วยกัน ผมขอแสดงขั้นตอนการละอาสวะแทนคำถามของท่านอากาศเป็นประสบการณ์ทางธรรมที่ผมพอจะระลึกได้นิดหน่อย ผมยินดีเป็นมิตรกับทุกท่าน ชื่อเรื่องธรรมะจักรวาลย้อนหนึ่ง เจ็ดวันบรรลุธรรม บรรพชิต และ ฆารวาสบุคคลใดยึดพระปริยัติ เป็นครูเป็นอาจารย์จะไม่มีบรรพชิตอุบาสกอุบาสิกาสำเร็จท่านใดเป็นพระอรหันต์ ได้เลย บรรพชิต อุบาสก อุบาสิกา ถือตนเป็นครูเป็นอาจารย์วางพระปริยัตให้เบาบางจนหมดจากสัญญาให้มากที่สุด บรรพชิต และ ฆารวาสก็จะบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ออกบวชได้ 7 วัน ในวันสำคัญทางพระศาสนาเป็นวันมาฆบูชาวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่วัดวังชมพู จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเอาหมายสำคัญในอดีต พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตและหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้เดินธุดงค์มาบำเพ็ญภาวนาที่ถ้ำพระฤาษีในจังหวัดเพชรบูรณ์ ทางวัดจึงได้นิมนต์พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมาเมตตาชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหลวงตามหาบัววัดป่าบ้านตาดหลวงปู่ท่อนวัดป่าศรีอภัยวัน หลวงปู่บุญเพ็งวัดถ้ำกลองเพลหลวงปู่จันทาวัดป่าเขาน้อยหลวงปู่เหรียญวัดอรัญญบรรพตมาแสดงธรรมอบรมกรรมฐานตลอดถึงการเจริญวิปัสสนากรรมฐานตลอดคืนพระได้นอนจงกลมรอบอุโบสถกับเพื่อนพระจน รุ่งขึ้นของวันใหม่วันที่ 26 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2537 ภายในโบสถ์โดยมีหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ มาร่วมลงปาฏิโมกข์สังฆกรรม พระกฤษฎาได้แสดงอาบัติและระลึกถึงนิมิตก่อนรุ่งอรุณ ที่เทวดาเต็มท้องฟ้ามาร้องรำดีดสีตีเป่าเครื่องดนตรี โปรยข้าวตอกดอกไม้ทิพย์ แสดงความดีใจ ก็ยิ่งทำให้พระกฤษฎาสุขใจ นึกอยู่ในใจว่าเราควรทำจิตให้ผ่องใสและเจริญพระกรรมฐาน วิปัสสนาดูลมหายใจเข้าออกอันธรรมดา คนที่ยังไม่เคยมองดูจิตของตัวเอง ไม่เคยฝึกฝน ขัดเกลารูปลักษณ์ เปรียบเหมือนกลุ่มดวงดาวที่กระจายอยู่ในห้วงจักรวาลนักปฏิบัติธรรมจะต้องรวบรวม จิตที่แตกกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวของเรา ให้รวมเป็นจิตหนึ่งพระกฤษฎาก็เป็นนักปฏิบัติธรรมตามทฤษฎีธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ด้วยการกำหนดรู้ดูเวทนาทางกายต่อเนื่องด้วยเวทนาในจิตพระกฤษฎาจับดูอาการที่เวทนาในกายแสดงตัวเดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวปวดเดี๋ยวปวดแสบปวดร้อนและก็เฉย ๆ ผู้รู้พูดจาโต้ตอบในความคิดกับพระกฤษฎา ว่ากำหนดรู้ดูเวทนาในจิตยิ่งกำหนดรู้ทุกข์ก็ยิ่งแสดงตัวความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ เวทนาเพิ่มขึ้น ยิ่งอยากให้หายเจ็บหายปวดหายเมื่อยเท่าไรกับกายเป็นความร้อนที่ร้อนสูงขึ้น จนร่างที่นั่งพับเพียบของพระกฤษฎา สั่นสะท้านไปด้วยทุกข์ เวทนา ราวกับกระดูกจะแยกชีกออกจากเนื้อ กระดูกถูกบด ร่างนั่งอยู่ในกองไฟ พระกฤษฎายังคงนั่งลืมตาดูทุกข์หูฟังเสียงพระสงฆ์เกิดแรงบันดานใจจากพระอริยครูสายในดง เล่าลือกันว่าบรมครูเทพโลกอุดร หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร องค์ท่านชอบฟังบทสวดพระปาฏิโมกข์มาก อาศัยกำลังใจจากตรงนี้ เกิดสนใจขึ้นมาในเวลานั้นต้องมีอะไรสินะหลวงปู่ใหญ่ท่านถึงชอบฟังจึงกำหนดจิตพิจารณาตามเสียงสวดของพระปาฎิโมกข์ ขณะเดียวกันนั้นภายในจิตใจก็เกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรง ไม่อยากจะนั่งต่อแล้ว จิตที่คิดไม่ดีเอาแต่จะเลิกล้มการนั่งในอริยบทเดียว เพื่อหาทางออก ที่จะพยายามขยับขยายสภาวะทุกขเวทนาในการปรับเปลี่ยนอริยบท ให้ได้รับความสบายขึ้น ์ชั่วขณะพระสวดพระปาฏิโมกข์ ใกล้จะจบลงพระกฤษฎาก็รวบรวมความกล้าอธิษฐานเอาบารมีความเพียรไม่ลดละแบบสู้ตายยอมตาย หากแม้นว่าเสียงพระสวดพระปาฏิโมกข์ยังจบลง เราพระกฤษฎาจะไม่สับเปลี่ยนอริยาบถถ้าเปลี่ยนอริยบถขอให้ตกนรกหมกไหม้อย่าได้ผุดอย่าได้เกิดกันเลย มีจิตจดจ่อ จับกับความรู้สึกในเวทนาเหล่านั้น พระยังคงส่งกระแสจิตไปตามทำนองพระปาฏิโมกข์ ในอาการสำรวม แต่กำหนดรู้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนบุคลเขาเราเกิดขึ้นอยู่ตั้งอยู่ดับไป อนุโลมกลับไปกลับมา อยู่ ๆ จิตที่แสดงตัวว่าร้อนรุ่มวุ่นวายก็สงบตัวลงความร้อนในจิตใจ กลับกลายเป็นความเย็นที่ลดลง น้ำตาไหลรินอาบแก้มพระกฤษฎาเกิดความสงสารคนไปทั้งโลกอยากให้เค้ามาเห็นทางพ้นทุกข์อย่างเรา บริเวณปริมณฑลตรงที่พระนั่งพับเพียบอยู่นั้นมีละอองธรรมะที่ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกและเกิดพลังจากภายนอก พลังมหาศาลดึงจิตให้หลุดออกจากร่างเปลือกของสมมติ พ้นจากแรงดึงดูดของจักรวาลโลกเกิดรัศมีแสงทิพย์สีขาว สว่างทลุขึ้นไปทุก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ที่สุดถึงพรหม ตลอดถึงพระนิพพาน จิตพูดว่าจิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว (จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว ) รูปลักษณ์ภาพที่ปรากฏ ฉายอยู่ตรงหน้าพระกฤษฎา ก็คือพระพุทธะสมณะโคดมบรมครูผู้ที่เสด็จไปดีแล้วนั่งอยู่บนอาสนะดอกบัวทิพย ์1000 กลีบ พร้อมกับทรงยิ้ม และทรงตรัสธรรมะกับจิตที่บริสุทธิ์ของพระกฤษฏาว่าพระพุทธเจ้า....พระธรรม...พระสงฆ์เกิดขึ้นมานานแล้ว...... อีกคุณบิดามารดา.....ถ้าใครให้เราสึกเรายอมตาย พระกฤษฎาเข้าใจในเวลานี้เองว่าในสมัยพุทธกาล พระอริยะเจ้า อยู่ด้วยกันมากรูปก็เท่ากับอยู่รูปเดียว อาคารสิ่งก่อสร้างไม่ปรากฏรูปลักษณ์ รูปเรารูปเค้าไม่มีตัวตนอยู่จริง ดวงจิตบริสุทธิ์ลอยเด่นกลางจักรวาล สมจริงที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมะผู้นั้นเห็นเราคือพระพุทธะ เมื่อธรรมะได้เกิดขึ้นแล้วกับพระกฤษฎาก็บรรลุพระโพธิญาณ มีศีลอันสงบดีแล้วมีพระพุทธคุณอันแผ่ซ่านออกจากร่างกาย พบตัวตนที่แท้จริงในเปลือกร่างสมมติ นับแต่ออกก้าวเดินก็ล้มลุกคุกคานมาตลอด ค้นคว้าหาแนวทางตรัสรู้ใหม่ๆ เดิมทีเกิดในสกุลฆราวาสธรรมดาตระกูล กองทรง รู้เห็นเรื่องราวพระพุทธประวัติ เกิดเลื่อมใสคิดตามเรียนแบบพระองค์ ทิ้งการเรียน ทิ้งครอบครัวพ่อแม่ สมบัติออกบวชหวังสำเร็จพระโพธิญาณ เมื่อรู้แจ้งแล้วก็รู้ว่าประเพณีวัฒนธรรมของ ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งก็ใช้ได้ในยุคนั้นจะนำมาใช้หรือลอกเลียนแบบทั้งหมดไม่เกิดประโยชน์เสียเวลาจะตายทิ้งเสียเปล่า คำว่าพระไม่ได้มีแค่ผู้นุ่งห่มผ้าเหลืองเท่านั้นสกุลชาวบ้านธรรมดา ก็เป็นพระได้ พระเป็นที่จิต จิตที่เป็นหนึ่งเท่านั้นจิตหนึ่งคือพุทธะ ผ้าเหลืองป็นเพียงแค่สัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นนักบวชลัทธินั้น คณะนี้ สาวกพระศาสดาองค์นั้นเท่านั้น เรื่องของจิตของใจคนทุกคนต้องปฏิบัติเอาเองเป็นเรื่องรีบด่วนก่อนที่จะตายทิ้งไปเปล่า ตนจึงควรเป็นที่พึ่งของตน จะให้พระศาสดาทำแทนตรัสรู้แทนกันไม่ได้ท่านทั้งหลายต้องทำเอาเองพรากเพียรพยายามด้วยตัวของท่านเอง เมื่อรู้ความจริงที่เปิดออกก็ไม่ต้องแบกร่างและโครงกระดูกด้วยความติดยึดยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไป หัวสมองของพระก็โปร่งใส ร่างกายก็มีสภาพไร้น้ำหนัก ด้วยสัญญาที่คลาดเคลื่อน ตัณหาความทะยานอยากอุปปทานตัวคิด จิตที่อยู่เหนือโลกหนือธรรมะ ก็เท่ากับได้ลาขาดจากความโง่ ออกเที่ยวโปรดสัตว์ไป ในสกุลชาวบ้านธรรมดาไม่คิดสะสมพรรษา คำว่าตรัสรู้ก็คือการที่มารู้แจ้งเรื่องที่พ้นสมัยของ พระศาสดาพระองค์นั้นในอดีตหรือพูดง่าย ๆ ก็คือมารู้เรื่องที่พญามารซ่อนมรรคผลพระนิพพานเอาไว้ หลังพุทธปรินิพพาน ได้รับความเมตา จากหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี ( ภูจ้อก้อ ) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร มีหลักฐานเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในคำสอนของพระเยซูไหมครับ ถ้ามีนำมาโชว์ ถ้าไม่มีเท่ากับว่าคุณกำลังให้ร้ายพระศาสนจักรอยู่ครับ เรียนคุณ MichaeLPauL ผมสารภาพตามตรงว่าวันอาทิตย์ที่ 22 -6-51 ที่ผ่านมา ผมไปค้นหาหนังสือเล่นนั้นแต่ไม่พบแล้ว แต่ถ้าคุณ MichaeLPauL จะใช้พลังจิตตรวจสอบความรู้นอกตำราผมก็ยินดี เรื่องนี้เกิดที่วัดหลวงปู่ชอบสร้างเอาไว้ วัดป่าบ้านบง ผมได้มีโอกาสไปบำเพ็ญเพียร เพื่อน ๆผมได้เลือกกุฏิ ที่พักก่อนหน้าผม ส่วนตัวผมเองมีสิ่งศักสิทธิ์ดนใจให้ไปได้กุฏิไม้ไผ่มุงแฝก มารู้เอาที่หลังว่าเป็นกุฎิที่หลวงปู่ชอบท่านมาภาวนา พระในวันว่าเป็นกุฏิหลวงปู่ชอบ คุณ MichaeLPauL ก่อนขึ้นกุฏิผมแสดงอาการกราบคารวะที่บันไดทางขึ้นกุฏิหลวงปู่ชอบ ผมมาอาศัยฝึกภาวนาไม่ได้คิดมาจับจองเป็นของตน การภาวนาของผมก็เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป จนมีอยู่คืนหนึ่งเดินจงกรมแล้วก็ขึ้นกุฏิเข้าที่ภาวนา ปรากฏว่าเห็นร่างตนเองนอนตายและจิตกำลังจะออกไปเที่ยวแต่บังคับไม่ให้จิตออกนอกกาย จึงกำหนดดู หนังเลือดเนื้อ ข้างในเป็นอะไร ก็ปรากฏเป็นโครงกระดูก ตั้งคำถามเข้าไปอีกว่า ในโครงกระดูกมีอะไรอยู่ข้างในอีก ก็กลับคืนเป็นฝุ่นผงขี้เถ้า จึงเพ่งลงไปอีกที่ฝุ่นผงขี้เถ้าก็พบความจริง เป็นความว่างเปล่า ก็ ภาวนาตามปกติปรากฏภาพนิมิต พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลท่านไม่ได้บอกชื่อหรือนามท่านแต่ท่านก็ให้เรานั่งนิพพานให้ดู และท่านยังแสดงอาการนิพพานในท่านั่งให้ดู ท่านนั่งไปสักพักก็ล้มพับไป แล้วก็เปลี่ยนเป็นรูปเดิน เดินไปสุดทางจงกลม แล้วก็เดินมาถึงกลางทางจงกลมก็ล้มลงนิพพาน จากนั้นเปลี่ยนเป็นรูปยืนท่านยืนได้สักพักหนึ่งก็ล้มลงกับพื้นกองกับพื้นดิน รูปนอนก็นอนตะแคงและก็หลับตานิพพานไปเลย เกิดธรรมะสังเวชบงตกกับชีวิต ถ้าเวลาตายของเรามาถึงจะหลบไปตายในถ้ำด้วยรูปนั่งไม่ต้องการให้ใครมาพบมาเห็น ก่อนหน้านั้นที่จะถึงกิเลสนิพพาน ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน ก็จะมีฝนนี้เรียกว่าฝนโบกขรพรรษสีเม็ดน้ำฝน แดงเรื่อ เหมือนแก้วทับทิม ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกาย ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกแต่ก่อให้เกิดความชุ่มชื่นเย็นของสายฝนที่ผัสผัสผิวกาย เป็นอยู่อย่างนี้นานทีเดียวนอนหลับเป็นเห็นเทพเทวาพากันมารดน้ำสังข์ ประกอบกับเห็นนิมิตรูปเจดีย์สีขาวล้อมรอบไปด้วยไม้กางเขน มีอักษรจารึกเป็นคำว่า เจดีย์พระคุณแม่ จนวันที่ผมทิ้งสำนักเดินทางไปหาวิเวกที่วัดป่าเขาเจริญธรรม ผมก็ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาตั้งสัจจะไม่ทานข้าวทานแต่น้ำ เร่งความเพียนเพื่อเผากิเลสให้หมดในชาตินี้ แต่ก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ผมลงมาปักกลดข้างล้างกุฏิ ผมก็นอนภาวนาจนหลับดิ่งลึก มาตื่นเอาตอนหูได้ยินเสียงปีกนกตีกับอะไรก็ไม่ทราบ เสียงปีกของนกตีถี่มาก จนผมต้องถอนจิตออกจากฌาน ลืมตาขึ้นดูก็เห็นนกกางเขน คู่หนึ่งบินลงมาจิกตีงูสิงที่เลื่อยมาทางกลดที่ผมปักอยู่ พอนกกางเขนเห็นว่าผมตื่นแล้ว ผมก็เข้าใจทันที่ว่านกกางเขนเค้ามาให้ความคุ้มครองเราในขณะที่นอนภาวนา คุณ MichaeLPauL ผมได้บอกขอบใจนกกางเขนที่เขามาปกป้องเราไม่ให้ได้รับอันตรายจากงูสิงตัวใหญ่ และผมก็ใช้ไม้กลดเขี่ยงูให้ออกพ้นทางจนมันเลื่อนเข้าไปในป่า ผมมารู้ทีหลังคุณ MichaeLPauL ว่าผมไปปักกลดปิดทางเข้ารูของงูสิงตัวใหญ่ พ้นเรื่องงูไปผมก็มาพบเห็นวิญญาณจากนักซิ่งมอเตอร์ไซด์ตายคารถ ญาติก็เอามาฝากไว้ที่วัดผมก็ลงไปชักอนิจจา เวลา 2 ทุ่มก่อนเดินจากซากมอเตอร์ไซด์ก็เกิดวิตกว่า ไม่มีชิ้นดีอย่างนี้ใครจะขับไปได้ กลางดึกสะงัดในฝันได้ยินเสียงวัยรุ่นมาตะโกนเรียกหน้ากุฏิ หลวงพี่ ๆ ไปขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกัน ผมก็ออกมาจากกุฏิอ้าวมอเตอร์ไซด์มันพังไปแล้ว ทำไมมันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ละ วิญญาณก็บอกว่าคนที่ตายแล้วสามารถรวบรวมสสานและพลังงานที่อยู่รอบ ๆตัวเป็นวัตถุต่างๆได้อย่างสบาย แล้วผมกับวิญญาณก็นั่งรถไปเที่ยวพอมีบ้านขวางอยู่ข้างหน้าผีก็ไม่หลบพระก็ซ้อนท้ายไปพอสมควร ชนจะๆ กันเห็นๆ ก็กลายเป็นความว่างเปล่าขับไปแหวไปไม่มีสิ่งกรีดขวางหวาดเสียวไปหมด จนขับมาส่งที่หน้ากุฏิแล้วหมุ่นนักบิดเมืองผีก็กล่าวอำลาจากไป หลังจากที่ผีนักซิ่งหายลับตาไปแล้ว ก็สะดุ้งตื่นลุกออกมาเข้าทางจงกลมต่อ เดินไปก็พิจารณาธรรมะ ไปจนเป็นเช้าวันใหม่ ก็ไปวางดอกไม้จันทน์ให้ผีนักซิ่ง และก็ร่วมเผาจนเก็บกระดูก และก็ขึ้นเขาไปปฏิบัติธรรมต่อแต่คืนนี้ว่าจะไม่เดิน เอาแค่นั่งสมาธิกับนอนภาวนาเท่านั้น คืนนี้ได้รับคำตักเตือนจากจ้าวป่าเจ้าเขา มาให้ปัญญา ท่าน ๆ การอดนอนผ่อนอาหารเอาแค่พอดี อย่าทำให้มันเกินเลย พุทธเจ้าในอดีตก็ไม่กิเลสนิพพานด้วยการอดอาหาร สังขารต้องการอาหาร แม้แต่ผมก็ยังมีอาหารทิพย์ทาน ส่วนท่านนั้นไม่พักผ่อนก็ไม่เป็นไรแต่ร่างกายต้องการอาหาร การภวนามันจึงจะเป็นไปในมรรคผล เสียงเจ้าป่าท่านนี้ดังมาจากแท่นศิลาอาสน์ นั่งคู่กับมเหสีแต่งองค์ด้วยชุดกษัตริย์โบราณกำลังเสวยอาหารทิพย์อยู่บนฟ้าสวรรค์ที่แหวกเป็นชั้น ๆ ฟ้ามองมาที่โลกมนุษย์ บอกให้สติพระอยู่ เมื่อตนพิจารณาตามก็เห็นว่ากำลังตกอยู่ในความประมาทตามคำบอกของบัณฑิตทางธรรม ก็ละความเพียรอันทำให้ตนลำบากเปล่า ลงจากเขาไปหามะกูดเชื่อมทานเพื่อให้ร่างกายได้มีกำลังกลับคืนมา และก็ลงจงกลมต่อในขณะที่เดินไปก็คิดไปว่า อภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ในครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จไปโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา คุณ MichaeLPauL ผมก็ได้เอามาย่นย่อลงเหลือแค่การเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสัจจะปรมัตถ์แล้วไม่มี เหตุเพราะความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นคนเป็นสัตว์มันจึงผิดจากบัญญัติ เมื่อปัญญาญาณสามารถแยกสมมุติบัญญัติจริงตามสมมุติ วิมุติตามจริงออกจากกัน เป็นเอกเทศก็ลงจากทางจงกลมเดินขึ้นกุฏินั่งภาวนาจนได้นิมิตในระนาบเดียวกันกับผู้มีความบริสุทธิ์หลุดพ้นไปแล้วก่อนหน้าพระ เสียงหัวเราะกับคำแสดงความชื่นชม ดังเข้ามาในกุฏิ หุหุหุ พระอมิตาภะรูปนี้นั่งตรัสรู้ไม่เหมือนใคร และมีเสียงกำชับว่ารู้รึยังว่าท่านเป็นใคร ผมรู้สึกได้ถึงเสียงที่ตั้งคำถามเสียงที่ทรงอำนาจนั้น ผมตอบว่าไม่รู้ครับ เสียงนั้นก็นำทางกระแสจิตอีกว่า ระลึกดี ๆ ว่าท่านเป็นใคร คุณ MichaeLPauL ผมพยายามระลึกชาติจนทำใจให้นิ่งได้แล้ว ก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นพระเยซูคริสต์ แขวนบนไม้กางเขน การเห็นเห็นเป็นภาพ 3 มิติ มีรูปที่ตรึงกับไม้กางเขน กับภาพนั่งคุกเข่าลงบนก้อนหินสวดภาวนาและภาพยืนภาวนา ส่วนภายไต้ไม้กางเขนลงมา มีลูกแกะแยกออกจากความมืด และก็มีเสียงกำกับว่า รู้ภพชาติของตนแล้วซินะผมตอบว่าทราบแล้วครับว่าผมเป็นพระเยซูคริสต์กลับมาเกิด และพร้อมกับคำเชิญชวนให้ออกมาข้างนอกจะพาไปดูของดีและผมก็เดินลงมาหาเจ้าของเสียงที่ทรงพลังทันใดนั้นผ้าม่านที่มีคนหามเกี้ยว ก็เปิดออกให้เห็นใบหน้า ที่แท้เกี้ยวหามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตท่านเรียกให้เข้าไปนั่งกับท่านพอท่านพูดจบ ตัวผมก็เข้าไปนั่งในเกี้ยวหามพร้อมท่านพระอาจารย์มั่น คนหามเกี้ยวก็ทะยานออกจากป่าเดินเหินอากาศจนมาลงที่อำเภอหนองไผ่และท่านอาจารย์มั่นกับผมก็ลงจากเกี้ยวและท่านก็ชี้ให้พระดู ขุมทองคำอยู่ไต้พสุธาเป็นทองคำทั้งสิ้นดูแล้วก็ไม่ได้เกิดความโลภขึ้นมาเลย และท่านก็พาเดินดูทรัพย์ไต้ดินจนได้เวลากลับท่านก็บอกให้คนหามเกี้ยวพระไปส่งพระที่กุฎิและท่านก็ลาจากไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวพระ เมื่อท่านอาจารย์มั่นจากไปไม่นานก็มองเห็นพระเดินออกมาจากทะเลทราย แล้วท่านก็บอกว่า ผมพระพระมหากัสสปะ ทราบว่าท่านพ้นทุกข์เข้าถึงแดนอำมตะแล้วก็เลยนำเอาพระอบทองคำที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุมามอบให้ท่านเก็บรักษา ก่อนผมจะกลับไบในทีที่ผมมาผมก็จะมอบหนังเท้าของผมให้ท่านไป ผมมาพบความหมายของหนังไม่ยึดติดตัวอักษรคัมภีร์ แต่ก็ไม่ทิ้งตัวอักษรคัมภีร์ อยู่เหนือการยอมรับ และเหนือการปฏิเสธ นั่นแหละ คือ ธรรมะที่แท้จริง คุณ MichaeLPauL และพระพระมหากัสสปะก็เดินทางข้ามทะเลทรายห่างออกไป ๆจนลับตาผมไป ท่านอากาศ ก่อนเกิดมาเป็นเรา การระลึกชาติแต่หนหลัง ในอดีตชาติเรามีชื่อ พระอาจารย์ดนัย กัลยาณธัมโม https://youtu.be/gGgiHJb3q_E เป็นเรื่องของคุณLuna เอง..ใช่มั้ยเนี้ย? ใช่ครับ https://youtu.be/kVgKOKXIlhM 2537 ...คุณLuna ว่า..บวชได้ 7 วัน ลงสวดปาติโมกข์ แสดงว่า..เป็นพระไม่ใช่เณรน้อย...แล้วก็อยู่ในพิธีสำคัญ... ในวันนั้น คุณLuna..เป็นพระหรือเป็นเณร..ละครับ? พระดนัย..ที่คุณLuna ว่าเป็นชื่อในอดีต..ถูกช้างเหยียบมรณภาพที่เขาใหญ่ ปี 2530... จาก 2530 ถึง 2537 หากลบช่วงตั้งครรภ์ออกไป..เด็กอายุก็ควรจะ 6 ขวบ อื่มม.....นะ ให้ท่านศึกษาจากพระสำเร็จหลายๆ องค์ที่ท่านสามารถ ย้ายร่างได้แบบโลกอุดร อย่างหลวง หลวงพ่อโอภาสีเป็นพระสำเร็จมาสร้างบารมี หลวงปู่สรวงท่านก็ย้ายร่างแบบโลกอุดรเช่นกันครับ โลกนี้มีอะไรเป็น อจินไตย อีกเยอะครับตัวตนแรกก็สามารถดงรงอยู่ ในขณะที่ตัวตน ที่แบ่งไปเกิดใหม่ ( อวตาร) มาอยู่ร่วมสมัยกันได้จนกว่า ตัวตนที่แบ่งออกมาจะหมดบุญ ก็เป็นการถ่ายโอนข้อมูล ดาวน์โหลดอย่างสมบูรณ์ อีกตัวอย่างที่ยกมา เป็นนักพรตจีน "ทิก้วยลี้" เซียนแห่งยาและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เดิมแซ่หลี่ ชื่อหนิงเอี๋ยง หรือหงซุ่ย กำเนิดเมื่อวัน 10 ค่ำ เดือน 7 สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด เห็นว่าอำนาจวาสนา ลาภยศสรรเสริญ สมบัติพัสถาน ล้วนเป็นมายาดุจเมฆหมอกลอยกลางอากาศ ไม่นานก็จางหาย เมื่อพิจารณาเห็นสัจธรรมนั้นจึงสละทางโลกไปบำเพ็ญพรตจนสามารถถอดกายทิพย์และวิญญาณออกจากร่าง วันหนึ่งต้องไปเข้าเฝ้าอาจารย์ที่เขาหัวซาน จึงจะไปแต่กายทิพย์ ส่วนร่างฝากศิษย์ให้ดูแล สั่งว่าถ้าเกิน 7 วันยังไม่กลับให้เผาร่างได้เลย ระหว่างนั้นมารดาศิษย์ป่วยหนัก ทางบ้านมาส่งข่าวให้รีบกลับ ศิษย์ไม่อาจทนอยู่ได้จึงนำร่างไปเผาในวันที่ 6 ท่านกลับมาในวันที่ 7 ไม่พบศิษย์ ไม่เห็นร่างตน ก็เข้าใจ แต่ไม่เคืองกระไร ไปเข้าร่างขอทานขาพิการที่เพิ่งเสียชีวิต ร่างใหม่ของท่านจึงขาพิการข้างหนึ่ง เวลาเดินใช้ไม้เท้าเหล็กค้ำ คนเรียกว่า ทิก้วยลี้ หนึ่งในพระอรหันต์ทั้งแปด ถ้าบ้านใด มีคนทะเลาะกันไม่เกิดความสงบสุข ท่านให้เอารูปแปดเซียนแขวนไว้ในบ้านเพื่อความเป็นศิริมงคล. |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 28 มี.ค. 2019, 14:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เปิดโอกาสให้กับคนที่ภาวนาไม่เป็นได้ซักถาม |
เจอมุกย้ายร่าง....เพื่อนๆพากันหายหน้าไปเลยนะ... เด้วรอ....ท่านอื่นๆ...ซะก่อนนะ.. |
หน้า 7 จากทั้งหมด 20 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |