วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 20:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



ตัดเอาแต่สาระก่อน ท้ายๆอาจลงทั้งหมด เพื่อให้เห็นภาพกว้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยกตัวอย่าง ในระดับที่เรียกว่า สมถะ และวิปัสสนา เช่น นาย ก. เห็นหน้าหญิงสาวสวยคนหนึ่ง
แต่แทนที่จะเห็นเป็นใบหน้าที่สวยงาม
เขากลับมองเห็นเป็นแผ่นผิวหนัง พร้อมทั้ง ผม ขน เป็นต้น ที่ปฏิกูลด้วยเหงื่อมัน และฝุ่นละออง เป็นต้น มีกระดูก และเลือดเนื้ออยู่เบื้องหลัง
ไม่ทำให้ติดใจ ใฝ่รัก โยนิโสมนสิการในกรณีนี้ เรียกว่า เป็น สมถะ (แง่ปฏิกูลมนสิการ) เพราะได้ความรู้สึกเป็นปฏิกูลมาระงับราคะ ทำให้ใจสงบอยู่ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นาย ข. เห็นหน้าหญิงสาวสวยคนเดียวกันนั้น แต่มองเห็นเป็นเยาวชนคนหนึ่ง ที่ควรเอาใจใส่ดูแลให้เจริญงอกงาม เกิดความรู้สึกเมตตา นึกเหมือนเป็นน้อง หรือ ลูกหลาน กรณีนี้ ก็เป็นโยนิโสมนสิการตามแนวสมถะ (แง่เมตตาพรหมวิหาร) เพราะทำให้จิตใจสงบเยือกเย็น เป็นกุศล

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 18:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นางสาว ง. เห็นหน้าหญิงสาวสวยคนเดียวกันนั้น แต่มองด้วยความรู้สึกที่นึกไปว่า หญิงนั้น สวยเกินหน้าตน เกิดความรู้สึกริษยา และชักจะชังหน้า กรณีนี้ เป็นอโยนิโสมนสิการ เพราะคิดปลุกเร้าอกุศลธรรมขึ้นมาบีบคั้นใจ ก่อทุกข์ทรมานตนเอง

ส่วนนาย จ. เห็นหน้าหญิงสาวสวยคนเดียวกันนั้น แต่มองเห็นเป็นที่ประชุมแห่งองค์อวัยวะ อันเกิดจากธาตุต่างๆ มาประกอบกันเข้า รวมสมมติเรียกกัน ว่า หน้าคนชื่อนั้น เป็นเพียงรูปธรรม ซึ่งไม่เที่ยง ไม่คงที่ จะต้องเปลี่ยนแปลง เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ดี ไม่ชั่ว ไม่ใช่สวย ไม่ใช่น่าเกลียดอะไรทั้งนั้น
กรณีนี้ เป็นโยนิโสมนสิการ แนววิปัสสนา เพราะมองตามสภาวะ หรือมองตามที่เป็นจริง * (เทียบ วิสุทฺธิ. 2/20)

กรณีอื่นๆ ก็พึงเข้าใจตามแนวนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่อ้างอิง *

*พึงทราบกันสับสน ว่า กรรมฐานบางอย่าง ที่ให้มองเห็นคน หรือ อะไรๆ เป็นอสุภะ เป็นปฏิกูล ไม่สวยไม่งาม เรียกว่าอยู่ขั้นสมถะ ยังมองไปตามสมมติบัญญัติ เพียงแต่ถือเอาสมมติแง่ที่จะมาใช้แก้กิเลสของตน

ส่วนวิปัสสนา มองเห็นตามสภาวะแท้ๆ ตรงตามที่สิ่งทั้งหลายมันเป็นของมัน ตามเหตุปัจจัย เรียกว่า ตามเป็นจริง ที่สิ่งทั้งหลายไม่มีงาม หรือ ไม่งาม ไม่มีสวย ไม่มีน่าเกลียด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ถ้าพูดในแง่ของสังขาร มันก็เป็นสังขารปรุงแต่งจิต (ความคิด) ไปต่างๆนานา ถ้าพูดในแง่ของสมถะ ในแง่ของวิปัสสนา นี่เป็นอารมณ์ของสมถะ หมายถึงจิตเริ่มมีสมาธิแล้ว แต่ยังไม่ถึงวิปัสสนาปัญญา

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเห็นหัวกะโหลก

เคยนั่งสมาธิ แล้วเห็นกระดูกไปครึ่งตัว จากนั้นกระดูกมันหักเข้าหากัน หมายความว่ายังไง?

นั่งสมาธิอยู่มีสติรับรู้หมด อยู่ดีๆ ก็เห็นภาพกระดูกนั่งขัดสมาธิ ไปซี่โครงเป็นซี่ๆ ไหปลาร้า เห็นมือขวาทับมือซ้าย คือ เป็นท่านั่งสมาธิอะครับ
แล้วมีสีเขียวๆในภาพด้วย เห็นไม่สมบูรณ์นะ ที่ปรากฎให้เห็น แล้วอยู่ดีๆ กระดูกมันก็หักเข้าหากัน แล้วก็จบแค่นั้นอะครับ

อยากถามว่ามันคืออะไร ? นิมิต จินตนาการ หรือ สิ่งที่เราเพ่งทุกวันว่าร่างกายมันคือกระดูก ไม่เข้าใจ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ชื่อหัวข้อมันง่ายๆเหรอ
ทศพลญาณที่ทรงตรัสรู้
มีแค่1บุคคลในจักรวาลอ่ะ
คำสอนเป็นปัญญาทุกคำเลย
มันง่ายแบบท่องจำได้หมดงั้นหรือ
กิเลสอย่ในจิตนอนในจิตมานานแสนโกฏิกัปป์
เดี๋ยวนี้จิตกำลังเกิดดับครบทั้ง6ทางตามปกติไม่ได้ทำ
มีแล้วพระพุทธเจ้านับได้แสนล้านขณะอ่านเข้าใจไหมคะ
ตัวเองนับได้ตามที่คิดให้มันตรง1ทางจากการฟังก่อนจะได้รู้ว่าตรงบ้างหรือยัง
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 08:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ชื่อหัวข้อมันง่ายๆเหรอ
ทศพลญาณที่ทรงตรัสรู้
มีแค่1บุคคลในจักรวาลอ่ะ
คำสอนเป็นปัญญาทุกคำเลย
มันง่ายแบบท่องจำได้หมดงั้นหรือ
กิเลสอย่ในจิตนอนในจิตมานานแสนโกฏิกัปป์
เดี๋ยวนี้จิตกำลังเกิดดับครบทั้ง6ทางตามปกติไม่ได้ทำ
มีแล้วพระพุทธเจ้านับได้แสนล้านขณะอ่านเข้าใจไหมคะ
ตัวเองนับได้ตามที่คิดให้มันตรง1ทางจากการฟังก่อนจะได้รู้ว่าตรงบ้างหรือยัง
onion onion onion


พูดเพ้อเจ้อ :b32:

อ้างคำพูด:
ผู้รักธรรมจะต้องรู้แน่ชัดด้วยว่าอะไรเป็นธรรม มิฉะนั้น อาจทำการผิดพลาดได้ ความรักธรรม และความรู้ธรรม ต้องมาด้วยกัน จึงจะทำความจริงความถูกต้องดีงามที่ประสงค์ให้สำเร็จได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างนี้อารมณ์สมถะชัดเลย ซึ่งยังไม่ถึงวิปัสสนา วิปัสสนาก็ไปทางนี้แหละ แต่ต้องไปอีก กำหนดรู้ดูมันไปๆๆๆ


ผมเป็นคนนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบ ก็นั่งมาเรื่อยครับ จนปัจจุบันอายุ 40 ปี
ลองศึกษาหลายๆ แนวทาง จนรู้สึกแนวอานาปานสติ น่าจะเหมาะกับตัวเราก็เลยปฏิบัติแนวนี้มาตลอดครับ

เคยมีอยู่ครั้งนึง ผมนั่งสมาธิไปได้ประมาณ 30 นาที จิตนิ่งจนหูไม่ได้ยินเสียง จมูกไม่ได้กลิ่น อยู่ดีๆ ก็เห็นตัวเองออกมายืนดูเราที่กำลังนั่งสมาธิอยู่
ผมก็มองดู เอ..หรือ เราตายแล้ว ก็ยังกลัวๆครับ แต่ก็ตกใจสุด
ตอนดูตัวเองนั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ผิวหนังมันถูกถลกออกครับ จะเห็นเป็นกล้ามเนื้อ เส้นเลือด แล้วก็โดนถลกออกอีก จนเห็นเป็นโครงกระดูก แล้วค่อยๆ หายไป

แล้วเหมือนใครเอาน้ำเย็นมากๆ มาสาด แล้วก็ประกอบร่างใหม่กลับมาเป็นตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่ แล้วก็โดนถลกออกอีกครับ หนัง เนื้อ กระดูก ภาพมันซ้ำๆแบบนี้ จนนั่งไป 3 ชม.

พอดีนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมเลยลืมตาออกจากสมาธิ ใจนึงก็กลัว
แต่ใจนึง ก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาในกายสังขารนี้

เพื่อนๆ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ยครับ มันคืออะไรครับ เราควรจะปฏิบัติเช่นไรต่อเพื่อให้เกิดปัญญาตามแนวทางวิปัสสนากรรมฐานครับ รบกวนขอคำแนะนำ ชี้แนะจากเพื่อน พี่ น้อง ที่ปฏิบัติธรรมด้วยครับ.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 00:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์พร้อมอรรถกถา และจับประเด็นได้ แยกได้ไม่ยากเลยว่าอารมณ์ใดเป็นอารมณ์ของสมถะ อารมณ์ใดเป็นอารมณ์ของวิปัสสนา

อารมณ์ของสมถะ ก็มี อสุภะ 10 อนุสสติ 10 กสิณ 10 อัปมัญญา 4 อรูปฌาน 4 อาหาเรปฏิกูล 1 จตุธาตุววัตถาน 1

อารมณ์ของวิปัสสนาคือ ขันธ์และอายตนะ

ก็เพ่งคนละอารมณ์ ถ้าฟังบ้างก็คงไม่งง ไม่สับสนแบบนี้ ควรแนะให้ไปเรียนไปศึกษาพระพุทธพจน์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 10:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเข้าใจอย่างนี้ว่า

อารมณ์สมถะคือ สงบตั้งมั่นอยู่ภายใน มีอารมณ์อันเดียวคือสุขหรืออุเบกขา
เพียรทำความสงบแห่งจิตภายในให้เกิดขึ้นก็เป็น สมถะภาวนา

อารมณ์วิปัสสนาคือ เห็นความเป็นจริง แยกธาตุ แยกขันธ์ เห็นนามรูปว่าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เห็น อุปาทานทุกข์ เพียรเจริญสติระลึกรู้ แลดูขันธ์ ๕ รูปนามกายใจก็ตามเป็นจริง เป็นวิปัสสนาภาวนา

ต้องอาศัยทั้งสมถะ วิปัสสนา เพื่อยังมรรคให้เกิดคือเห็นทุกข์ เห็นสมุทัย เห็นนิโรธ เห็นมรรค (เปลี่ยนโคตรเป็นพระโสดาบัน ) เมื่อมรรคเกิดแล้วเสพให้มากย่อมละสังโยชน์ทั้งหลายได้ ( พระอริยเจ้าแม้ไม่ได้ศึกษาปริยัติก็เห็นเครื่องร้อยรัดตนเอง เห็นหนทางปฏิบัติได้เองตามลำดับขึ้นอยู่กับอินทรีย์พละของแต่ละท่าน )


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะเห็นได้ว่า ทั้งสองท่าน ไม่เคยฝึกจิต ไม่เคยทำกรรมฐาน ไม่เคยลงมือภาวนาแบบใดๆเลย

หากไม่เชื่อใครก็ได้ช่วยถามที

หรือ จะให้กรัชกายถามแทนก็ได้ทั้งสองท่านนี้ Love J.ปฤษฎี ตอบเขาที

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ก็อารมณ์สมถะยังไม่ถึงวิปัสสนา

นั่งสมาธิแล้วเห็นหัวกะโหลก

เคยนั่งสมาธิ แล้วเห็นกระดูกไปครึ่งตัว จากนั้นกระดูกมันหักเข้าหากัน หมายความว่ายังไง?

นั่งสมาธิอยู่มีสติรับรู้หมด อยู่ดีๆ ก็เห็นภาพกระดูกนั่งขัดสมาธิ ไปซี่โครงเป็นซี่ๆ ไหปลาร้า เห็นมือขวาทับมือซ้าย คือเป็นท่านั่งสมาธิอะครับ
แล้วมีสีเขียวๆในภาพด้วย เห็นไม่สมบูรณ์นะ ที่ปรากฎให้เห็น แล้วอยู่ดีๆ กระดูกมันก็หักเข้าหากัน แล้วก็จบแค่นั้นอะครับ

อยากถามว่ามันคืออะไร ? นิมิต จินตนาการ หรือสิ่งที่เราเพ่งทุกวันว่าร่างกายมันคือกระดูก
ไม่เข้าใจ ..

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ดูหลายๆมุม คิกๆๆ

นั่งสมาธิแล้วร้องไห้ ร้องจนตัวสั่น

นั่งสมาธิที่ปฏิบัติจริงๆ ครั้งนี้คือครั้งที่ 2 ที่เข้าถึง นั่งได้เกือบชั่วโมง ครั้งแรกรู้สึกลอยอยู่บนเมฆ รู้สึกดีมาก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แต่ครั้งนี้ลึกกว่ามากนานกว่ามากด้วยเป็นชั่วโมง ครั้งนี้นั่งระลึกจิต หรือเขาเรียกอะไรไม่รู้ ใจคิดถึงแม่คิดถึงพ่อมาก เหมือนจิตอยู่ในอดีต คิดถึงเขาเหมือนจากมานานมาก คิดถึงจับจิต คิดถึงน้ำตาไหลร้องไห้มือสั่นตัวสั่นตัวชา

ถามตัวเองว่าร้องทำไม ร้องไห้ไม่หยุด ตอนร้องรู้สึกตัว ถามตัวเองว่าร้องทำไม ตอบตัวเองไม่ได้ รู้แต่ว่าคิดถึงเขาที่จากมาไกล ไม่ได้คิดไปเองนะ ไม่ได้บ้าด้วย มีคนเป็นเหมือนเรา ใจนิ่งจิตนิ่ง แต่ทำไมใจกับจิตต้องคิดถึงเขาขนาดนั้น เราอยู่กันคนละโลกแล้ว ถึงจิตจะคิดถึงแค่ไหนก็ต้องละต้องวาง

ใจคิดจะนั่งสมาธิแค่ให้มีสมาธิอ่านหนังสือ ทำไปทำมายาวเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
ผมเข้าใจอย่างนี้ว่า

อารมณ์สมถะคือ สงบตั้งมั่นอยู่ภายใน มีอารมณ์อันเดียวคือสุขหรืออุเบกขา
เพียรทำความสงบแห่งจิตภายในให้เกิดขึ้นก็เป็น สมถะภาวนา

อารมณ์วิปัสสนาคือ เห็นความเป็นจริง แยกธาตุ แยกขันธ์ เห็นนามรูปว่าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เห็น อุปาทานทุกข์ เพียรเจริญสติระลึกรู้ แลดูขันธ์ ๕ รูปนามกายใจก็ตามเป็นจริง เป็นวิปัสสนาภาวนา

ต้องอาศัยทั้งสมถะ วิปัสสนา เพื่อยังมรรคให้เกิดคือเห็นทุกข์ เห็นสมุทัย เห็นนิโรธ เห็นมรรค (เปลี่ยนโคตรเป็นพระโสดาบัน ) เมื่อมรรคเกิดแล้วเสพให้มากย่อมละสังโยชน์ทั้งหลายได้ ( พระอริยเจ้าแม้ไม่ได้ศึกษาปริยัติก็เห็นเครื่องร้อยรัดตนเอง เห็นหนทางปฏิบัติได้เองตามลำดับขึ้นอยู่กับอินทรีย์พละของแต่ละท่าน )


จะบอกให้ก็ได้ นี่คืออ่านหนังสือ อ่านแล้วอ่านไปอ่านมา อ่านมาอ่านไป หนักเข้าก็จะเป็นพระอริยะสะเฉยๆยังงั้นแหละ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 188 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร