วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 23:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
คุณยังตีใจความพุทโธ พื้นฐาน ที่ถุกต้อง ไม่ออก ว่า ใครคือศาสดา ที่แท้จริงขณะนี้ ?
เลิกอ้างถึงความหมายที่แท้จริงของพุทโธได้แล้ว เลิกแอบอ้างพระศาสดาได้แล้ว
พุทโธ หมายถึงอะไรก็ตามหากทำให้เราเกิดความยินดีเมื่อระลึกถึง พุทโธ ก็อาศัย พุทโธ ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้วได้

บัญญัติไหนมันก็เป็นบัญญัติ สมมุติคำขึ้นกำหนดความหมายสิ่งต่าง ๆ
หากบัญญัติสิ่งที่เป็นสภาพเนื้อแท้ เป็น วิชชามานบัญญัติ
หากบัญญัติสิ่งที่ไม่มีในสภาพเนื้อแท้ เป็น อวิชชามานบัญญัติ

พุทโธเป็นคำสมมุติ ผู้บัญญัติกำหนดคำว่าพุทโธ ใช้แทนธรรมนี้ ๆ เมื่อเอ่ยถึงพุทโธหมายถึงธรรมนี้ ๆ ก็แล้วแต่ท่าน ซึ่งมีผู้บัญญัติไว้เยอะแยะมากมาย

ส่วนผมกำหนดคำว่าพุทโธนี้ หมายถึง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง ฯ
เมื่อผมกำหนดอย่างนี้ เอ่ยถึงพุทโธก็หมายถึงพระพุทธเจ้า เมื่ออาศัยบริกรรมพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า
เกิดความปิติยินดี ตั้งมั่นด้วยอาการอย่างนี้

บริกรรมพุทโธ ๆ นี้เพื่อให้ชำระล้างจิตใจ การให้ความหมาย พุทโธแทนพระพุทธเจ้า เป็นอุบายให้จิตใจมีความยินดีต่อคำบริกรรมทำให้เกิดความตั้งมั่น อาศัยความตังมั่นอบรมศีล อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ไม่ใช่เพื่อให้ตนเองเป็นพระพุทธเจ้า

................................

เม : ไปกดอ้างอิงไว้ เรยลบแก้ไขข้อความ ไม่ได้แระ น๊ะค๊ะ คริคริ

J : ผมจะหวั่นไหวอะไร แม้หากผมเห็นผิด พูดผิด ผมก็ยอมรับได้ว่าเห็นผิดพูดผิดปรับความเห็นให้ถูกพราะผมไม่เคยไปอวดตนว่าฉลาดมีปัญญา ดูถูกคนอื่นว่าไม่ฉลาดไม่มีปัญญา ผมไม่จำเป็นต้องแถ กลบเกลื่อน หยิบยกนั่นยกนี่มาอ้างให้ตนถูกคนอื่นผิด ทั้งที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง พูดถึงบัญญัติอ้างปรมัตถ์ พูดถึงปรมัตถ์อ้างบัญญัติ พูดถึงถึงปฏิบัติอ้างปริยัติ พูดถึงปริยัติอ้างปฏิบัติ คนอื่นเขาไม่ได้โง่หมดทุกคน คนรู้จริง เห็นจริงมี ควรมีความละอาย


555
เพราะคุณไม่รู้ว่า
สมถะ เป็นผลของอารัมมณปณิฌาน
แเละ วิปัสสนา เป็นผลของ ลักขณะณูปนิฌาน
อารมณ์ในสมถ และ วิปัสสนา เป้นคนละอามรณ์กัน 555
huh


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 12:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"เพราะพากันเข้าไม่ถึงองค์กรรมฐานแท้ๆ" ได้มากสุดแค่จิตตั้งมั่น "จึงไม่รู้ว่า กรรมฐาน ๔๐ กอง ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนทั้งหมดนั้น เป็นมหาสติปัฏฐานด้วยองค์ธรรมของกรรมฐานกองนั้นๆทั้งหมด" ดังนี้ กรรมฐาน ๔๐ กอง อันเป็นไปเพื่อพ้นทุกข์ บรรลุธรรม จึงมีแค่ในพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น ..คนเข้าไม่ถึงอวค์กรรมฐานแท้ๆจึงกล่าวกันโง่ๆว่าได้แค่สมถะ ซึ่งแท้จริงแล้วคนที่กล่าวอย่างนี้เพราะไปต่อไม่ได้ ก็ว่ากรรมฐาน ๔๐ ได้แค่สมถะ ทำให้คนไม่รู้จริง มีศรัทธามากแต่ขาดปัญญาหลงตามแล้วหมิ่นกรรมฐาน ๔๐ ไม่เจริญกรรมฐาน ไปนั่งคิดนึกอนุมานตามเอาแบบสายท่องตำราสอนกันในตอนนี้ ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในปัญญาสูตรว่า เป็นสิ่งที่ควรรู้ ควรจำ ควรทำให้เข้าถึง ควรเห็นแจ้งชัดแทงตลอด ..เพราะ ๔๐ กรรมฐาน.. อันเป็นไปเพื่อบรรลุธรรมมีแค่ในพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น ที่อื่น ศาสนาอื่นไม่มี

..โดยทั้งๆที่พระบรมพุทธศาสดาทรงตรัสไว้เมื่อเข้ากรรมฐานในแต่ละกองว่า..เข้ากรรมฐานกองไหน ก็ให้รู้ชัดว่าเข้าในกรรมฐานกองนั้น.. เพราะกรรมฐานในแต่ละกองเป็นมหาสติปัฏฐานทั้งสิ้นอันผู้รู้ผู้เข้าถึงเห็นแจ้งชัดได้เมื่อถึงองค์กรรมฐานกองนั้นๆ คือ รู้ชัดถึวฝองค์กรรมฐานรู้ว่าเข้ากรรมฐานกองใดอยู่ ด้วยอันใดพิจารณาอย่างไรสภาวะขององค์ฐานนั้นมีต่อสภาวะธรรมนั้นอย่างไร

แต่สัตว์โลกย่อมยังปัญญาให้เข้าถึงได้ยาก ไม่ใช่แต่ผู้มีสันดานพระอริยะเท่านั้นที่มาเรียนรู้ศึกษาพระพุทธธรรม ..ด้วยเหตุดังนี้.. พระบรมพุทธศาสดาทรงรู้แจ้งโลกจึงตรงตรัสสอนทางฝึกจิตให้เดินปัญญาตามลำดับ คือ มหาสติปัฏฐาน ๔

ผู้มีปัญญาจะเห็นในสิ่งที่ผมกล่าวได้ ดังนั้นเถียวกันเพื่ออะไรควรหรือหนอสมมติสาวกจะทำลายพระพุทธศาสนาในตอนนี้เพราะคิดกันเอาเองอ้างตามตำรา โดยที่ไม่ถึงจริง หน่ายระอาเวบนี้มาก

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 09 มี.ค. 2019, 13:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 13:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เวปนี้..ไปทำอะไร..ให้หน่ายระอา..หรือคับ?

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 14:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
"เพราะพากันเข้าไม่ถึงองค์กรรมฐานแท้ๆ" ได้มากสุดแค่จิตตั้งมั่น "จึงไม่รู้ว่า กรรมฐาน ๔๐ กอง ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนทั้งหมดนั้น เป็นมหาสติปัฏฐานด้วยองค์ธรรมของกรรมฐานกองนั้นๆทั้งหมด" ดังนี้ กรรมฐาน ๔๐ กอง อันเป็นไปเพื่อพ้นทุกข์ บรรลุธรรม จึงมีแค่ในพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น ..คนเข้าไม่ถึงอวค์กรรมฐานแท้ๆจึงกล่าวกันโง่ๆว่าได้แค่สมถะ ซึ่งแท้จริงแล้วคนที่กล่าวอย่างนี้เพราะไปต่อไม่ได้ ก็ว่ากรรมฐาน ๔๐ ได้แค่สมถะ ทำให้คนไม่รู้จริง มีศรัทธามากแต่ขาดปัญญาหลงตามแล้วหมิ่นกรรมฐาน ๔๐ ไม่เจริญกรรมฐาน ไปนั่งคิดนึกอนุมานตามเอาแบบสายท่องตำราสอนกันในตอนนี้ ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในปัญญาสูตรว่า เป็นสิ่งที่ควรรู้ ควรจำ ควรทำให้เข้าถึง ควรเห็นแจ้งชัดแทงตลอด ..เพราะ ๔๐ กรรมฐาน.. อันเป็นไปเพื่อบรรลุธรรมมีแค่ในพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น ที่อื่น ศาสนาอื่นไม่มี

..โดยทั้งๆที่พระบรมพุทธศาสดาทรงตรัสไว้เมื่อเข้ากรรมฐานในแต่ละกองว่า..เข้ากรรมฐานกองไหน ก็ให้รู้ชัดว่าเข้าในกรรมฐานกองนั้น.. เพราะกรรมฐานในแต่ละกองเป็นมหาสติปัฏฐานทั้งสิ้นอันผู้รู้ผู้เข้าถึงเห็นแจ้งชัดได้เมื่อถึงองค์กรรมฐานกองนั้นๆ คือ รู้ชัดถึวฝองค์กรรมฐานรู้ว่าเข้ากรรมฐานกองใดอยู่ ด้วยอันใดพิจารณาอย่างไรสภาวะขององค์ฐานนั้นมีต่อสภาวะธรรมนั้นอย่างไร

แต่สัตว์โลกย่อมยังปัญญาให้เข้าถึงได้ยาก ไม่ใช่แต่ผู้มีสันดานพระอริยะเท่านั้นที่มาเรียนรู้ศึกษาพระพุทธธรรม ..ด้วยเหตุดังนี้.. พระบรมพุทธศาสดาทรงรู้แจ้งโลกจึงตรงตรัสสอนทางฝึกจิตให้เดินปัญญาตามลำดับ คือ มหาสติปัฏฐาน ๔

ผู้มีปัญญาจะเห็นในสิ่งที่ผมกล่าวได้ ดังนั้นเถียวกันเพื่ออะไรควรหรือหนอสมมติสาวกจะทำลายพระพุทธศาสนาในตอนนี้เพราะคิดกันเอาเองอ้างตามตำรา โดยที่ไม่ถึงจริง หน่ายระอาเวบนี้มาก


วิตก วิจาร ปิติ สุข จิตเตกัคตา
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิญญาณ
ฉันทะ อธิโมกข์ วิริยะ สติ อุเบกขา มนสิการ

Love J. เขียน:
มีอิทธิบาท ๔ ในการเจริญอนุสติ ๑๐ จนได้เอกัคตาจิต
เมื่อได้แล้ว ยังฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ในการสิกขาใน
อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ประมาณนี้ปะครับ

viewtopic.php?f=1&t=57285


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 147 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร